บล๊อกสวยสมวัย MercuryBooks
Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
8 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 
ปาฏิหาริย์รักฯ บทที่ 4 โดย...บัดดี้

รถเก๋งสีเทาคันเล็กพาเจ้านายของมันมุ่งหน้าลงใต้ไปด้วยความเร็วที่แม้แต่จักรยานก็อาจจะสามารถแซงขึ้นหน้าไปได้ ความรู้สึกของคนขับก็ทึมเทาไม่ต่างไปจากสีรถ เมฆฝนตั้งเค้าดำทะมึนอยู่เบื้องหน้า ไม่ได้ทำให้ชาลิสาหวาดหวั่น เธอมุ่งหน้าเข้าหากลุ่มเมฆดำต่อไปอย่างไม่สะทกสะท้าน รถถูกเคลื่อนไปโดยสัญชาตญาณของคนขับ มากกว่าสติ


                เม็ดฝนโปรยปรายลงเบาๆ เหมือนทักทาย ไฟหน้ารถถูกเปิดขึ้น ที่ปัดน้ำฝนบนกระจกเริ่มปฏิบัติหน้าที่ของมันอย่างอ้อยอิ่ง คนขับยังคงรักษาระดับความเร็วของรถไว้เหมือนเดิม


                เสี้ยวสติเพียงชั่ววูบสั่งให้ชาลิสาเหยียบเบรกอย่างกะทันหัน บางสิ่งบางอย่างวิ่งตัดหน้ารถในระยะกระชั้น


                เธอไม่แน่ใจว่าชนมันเข้าหรือเปล่า เมื่อตั้งสติได้ สมองสั่งการให้ลงไปดู ฝนยังไม่ตกหนักมาก หญิงสาวคว้าร่มในที่เก็บของด้านหน้าและไม่ลืมไฟฉายติดมือไปด้วยเผื่อเป็นอาวุธ


                ฟ้าครึ้มมืดไปด้วยเมฆฝนก้อนใหญ่ แสงไฟลางๆ หน้ารถส่องให้เห็นร่างใครบางคนนั่งคุดคู้อยู่เยื้องด้านหน้ารถไปเพียงไม่ถึงเมตร เสียงร้องครางเบาๆ จากร่างนั้น ฟังเหมือนเสียงบ่นอุบอิบมากกว่า


                คุณ... เป็นอะไรหรือเปล่า ชาลิสานั่งยองลง ทิ้งระยะห่างพอสมควรอย่างระวังตัว


                ใบหน้าคมเข้มของชายหนุ่มเงยขึ้นจากรอยเลือดที่ซึมอยู่ที่แขนของตัวเอง หญิงสาวรู้สึกเหมือนถูกตรึงไว้ด้วย...ดวงตา...ของเขา แผงขนตากะพริบ เรียกร้องให้เธอจ้องมองความวาวแววราวกับสามารถเรืองแสงได้ของนัยน์ตาคู่นั้น มันดูงดงาม...งามเหมือนไม่ใช่ดวงตาของมนุษย์


สายตาที่สอดประสานกันเพียงครู่ก่อเกิดกระแสประหลาด อบอุ่น ผ่อนคลาย ส่งความหมายอะไรบางอย่าง บางอย่างที่เคยคุ้น เหมือน...คนคุ้นเคย


                จำฉันได้ไหม แว่วเสียงกระซิบหวานทุ้ม ลอยมาจากทิศใดทิศหนึ่งห่างไกลออกไป อนุสติเตือนว่านั่นเป็นเสียงของใครคนหนึ่งที่เธอรู้จัก...เสียงที่คุ้นเคย เสียงที่เธอมักได้ยินในฝันเสมอ แต่ปฏิกิริยาทางกายกลับกลายเป็นตรงกันข้าม หญิงสาวไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองส่ายหน้าปฏิเสธเสียงถามนั้น


                นึกให้ดีสิ เด็กน้อยของฉัน เสียงหวานนั้นยังคงดังแว่วอยู่ไกลๆ เธอรู้สึกราวตัวเองกำลังเดินตามเสียงนั้นไป เพื่อเสาะหาต้นกำเนิดของมัน แต่แล้วหนทางข้างหน้าก็พลันดับมืดลง ม่านหมอกสีเทาขุ่นคลี่เคลื่อนลงมาปิดกั้น คลายเข้าล้อมรอบตัว กักขังเธออยู่ในหมอกมัว เธอดิ้นรนหมุนคว้างมองหาทางพาตัวเองให้หลุดพ้น แต่รอบกายมีเพียงควันสลัว เสี้ยวขณะที่กำลังจะตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ เสียงนั้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง


                พาฉันไปกับเธอสิ คราวนี้เสียงหวานกลับดังขึ้นใกล้ชิด ราวมีใครมากระซิบอยู่ริมโสต หญิงสาวสะดุ้งรู้สึกตัวตื่น จิตใจกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวอีกครั้ง กะพริบตาถี่ๆ มองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้า เขากำลังพูดอะไรบางอย่าง


“ว่า...ว่ายังไงนะ” เธอถามเสียงสั่น รู้สึกประหม่ากับความคิดของตัวเองที่เตลิดไปเมื่อสักครู่


เขาส่งยิ้มเย็นๆ กลับมา ฉันว่า ฉันไม่เป็นไร แค่ถลอกนิดหน่อย


                เมื่อเห็นเขาไม่ได้บาดเจ็บอะไรมาก เธอจึงลุกขึ้น เพื่อกลับไปขึ้นรถ ความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อเผลอมองจ้องตาชายคนนั้น ทำให้เธออยากหนีออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด


                นี่! เธอ ชนแล้วจะหนีเหรอ เสียงนี้ทำเอาหญิงสาวคอแข็งหันขวับกลับมาทันที จิตใจที่ยังไม่นิ่งส่งผลต่อเสียงที่สั่นรัวออกจากปาก


                ก็เห็นไม่เป็นอะไรนี่นา แค่แผลถลอกนิดหน่อย นายจะเอาไง จะให้พาไปโรงพยาบาลไหม หรือนายต้องการค่าทำขวัญ ความจริงแล้ว ฉันก็ขับมาของฉันดีๆ ไม่ได้ขับไวเลยสักนิด นายต่างหากเดินไม่ดูตาม้าตาเรือ เดินตัดหน้ารถฉันอย่างนี้ได้ไงพูดไปจนจบแล้วก็รู้สึกตัวเองกำลังหายใจหอบ


                โอว...เป็นชุดเลย ล้อเล่นนิดเดียวเอง


                ชาลิสาเพิ่งสังเกตว่าตัวเขาสูงใหญ่กว่าเธอมากเมื่อเขาลุกขึ้นยืน ปัดเนื้อตัวที่เปื้อนดินแฉะๆ จากพื้น เธอสูงแค่บ่าเขาเท่านั้น สายตาที่มองตรงจึงเห็นเพียงแผงอกล่ำสัน นอกจากรอยถลอกที่แขนแล้ว ดูเหมือนเขาจะไม่ได้มีอะไรผิดปกติ รอยยิ้มแปลกๆ ที่ระบายอยู่บนเรียวปากของเขา ทำให้หัวใจเธอเต้นแรงอีกครั้ง เธอเริ่มสงสัยว่าตัวเองอาจเป็นบ้าจริงๆ


                นายจะเรียกร้องค่าเสียหายเท่าไหร่ ว่ามาเลย


                เสนอค่าเสียหายอย่างนี้ ไม่กลัวฉันปล้นเหรอพูดพลางยื่นหน้ามาใกล้จนหญิงสาวผงะถอย กระชับไฟฉายในมือเตรียมพร้อม รอยยิ้มของเขายังคงประดับอยู่บนใบหน้าเช่นเดิม


                ไม่เอาหรอกค่าเสียหาย ไม่ได้เป็นอะไร แต่ฝนกำลังจะลงหนัก เธอช่วยไปส่งหน่อยได้ไหม ขับไปข้างหน้าอีกนิดเดียว


                ชาลิสาไม่ตอบรับเพราะไม่แน่ใจว่าจะเชื่อใจผู้ชายคนนี้ได้หรือเปล่า ถึงเขาจะดูซื่อๆ แต่คนหน้าซื่อใจคดก็มีอยู่ทั่ว จะไว้ใจได้อย่างไร เหมือนชายหนุ่มจะเดาความคิดเธอได้ หัวเราะเบาๆ ก่อนเอ่ยขึ้นว่า


                ไม่ต้องกลัวน่า เด็กน้อย ถ้าฉันจะทำอะไรเธอ ฉันทำตรงนี้ไม่ดีเหรอ เปลี่ยวคนด้วย ไปข้างหน้าคนยิ่งพลุกพล่าน


                ความรู้สึกอีกอย่างกรุ่นขึ้นในใจเธอ มันคือ ความโกรธที่เหมือนไม่ได้รู้สึกถึงมันมานานร่วมร้อยปี นายคนนี้ นอกจากปากเสียแล้วยังกวนประสาท กล้าดียังไง มาเรียกเธอว่า เด็กน้อย


                ก็ได้ ขึ้นรถสิ เธอตัดสินใจ เป็นไงเป็นกัน จะได้จบเรื่องไปเสียที แล้วถ้าโชคร้ายนายนี่เป็นคนร้ายจริงๆ เธอก็สู้แค่ตาย


                ใช่...ตาย...คำนี้ไม่เห็นน่ากลัวเลยสักนิด



                ไม่เกินหนึ่งกิโลเมตร รถเก๋งสีเทาก็มาจอดลงที่หน้าบ้านตึกแถวสามหลังที่ถูกดัดแปลงเป็นร้านอาหารและที่พักแรมชั่วคราว


                ที่นี่มีที่พักสะอาด ปลอดภัย สำหรับเธอ อย่าขับรถกลางคืนเลย มันอันตราย ท่าทางเหมือนพายุจะเข้าเสียด้วย เขาพูดก่อนหันมาส่งยิ้มให้เป็นการขอบคุณ แล้วลงจากรถเดินเข้าไปทางด้านข้างของตึก ชาลิสามองตามเห็นเขาเดินเข้าหลังบ้านที่สร้างเป็นเพิงออกมา น่าจะใช้เป็นโรงครัวของร้าน แม่ครัวคนหนึ่งกำลังง่วนอยู่กับอาหารบนเตาไฟ ไม่ได้สนใจการมาถึงของเขา คงเป็นคนงานอยู่ที่นี่ เธอคิด


                หญิงสาวไม่ได้ต้องการจะเชื่อคำเชิญชวนของชายแปลกหน้า ที่ใช้ให้เธอเป็นสารถีพามาส่งถึงบ้าน แต่ด้วยเพิ่งรู้สึกถึงความเหนื่อยจนล้าจากการขับรถทางไกล และกลัวว่ารถกระป๋องเก่าๆ ของเธอจะไปมีปัญหาระหว่างทาง ถ้าพายุลงหนักอย่างที่นายนั่นว่าจริงๆ หญิงสาวเลี้ยวรถเข้าไปตรงพื้นที่เวิ้งว้างด้านข้างตึกตามป้ายลูกศรบอกทางไปที่จอดรถสำหรับแขก


                ดับเครื่องยนต์ ลงจากรถแล้ว ชาลิสาเหลือบมองไปทางโรงครัวอีกครั้ง แม่บ้านส่งยิ้มต้อนรับมาให้ เธอยิ้มตอบ แล้วก้าวเดินไปตรงทางเข้าร้านด้านหน้า ป้ายเขียนลวดลายดอกเดซี่อยู่บนแผ่นไม้สีด้านแขวนหลาอยู่ตรงทางเข้า วรรณาโฮมสเตย์


                ภายในร้านตกแต่งได้น่ารักอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อเทียบกับภายนอก โต๊ะเก้าอี้ไม้สีโอ๊ก 5-6 ชุดวางเรียงรายอยู่ทางด้านขวามือของร้านซึ่งน่าจะเป็นส่วนรับประทานอาหาร แจกันสีสันสดใสประดับด้วยดอกเบญจมาศสีขาว วางอยู่บนโต๊ะทุกตัว มุมด้านซ้ายลึกเข้าไป เป็นเคาน์เตอร์บาร์เล็กๆ มีฝรั่งหญิงชายคู่หนึ่งนั่งอยู่ที่นั่น คุยกันกะหนุงกะหนิงอย่างคู่รัก ผนังปิดวอลล์เปเปอร์ลายดอกเดซี่สีเหลืองจางๆ เพราะคงผ่านการใช้งานมาหลายปี โคมไฟประดับเพดานเป็นรูปผลึกแก้วทรงกลมสีส้มหม่น ส่องแสงสีนวลทำให้บรรยากาศในร้านอบอุ่นสบาย


                หญิงสาวเดินเข้าไปที่เคาน์เตอร์ใกล้ประตูที่พนักงานสาวหน้าตาดีคนหนึ่งยืนประจำอยู่ หลังจากติดต่อเรื่องห้องพัก พนักงานสาวพาเธอเดินเข้าด้านหลังร้านขึ้นบันไดไปที่ชั้นสอง


                โชคดีนะคะที่เรามีห้องว่างพอดี ปกติเราไม่ค่อยมีห้องว่างหรอกคะเพราะมีอยู่แค่ แปดห้อง ห้องของคุณผู้หญิงอยู่ทางซ้ายมือด้านในนะคะ เธอพูดบรรยายไประหว่างทาง หลังจากไขกุญแจและอธิบายของใช้ต่างๆ ในห้องพักแล้วก็กลับออกไป


                ชาลิสาไม่ได้มีข้าวของอะไรต้องจัด แค่คิดว่าน่าจะหาอะไรรองท้องก่อนอาบน้ำ เธอจึงเดินย้อนกลับลงไปที่ชั้นล่าง เลือกนั่งที่โต๊ะด้านในสุดของร้าน สอดส่ายสายตามองหาชายที่เธอพามาส่ง แต่ไม่เห็นวี่แววเขา สงสัยคงกำลังทำแผลอยู่ คิดถึงผู้ชายคนนั้น เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเคยเห็น หรือเคยพบกับเขามาก่อนแต่นึกไม่ออกว่าที่ไหน ความรู้สึกเย็นวาบขึ้นมาจากสันหลังถึงต้นคอ แผ่ซ่านไปทั่วใบหน้าเมื่อนึกถึงดวงตาวาวแสงคู่นั้น


                หญิงมีอายุที่นั่งโต๊ะถัดจากเธอเงยหน้าจากสมุดที่กำลังขีดเขียนอยู่ เดินเข้ามาและถือวิสาสะนั่งลงบนเก้าอี้ตรงฝั่งข้าม


                แม่หนูมาจากกรุงเทพฯ รึเปล่านี่


                ค่ะ เธอตอบรับสั้นๆ โดยไม่มองหน้าคู่สนทนา ทำเป็นสนใจกับรายการอาหารในเมนูที่อยู่ในมือ


                แหม ป้านี่เดาแม่น แต่ทำไมซื้อหวยไม่เคยถูกสิน่า ป้าชื่อวรรณานะจ๊ะ เป็นเจ้าของที่นี่ หนูมาคนเดียวเหรอลูก     


                เออ...ขอสั่งอาหารค่ะ เอาสปาเก็ตตี้ขี้เมา แล้วก็...น้ำเปล่าค่ะ แทนคำตอบ เธอเงยหน้าขึ้นสั่งอาหารที่เธอต้องการทันที ชาลิสาไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะรักษามารยาท คิดเข้าข้างตัวเองว่า ยัยป้าวรรณานี่ก็ไม่เห็นมีมารยาท ที่มานั่งพูดจ้อใส่เธอโดยที่ไม่ถามความสมัครใจของเธอก่อน ป้าวรรณาแทนที่จะขึงโกรธ กลับกุลีกุจอรับรายการอาหารจากชาลิสา เดินเข้าหลังร้านไป สักพักก็กลับออกมาและนั่งลงตรงที่เดิม พร้อมคำถามเดิม


                เดินทางคนเดียวเหรอจ๊ะ ชาลิสาจำต้องตอบรับสั้นๆ ในใจไม่อยากจะสนทนากับใคร เธอจะสบายใจกว่านี้ถ้าได้นั่งนิ่งๆ อยู่ในความคิดของตัวเองคนเดียว แต่ดูเหมือนป้าวรรณาจะไม่ยอมปล่อยเธอเป็นอิสระง่ายๆ


                คิดว่าจะเที่ยวที่ไหนบ้างล่ะ วางแผนไว้หรือยัง ถ้ายัง ที่ร้านเรามีบริการนำเที่ยวด้วยน้า ชาลิสาไม่ตอบ แต่แสร้งฉีกยิ้มเป็นทำนองว่า ฉันไม่สน ไปข้างหน้าก่อนเลย ไปแต่เจ้าของบริษัทนำเที่ยวเหมือนไม่ได้รับสารนั้น ยังคงนำเสนอรายการท่องเที่ยวต่อ ชาลิสาจึงเลือกที่จะทำเฉย แล้วปล่อยให้เสียงของป้านักขายลอยผ่านไปเหมือนเสียงลม


                แถวนี้มีที่เที่ยวสวยๆ เยอะแยะเลย ทั้งน้ำตก ภูเขา ทะเล มีน้ำพุร้อนด้วยนะจ๊ะ ขึ้นชื่อด้วยนะน้ำพุร้อนที่นี่ นักท่องเที่ยวนิยมลงไปแช่ตัวกัน เค้าว่ามีสรรพคุณดี ช่วยลดอาการปวดเมื่อยหลังไหล่ รักษาผิวพรรณให้ผุดผ่องได้ดีทีเดียวเชียว ใครป่วยไข้มา แช่เพียงไม่กี่วัน โรคหาย ดีกว่าใช้ยาหมออีกน้า ป้าเคยพาคณะทัวร์จากกรุงเทพฯ ไปเที่ยวน้ำพุร้อน โอ้ย ติดใจกันยกใหญ่ มากันเกือบทุกปี 


                ลูกค้ายังคงสงบนิ่ง ไม่มีท่าทีเออออ อืมอา ไปกับสรรพคุณที่บรรยาย แถมยังมองเหม่อไปนอกร้านตลอดเวลา แต่ป้าวรรณาไม่ใส่ใจ เธอถือคติ ตื๊อเท่านั่นที่ครองโลก เสนอขายสินค้าชิ้นต่อไป


                เกาะแก่งแถวนี้ก็มีมาก สวยๆ ทั้งนั้น ที่ดังหน่อย ก็มี เกาะลา เกาะย้อย เกาะหลง หนูคงเคยได้ยินมาบ้างใช่ไหม สวยติดอันดับทั้งนั้นเลยนะจ๊ะ มีบริการดำน้ำดูปะการังด้วย โดยเฉพาะเกาะหลงนี่ไม่ธรรมดา เป็นส่วนตัวม้ากมาก เงียบสงบ โรแมนติกสุดๆ แหมถ้าแฟนหนูมาด้วยละก็ อูย...ป้าขอแนะนำเลยล่ะจ้ะ ป้าวรรณาหัวเราะเสียงแหลม ฟังน่ารำคาญ เสียงเล็กเสียงน้อยที่ป้าใช้ในการเสนอขายบริการการท่องเที่ยวไม่ได้ทำให้หญิงสาวสนใจเท่าคำเพียงคำเดียว เกาะหลง


                จะข้ามไปเกาะหลงได้ยังไงคะ


                ป้ามีเรือข้ามไปส่งได้ ป้าวรรณาตอบรับโดยเร็ว คิดค่าเรือไม่แพง กันเอง เรือเร็วแต่ไม่อันตราย หลานชายป้าขับเอง รับรองปลอดภัย ไอ้เจ้านี่มันขับเรือเป็นก่อนตั้งไข่ได้เสียอีก พูดจบก็ส่งเสียงหัวเราะแหลมสูงแสบประสาทอีกครั้ง ชอบใจที่เห็นความสนใจของลูกค้าเพิ่มขึ้น นึกอย่างลำพองว่า...ปลากินเบ็ดแล้ว


                ป้าน่ะเลี้ยงมันมาตั้งแต่เด็ก พ่อแม่มันโดนรถชนตายพร้อมกันทั้งคู่ ในร้านก็มีมันเนี่ยแหละเป็นหัวเรี่ยวหัวแรง ก็เป็นผู้ชายคนเดียวในร้าน เลยต้องใช้งานมันให้หนักๆ หน่อย ป้าพูดไปหัวเราะไปพลาง เมื่อเห็นว่ากำลังเลยเถิดออกนอกเรื่อง ชาลิสาจึงดึงนางกลับมาที่เรื่องเกาะหลงใหม่


                หนูอยากไปพรุ่งนี้เช้า ให้หลานป้าไปส่งได้ไหม ไกลไหม


                อ๋อ ไม่ไกล ขับรถไปประมาณ 10 นาทีก็จะถึงท่าเรือ จากท่าเรือไปเกาะหลงก็ประมาณชั่วโมงได้นะ เดี๋ยวป้าจะให้มันช่วยหาที่พักให้หนูด้วย มันสนิทกับเจ้าของรีสอร์ทที่นั่น หนูจะออกกี่โมงล่ะ เดี๋ยวป้าจะไปบอกให้มันเตรียมตัวไว้


                ไปตั้งแต่ 6 โมงเลยได้ไหมคะ


                หน้านี้ 6 โมง มันยังไม่แจ้งดีเลย สัก 8 โมงดีกว่าไหมล่ะหนู กินข้าวเช้าก่อนไป เดี๋ยวป้าจะไปตามหลานชายป้ามารู้จักหนูไว้ก่อนดีกว่าว่าพลางทำท่าจะลุกไป หญิงสาวจึงต้องขัดขึ้น


                “8 โมงก็ได้ค่ะ แล้วก็ไม่ต้องไปตามหรอกค่ะ หนูคิดว่าหนูเจอเขาแล้ว


                เธอไม่กล้าพูดว่า ความจริงเธอขับรถชนเขาให้ด้วย ป้าวรรณาทำหน้าสงสัยก่อนพยักหน้ารับ ลูกค้าว่ายังไงก็ต้องว่าตามนั้น พอดีกับที่อาหารของเธอมาเสิร์ฟ เจ้าของร้านผู้สูงวัยจึงยอมให้เธอมีอิสระจัดการกับอาหารตรงหน้าได้โดยลำพัง


                ชาลิสาไม่ได้รับรู้ในรสอาหารสักเท่าไร มันเป็นเช่นนี้มานานจนเธอเริ่มคุ้นชินกับมัน ต่อมต่างๆ ในลิ้นอาจจะฝ่อไปหมดแล้ว จึงไม่สามารถรับรู้รสของอาหารที่ผ่านเข้าปากไปได้ จานอาหารยังไม่พร่องเท่าไหร่ เธอก็รวบช้อน เดินกลับขึ้นห้องพักของตัวเอง


               


                ห้องพักถูกจัดไว้อย่างเรียบง่าย สะอาดตา ผ้าปูที่นอนสีขาวห่อตึงคลุมเตียงไว้อย่างเรียบร้อย หน้าต่างเปิดอ้าไว้เพื่อรับลมธรรมชาติ โต๊ะเขียนหนังสือตัวเล็กตั้งอยู่ที่มุมด้านหนึ่งของห้อง มีโถแก้วใบเล็กใส่พลูด่างตั้งอยู่ข้างหนังสือพิมพ์ของสามวันที่แล้ว โคมไฟตั้งพื้นวางยืนเคียงอยู่ข้างโต๊ะ ถัดออกไปเป็นตู้เสื้อผ้าใบเล็กและโต๊ะเครื่องแป้ง เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นเป็นสีน้ำตาลเข้มตัดกับสีเหลืองอ่อนของผนังห้อง ทีวีรุ่นโบราณซึ่งเหมาะสำหรับนักสะสมของเก่ามากกว่าการใช้งานได้จริงวางอยู่บนชั้นที่ปลายเตียง มีนิตยสารภาษาอังกฤษเก่าๆ สองสามเล่มวางเรียงกันอยู่ที่นั่นด้วย


                เสียงรถวิ่งขวักไขว่บนถนนเริ่มสงบลง ในห้องจึงทั้งเงียบและมืด แสงไฟถนนส่องลอดเข้ามา พอให้เห็นพัดลมเพดานที่กำลังหมุนส่งเสียงหง่างๆ จนน่ากลัวว่าอาจจะสะบัดร่วงลงมาในนาทีใดนาทีหนึ่ง อากาศเย็นชื้นขึ้นเพราะฝนเริ่มตกหนักขึ้นอีก


                ชาลิสาทอดตัวลงนอนบนริมด้านหนึ่งของเตียง หันหลังให้กับเสียงฝนที่กระทบกันสาดดังเป็นจังหวะเหมือนคนตีกลอง ช้าเนิบสลับเร่งเร้าตามแรงของลมพายุที่พัดโหมกระหน่ำ อากาศฉ่ำฝนควรจะทำให้บรรยากาศเย็นสบายน่านอน แต่ความหนาวเยียบในหัวใจที่ผุดพรายขึ้นมาทุกครั้งที่เธออยู่ตามลำพัง และความคิดคำนึงหาชายหนุ่มคนรักจู่โจมเข้าใส่อย่างร้ายกาจ ทำให้หญิงสาวค่อยๆ ดึงเข่าทั้งสองข้างเข้าหาตัว นอนคุดคู้อยู่บนเตียงกว้าง กอดรัดตัวเองไว้แน่น ได้ยินเสียงในใจครางเรียกชื่อคนรักหนุ่ม


                หัวเริ่มปวดหนักขึ้นเรื่อยๆ มันปวดร้าวลามลงมาตามไหล่ทั้งสองข้าง ไล่ลงไปตามแขนจนสุดปลายนิ้ว แม้เธอจะเพิ่งอาบน้ำ แต่กลับรู้สึกตัวเองหนักจนขยับไม่ได้ เหงื่อเหนียวๆ ไหลซึมทั่วสรรพางค์กาย


                อีกครั้งที่ความพยายามนอนให้หลับล้มเหลว เธอจึงพลิกตัวปล่อยสายตามองลอยไปนอกหน้าตาดูสายฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างไม่ปราณี ไม่มีทีท่าว่ามันจะหยุดง่ายๆ จินตนาการพาเธอดำดิ่งลึกลงไป เธอพบว่าร่างกายตัวเองหนักขึ้น... หนักขึ้น... มันหนักขึ้น จนค่อยๆ จมลึกลงไปในที่นอนที่บัดนี้อ่อนยวบยาบ


                ฝนตกหนักและลมพายุพัดแรงขึ้นอีก น้ำฝนท่วมทบสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนคลุมพื้นที่ทั่วถนน ระดับน้ำสูงขึ้นเรื่อยๆ ไหลทะลักเข้าสู่ด้านในอาคาร พัดพาเอาฝุ่นถนนดำเขรอะเข้ามาด้วย ข้าวของเครื่องใช้ลอยตามแรงยกของน้ำที่ค่อยๆ ไต่ระดับ สูงขึ้นมาตามแต่ละขั้นบันได น้ำขุ่นสีดำคลืบคลานมาราวมัจจุราช เธอรู้สึกได้ถึงมัน มันเข้าใกล้เธอเข้ามาทุกขณะ อย่างเงียบเชียบ


                แขนขาเธอตะเกียกตะกายเพื่อจะพาตัวเองให้ลุกขึ้นจากฟูกที่นอน แต่มือสีดำเมี่ยมนับสิบโผล่ขึ้นมา ดึงรั้ง รัดร่างเธอให้จมลงไปอีก ชาลิสาร้องตะโกนสุดเสียงด้วยความหวาดกลัว ระดับน้ำค่อยๆ ไต่ไล้ขาเตียงอย่างใจเย็น


                แม้จะพยายามต่อสู้ดิ้นรนให้หลุดพ้นจากพันธการของมือมฤตยูเหล่านั้น แต่ก็ไร้ผล ร่างกายเธอยังคงจมอยู่ในฟูกที่นอน มือสีดำกลับเพิ่มจำนวนมากขึ้นไปอีก ทั้งดึงแขน จับขา ฉุดเสื้อของเธอไว้ ระดับน้ำไล่สูงขึ้นมาจนถึงขอบเตียง ชาลิสาเหลือบเห็นมันได้จากหางตา ไม่นาน น้ำก็ท่วมท้นตัวเธอจนมิด และไล่สูงขึ้นตามคอ คาง ครอบครองปากและจมูกของเธอในที่สุด หญิงสาวได้ยินเสียงกรีดร้องของตัวเอง พยายามดิ้นรนอย่างหนัก  ภายใต้ผืนน้ำที่ดำทมิฬ ความอึดอัดนั้นบีบรัดร่างกายเธอ หัวสมองมึนตื้อ กำลังพองบวมขึ้น เธอรับรู้ได้ถึงความรู้สึกเจ็บร้าวที่หลังคอ หัวของเธอกำลังจะระเบิดเป็นจุลภายในไม่กี่วินาทีข้างหน้านี้ ร่างกายเธอเย็นเยียบจนแข็งชา น้ำหมุนวนคว้าง และเร่งจังหวะแรงขึ้นอย่างบ้าคลั่ง เธอรวบรวมสติกำลังอันน้อยนิดที่เหลือ สะบัดดิ้นรนอย่างสุดชีวิตจนหลุดพ้นจากมือสีดำ ทะลึ่งพรวดขึ้นสู่อากาศเหนือผิวน้ำ


                พลันโลกความจริง ปรากฏต่อสายตาอีกครั้ง ดวงตาเบิกกว้างมองเห็นพัดลมเพดานยังคงแกว่งไปมา ฝนหยุดตกแล้ว มีเพียงเสียงน้ำหยดเบาๆ ที่กันสาดด้านนอก หญิงสาวหอบหายใจตัวโยน มองไปรอบๆ เธอยังคงนอนอยู่บนฟูกแข็งๆ บนเตียง ไม่มีร่องรอยของน้ำหรือคราบสีดำใดๆ รู้สึกเหมือนคนที่เพิ่งรอดชีวิตจากเหตุการณ์สยองขวัญ เหงื่อซึมจนเปียกทั่วเรือนผมและแผ่นหลัง เธอลูบมือไปตามใบหน้าและลำคอ แก้มเธอเปียก น้ำตาไหลซึมออกมาอีกแล้ว ความรู้สึกแสบและรสขมยังติดอยู่ที่ลำคอ สงสัยเหลือเกินว่า ตัวเองกรีดร้องตะโกนออกมาจริงๆ หรือเปล่า


                ความฝัน...ก็เหมือนๆ กับทุกครั้ง... วนเวียนอยู่กับ ความตาย ในรูปแบบที่แตกต่างกันไป ที่เหมือนกันที่สุด คือทุกครั้งเธอรอดกลับมาสู่ ความเป็นในโลกความจริง อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าตายไปจริงๆ ก็คงดี...


                หญิงสาวลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้า เมื่อกลับมาที่เตียง เธอทรุดตัวลงนั่งบนพื้น หลังพิงเตียงหันหน้าเข้าหาความว่างเปล่าของผนัง ตายังคงลืมกว้าง เธอไม่กล้าหลับ เพราะกลัวจะฝันอีก ลมเย็นพัดโชยเข้ามาจากหน้าต่าง หอบเอาเสียงดนตรีนุ่มละมุนเข้ามาด้วย เสียงดนตรี...จากที่ไหน


                เสียงนั้นอ่อนโยน แว่วหวาน แผ่วเบาราวกับลอยมาจาก ณ ที่ไกลแสนไกล แต่ช่างแจ่มชัดในโสตประสาท


                เธอหยิกตัวเองเพื่อทดสอบว่านี่คือความฝันหรือความจริงกันแน่ เมื่อแน่ใจว่าเธอยังคงอยู่ในโลกความจริง จึงลุกขึ้นไปเกาะที่ริมหน้าต่าง พยายามเงี่ยหูฟัง หาทิศทางของเสียงเพลงนั้น แต่ก็ต้องส่ายหน้าและกลับมานั่งลงที่เดิม หญิงสาวยกขาทั้งสองชันขึ้นแล้วกอดไว้แน่น เหมือนกลัวว่ามันจะหนีหายไป ฟุบแก้มลงบนเข่าทั้งสองข้าง ตั้งใจฟังเสียงเพลงที่ร่าเริงแต่อบอุ่นนั้น คลอเคล้าเบาๆ อยู่รอบกายเธอ พยายามนึกให้ออกว่าเป็นเพลงอะไร


                พลังบางอย่างจากเสียงเพลงนั้น ทำให้เธอหลับตาลงช้าๆ หัวใจที่เต้นแรงจากความฝันน่ากลัวเมื่อครู่ เริ่มแผ่วลงตามจังหวะที่มันควรเป็น ปล่อยตัวเองให้เคลิบเคลิ้มไปกับมัน ในค่ำคืนเหน็บหนาวนี้


Create Date : 08 กรกฎาคม 2553
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2554 20:28:40 น. 0 comments
Counter : 255 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

sorwor
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ต้นเหตุแห่งการยินดีที่ได้รู้จักกันนั้น เริ่มที่เว็บฟอร์ไรท์เตอร์ดอทคอมจากการพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางงานเขียนนวนิยาย ทำให้พวกเรา สว. (สาวสวยสมวัย) เกิดความคิดที่จะรวมตัวกันจัดทำบล๊อกขึ้นมาเพื่อเผยแพร่งานที่พวกเราเขียนเอง งานที่พวกเราทำด้วยใจรักและรักเหลือเกิน อยากให้เพื่อนๆ ได้อ่านและอยากได้คำติชมจากเพื่อนๆ เพื่อเป็นกำลังใจและนำพัฒนาทางการเขียนต่อไป


ฝากข้อความถึง"สวยสมวัย"







ซัน
โรแมนติก-อบอุ่น
ราคา 220 บาท



น้ำชารสสตรอเบอร์รี่
รัก-โรแมนติก
ราคา 190 บาท



ปางเสน่หา
โดย น้ำดอกไม้ (บัดดี้)
สนพ.พลอยชมพู




งานเขียนใน “สวยสมวัย”
เป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียน
ได้รับความคุ้มครองตามกฏหมาย
ตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗
...........................
คิดเอง เขียนเอง
และสร้างความภาคภูมิใจ
ให้กับตัวเองกันเถอะค่ะ


Friends' blogs
[Add sorwor's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.