บล๊อกสวยสมวัย MercuryBooks
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2553
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
5 สิงหาคม 2553
 
All Blogs
 
ปาฏิหารย์รักฯ บทที่ ๘ โดย...บัดดี้

“หิวข้าวหรือยัง” ชายหนุ่มเอ่ยทักขึ้นเมื่อเดินมาใกล้ชาลิสาที่นั่งอยู่บนเก้าอี้นั่งเล่นหน้าห้องพัก สายตาว่างเปล่ามองเหม่อไปโดยไม่รู้ว่าจุดหมายอยู่ที่ไหน หญิงสาวเหลือบมองเขาแวบหนึ่งแล้วกลับไปสนใจท้องฟ้าท้องทะเลเบื้องหน้าราวกับเป็นภารกิจที่สำคัญยิ่งในชีวิต ความรู้สึกรังเกียจกับพฤติกรรมที่เขาแสดงออกให้เห็นเมื่อครู่ ทำให้เธอไม่อยากแม้แต่จะมองหน้าเขาเต็มๆตา นี่กระมัง ‘ธุระ’ ที่เขาพูดถึง แต่จะไปทำในที่ลับตาหน่อยก็ไม่ได้ ไม่รู้จักอายผีสางเทวดา เธอคิด

เขาเดินลงมานั่งที่เก้าอี้อีกตัวข้างๆกัน ถามซ้ำอีกครั้ง
“ไปกินข้าวกันไหม เด็กน้อย”

“นายเลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม! ฉันไม่ใช่เด็กแล้ว!” อารมณ์ที่คุกรุ่นทำให้เธอตวาดแวดออกมา โดยไม่ยอมหันไปมองหน้า

“อืม จริง ฉันลืมไป ตอนนี้เธอไม่ใช่เด็กแล้ว เธอโตเป็นหญิงสาวแล้ว และก็งดงามด้วย” เขาพูดน้ำเสียงอ่อนโยน แต่ทำให้ชาลิสาตกใจที่เขากล้าพูดเกี้ยวเธอออกมาตรงๆแบบนี้ แต่พอหันไปก็สะดุดเข้ากับรอยยิ้มและสายตาชื่นชมอย่างจริงใจกระจายอยู่บนใบหน้าเขา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคำพูด หรือแววตาเป็นประกายราวกับเรืองแสง หรือใบหน้ารูปไข่สันคางคมที่แต่งแต้มด้วยไรเคราบางๆดูดีมีเสน่ห์ของชายหนุ่ม ที่ทำให้เธอรู้สึกหวาบหวามขึ้นมา หญิงสาวกลัวเขาจะจับอาการใจสั่นของตัวเองได้ จึงแกล้งพูดเปลี่ยนเรื่อง

“นายชื่ออะไรน่ะ”

“ฉันชื่ออะไร…”

“ก็ใช่นะสิ นายหนะ ชื่ออะไร ฉันยังไม่เคยรู้จักชื่อนายเลย”

“เธออยากเรียกฉันว่าอะไรหละ”

“แปลว่านายไม่มีชื่อ?”

“ถ้าชื่อคือสิ่งที่เราใช้เรียกแทนกัน เธออยากเรียกฉันว่าอะไร ฉันก็ชื่อนั้นแหละ”

“ก็ได้ งั้นชั้นจะตั้งชื่อให้” หญิงสาวนิ่งไปสักพัก

“ชื่อ ‘ซัน’ ก็แล้วกัน”

“อืม...ซัน...เพราะดี ฉันชอบ ทำไมถึงอยากเรียกฉันว่าซันหละ”

“มันเป็นชื่อหมาที่ฉันขับรถชนขาหักเมื่อสองสามเดือนก่อน” ในเมื่อเขาวิ่งตัดหน้ารถให้เธอชนเหมือนกัน เขาก็เหมาะกับชื่อนี้หละ

“นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งจริงๆ” เขาหัวเราะขัน หญิงสาวคิดว่าเขาประชด แต่เมื่อหันไปก็เห็นรอยยิ้มซื่อๆระบายอยู่บนหน้าเขา ทำไมเขาถึงมีรอยยิ้มใจดีแบบนี้อยู่บนหน้าได้ตลอดเวลานะ

“นายนี่ประหลาดคนจริง”

“ประหลาดคน แปลว่าไม่เหมือนคนเหรอ”

“...” คำว่าประหลาดของเธอหมายถึง ไม่แน่ใจว่าโง่หรือซื่อต่างหาก แต่เธอเลือกที่จะเงียบดีกว่า

“ไปกินข้าวเถอะ มีร้านอาหารอยู่เลยดงกล้วยไม้ไปหน่อย” เขาพูดพลางจับแขนเธอลุกขึ้น เธอพยายามบิดแขนตัวเองออก แต่มือแข็งแรงของเขาจับไว้แน่น ในที่สุดจึงต้องยอมเดินตามเขาไป

เขาพาเธอเดินลัดเลาะผ่านหมู่ต้นไม้นานาชนิดที่ส่วนใหญ่เป็นไม้ยืนต้นสูง ทั้งสารภี ตะเคียน กระบาก ต้นไม้เหล่านี้ช่วยปกคลุมให้ทั่วบริเวณร่มรื่นเย็นสบาย พ้นจากเขตไม้ยืนต้นไป เป็นดงกล้วยไม้ป่า มีกล้วยไม้สีสันลวดลายแปลกๆมากมาย ชาลิสาเพลิดเพลินไปกับธรรมชาติสดชื่นสองข้างทางจนลืมความขุ่นใจ ปล่อยให้เขาจูงลากไปตลอดทางเดิน

เพียงสักครู่พวกเขาก็โผล่พ้นออกมาสู่เส้นทางเดิน ที่ลาดด้วยกรวดแดงก้อนเล็กบ้างใหญ่บ้าง ชาลิสาเดินสะดุดก้อนกรวดจนเกือบล้มคะมำเสียหลายรอบ เพราะรองเท้าที่เธอใส่นั้นเป็นรองเท้าแตะแบบหนีบคู่ใหญ่ ที่พ่อหนุ่มซันไปขอหยิบยืมชาวบ้านแถวนี้มาให้พร้อมกับเสื้อผ้า

เดินตามทางโรยกรวดไปไม่ถึงสิบเมตรก็มองเห็นเพิงปลูกง่ายๆด้วยใบจากแห้ง ควันบางๆลอยออกมาจากเพิงนั้น เมื่อเดินเข้าไปถึง หญิงสาวมองเห็นชายชราผู้หนึ่งกำลังตั้งหน้าตั้งตาทำอาหารอยู่ที่หน้าเตา ส่งกลิ่นหอมจนน้ำย่อยในกระเพาะของตัวเองเริ่มเรียกร้องบ้าง

ชายชราหันมาเห็นทั้งคู่ก็กล่าวทักทาย เชื้อเชิญให้เข้าไปนั่งด้านใน ก่อนจะวางมือจากกะทะที่ถืออยู่แล้วเดินเข้ามาหา ทั้งสองจัดแจงสั่งอาหารที่ตนต้องการจากเมนูแผ่นเก่าที่วางอยู่ที่โต๊ะ แผ่นเคลือบที่เกือบหลุดจากกันและคราบดำๆบนเมนูแสดงถึงความจงรักภักดีของมันต่อเจ้าของร้านชราผู้นี้
หญิงสาวจำได้ว่าเขาเป็นชายคนเดียวกันกับที่เธอเจอในวันแรก ผู้ที่จัดแจงเรื่องห้องพักให้เธอ

“ลุงแกเป็นเจ้าของที่นี่เหรอ” หญิงสาวถามชายหนุ่มเรื่อยๆเสียมากกว่าต้องการอยากรู้จริงๆ

“ใช่ ทั้งบ้านพักแล้วก็ร้านนี้ ความจริงร้านนี้เป็นบ้านแก เปิดเป็นบ้านพักแบบโฮมสเตย์ แต่ก่อนแกทำอาหารให้คนที่มาพักกินฟรี แต่ต่อมาพอมีบ้านพักเพิ่มขึ้น ตรงที่เธอพักอยู่ตอนนี้นั่นหละ แกก็เลยเปิดที่นี่เป็นร้านอาหารหารายได้เพิ่มขึ้นอีกทางแทน”

“ดูนายจะรู้จักแกดีนะ”

“ฉันรู้จักลุงธรรมมาทั้งชีวิต อยากฟังเรื่องราวของแกไหมหละ”

“ไม่”

“จริงๆแล้วแกไม่ใช่คนที่นี่หรอก”

“แล้วนายจะถามฉันทำไม ฉันบอกไม่อยากฟังนายก็เล่าอยู่ดี”

“ฉันอยากให้เธอรู้ว่า ไม่ใช่มีแต่เธอเท่านั้นนะที่พบกับเรื่องเลวร้าย”

หญิงสาวจ้องมองหน้าเขานิ่งนานอย่างสงสัย แววตาเป็นประกายของเขาที่ทำให้หัวใจเธอเต้นผิดจังหวะทุกครั้งที่สบมัน จ้องตอบกลับมา

“อย่าอวดรู้หน่อยเลย นายจะรู้ได้ยังไงว่าฉันพบเจออะไรมา”

“ฉันรู้เพราะฉันรู้”

“นายนี่พูดจาวกวนจริงๆ นายเป็นใครกันแน่ ถามจริงๆเถอะ”

“สักวันเธอจะรู้ว่าฉันเป็นใคร แต่ตอนนี้อย่าพยายามถามเลย”

“นายไม่ใช่หลานป้าวรรณาใช่ไหม”

“หลานใครนะ? ... อ๋อ...เจ้าของที่พักในเมืองนะหรือ” เขาหัวเราะอย่างขำๆ “ฉันดูเหมือนคนขี้เหล้า หื่นกาม ฟันผู้หญิงไม่เลือกหน้ามากขนาดนั้นเลยเหรอ” ชาลิสาขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัยในสถานภาพของชายหนุ่มตรงหน้าเธอ

“นายเป็นนักสืบเหรอ ทำไมรู้จักคนทั่วไปหมด ใครจ้างนายมา เจ๊มะลิเหรอ”

“อย่าเดาให้มันมั่วไปเลย ฉันบอกแล้ว สักวันเธอจะรู้ได้เอง”

“ฉันจะไว้ใจนายได้ยังไง ในเมื่อชื่อนายก็ไม่มี เป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้”

“เธอจะไว้ใจฉัน ถ้าเธอใช้ ‘ใจ’ เธอไว้”

หญิงสาวรู้สึกเก้อ ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้น เมื่อมองสบสายตาล้ำลึกของเขา จนเธอต้องเสมองไปทางลุงที่กำลังง่วนอยู่ที่เตาไฟ เขามองตามแล้วเริ่มเล่าถึงเรื่องราวของลุงเจ้าของร้าน

“บางครั้ง คนก็สามารถทำร้ายกันได้โหดร้ายกว่าโชคชะตาเสียอีก และหลายคนก็ยอมที่จะถูกทำร้ายอย่างเป็นสุข”

หญิงสาวหันมาใส่ใจกับคำพูดของชายหนุ่มตรงหน้า

“รู้ไหมทำไมบ้านพักที่เธออยู่ถึงชื่อ หลงจันทร์” หญิงสาวส่ายหน้าเบาๆ

“มันมาจากสองสิ่งที่ลุงแกรักมากที่สุด เกาะหลง กับเมียแกที่ชื่อจันทร์ แกตั้งไว้เป็นที่ระลึกว่าแกหลงผู้หญิงชื่อจันทร์มากแค่ไหน และมันทำให้แกเป็นอย่างทุกวันนี้”

“ชีวิตฉันก็หลงเหมือนชื่อเกาะเหมือนกัน” หญิงสาวพูดลอยๆ ใบหน้าที่ก้มมองแก้วน้ำในมือนั้นสลดวูบลงอย่างเห็นได้ชัด ชายหนุ่มเริ่มเล่าต่อ

“แกเป็นคนพัทลุง เป็นเด็กกำพร้าถูกทิ้งไว้ที่ศาลาวัด หลวงพ่อเก็บแกมาเลี้ยงจนโต แกไม่ได้เรียนสูงเพราะไม่มีทุนรอน อาศัยข้าวพระกินไปวันๆตั้งแต่เกิดจนโต ดีที่แกเป็นคนขยัน ทำงานทุกอย่างไม่เคยเกี่ยง ทั้งรับจ้างกรีดยาง ทำสวน แบกข้าวสาร ส่งของ วันหนึ่งๆมี 24 ชั่วโมง แกทำงาน 20 ชั่วโมง นอน 4 ชั่วโมง พยายามเก็บเงินให้ได้มากๆ แกมั่นใจว่าสักวัน แกจะลืมตาอ้าปากได้” เขาหยุดเมื่อลุงธรรมเดินเข้ามาใกล้พร้อมจานอาหารในมือ ที่ส่งกลิ่นหอมยั่วจมูก และเริ่มเล่าต่อเมื่อลุงธรรมเดินห่างออกไป

“พอเริ่มเก็บเงินได้ก้อนหนึ่ง แกก็ไปลงทุนเข้าหุ้นกับเพื่อนทำร้านอาหารและได้รู้จักกับจันทร์ ความสวยและการเป็นคนช่างเอาใจของจันทร์ ทำให้แกหลงรักอย่างหัวปักหัวปำ หลวงพ่อและใครๆเคยเตือนแกว่าจันทร์เป็นผู้หญิงไม่ดี จะหลอกแกจนหมดตัว แต่แกก็ไม่สน ตอนนั้นแกเริ่มมีฐานะขึ้นแล้วเพราะกิจการร้านอาหารเจริญขึ้นอย่างรวดเร็ว แกหันไปจับธุรกิจขายสุรายาเมา เริ่มเปิดผับบาร์ให้คนเข้ามาเที่ยวกลางคืน ผู้หญิงทั้งสาวน้อยสาวใหญ่ สาวแก่แม่ม่ายมากมายผ่านเข้ามาในชีวิตแก แต่ไม่มีใครอยู่กับแกได้นานเท่าจันทร์ แกทุ่มเททุกอย่างให้ผู้หญิงคนนี้ เพราะแกมั่นใจว่าเธอจะซื่อสัตย์ ภักดี และสามารถดูแลแกไปได้ตลอดชีวิต จนในที่สุด แกก็ตกลงแต่งงานกับจันทร์ บ้าน ทรัพย์สิน กิจการอะไรที่แกมี จันทร์ก็ขอให้แกโอนเป็นชื่อเธอเสียหมด เหลือแต่ร้านอาหารที่แกบุกเบิกมากับเพื่อนเท่านั้น ที่ยังมีชื่อของแกเป็นเจ้าของหุ้นอยู่”

“ถึงเธอจะโลภแต่ก็ไม่ได้ทำร้ายอะไรลุงแกนี่นา ลุงก็เต็มใจให้ จะไปโทษผู้หญิงก็ไม่ถูก”

“ฉันไม่ได้โทษ ไม่ได้ตัดสินใครทั้งนั้น กรรมของแต่ละคนต่างหากที่ตัดสินคนคนนั้นเอง อยู่กินกันมาสักพัก แกก็อยากมีลูก แต่จันทร์ไม่อยากมี ครั้งหนึ่งที่จันทร์พลาดตั้งท้องขึ้นมา เธอแอบหนีไปทำแท้ง แกมารู้ทีหลังเพราะหมอที่ทำแท้งเป็นเพื่อนของลูกค้าแกอีกที แต่แกก็ไม่ได้ถือโกรธ กลับปลงคิดว่าตัวเองไม่มีวาสนา สองสามปีหลังจากแต่งงาน จันทร์ก็เริ่มเปลี่ยนไป กลับบ้านดึกๆดื่นๆ คุยโทรศัพท์กับผู้ชายอื่นให้แกได้ยินบ่อยๆ ด้วยความสงสัยแกก็เลยพยายามสืบ ก็พบว่าเมียแกเล่นชู้กับเพื่อนที่เป็นหุ้นส่วนร้านอาหาร แกเสียใจแต่ด้วยความรักความหลง แกก็พยายามทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ แกยอมอภัยให้เมียแกตลอด แม้จะรู้ว่าทุกครั้งที่เมียออกจากบ้านคือไปนอนกับชู้ แกก็อดทนเรื่อยมา”

“น่าสงสารแกจัง” หญิงสาวเอ่ยเสียงเศร้า

“จนวันหนึ่งแกถึงได้รู้ว่านอกจากเมียแกจะเป็นชู้กับเพื่อนแล้ว ยังโกงเอาร้านอาหารของแกไปด้วย แกทั้งผิดหวังเสียใจ เจ็บแค้นว่าทำไมเมียกับเพื่อนถึงทำกับแกได้ลงคอ แกสิ้นเนื้อประดาตัว ไม่มีเงิน ไม่มีที่อยู่ เพราะเมียแกโยนข้าวของแกทิ้งนอกบ้านหมด แถมแกยังไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนด้วย”

“เมียแกใจร้ายจริงๆ”

“แกกลับไปหาหลวงพ่อที่วัด มาบอกขอโทษท่านที่ไม่เคยเชื่อฟังท่าน และมาบอกลาว่าแกจะไปตาย ชาตินี้อยู่ไปมันทุกข์เหลือเกิน หลวงพ่อไม่ได้ห้าม บอกแกแค่สั้นๆว่า ไม่มีใครเป็นเจ้าของชีวิตแก สิ่งที่เคยพูดเคยสอนก็พูดไปหมด สอนไปหมดแล้ว ถ้าแกยังพอมีสติอยู่ก็ให้เดินไปดูหมาที่หลังกุฏิ”

“แกเดินไปหลังกุฏิเห็นหมาแม่ลูกอ่อน ตัวแม่ขี้เรื้อนเต็มตัว ลูกสี่ห้าตัวแย่งกันดูดนมแห้งๆของตัวแม่ มีลูกหมาตัวหนึ่งขาหน้าหายไปสองข้าง ตะเกียกตะกายยังไงก็โดนตัวอื่นเบียดแย่งนมไปได้ตลอด แกเริ่มตั้งสติได้ ลูกหมาพิการมันยังพยายามต่อสู้ไปให้ถึงเต้านมแม่หมา แกเป็นคนมือไม้ยังแข็งแรง แต่กลับคิดจะไปตายหนีปัญหา รู้สึกอายเจ้าลูกหมาพิการนั่น”

“แกเดินกลับมาหาหลวงพ่อ บอกไม่ตายแล้ว จะสู้เอาชนะกรรมของตัวเองให้ได้ ก่อนจากหลวงพ่อบอกขอบิณฑบาตรอะไรสักอย่าง”

“อะไรหรือ”

“หลวงพ่อขอบิณฑบาตรความโกรธแค้น”

“...”

“ลุงแกยกความโกรธความแค้นทั้งหมดที่มีต่อตัวเองและคนที่ทำร้ายแกให้หลวงพ่อ แล้วย้ายมาตั้งต้นใหม่ที่เกาะหลงนี่”

“เรื่องของลุงแก ถ้าเอาไปเขียนเป็นหนังสือ น่าขายดีนะนี่”

“คนใกล้ตัวเรา บางครั้งก็ทำร้ายเราได้ลึกซึ้ง ทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ อยู่ที่เราจะยอมให้เขาทำหรือเลือกที่จะเดินออกจากความทุกข์”

หญิงสาวรวบช้อน การฟังนิทานของเขาแกล้มกับข้าวก็ทำให้เธอเพลิดเพลินเจริญอาหารขึ้นจนกินได้หมดจานเลยทีเดียว แต่คำพูดสุดท้ายของเขานี่สิ มันตอกใส่เธอราวกับค้อนยักษ์ และทำให้เธอรู้สึกจุกเข้าไปในอก

“ฉันอิ่มแล้วกลับกันเถอะ” หญิงสาวว่าพลางลุกขึ้น เดินออกไปโดยไม่รอเขา เขาเดินตามมาเงียบๆ เธอรู้สึกได้ถึงสายตาเขาที่จ้องมองอยู่ทางด้านหลัง เหมือนมันสามารถทะลุลึกเข้าไปได้ถึงแก่นในสุดของจิตใจเธอเลยทีเดียว และนั่น มันทำให้เธอรู้สึกหวาดหวั่นในใจอย่างประหลาด


Create Date : 05 สิงหาคม 2553
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2554 20:30:28 น. 5 comments
Counter : 440 Pageviews.

 
เชิญติดตามอ่าน
"ปาฏิหารย์รักจากตะวัน" ในบทที่ 8 ได้เลยค่ะ

นายซันๆๆๆ


โดย: sorwor วันที่: 5 สิงหาคม 2553 เวลา:22:47:57 น.  

 
who is this guy? come back soon naka.


โดย: Olathe IP: 71.199.69.216 วันที่: 6 สิงหาคม 2553 เวลา:1:17:00 น.  

 
นายซันคือใครหน่า


โดย: sakeena IP: 124.120.72.67 วันที่: 6 สิงหาคม 2553 เวลา:9:47:20 น.  

 
นั่นสิ นายซัน คือผู้ได๋หนอ โอ้ว...เดี๋ยวอาสาไปไล่ตามนักเขียนก่อนค่ะ ไม่รู้แอบอู้ไปนอนรึเปล่า

ต้องไปปลุกขึ้นมาเขียนนวนิยายต่อ



โดย: mercury (sorwor ) วันที่: 6 สิงหาคม 2553 เวลา:23:06:49 น.  

 
ขอบคุณค่ะ คุณ Olathe คุณ sakeena
ก็ต้องติดตามต่อปายนะคะ คริคริ ^^


โดย: buddy (sorwor ) วันที่: 9 สิงหาคม 2553 เวลา:12:18:42 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

sorwor
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ต้นเหตุแห่งการยินดีที่ได้รู้จักกันนั้น เริ่มที่เว็บฟอร์ไรท์เตอร์ดอทคอมจากการพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางงานเขียนนวนิยาย ทำให้พวกเรา สว. (สาวสวยสมวัย) เกิดความคิดที่จะรวมตัวกันจัดทำบล๊อกขึ้นมาเพื่อเผยแพร่งานที่พวกเราเขียนเอง งานที่พวกเราทำด้วยใจรักและรักเหลือเกิน อยากให้เพื่อนๆ ได้อ่านและอยากได้คำติชมจากเพื่อนๆ เพื่อเป็นกำลังใจและนำพัฒนาทางการเขียนต่อไป


ฝากข้อความถึง"สวยสมวัย"







ซัน
โรแมนติก-อบอุ่น
ราคา 220 บาท



น้ำชารสสตรอเบอร์รี่
รัก-โรแมนติก
ราคา 190 บาท



ปางเสน่หา
โดย น้ำดอกไม้ (บัดดี้)
สนพ.พลอยชมพู




งานเขียนใน “สวยสมวัย”
เป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียน
ได้รับความคุ้มครองตามกฏหมาย
ตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗
...........................
คิดเอง เขียนเอง
และสร้างความภาคภูมิใจ
ให้กับตัวเองกันเถอะค่ะ


Friends' blogs
[Add sorwor's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.