แบร์แนแด็ท....น่ารัก....น่ารัก ขี้ลืม.....ขี้ลืม ...... หนังปายหนายหว่า buy แล้ววbuyอีก......... faith, hope and charity เฟศบุ๊ค http://www.facebook.com/bernadette.soubirous.3
Group Blog
 
<<
กันยายน 2552
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
8 กันยายน 2552
 
All Blogs
 

Catholic Encyclopedia :Plants in the Bible No.2

Mandrake, มาจากภาษาฮิบรู dud‘,ความหมายคือ "love plant ",ชาวตะวันออกมีความเชื่อว่า ทำให้แน่ใจรับรองว่ามีภาวะการตั้งครรภ์ และผู้แปลถอดความทั้งหมด ถือว่า คือ Mandragora officinarum ซึ่งหมายถึงใน ปฐมกาล Genesis 30:14 และบทเพลงซาโลมอน Cant.,7:14





ปฐมกาล Genesis 30:14
บุตรของยาโคบ

14 วันหนึ่ง ในฤดูเก็บเกี่ยวข้าวสาลี รูเบนออกไปในทุ่งนาพบมะเขือดูดาอิม ก็เก็บมาให้นางเลอาห์ผู้เป็นมารดา นางเราเคลพูดกับนางเลอาห์ว่า "ขอมะเขือดูดาอินของลูกชายของพี่ให้ฉันบ้างเถิด"
14 One day, at the time of the wheat harvest, Reuben found some mandrakes in the field and brought them to his mother Leah. Rachel said to Leah, 'Please give me some of your son's mandrakes.'

เชิงอรรถ
บุตรของยาโคบ



มะเขือดาดูอิม เป็นผักประเภทมะเขือ คนโบราณเชื้อว่าถ้าได้กินรากหรือผลของมัน จะปลุกอารมณ์ทางเพศ และทำให้หญิงมีบุตรได้ง่าย






Location: Northern Negev, Pura Nature Reserve, near Beit Kama
Date Picture Taken: 02/02/08 20:01:23


บทเพลงซาโลมอน Cant.,7:14

เพลงบทที่ห้า

14 ที่รักของดิฉัน ต้นมะเขือดูดาอิมส่งกลิ่นหอมแล้ว
ที่ประตูบ้านของเรามีผลไม้อร่อยนานาชนิด
ทั้งสดและแห้ง
ที่ดิฉันได้เก็บไว้สำหรับเธอ
14 The mandrakes yield their fragrance, the most exquisite fruits are at our doors; the new as well as the old, I have stored them for you, my love.



Location: Northern Negev, Pora reserve
Date Picture Taken: 02/02/08 20:01:49




คำว่า "mandragora" คือซึ่งเป็นคำที่มี รากศัพย์ ที่กลายมาจาก (ทางภาษาศาสตร์)มาจากภาษากรีก 2 คำด้วยกันที่ประยุกต์มาใช้นั้นคือ "hurtful to cattle "ชาวอาหรับรู้จักต้นไม้นี้เป็นอย่างดีเรียกต้นไม้นี้ว่า "Satan's apple."


The Mandragora รากของ ต้นไม้นี้ค่อนข้างจะคล้ายคลึงกับร่างกายของมนุษย์ และลักษณะภายนอกของความแปลกของมันคือ มันมีรูปร่าง(คล้ายกับ ทั้ง เพศชาย และเพศหญิง)
เป็นเวลายาวนานมันเคยถูกใช้ในเรื่องเกี่ยวกับเวทย์มนต์เป็นเครื่องรางของขลัง และ พิธีกรรมทำร้ายต่ออมิตร (ทำคุณไสย์อะ)

The Mandragora คือ ต้น mandrake ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล ปฐมกาล Genesis 30:14-22 เรื่องของ นางเลอาห์กับนางราเคล





กับเชคสเปียร์ นำต้นmandrake ระบุในบทละครถึง 4 เรื่อง และ ใช้ภายใต้ชื่อ mandragora ถึง 2 ครั้ง

"...Not poppy, nor mandragora,
Nor all the drowsy syrups of the world,
Shall ever medicine thee to that sweet sleep
Which thou owedst yesterday."

Shakespeare: Othello III.iii

"Give me to drink mandragora...
That I might sleep out this great gap of time
My Antony is away."

Shakespeare: Antony and Cleopatra I.v


"Shrieks like mandrakes' torn out of the earth."

Shakespeare: Romeo and Juliet IV.iii

"Would curses kill, as doth the mandrake's groan"

King Henry VI part II III.ii

Source://en.wikipedia.org/
wiki/Mandrake_(plant)



Location: Carmel, Ramat Hanadiv; Date Picture Taken: January 02,2009

Mandragora autumnalis, Mandragora officinarum,
Autumn Mandrake, Dudaim, דודא רפואי ,تُفّاح آلمجانين

Scientific name: Mandragora autumnalis
Synonym name: Mandragora officinarum, Mandragora officinalis
Common name: Autumn Mandrake, Devil's Apple, Dudaim, Love Apple
Hebrew name: דודא רפואי
Arabic name: تُفّاح آلمجانين, Tuffah-hel Maganin
Family: Solanaceae, סולניים

Life form: Hemicryptophyte
Leaves: Alternate, rosette, entire, dentate or serrate
Flowers: Violet
Flowering Period: January, February, March, December
Habitat: Batha, Phrygana
Distribution: Mediterranean Woodlands and Shrublands, Semi-steppe shrublands
Chorotype, טיפוס התפוצה: Mediterranean
Summer shedding: Ephemeral


แปลถอดความมาจากของกรีก ใน The secret of the Druses แห่งซีเรีย พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์สืบทอดมาจากดิน และดลใจต้น ต้นไม้ mandragoras 7 ต้นให้เป็นหุ่นจำลองรูปร่างของมนุษย์ เค้าเรียก gnostic อะ


Theophrastus ธีโอฟราตุส (นักปรัชญาและนักพฤกษศาสตร์กรีกชื่อ) (c.372-c.287BCE) กล่าวไว้ว่า mandragora คือ เมื่อได้รับบาดแผลจากความเจ็บปวดโดยสัตว์เลื้อยคลานจำพวกงู และหรือก่อนการผ่าตัดหรือการฝังเข็มที่ร่างกาย ใช้มันเพื่อที่จะทำให้ไร้ความรู้สึกจากความเจ็บปวด ตามความเป็นจริงกับหลายๆคนใช้กลิ่นหอมของมันเพียงเล็กน้อยเพื่อชักชวนให้หลับได้

Pedanius Dioscorides ไดโอครอริส (Greek: Πεδάνιος Διοσκορίδης; ca. 40-90) De Materia Medica, Book 4, chapter76:



Location: Carmel, Ramat Hanadiv; Date Picture Taken: January 02,2009

mandagoras รากของมันที่ปรากฎให้เห็น ถูกเอาไปทำเป็นยา love medicines
หนึ่งในชนิดของมันที่รากเป็นเพศตัวเมีย สีดำ ถูกเรียกว่า thridacias ใบของมันมีลักษณะแคบแคบยาวยาว กับความเป็นพิษ กลิ่นมันที่กระจัดกระจายเป็ฯถึงอันตราย ต้นเพศตัวผู้เป็นสีขาว บางที่เรียกว่า norion ใบของมันใหญ่กว่า ขาว กว้าง เรียบๆเหมือนกับ ต้น beet(พืชชนิดหนึ่งคล้ายหัวผักกาด)



Jeanne d'arc, Joan of Arc, (c.1412-1431), the Great Trial of 1431:


Source://4.bp.blogspot.com/_S21ezYgaLw4/
SiGARSQ7OfI/AAAAAAAAAQc/ifaWf0FeJJA/s400/
S+Joan+of+Arc.jpg

เสียงในใจไม่เคยพูดกับฉันว่า "The Maid of Orleans ผู้อยู่ในราชวงศ์ออร์ลีนส์ของประเทศฝรั่งเศส เป็นที่เลื่องลือเชื่อกันว่า เคยใช้ต้น mandrake ซึ่งเปิดเผย (สิ่งผิดให้สาธารณชนรับรู้)La Pucelle กับข้อกล่าวหาว่าคือ การใช้เวทย์มนต์คาถา
นักบุญโยน ออฟอาร์ตกล่าวว่า "voices" ได้แรงบันดาลใจมาจาก St Michael, St Catherine และ St Margaret เหล่าท่านนักบุญรูปปั้นตั้งอยู่ใน โบส์ถที่หมู่บ้าน
Domremy แต่เหล่าศตรูของท่านนักบุญโยน ออฟอาร์ต ได้ประกาศว่าท่านนักบุญ พูดกับ เหล่าจิตวิญญานที่เป็นปีศาจ


Source://www.wwoz.org/files/all/images/
articles/content_saint_joan_statue_0.jpg

บางคนกล่าวว่า เสียงที่ได้ยิน คืออาการประสาทหลอนที่โน้มน้าวโดยการเคี้ยว ต้น mandrake
มันเป็นสารเสพติดซึ่งพวกเค้าเชื่อกันว่า นักบุญโยนออฟอาร์ตใส่มันไว้ที่หน้าอก นักบุญโยนออฟอาร์ต ขอร้องต่อศาลก่อนท่านนักบุญถูกตัดสิน ท่านนักบุญถูกประกาศว่า ท่านเป็นคนนอกศาสนา และเป็นแม่มด และท่านนักบุญขอกลับไปสู่สภาพเดิม(คริสชน) และในวันที่ 3Oth May 1431
ท่านนักบุญ ถูกเผาแบบ การประหารชีวิตแบบผูกติดกับเสาแล้วเผา ในตลาดที่ Rouen





H.B.Tristram, ผู้เขียนหนังสือ Natural History of the Bible: "Mandrakes.ภาาาฮิบรู Heb. dud?im, i.e., love-plants.
The Mandrake มันเคยถูกเป็นประเด็นในเรื่องของความผิดธรรมดาของความเชื่อไสยศาสตร์ งมงาย หรือความเชื่อแบบผิดผิด รูปร่างของต้นไม้นี้คล้ายกับมนุษย์

The Mandrake มันถูกกระจายไปอย่างแพร่หลายในทั้งหมดของส่วนดินแดนปาเลสไตน์
ผลของมันมีค่ามากสำหรับคนพื้นเมือง ซึ่งมีความเชื่อและครอบครองมัน ในช่วงเวลาเก่าแก่ที่ผ่านมาของRachelซึ่งรับประกันได้ว่ามีการตั้งครรณ์




Source ://www.flowersinisrael.com/
Mandragoraautumnalis_page.htm

The Hebrew University of Jerusalem
//flora.huji.ac.il/browse.asp?action=specie&specie=MANAUT&fileid=7772

Source ://www.newadvent.org/cathen/
12149a.htm
//www.catholic.org/bible/
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปัญจบรรพ คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม สารบบที่สอง Deuterocanonical Books คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ประวัติศาสตร์ Historical Booksคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
Newtesament พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ Update ครั้งที่ 3 คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
เพลงสดุดี Pslams คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปรีชาญาณ wisdom books
คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์





 

Create Date : 08 กันยายน 2552
32 comments
Last Update : 8 กันยายน 2552 17:31:19 น.
Counter : 4906 Pageviews.

 

Manna of commerce
พืชของชาวอิสราเอล ที่ใช้ในการค้าขาย คือความหลากหลายของพืชต้นไม้ทางตะวันออก สารที่มันขับออกมามีรสหวาน ได้แก่ Tamarix mannifera, Ehr., Alhaqi camelorum, Fish., Cotoneaster nummularia, Fraxinus ornus, and F. rotundifolia;

มันไม่ใช่แค่ข้อจำกัด ที่ให้เหตุผลว่าเป็น มานา mana ใน อพยพ Exodus 16:1-30

Tamarix nilotica, Nile tamarisk,
אשל היאור

Scientific name: Tamarix nilotica
Common name Nile tamarisk
Hebrew name: אשל היאור
Arabic name: Abal/Tarfa, لبع/هفرط
Family: Tamaricaceae, אשליים

Manna-Tamariske (Tamarix nilotica (Ehrenb.) Bunge, Syn.: Tamarix mannifera (Ehrenb.) Bunge)





Life form: Phanerophyte, tree
Leaves: Alternate, scale
Flowers: White
Flowering Period: : March, April, May, June, July, August, September, October, November, December
Habitat: Desert, Salty habitats
Distribution: Mediterranean Woodlands and Shrublands, Semi-steppe shrublands, Shrub-steppes, Deserts and extreme deserts
Chorotype, טיפוס התפוצה: Saharo-Arabian
Summer shedding: Perenating
Protected Flower, צמח מוגן: Yes



Honey-dew excreted by the scale-insect Najacoccus
Location: Dead Sea Valley, Enot Tzukim (Ein Feshkha)


Honey-dew excreted by three scale-insect Trabutina (the browinsh drops) and one Najacoccus
Location: Dead Sea Valley, Enot Tzukim (Ein Feshkha)


An ant eating the foamy honey-dew excreted by Najacoccus
Location: Dead Sea Valley, Enot Tzukim (Ein Feshkha)



Honey-dew excreted by two scale-insect Trabutina (the browinsh drops)
Location: Dead Sea Valley, Enot Tzukim (Ein Feshkha)


Alhaqicamelorum

Alhagi graecorum, Alhagi maurorum,
Camelgrass, Persian Manna Plant, הגה מצויה

Scientific name: Alhagi graecorum
Synonym name: Alhagi maurorum
Common name: Camelgrass, Camel's thorn, Persian Manna Plant
Hebrew name: הגה מצויה
Family: Papilionaceae, פרפרניים




Location: Sharon Plain, Herzliya

Life form: hemicryptophyte
Leaves: Alternate, entire, smooth
Flowers: Pink (dark), violet
Flowering Period: April, May, June, July, August, September
Habitat: Salty habitats, Disturbed habitats
Distribution: Mediterranean Woodlands and Shrublands, Semi-steppe shrublands, Shrub-steppes, Deserts and extreme deserts
Chorotype, טיפוס התפוצה: Med - Irano-Turanian
Summer shedding: Perenating

Derivation of the botanical name:
Alha'gi, Arabic for "pilgrim".
graecorum, "Greece".


Location: Dead-Sea Valley


Location: Netanya, the Dora rain pool


คำศัพย์ 'Manna' ที่ใช้ประโยชน์ได้ สารสีขาวซึ่งมีรสหวานเหมือนน้ำตาล (แซ็กคาริน,ขัณฑสกร)ของต้นไม้ ได้แก่ e.g. Quercus Vallones and persica (Oak Manna); Alhagi maurorum (Alhagi Manna), Tamarix gallica, var. mannifera (Tamarisk Manna); Larix Europaea (Briancon Manna).


Alhagi manna (ภาษาเปอร์เซีย และ ภาษาอารบิก เรียกว่า tar-angubin,และเป็นที่รู้จักกันดี ในชื่อ terendschabin และ Taranjabiti, Taranjabiti)


Cotoneaster nummularia





Cotoneaster nummularia grows in Mt Hermon above 1400m. It is a nice shrub full of flowers that develop into red fruits later on.

Rosaceae
Cotoneaster nummularia Fisch. & Mey.
Nummular cotoneaster
Coton?astre nummulaire
Distribution: North Africa, Turkey, North Iran, North India and Lebanon.
Range in Lebanon: 1000 – 1750m above sea level.
Flowering time: May – June

Source://www.flowersinisrael.com/

The Hebrew University of Jerusalem
//flora.huji.ac.il/browse.asp?action=specie&specie=TAMNIL&fileid=26447


Fraxinus ornus







Fraxinus ornus (Manna Ash หรือ South European Flowering Ash)คือสปีชีย์ของ Fraxinus ถิ่นกำเนิดอยู่ที่ ทางตอนใต้ของยุโรป และทางตอนใต้ของเอเซีย จากสเปนไปทางตอนเหนือของอิตาลี ไปจนถึงออสเตรีย และสาธารณะเชก และทางตะวันออกของ the Balkans,ตุรกี และทางตะวันตกของซีเรียไปจนถึงเลบานอน

Source: //en.wikipedia.org/wiki/
Fraxinus_ornus


F. rotundifolia


Fraxinus angustifolia (Narrow-leafed Ash)
ถิ่นกำเนิด S. Europe, N. Africa, W. Asia,








Source://www.pfaf.org/database/
plants.php?Fraxinus+angustifolia
//en.wikipedia.org/wiki/
Fraxinus_angustifolia




 

โดย: Bernadette 14 กันยายน 2552 13:34:20 น.  

 

Manna Catholic Encyclopedia

Manna

(Greek man, manna; Latin man, manna).

คืออาหารที่น่าอัศจรรย์ถูกส่งมาให้พี่น้องชนเผ่าอิสราเอลในช่วงระหว่างที่พวกเค้าเร่ร่อนอยู่ชั่วคราวในทะเลทรายเป็นเวลาถึง 40 ปี

ดู อพยพ Exodus 16;ทั้งหมด
มานนาและนกคุ่ม

กันดารวิถี Numbers 11:6-9
ประชากรไม่พอใจเรื่องอาหาร

6 มาบัดนี้ เรี่ยวแรงของเราหมดสิ้นไป เราไม่มีอะไรกินเลย ตาของเรามองเห็ฯแต่มานนาเท่านั้น
7 มานนามีลักษณะเหมือนเมล็ดผักชีขาว มีสีเหลืองเหมือนยางไม้ตะคร้ำ
8 ประชากรจะออกไปเก็บ นำมาโม่หรือใส่ครกตำให้ละเอียดเป็นแป้งแล้วต้มในหม้อหรือทำเป็นขนมแผ่น มีรสเหมือนขนมปังเคล้าน้ำมันมะกอก
9 มานนาตกลงมาเหนือค่ายพร้อมกับน้ำค้างในเวลากลางคืน
6 But now we are withering away; there is nothing wherever we look except this manna!'
7 The manna was like coriander seed and had the appearance of bdellium.
8 The people went round gathering it, and ground it in a mill or crushed it with a pestle; it was then cooked in a pot and made into pancakes. It tasted like cake made with oil.
9 When the dew fell on the camp at night-time, the manna fell with it.

เชิงอรรถ ประชากรไม่พอใจเรื่องอาหาร



อพยพ Exodus 16:31;กันดารวิถี Numbers 11:7-8

อพยพ Exodus 16:31
มานนาและนกคุ่ม

31 ชาวอิสราเอลเรียกอาหารนั้นว่า"มานนา" มีลักษณะเหมือนเมล็ดผักชีลาว รสเหมือนกับขนมปังกรอบผสมน้ำผึ้ง
31 The House of Israel named it 'manna'. It was like coriander seed; it was white and its taste was like that of wafers made with honey.

เชิงอรรถ มานนาและนกคุ่ม



กันดารวิถี Numbers 11:7-8
ประชากรไม่พอใจเรื่องอาหาร

7 มานนามีลักษณะเหมือนเมล็ดผักชีขาว มีสีเหลืองเหมือนยางไม้ตะคร้ำ
8 ประชากรจะออกไปเก็บ นำมาโม่หรือใส่ครกตำให้ละเอียดเป็นแป้งแล้วต้มในหม้อหรือทำเป็นขนมแผ่น มีรสเหมือนขนมปังเคล้าน้ำมันมะกอก
7 The manna was like coriander seed and had the appearance of bdellium.
8 The people went round gathering it, and ground it in a mill or crushed it with a pestle; it was then cooked in a pot and made into pancakes. It tasted like cake made with oil.

เชืงอรรถ ประชากรไม่พอใจเรื่องอาหาร


มานนาที่ตกลงมาสำหรับชาวอิสราเอลครั้งแรกนั้น คือในดินแดนทะเลทราย(หมายถึง พวกเค้าตกอยู่ในบาป)เป็นเวลา 6 อาทิตย์หลังจากพวกเค้าเดินทางออกจากอียิปต์ ในการสนองตอบกับเสียงที่บ่นพึมพำของพวกเค้า คือการขาดแคลนสิ่งจำเป็นการดำเนินชีพ ที่มีชีวิตอยู่ในทะเลทราย

อพยพ Exodus 16:1 sq.
มานนาและนกคุ่ม

1 ชุมชนชาวอิสราเอลออกเดินทางจากเอลิมและมาถึงถิ่นทุรกันดารศีน ซึ่งอยู่ระหว่างเอลิมกับซีนาย ในวันที่สิบห้าเดือนที่สองหลังจากที่ออกจาแผ่นดินอียิปต์
1 Setting out from Elim, the whole community of Israelites entered the desert of Sin, lying between Elim and Sinai -- on the fifteenth day of the second month after they had left Egypt.

และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมามานนาได้ตกลงมาทุกวัน เว้นแต่ไม่ตกในวันสับบาปโตthe Sabbath จนกระทั้งพวกเค้าได้มาถึงที่ Galgal ดินแดนในที่ราบของ เยรีโคJericho

โยชูวาJoshua 5:12
การฉลองปัสกา

12 มานนาได้หมดลงทันทีที่พวกเขาได้รับประทานผลผลิตจากแผ่นดิน ตั้งแต่ปีนั้นเป็นมา ชาวอิสราเอล ได้รับประทานจากผลิตผลของคานาอัน และไม่รับประทานมานนาอีกเลย
12 The manna stopped the day after they had eaten the produce of the land. The Israelites from that year onwards ate the produce of Canaan and had no more manna.

เชิงอรรถ



ช่วงระหว่างหลายๆปีมานี้มานนามีความสำคัญอย่างมากสำหรับพวกเค้า แต่พวกเค้าเหล่านั้นไม่ใช่เพียงแค่กินมันเป็นเพียงสิ่งเดียว มีการจัดตั้งปศุสัตว์ของพวกเค้า ก็มีน้ำนมและเนื้อสัตว์ พวกเค้ามีน้ำมันและแป้งใช้ทำเป็นอาหาร อย่างน้อยที่สุดก็ได้ผลผลิตจำนวนที่เล็กน้อย และบางครั้งก็ซื้อเสบียงอาหารจากผู้คนบ้านใกล้เรือนเคียง


(เลวีนิติ Leviticus 2 sq.; 17:1 sq.;เฉลยธรรมบัญญัติ Deuteronomy 2:6, 28).

ดู เลวีนิติ Leviticus 2 sq.ทั้งหมด
ธัญบูชา

เลวีนิติ Leviticus17:1 sq.
IV ประมวลกฎหมายเรื่องความศักดิ์สิทธิ์
การฆ่าสัตว์เพื่อถวายบูชา

1 พระยาห์เวห์ตรัสสั่งโมเสส
1 Yahweh spoke to Moses and said:

เชิงอรรถ IV ประมวลกฎหมายเรื่องความศักดิ์สิทธิ์






เฉลยธรรมบัญญัติ Deuteronomy 2:6,
ชาวอิสราเอลเดินทางจากคาเดชถึงแม่น้ำอารโนน

6 ท่านจะจ่ายเงินซื้ออาหารที่จะกิน และซื้อน้ำที่จะดื่มจากเขาได้
6 Pay them in money for what food you eat; and pay them in money for the water you drink.

เชิงอรรถ



เฉลยธรรมบัญญัติ Deuteronomy 2:28
ชาวอิสราเอลยึดครองแผ่นดินของกษัตริย์สิโหน

28 ข้าพเจ้าจะจ่ายเงินซื้ออาหารกินและซื้อน้ำดื่ม ของเพียงแต่ทรงอนุญาติให้เดินทางผ่านไป
28 I shall eat and pay for the food you choose to sell me, and I shall drink and pay for the water you let me have. I only want to march through,

เชิงอรรถ ชาวอิสราเอลยึดครองแผ่นดินของกษัตริย์สิโหน
ฉํธบ เล่าเรื่องชาวอิสราเอลยึดครองแผ่นดินของกษัตริย์สิโหนตามเอกสารโบราณ เหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นจริงๆ ส่วนเรื่องของกษัตริย์ที่จะเล่าต่อไปนั้น เป็นเพียงตำนานโบราณที่เล่ากันเท่านั้น

next........ต่อ


Source ://www.newadvent.org/cathen/
12149a.htm
//www.catholic.org/bible/
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปัญจบรรพ คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม สารบบที่สอง Deuterocanonical Books คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ประวัติศาสตร์ Historical Booksคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
Newtesament พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ Update ครั้งที่ 3 คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
เพลงสดุดี Pslams คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปรีชาญาณ wisdom books
คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์

 

โดย: Bernadette 15 กันยายน 2552 21:30:29 น.  

 

Manna Catholic Encyclopedia

มานนา (อาหารที่ชาวอิสราเอลได้รับตามความในพระคัมภีร์ไบเบิล)ถูกได้รับในตอนเช้า และความร้อนของดวงอาทิตย์ได้ละลายมัน ปริมาณของมานนามันได้ถูกรวบรวมอย่างเพียงพอของหน่วยวัดปริมาณ ขนาดน้ำหนักของชาวฮิบรู(gomor) (omer =10 ของ Ephah, หรือระหว่าง six and seven pints (Pints คือ หน่วยวัดความจุของเหลวมีค่าเท่ากับ 1/2 ควอร์ต)) สำหรับ ต่อ หนึ่งคน

แต่ก่อนวันสับปโตthe Sabbath พวกเค้าได้รับการแบ่งปันมานนาเป็นสองเท่า

มานนาตกลงมาเหนือค่ายพร้อมกับน้ำค้างในเวลากลางคืน เว้นแต่ส่วนที่ได้รับการสงวนไว้สำหรับในวันสับปโต the Sabbath อย่างไรก็ตาม เป็นไปได้มากที่ มันถูกใช้เป็นอาหาร ในสภาพแวดล้อมธรรมดาทั่วไป โดยปรกติมันถูก นำมาโม่หรือใส่ครกตำให้ละเอียดเป็นแป้งแล้วต้มในหม้อหรือทำเป็นขนมแผ่นและมันยังคงจดจำไปสู่รุ่นลูกรุ่นหลานใน อนาคต ภาชนะใส่ของเหลวที่บรรจุมานนา คือมันอยู่ใกล้กับสถานที่หีบบรรจุพันธสัญญา (พระบัญญัติ) the Ark of the Covenant


ชื่อของมันมีความสัมพันธ์กับคำสรรเสริญพระเจ้านั้นคือ คำว่า "Man hu" ซึ่งพี่น้องชนเผ่าอิสราเอลได้เปล่งเสียงออกมาครั้งแรกเมื่อเห็นมานนา

เป็นสำนวนการพรรณาตั้งแต่ในช่วงเวลาของพระคัมภีร์พันธสัญญาเก่า คือถูกแปลถอดความโดยทั่วไปว่า "What is this นี้คืออะไร? " อย่างไรก็ตามมันควรจะถูกแปลถอดความที่เป็นไปได้มากกว่าคือ "Is this manna? นี้คือมานนาใช่มั๊ย "หรือ "It is manna มันคือมานนา"

ใจความสำคัญของชื่อ mannu มันเป็นที่รู้จักกันดีในอียิปต์ ของในช่วงเวลานั้น และมันมีความคล้ายคลึงกับอาหารสดๆซึ่งตกลงมานี้ ซึ่งทำให้เกิดเสียงร้องอุทาน และทำให้นึกถึงชื่อของมัน

นักวิจัยหลายๆคนได้ระบุ ชื่อมานนาในthe Biblical คือน้ำหวานที่ไหลซึมออกมาโดยประมาณ ของ ต้น Tamarix gallica (Tamarix mannifera) เมื่อมันถูกแมลง (Coccus manniparus)เจาะเข้าไป และเป็นที่ที่รู้จักกันใน่ภาษาอาหรับว่า คือ
mann es-sama ความหมาย "gift of heaven ของประทานจากสวรรค์" หรือ "heavenly manna มานนาที่แสนวิเศษ"

ถึงแม้ว่า มานนา(อาหารของชาวอิสราเอลตามความพระคัมภีร์ไบเบิ้ล)ในประเด็นต่างๆนาๆของคำตอบ ที่อธิบาย เรื่องของมานนาในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล มันได้ขาดบางสิ่งที่มีลักษณะที่มีคุณสมบัติโดยเฉพาะ มันไม่สามารถนำมาบดให้ละเอียดเป็นแป้ง หรือมันไม่สามารถนำมาต้ม และนำมันมาทำขนมเค็ก มันไม่ได้ย่อยสลายและถูกเป็นที่ฟักไข่ของหนอน แต่ มันเป็นอาหารที่ไม่มีข้อกำหนด หลังจากที่มันถูกรวบรวมไว้ด้วยกัน

นอกจากนี้ มันเป็นน้ำตาลที่บริสุทธิ์โดยเกือบทั้งหมด มันเป็นการยากที่จะเป็นอาหารที่หล่อเลี้ยงผู้คนจำนวนมาก สำหรับเป็นเวลา 40 ปี แต่ แม้ว่าถ้ามันถูกระบุชื่อเป็นที่แน่นอน ปรากฎการณ์ของมานนาที่ร่วงลงมา และถูกบันทึกไว้ ในหนังสืออพยพ Exodus
มันไม่สามารถอธิบายได้ นอกจากว่ามันเกิดขึ้นโดยอัศจรรย์

สำหรับ ต้นthe tamarisk คือเป็นไปได้มากกว่า กับความมากมายอุดมสมบูรณ์ของมันในหลายๆๆวันของการอพยพในตอนนี้ มันไม่สามารถที่จะจัดให้มีมานนา จำนวนมากมาย ในทุกๆวัน ตามที่พี่น้องชนเผ่าอิสราเอลต้องการ

นอกจากนั้น ต้น the tamarisk อย่างเป็นที่แน่นอนมานนาไหลซึมออกมาเป็นฤดูกาล
ในทางตรงกันข้าม (ใช้เปรียบเทียบ)ของ พระคัมภีร์ไบเบิ้ล มานนาได้ตกลงมาตลอดปี
ต้น the tamarisk มันได้ไหลซึมออกมาทุกๆวันในช่วงระหว่างฤดูกาลของมัน ขณะที่ในพระคัมภีร์ระบุว่า มานนาไม่ได้ตกในวันสับปโต(the Sabbath)

ข้อโต้แย้งทั้งหมดเหล่านั้นได้ถูกนำมาปรับประยุกต์ใช้กับน้ำหวานที่ไหลซึมออกมากับต้นไม้ the Camel's Thorn (Alhagi Camelorum) อีกด้วย ซึ่งบางครั้งพิจารณากันว่าคือมานนา( อาหารของชาวอิสราเอลตามความในพระคัมภีร์)

กับความเข้าใจของผู้คนอื่นๆ ซึ่งพวกเค้าพบมานนาใน ไลเคนส์lichen (ตะไคร่ มอส moss)
Lenora esculenta (เป็นที่รู้จักกันดีในชื่อนี้อีกด้วย Spharothallia esculenta)มันถูกพบได้ทางตะวันตกของเอเซีย และทางตอนเหนือของอาฟริกา มันง่ายต่อการขอดแกะออกมา และมันถูกขนส่งโดยลมพัดพาในบางครั้งเกิดจาการเกิดฝนตก

ในช่วงเวลาของภาวะข้าวยากหมากแพง มันถูกนำไปผสมกับวัตถุอื่นๆเพื่อทำขนมปัง แต่ ไลเคนส์ Lichenนี้คือ มันมีลักษณะที่แห้ง และ ไม่มีรสชาด จืดชืด และมันให้คุณค่าทางด้านโภชนการเพียงเล็กน้อย

น่าจะเป็นเรื่องของอัศจรรย์มากกว่า ซึ่งพวกเราต้องยอมรับมานนา อย่างน้อยที่สุดในรูปแบบที่ถูกจัดให้มันเกิดขึ้น

next.......ต่อ


 

โดย: Bernadette 15 กันยายน 2552 21:35:33 น.  

 

Manna Catholic Encyclopedia

ไม่เพียงแค่ ประกฎการณ์สิ่งอัศจรรย์ ที่ต่อต้านคำอธิบายอย่างธรรมดาธรรมดาได้โดยทั้งหมด ที่ระบุใน หนังสืออพยพ และได้ถูกระบุชื่อว่า "bread from heaven ปังจากสวรรค์""bread of angels ปังของเหล่าทูตสวรรค์"i.e., ที่ถูกส่งมาโดยเหล่าทูตสวรรค์ ใน( บทเพลงสดุดี Psalm 78:24-25;ปรีชาญาณ Wisdom 16:20) อย่างเป็นที่ชัดเจน มันคือตัวแทนของความอัศจรรย์

เพลงสดุดี Psalm 78:24-25




24 ปล่อยให้มานนาตกลงมาดังห่าฝนเพื่อเป็นอาหาร
พระองค์ประทานข้าวสาลีจากสวรรค์ให้เขา
25 มนุษย์กินอาหารของทูตสวรรค์
พระองค์ประทานอาหารให้เขาอย่างอุดมสมบรูณ์
24 he rained down manna to feed them, he gave them the wheat of heaven;
25 mere mortals ate the bread of the Mighty, he sent them as much food as they could want.

เชิงอรรถ


"ทูตสวรรค์" แปลตามตัวอักษรว่า "ผู้ทรงอำนาจ"


ปรีชาญาณ Wisdom 16:20

การเปรียบเทียบครั้งที่สี่-ลูกเห็บและมานนา

20 แต่พระองค์ประทานอาหารของทูตสวรรค์แก่ประชากรของพระองค์
ทรงจัดหาขนมปังสำเร็จแล้วลงมาจากสวรรค์
โดยที่พวกเขาไม่ต้องเหน็ดเหนื่อย
เป็นอาหารเลิศรส ถูกปากของทุกคน
20 How differently with your people! You gave them the food of angels, from heaven untiringly providing them bread already prepared, containing every delight, to satisfy every taste.
เชิงอรรถ
เป็นอาหารเลิศรส ถูกปากของทุกคน


พระเยซูคริสตเจ้าทรงใช้มานนา ในรูปแบบและเป็นสัญญาลักษณ์ของ อาหาร ใน Eucharist (ศีลมหาสนิท) มาจากคำกรีก "eucharisto" ซึ่งมานนาในที่นี่เป็ฯเครื่องหมายถึงความเชื่ออันเป็ฯอาหารที่แท้จริงคือ "bread from heaven ปังจากสวรรค์" และ"bread of life และปังแห่งชีวิต "i.e., และ ปังอยู่ในรูปแบบของการดำเนินชีวิต คือมีความไกลและสูงเกินกว่าตอน มานนา ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเก่า

ดู ยอร์น John 6 ทั้งหมด
III วันฉลองปัสกาและปังแห่งชีวิต

ยอร์น John 6:31-35
พระเยซูเจ้าทรงเทศน์สอน ในศาลาธรรมที่เมืองคาเปอรนาอุม

31 บรรพบุรุษของเราได้กินมานนาในถิ่นทุรกันดารดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า พระองค์ประทานขนมปังจากสวรรค์ให้เขากิน
32 พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า มิใช่โมเสสที่ให้ขนมปังจากสวรรค์แก่ท่าน แต่พระบิดาของเราที่ประทานขนมปังแท้จากสวรรค์ที่ให้ท่าน

33 เพราะขนมปังของพระเจ้า คือขนมปังซึ่งลงมาจากสวรรค์ และประทานชีวิตให้แก่โลก"

34 ประชาชนจึงทูลว่า "นายขอรับโปรดให้ขนมปังนี้แก่พวกเราเสมอเถิด"

35 พระเยซูเจ้าตรัสกับเราว่า
"เราเป็นปังแห่งชีวิต
ผู้ที่มาหาเราจะไม่หิว และผู้ที่เชื่อ
ในเราจะไม่หิวกระหายอีก

31 Our fathers ate manna in the desert; as scripture says: He gave them bread from heaven to eat.'
32 Jesus answered them: In all truth I tell you, it was not Moses who gave you the bread from heaven, it is my Father who gives you the bread from heaven, the true bread;
33 for the bread of God is the bread which comes down from heaven and gives life to the world.
34 'Sir,' they said, 'give us that bread always.'
35 Jesus answered them: I am the bread of life. No one who comes to me will ever hunger; no one who believes in me will ever thirst.

เชิงอรรถ




ยอร์น John 6:38-40
พระเยซูเจ้าทรงเทศน์สอน ในศาลาธรรมที่เมืองคาเปอรนาอุม


38 เพราะเราลงมาจากสวรรค์ มิใช่เพื่อทำตามใจของเรา แต่เพื่อทำตามพระประสงค์ของผู้ทรงส่งเรามา

39 พระประสงค์ของผู้ทรงส่งเรามาก็คือ เราจะไม่สูญเสียผู้ใด ที่พระองค์ทรงมอบให้แก่เรา แต่จะให้ผู้นั้นกลับคืนชีพในวันสุดท้าย

40" พระประสงค์ของพระบิดาของเราก็คือ
ทุกคนที่เห็นพระบุตร แล้วเชื่อในพระบุตรจะมีชีวิตนิรันดร
และเราจะให้เขากลับคืนชีพในวันสุดท้าย"

38 because I have come from heaven, not to do my own will, but to do the will of him who sent me.
39 Now the will of him who sent me is that I should lose nothing of all that he has given to me, but that I should raise it up on the last day.
40 It is my Father's will that whoever sees the Son and believes in him should have eternal life, and that I should raise that person up on the last day.

เชิงอรรถ ทุกคนที่เห็นพระบุตร
"การเห็น" พระบุตรคือการยอมรับว่า พระองค์เป็นพระบุตรที่พระบิดาทรงส่งมาอย่างแท้จริง (เทียบ 12:45,14:9, 17:6 เชิงอรรถ g)


นักบุญเปาโล เรียกมานนา ว่า "spiritual food อาหารฝ่ายจิตวิญญาณ" ใน

1 โครินธ์ Corinthians 10:3-4
คำเตือนและบทเรียนจากอดีตของชาวอิสราเอล

3 ทุกคนกินอาหารฝ่ายจิตอย่างเดียวกัน
4 ทุกคนดื่มเครื่องดื่มฝ่ายจิตอย่างเดียวกัน
3 all ate the same spiritual food
4 and all drank the same spiritual drink, since they drank from the spiritual rock which followed them, and that rock was Christ

เชิงอรรถ คำเตือนและบทเรียนจากอดีตของชาวอิสราเอล


อย่างเดียวกัน



ซึ่งหมายถึงสัญญาลักษณ์ประเด็นหลักที่สำคัญหลักของ Eucharist (ศีลมหาสนิท) มาจากคำกรีก "eucharisto"ซึ่งมีคุณค่ามากมายกับลักษณะของอัศจรรย์ ขณะนี้ มานนามีส่วนร่วมคือเป็นสัญญาลักษณ์ของพิธีมิสซารับศีลมหาสนิทที่เกิดขึ้นทุกวัน


ใน วิวรณ์ Apocalypse 2:17,
พระศาสนาจักรที่เมืองเปอร์กามัม

17 ผู้มีหูก็จงฟังสิ่งที่พระจิตเจ้าตรัสแก่พระศาสนจักรทั้งหลายว่า "ผู้ใดมีชนะ เราจะให้มานนาที่ซ่อนอยู่ในก้อนหินขาว ซึ่งมีนามใหม่เขียนไว้ ไม่มีใครรู้จักนามนี้นอกจากผู้ที่ได้รับ"
17 Let anyone who can hear, listen to what the Spirit is saying to the churches: to those who prove victorious I will give some hidden manna and a white stone, with a new name written on it, known only to the person who receives it."
เชิงอรรถ ก้อนหินขาว


มานนาคือตัวแทนสัญญาลักษณ์ของ ความสุขของสรวงสวรรค์

Source://www.newadvent.org/
cathen/09604a.htm

Source ://www.newadvent.org/cathen/
12149a.htm
//www.catholic.org/bible/
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปัญจบรรพ คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม สารบบที่สอง Deuterocanonical Books คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ประวัติศาสตร์ Historical Booksคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
Newtesament พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ Update ครั้งที่ 3 คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
เพลงสดุดี Pslams คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปรีชาญาณ wisdom books
คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์

 

โดย: Bernadette 15 กันยายน 2552 21:38:45 น.  

 

Mint

Mint (มัทธิว Matthew 23:23;ลูกา Luke 11:42).

มัทธิว Matthew 23:23
พระเยซูเจ้าทรงประนามชาวฟาริสี

23 วิบัติจงเกิดแก่ท่าน ธรรมาจารย์และฟาริสีหน้าซื่อใจคด ท่านถวายหนึ่งในสิบของสาระแหน่ ผักชี ยี่หร่า แต่ได้ละเลยธรรมบัญญัติในเรื่องที่สำคัญ เช่นความยุติธรรม ความเมตตากรุณา และความซื่อสัตย์ บทบัญญัติเหล่านี้จำเป็นต้องปฎิบัติโดยไม่ละเว้นบทบัญญัติอื่นๆ
23 'Alas for you, scribes and Pharisees, you hypocrites! You pay your tithe of mint and dill and cummin and have neglected the weightier matters of the Law-justice, mercy, good faith! These you should have practised, those not neglected.

เชิงอรรถ
ธรรมบัญญัติของโมเสสเรียกเก็บภาษีหนึ่งในสิบของผลิตผลทางการเกษตร เช่นข้าว น้ำมันมะกอก เหล้าองุ่น พวกธรรมจารย์ประยุกต์ใช้บทบัญญัตินี้แม้กับพืชผักเล็กน้อยที่มีในสวนครัวด้วย เพื่อแสดงว่าตนมีความศรัทธาต่อพระเจ้าอย่างมาก

ลูกา Luke 11:42
พระเยซูเจ้าทรงประณามชาวฟาริสีและบรรดาธรรมจารย์

42 วิบัติจงเกิดแก่ท่าน บรรดาชาวฟาริสี ท่านถวายหนึ่งในสิบของสะระแหน่ สมุนไพรและผักทุกชนิด แต่ละเลยความยุติธรรมและความรักต่อพระเจ้า บทบัญญัติเหล่านี้จำเป็นต้องปฎิบัติโดยไม่ละเว้นบทบัญญัติอื่นๆ
42 But alas for you Pharisees, because you pay your tithe of mint and rue and all sorts of garden herbs and neglect justice and the love of God! These you should have practised, without neglecting the others.

กับความหลากหลายของสปีชีย์ ที่พบในดินแดนปาเลสไตน์ :
Mentha sylvestris, the horse-mint, กับชนิดของประเภท M. viridis, the spear-mint, grow everywhere; M. sativa, the garden-mint, คือมันถูกเพาะปลูกในสวนทั้หมด

; M. piperita, the peppermint, M. aquatica, the water-mint, M. pulegium, the pennyroyal,ยังถูกพบในพื้นที่ที่มีความอุดมสมบรูณ์อีกด้วย

Mint ไม่ได้ถูกระบุในกฎของtithable (ค่าภาษีที่หักออกไปหนึ่งในสิบ, n. 1/10ของผลิตผลทางเกษตร)

แต่ชาวฟาริสี วินิจฉัย ภายใต้บังคับ (กฎหมาย) ของtithe(ค่าภาษีที่หักออกไปหนึ่งในสิบ, n. 1/10ของผลิตผลทางเกษตร)ทั้งหมดถือว่าเป็นของรับประทานได้ ที่มีสิทธิ์ครอบครองและ เป็นไปตามข้อบังคับของกฎ

ขอเอาใบสะระแหน่ไทยไทยมาลงแล้วกัน Mint เหมือนกัน



สะระแหน่ ชื่ื่อวิทยาศาสตร์ Metha cordifolia Opiz.
ชื่อวงศ์ : Labiatae

ชื่อสามัญ : Kitchen Mint, Marsh Mint

ชื่ออื่น : หอมด่วน หอมเดือน (ภาคเหนือ), มักเงาะ สะแน่ (ภาคใต้), สะระแหน่สวน (ภาคกลาง), ขะแยะ (อีสาน)



สะระแหน่ หรือ (อังกฤษ: Lemon balm) เป็นพืชสมุนไพรยืนต้น เป็นพืชในตระกูลมิ้นต์ วงศ์กะเพรา มีแหล่งกำเนิดมาจากแถบยุโรปตอนใต้และแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เมื่อโตเต็มที่จะมีความสูงประมาณ 70 - 150 เซนติเมตร ส่วนใบจะมีลักษณะคล้ายคลึงกับใบพืชในตระกูลมิ้นต์ มีกลิ่นหอมคล้ายใบมะนาว และทุก ๆ ปลายฤดูร้อนต้นสะระแหน่จะออกดอกสีขาว ๆ ที่เต็มไปด้วยน้ำหอมและน้ำหวาน อยู่ภายใน นี้ดึงดูดใจให้ผึ้งมาดูดน้ำหวานและจากเหตุนี้ทำให้สะระแหน่อยู่ในสกุล Melissa (ภาษากรีก แปลว่า "น้ำผึ้ง") และยังมีรสชาติคล้ายคลึงกับ ตะไคร้หอม, มะนาว และแอลกอฮอล์



ประโยชน์

การทำครัว
สะระแหน่มักใช้เป็นส่วนผสมในการทำไอศกรีมและชาสมุนไพร ทั้งร้อนและเย็น และมักผสมในอาหารกับสมุนไพรชนิดอื่นเช่น สแปร์มิ้นต์ อีกทั้งยังเหมาะในการเป็นเครื่องเคียงในอาหารจำพวกผลไม้สดและขนมหวาน



ประโยชน์และสรรพคุณทางยา
มักนำใบสะระแหน่มาบดแล้วทาลงบนผิวหนังจะทำให้ผิวหนังชุ่มชื่นอีกทั้งยังช่วยไล่ยุง นอกจากนี้ยังใช้ทำยาผสมลงไปในชาสมุนไพรหรือคั้นน้ำมาผสมลงในเครื่องดื่ม สะระแหน่ยังสามารถนำไปทำเป็นยาปฏิชีวนะและยังใช้เป็นตัวขับไล่อนุมูลอิสระออกจากร่างกาย อีกทั้งยังใช้เป็นยาเย็นและใช้เป็นยาคลายความเครียด และมีงานวิจัยอย่างน้อยชิ้นหนึ่งระบุว่ามันช่วยคลายความกดดันของกล้ามเนื้ออันมาจากความเหนื่อยล้าและความเครียด สะระแหน่ยังใช้ไปทำน้ำมันหอมระเหยเพื่อใช้ในการทำสุคนธบำบัด อีกทั้งยังใช้เป็นยารักษาโรคเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์


องค์ประกอบทางเคมี
สะระแหน่ประกอบไปด้วยยูเจนอลที่สามารถทำลายแบคทีเรีย นอกจากนี้ยังประกอบไปด้วยแทนนินและเทอร์เพนท์ที่ใช้ในการเป็นยาเย็น

Source://en.wikipedia.org/
wiki/Lemon_balm

Source ://www.newadvent.org/cathen/
12149a.htm
//www.catholic.org/bible/
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปัญจบรรพ คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม สารบบที่สอง Deuterocanonical Books คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ประวัติศาสตร์ Historical Booksคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
Newtesament พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ Update ครั้งที่ 3 คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
เพลงสดุดี Pslams คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปรีชาญาณ wisdom books
คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์


 

โดย: Bernadette 16 กันยายน 2552 16:28:03 น.  

 

Nard, pistic ( ใน R.V. margin,มะระโก ดู Mark 14:3).ดู Spikenard.

มะระโก ดู Mark 14:3
การเจิมที่เบธานี

3 พระองค์ประทับอยู่ที่หมู่บ้านเบธานีในบ้านของซีโมนที่เคยเป็นโรคเรื้อน ขณะที่กำลังประทับที่โต๊ะอาหาร หญิงคนหนึ่งถือขวดหินบรรจุน้ำมันหอมสมุนไพรบริสุทธิ์
3 He was at Bethany in the house of Simon, a man who had suffered from a virulent skin-disease; he was at table when a woman came in with an alabaster jar of very costly ointment, pure nard. She broke the jar and poured the ointment on his head.

เชิงอรรถ



Spikenard (ใน A. V.บทเพลงซาโลมอน Song of Songs 1:11-12; 4:14; มะระโก Mark 14:3;ยอร์น John 12:3),

บทเพลงซาโลมอน Song of Songs 1:11-12
คู่รักสนธนากัน

11 พวกเราจงทำต่างหูทองคำ มีลูกปัดเงินประดับ
12 ขณะที่พระราชาประทับบนพระแท่น น้ำมันหอมสมุนไพรของดิฉันก็ส่งกลิ่นหอมฟุ้ง
11 We shall make you golden earrings and beads of silver.
12 DUO: -While the king rests in his own room my nard yields its perfume.

เชิงอรรถ
ข้อความตั้งแต่ 1:12 จนถึง 2:7 กล่าวถึงการที่หนุ่มสาวคู่รักทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน บรรยากาศอบอวลไปด้วยเครื่องหอมต่างๆ น้ำมันหอมสมุนไพร มดยอบ ดอกเทียนขาว ล้วนเป็นสัญญาลักษณ์หมายถึงความสุขของการอยู่ด้วยกัน (ข้อ 12-14) ต่อตากนั้นมีการชมเชยโต้ตอบกัน

บทเพลงซาโลมอน Song of Songs 4:14
เพลงบทที่สาม

14 ต้นสมุนไพรและหญ้าฝรั่น ต้นตะไคร้และอบเชย ต้นกำยานทุกชนิด ต้นมดยอบและว่านหางจระเข้ รวมทั้งเครื่องหอมชั้นเยี่ยมทั้งสิ้น
14 nard and saffron, calamus and cinnamon, with all the incense-bearing trees; myrrh and aloes, with the subtlest odours.

เชิงอรรถ



มะระโก Mark 14:3
การเจิมที่เบธานี

3 พระองค์ประทับอยู่ที่หมู่บ้านเบธานีในบ้านของซีโมนที่เคยเป็นโรคเรื้อน ขณะที่กำลังประทับที่โต๊ะอาหาร หญิงคนหนึ่งถือขวดหินบรรจุน้ำมันหอมสมุนไพรบริสุทธิ์
3 He was at Bethany in the house of Simon, a man who had suffered from a virulent skin-disease; he was at table when a woman came in with an alabaster jar of very costly ointment, pure nard. She broke the jar and poured the ointment on his head.


ยอร์น John 12:3
การเจิมที่ เบธานี

3 มารีย์ใช้น้ำมันหอมสมุนไพรบริสุทธิ์ราคาแพงหนักหนึ่งปอนด์ชโลมพระบาทของพระเยซูเจ้าและใช้ผมเช็ดพระบาท
3 Mary brought in a pound of very costly ointment, pure nard, and with it anointed the feet of Jesus, wiping them with her hair; the house was filled with the scent of the ointment.


น้ำมันหอมที่สกัดจากพืชที่มีกลิ่นหอม ได้ผลิตมาจาก รากของ Nardostachys jatamansi, D. C.,เป็นพืชสมุนไพรแถบเทือกเขาหิมาลัย ,ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกไปทุกหนทุกแห่งไปจนถึงทางตะวันออก และมันเป็นที่รู้จักกันดี แม้แต่ในอาณาจักรโรมัน น้ำหอมที่ผลิตได้มีราคาแพงมาก


Spikenard (Nardostachys grandiflora หรือ Nardostachys jatamansi;ยังเรียกว่า nard, nardin, และ muskroot อีกด้วย




โกฐชฎามังษี, โกฐชฎามังสี
น. ชื่อเรียกรากแห้งของไม้ล้มลุกชนิด Nardostachys jatamansi DC. ในวงศ์ Valerianaceae.
เป็นพืชวัตถุจำพวกหญ้า ต้นกลมขนาดหญ้าคา ใบเล็กมีขนคลุมทั่วทั้งใบ ขึ้นอยู่ตามภูเขาสูง มาจากประเทศอินเดีย





สรรพคุณ รสสุขุมหอม กระจายหนองซึ่งเป็นก้อนอยู่ในร่างกาย ขับแม่พยาธิให้ออกจากร่างกาย แก้ไส้ด้วนไส้ลาม แก้องค์กำเนิดบวม ขับโลหิตระดูเน่าเสีย แก้ดีพิการ แก้พิษทั้งปวง แก้แผลเนื้อร้าย

Source ://www.newadvent.org/cathen/
12149a.htm
//www.catholic.org/bible/
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปัญจบรรพ คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม สารบบที่สอง Deuterocanonical Books คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ประวัติศาสตร์ Historical Booksคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
Newtesament พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ Update ครั้งที่ 3 คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
เพลงสดุดี Pslams คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปรีชาญาณ wisdom books
คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์




 

โดย: Bernadette 16 กันยายน 2552 21:40:52 น.  

 

Nettles

nettle [N] ต้นไม้ป่าที่มีขนตามใบ
พืชที่มีขนคันจำพวก Urtica
Thai definition ตำแย: ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Laportea interrupta Chew ในวงศ์ Urticaceae มีขนตามลำต้นและใบ ถูกเข้าจะคันและเป็นผื่นตามผิวหนัง

ถูกแปลในภาษาฮิบรู ได้สองคำ คือ

(1) kharul, plur. kharulim

(ใน A. V.,โยป Job 30:7; ใน D. V. "briers";เศฟันยาห์ Zephaniah 2:9; สุภาษิต Proverbs 24:31;ใน D. V. "thorns"), ดู Bramble;

Compare Versions

โยป Job 30:7

ใน D. V. "briers"
English (Douay-Rheims)


7 They pleased themselves among these kind of things, and counted it delightful to be under the briers.

ใน A. V.,โยป Job 30:7

New American Standard Bible (?1995)

"Among the bushes they cry out; Under the nettles they are gathered together.

King James Bible
Among the bushes they brayed; under the nettles they were gathered together.

Source://scripturetext.com


Catholic New Jerusalem Bible Thai-Eng

7 You could hear them braying from the bushes as they huddled together in the thistles.

ข. ความทุกข์ของโยบในปัจจุบัน
7 เขาร้องโหยหวนอยู่ตามพุ่มไม้
เบียดกันใต้กอหนาม


เศฟันยาห์ Zephaniah 2:9; สุภาษิตProverbs 24:31;ใน D. V. "thorns"), ดู Bramble;



Compare Versions

เศฟันยาห์ Zephaniah 2:9

ใน D. V. "thorns"
เศฟันยาห์ 2 Zephaniah 2:9

English (Douay-Rheims)

9 Therefore as I live, saith the Lord of hosts the God of Israel, Moab shall be as Sodom, and the children of Ammon as Gomorrha, the dryness of thorns, and heaps of salt, and a desert even for ever: the remnant of my people shall make a spoil of them, and the residue of my nation shall possess them.

New American Standard Bible (?1995)
"Therefore, as I live," declares the LORD of hosts, The God of Israel, "Surely Moab will be like Sodom And the sons of Ammon like Gomorrah-- A place possessed by nettles and salt pits, And a perpetual desolation. The remnant of My people will plunder them And the remainder of My nation will inherit them."


King James Bible
Therefore as I live, saith the LORD of hosts, the God of Israel, Surely Moab shall be as Sodom, and the children of Ammon as Gomorrah, even the breeding of nettles, and saltpits, and a perpetual desolation: the residue of my people shall spoil them, and the remnant of my people shall possess them.

คาทอลิกใช้ New Jerusalem Bible
www.catholic.org/bible
ภาษาไทยขอยืม KJV ไบเบิ้ล


9 For this, as I live -- declares Yahweh Sabaoth, God of Israel -- Moab will become like Sodom and the Ammonites like Gomorrah: a realm of nettles, a heap of salt, a desolation for ever. What is left of my people will plunder them, the survivors of my nation will take their heritage.

2:9 พระเยโฮวาห์จอมโยธา พระเจ้าของอิสราเอลตรัสว่า "เหตุฉะนี้ เรามีชีวิตอยู่ฉันใด แน่ทีเดียว โมอับจะกลายเป็นเหมือนเมืองโสโดม และคนอัมโมนจะเหมือนเมืองโกโมราห์ คือเป็นที่ขยายพันธุ์ต้นตำแยและบ่อเกลือ และเป็นที่รกร้างอยู่เนืองนิตย์ ชนชาติของเราส่วนที่เหลือจะปล้นเขา และชนชาติของเราที่เหลืออยู่จะยึดเขาเป็นกรรมสิทธิ์"


Compare Versions

สุภาษิตProverbs 24:31;

English (Douay-Rheims)

31 And behold it was all filled with nettles, and thorns had covered the face thereof, and the stone wall was broken down.

New American Standard Bible (?1995)
And behold, it was completely overgrown with thistles; Its surface was covered with nettles, And its stone wall was broken down.

King James Bible
And, lo, it was all grown over with thorns,and nettles had covered the face thereof, and the stone wall thereof was broken down.

Catholic New Jerusalem Bible Thai-Eng

IV. สุภาษิตเพิ่มเติมของผู้มีปรีชา
31 ข้าพเจ้าเห็นกอหนามขึ้นเต็มไปหมด
ที่ดินมีข้าวละมานขึ้นปกคลุม
กำแพงหินผุพัง
31 there it all lay, deep in thorns, entirely overgrown with weeds, and its stone wall broken down.


(2) qimmosh, qimmeshonim
(สุภาษิต Proverbs 24:31; A. V. "thorns";อิสยาห์ Isaiah 34:13;โฮเชยา Hosea 9:6):

อย่างถูกต้องที่แปลถอดความคือ "nettles" (Urtica urens, U. dioica, U. pilulifera, U. membranacea, Poir.),


สุภาษิต Proverbs 24:31; เขียนแหละข้างบน


Compare Versions

ในA. V. "thorns"ใน D. V. "thorns"), ดู Bramble;

อิสยาห์ Isaiah 34:13

New American Standard Bible (?1995)

Thorns will come up in its fortified towers, Nettles and thistles in its fortified cities; It will also be a haunt of jackals And an abode of ostriches.

King James Bible
And thorns shall come up in her palaces, nettles and brambles in the fortresses thereof: and it shall be an habitation of dragons, and a court for owls.


Douay-Rheims Bible
And thorns and nettles shall grow up in its houses, and the thistle in the fortresses thereof: and it shall be the habitation of dragons, and the pasture of ostriches.

Catholic ใช้ New Jerusalem Bible
www.catholic.org/bible
ขอยืม KJV ไบเบิ้ล


13 Brambles will grow in its bastions, nettles and thorn-bushes in its fortresses, it will be the lair of jackals, an enclosure for ostriches.

34:13 หนามใหญ่จะงอกขึ้นในพระราชวังของมัน ตำแยและต้นหนามจะงอกขึ้นในป้อมปราการของมัน และจะเป็นที่อาศัยของมังกร และเป็นลานของนกเค้าแมว



Compare Versions

โฮเชยา Hosea 9:6

New American Standard Bible (?1995)

For behold, they will go because of destruction; Egypt will gather them up, Memphis will bury them. Weeds will take over their treasures of silver; Thorns will be in their tents.

King James Bible
For, lo, they are gone because of destruction: Egypt shall gather them up, Memphis shall bury them: the pleasant places for their silver, nettles shall possess them: thorns shall be in their tabernacles.

Douay-Rheims Bible
For behold they are gone because of destruction: Egypt shall gather them together, Memphis shall bury them: nettles shall inherit their beloved silver, the bur shall be in their tabernacles.


Catholic ใช้ New Jerusalem Bible
www.catholic.org/bible
ขอยืม KJV ไบเบิ้ล


9:6 เพราะ ดูเถิด เขาหนีไปหมดแล้วเพราะเหตุความพินาศ อียิปต์จะรวบรวมเขาไว้ เมืองเมมฟิสจะฝังเขา ต้นตำแยจะยึดสิ่งประเสริฐที่ทำด้วยเงินของเขาไว้เสีย ต้นหนามจะงอกขึ้นในเต็นท์ของเขา
6 What a scene of devastastion they have left! Egypt will round them up, Memphis will bury them, nettles will inherit their fields and thorn-bushes invade their homesteads.



อย่างถูกต้องที่แปลถอดความคือ "nettles" (Urtica urens, U. dioica, U. pilulifera, U. membranacea, Poir.),

Urtica urens

Urtica urens, Small nettle, Dwarf stinger, Dog nettle,
סרפד צורף

Scientific name: Urtica urens
Common name: Small nettle, Dwarf stinger, Dog nettle
Hebrew name: סרפד צורף
Family: Urticaceae, סרפדיים




ชื่อ 'Urtica'มาจากภาษาลาตินว่า urere, "to burn," และ มีความหมายว่า the stonging hairs.กับคุณสมบัติของมันทำให้ระคายเคือง ปวดแสบ ซึ่งมันถูกใช้ในคำเปรียบเทียบอุปมาอุปมัย




Location: Philistean Plain, near the cowshed of Netzer Sirenie
Date Picture Taken: 11/05/09 08:59:23
Avinoam Danin

ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล ภาษาฮิบรู ได้ใช้คำที่แตกต่างกันไปคือ

Sirpad (סרפד)- ในอิสยาห์ Isaiah 55:13
Seravim (סרבים)- ใน เอเซเคียล Ezekiel 2:6
Harul (הרול)-ใน เศฟันยาห์Zephaniah 2:9


Location: Philistean Plain, near the cowshed of Netzer Sirenie
Date Picture Taken: 11/05/09 09:10:06
Avinoam Danin


และความหมายของมันพ้องกับ , the roots s-r-f และ h-a-r คำสองคำทั้งคู่ มีควาหมายคือ 'scorching ทำให้แสบร้อน ' หรือ 'burning '.


Dioscoridesไดออสคอรีด ปราชญ์ชาวกรีก (ca. 40-ca. 90), ได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับพืชสมุนไพรกับการแพทย์ไว้ nettleต้นไม้ป่าที่มีขนตามใบ และ เป็นพืชตะกูลเดียวกันกับ Urtica dioica,และมันใช้ในการรักษา บาดแผลที่เปื่อย แผลเป็นหนอง,การมีเลือดทางจมูก เลือดกำเดา และ ความชักช้าของการมีประจำเดือน


Location: Philistean Plain, near the cowshed of Netzer Sirenie
Date Picture Taken: 11/05/09 09:10:17
Avinoam Danin

บทกวีของเด็กๆๆในสมัยโบราณ "Hitty Pitty" กับความหมายของมันคือ
Nettles.

Hitty Pitty within the wall,
Hitty Pitty without the wall;
If you touch Hitty Pitty,
Hitty Pitty will bite you.


U. dioica,Stinging nettle Urtica dioica






U. pilulifera
Urtica pilulifera, Roman nettle

Scientific name: Urtica pilulifera
Common name Roman nettle
Hebrew name: סירפד הכדורים
Family: Urticaceae, סרפדיים








U. membranacea, Poir.
Urtica membranacea

Scientific name: Urtica membranacea
Common name Urtica membranacea
Hebrew name: סרפד קרומי
Family: Urticaceae, סרפדיים






ซึ่งถูกพบได้ในทุกๆที่บนพื้นที่ดินที่ถูกปล่อยปละละเลย รกร้าง ระหว่างดินแดนทะเลทรายมันเต็มไปด้วย ต้น Forskahlea tenacissima, ซึ่งเป็นต้นไม้ตะกูลเดียวกันกับ the Urtica.

Source://www.flowersinisrael.com/

The Hebrew University of Jerusalem
//flora.huji.ac.il/

Source ://www.newadvent.org/cathen/
12149a.htm
//www.catholic.org/bible/
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปัญจบรรพ คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม สารบบที่สอง Deuterocanonical Books คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ประวัติศาสตร์ Historical Booksคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
Newtesament พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ Update ครั้งที่ 3 คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
เพลงสดุดี Pslams คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปรีชาญาณ wisdom books
คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์



 

โดย: Bernadette 19 กันยายน 2552 16:55:19 น.  

 

Oil tree,ในภาษาฮิบรู ’es shemen (อิสยาห์ Isaiah 41:19; 1 พงค์กษัตริย์ Kings 6:23, 31-3; III Esdras เนหะมีย์ 8:15),

the olive-tree ต้นโอรีฟ ใน D. V.,และใช้คำว่า the oleaster ใน R. V.,และอย่างหลากหลายที่แตกต่างกันถูกและถอดความใน A. V.: "oil tree", "olive tree" และ "pine".

สิ่งสำคัญที่ถูกพบของข้อความที่แตกต่างกัน ที่ ’es shemen ได้ถูกระบุไว้ มันต้องเป็นต้นไม้ที่อุดมสมบรูณ์ ที่ผลิตน้ำมันหรือ เรซิน และ เป็นสัญญาลักษณ์ของความอุดมสมบรูณ์ให้ผลผลิตได้

มันเติบโตในภูเขาใกล้ๆกับกรุงเยรูซาเร็ม และ มันเต็มไปด้วยความหนาแน่นกับใบของมัน

Wild olive, oleaster, Elaegnus angustifolius (Arab., haleph), Balanites aegyptiaca, Del. (Arab. zaqqum),และยกเว้นแต่ บางชนิด ของต้น สน (pine)คือเป็นไปได้ที่ถูกให้ความหมาย

Wild olive
German: Quirl-Taennel
Hebrew Synonym: עץ-השמן המכסיף
Hebrew with Vowels: יִצְהָרוֹן מַכְסִיף

oleaster,Elaeagnus angustifolia (Arab., haleph)









Source :The Hebrew University of Jerusalem
//flora.huji.ac.il/
browse.asp?action=specie&specie=
ELAANG&fileid=13458

Balanites aegyptiaca (L.) Delile(Arab. zaqqum)
Hebrew with Vowels: זַקּוּם מִצְרִי
German: Schwarznessel






Location: Beit-Shean Valley, Tel Saharon


Location: Lower Jordan Valley, Auja el Takhta

Source :The Hebrew University of Jerusalem
//flora.huji.ac.il/browse.asp?action=specie&specie=BALAEG&fileid=34893


Olive tree, Olea europ?a,หนึ่งในของต้นไม้ที่มีคุณลักษณะพิเศษส่วนใหญ่อยู่ในเขตภูมิภาคของทะเลเมดิเตอเรเนียน และมันได้ถูกเพาะปลูกอย่างแพร่หลายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์
มันถูกการกล่าวถึงในพระคัมภีร์อย่างมากมาย

olives, เกษตรกรมี ใช้ น้ำมันโอรีฟ เป็นตัวปรุงรสสำหรับอาหาร เป็นยา,ยาทาภายนอก และ เชื้อเพลิงสำหรับแกะ ใช้ทำเป็นเทียน และสบู่ ต้น The olive tree ใช้เป็นสัญญาลักษณ์ของ ความอุดมสมบรูณ์ ความศักดิ์สิทธิ์ และความสุข และเป็นสัญญาลักษณ์แห่งความสงบ สันติ และ ความสำเร็จ

Olive tree
Olea europaea L.
Hebrew with Vowels: זַיִת אֵירוֹפִּי





Location: Mt. Carmel




Location: Jerusalem


Location: Jerusalem, Matsleva Valley

Source :The Hebrew University of Jerusalem
//flora.huji.ac.il/browse.asp?action=specie&specie=OLEEUR&fileid=28250


olive branch n. กิ่งก้านของต้นโอลิฟว์ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ
olive (ออล'ลิฟว) n. ต้นมะกอก,ผลหรือใบมะกอก


ข้อมูลทางด้านอนุกรมวิธาน มะกอกโอลีฟจัดอยู่ในอันดับ Ligustrais วงศ์ Oleaceae ซึ่งอยู่ในสกุลเดียวกับ Janminum (Jasmin), Phillyrea, Ligustrum(privet), Syringa (lilac),Fraxinus (ash), Fontanesia และ Olea (olive)

พันธุ์มะกอกที่จัดอยู่ในชนิด (species) Olea มีอยู่ 30 สายพันธุ์ด้วยกัน และพบอยู่กระจัดกระจายตามพื้นที่ต่างๆ บนโลกเรานี้ ในจำนวนนี้รวมมะกอกโอลีฟอยู่ด้วย ชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ Olea europaea L. สามารถจำแนกออกเป็นสองลำดับย่อยสปีชีส์ (sunspecies) ด้วยกัน คือ: oleaster ( wild olive tree) และ sativa ( olive )

จากข้อมูลล่าสุด Cifferi และ Chevalier เสนอให้มีการใช้ปัจจัยใหม่ๆ ในการจำแนกพันธุ์มะกอกโอลีฟตามหลักทางภูมิศาสตร์ โดยแบ่งตามลำดับย่อยของสปีชีส์ และสายพันธุ์มะกอกโอลีฟหรือ Olea europaea L. ไว้ดังนี้
* Euro-Mediterranean subspecies:
- Sativa group ( O.sativa Hoffm and Link )
- Oleaster group ( O.loeaster Hoffm and Link )
สายพันธุ์นี้ให้ลูกมะกอกที่มีเนื้อหนา มีปริมาณน้ำมันสูง และลักษณะดออกออกเป็นช่อ
* Laperrini subspecies : พบอยู่ทางฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกของโมร็อกโกจนถึงไซรีไนกา (ลิเบียด้านตะวันออก) ให้ลูกมะกอกที่มีขนาดเล็ก ปริมาณน้ำมันน้อย และไม่อาจนำมารับประทานได้
* Cuspidata subspecies: เป็นสายพันธุ์ที่เกิดเองตามธรรมชาติในเทือกเขาหิมาลัย รวมทั้งพื้นที่อื่นๆ ในทวีปเอเซีย ให้ลูกมะกอกที่มีขนาดเล็ก มีปริมาณน้ำมันน้อย และมิได้นำมาใช้ประโยชน์อย่างจริงจัง
Chevalier เชื่อว่า oleaster เป็นพันธุ์มะกอกที่เกิดการกลายพันธุ์เพราะถูกนำมาเพาะปลูก จากการตั้งข้อสังเกตว่าเมื่อใดที่ถูกปล่อยให้อยู่ตามธรรมชาติ ลักษณะของพืชป่าจะปรากฎ และลูกมะกอกก็มีขนาดที่ใหญ่ขึ้นอีกด้วย เขาจึงพิเคราะห์แล้วว่ามะกอกโอลีฟทั้งสองพันธุ์ควรจัดอยู่ในกลุ่มของ sativa เหมือนๆ กัน

Source ://www.rspg.thaigov.net/
experimental_project/olive/olive11.htm


นับเนื่องจากช่วง 600 ปีก่อนคริสตกาล มะกอกโอลีฟก็ได้แพร่ชยายไปทั่วทุกแห่งหนบนดินแดนรอบๆ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน จนจรดเมืองทริโปลี ตูนิส และเกาะซิซีลี อย่างไรก็ตาม Presta ได้บันทึกว่า บนดินแดนของอิตาลียุคโบราณนั้น ร่องรอยของไม้มะกอกสามารถสืบย้อนไปได้ถึง 300 ปีก่อนการล่มสลายของอาณาจักรทรอยจะบังเกิดขึ้น ( เมื่อ 1200 ปีก่อนคริสตกาล ) แต่มีผู้บันทึกเหตุการณ์สมัยโรมันอีกท่านหนึ่งคือ Fenestella ที่ยังคงยืนยันในทรรศนะเดิมที่เชื่อว่าได้มีการนำเอาพันธุ์ไม้มะกอกโอลีฟจากจากแหล่งอื่นเข้ามายังอิตาลีในรัชสมัยการปกครองของ Lucius Tarquinius Priscus ( 616 - 578 ปีก่อนคริสตกาล ) โดยสันนิษฐานว่าจะนำมาจากทริโปลี หรือ กาเบส (ตูนิเซีย) นั่นเอง



การเพาะปลูกมะกอกค่อยๆ แพร่ขยายอาณาเขตจากตอนใต้ละเรื่อยไปจนถึงตอนเหนือ ตั้งแต่คาลาเบรียจนจรดลิกูเรีย และเมื่อชาวโรมันเหยียบย่างเข้าสู่ดินแดนของแอฟริกาเหนือ ชาวเบอร์เบอร์ซึ่งเป็นชนพื้นถิ่นก็ได้เรียนรู้ถึงกรรมวิธีการเพาะพันธุ์ ขยายพันธุ์มะกอกป่า จนต่อมาการเพาะปลูกมะกอกก็แพร่ขยายอาณาเขตออกไปจนสุดลูกหูลูกตาภายใต้การยึดครองของอาณาจักรโรมัน
ชาวโรมันได้อาศัยมะกอกโอลีฟเป็นอาวุธในการล่าอาณานิคมดินแดนรอบๆ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนโดยสันติวิธี กล่าวคือ สนับสนุนให้มีการขยายเพาะปลูกอย่างต่อเนื่อง อันเป็นการลดแรงต่อต้านจากชนพื้นถิ่น สำหรับในมาร์ซาล์ซ ได้มีการนำพันธุ์ไม้มะกอกโอลีฟมายังดินแดนแห่งนี้สมัยราว 600 ปีก่อนคริสตกาล จนแพร่ขยายออกไปทั้วทั้งมณฑลกอล นอกจากนี้มะกอกโอลีฟบนเกาะซาดิเนียก็ปรากฎขึ้นในยุคสมัยโรมันนี้เช่นกัน ส่วนบนเกาะคอร์สิการ์นั้น เล่ากันว่าชนชาติเจนนัวเป็นผู้นำเอาต้นมะกอกโอลีฟเข้ามายังเกาะแห่งนี้ภายหลังจากการล่มสลายของอาณาจักรโรมัน
การเพาะปลูกมะกอกโอลีฟเริ่มแพร่ขยายเข้ามาถึงประเทศสเปนในยุคพินิเซียเป็นมหาอำนาจทางทะเล (1050 ปีก่อนคริสตกาล) นับตั้งแต่นั้นจนกระทั่งถึงสมัยที่จอมทัพซิปิโอแห่งอาณาจักร์โรมัน (212 ปีก่อนคริสตกาล) นำกำลังเข้ามา และแม้กระทั่งถึงยุคที่โรมันมีการออกกฎข้อบังคับขึ้น (45 ปีก่อนคริสตกาล) การเพาะขยายมะกอกโอลีฟในสเปนก็มิได้มีความโดดเด่นแต่อย่างใด ในช่วงหลังสงครามพูนิคครั้งที่สามนั่นเอง มะกอกโอลีฟเกิดการแพร่ขยายออกไปในอาณาบริเวณหุบเขาเบติกา และยังกระจายพื้นที่ไปถึงตอนกลางและบริเวณชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียนของดินแดนไอบีเรียเพนนินซูลา ทั้งนี้ผู้ที่นำเอาพันธุ์ไม้นานาชนิดไปสู่พื้นที่ทางตอนใต้ของสเปนก็คือชาวอาหรับ และชาวอาหรับก็ยังมีบทบาทสำคัญที่ทำให้สเปนมีการเพาะปลูกพืชอย่างมากมาย ด้วยเหตุนี้ ภาษาสเปนคำว่า olive ( aceituna ) คำว่า wild olive treee ( acebuche ) จึงมีรากศัพท์มาจากภาษาอาหรับนั่นเอง
เมื่อทวีปอเมริกาถูกค้นพบในปี ค.ศ.1492 การทำสวนมะกอกก็มิได้จำกัดอยู่เพียงแค่ดินแดนแถบเมดิเตอร์เรเนียนอีกต่อไป มะกอกโอลีฟต้นแรกจากเมืองซีวิลได้ลำเลียงเข้ามายังหมู่เกาะอินดีสตะวันตก จนต่อมาก็ข้ามฝั่งเข้ามาสู่ผืนแผ่นดินใหญ่บนทวีปอเมริกา ในราวปี ค.ศ. 1560 สวนป่ามะกอกก็เกิดขึ้นในเมืองเม็กซิโก เปรู แคลิฟอร์เนีย ชิลี และอาร์เจนตินา เมื่อต้นไม้ต้นหนึ่งระหกระเหินไปสู่แดนไกลครั้งแล้วครั้งเล่า จากสงครามหนึ่งสู่อีกสงครามหนึ่ง ต้นไม้ต้นนั้น ที่ยังยืนตระหง่านถึงวันนี้ ก็คือต้นมะกอกโอลีฟ the old Arauco olive tree
ยุคหลังต่อมา มะกอกโอลีฟได้แพร่พันธุ์ไปนอกเหนือดินแดนแถบเมดิเตอร์เรเนียน และในปัจจุบันนี้ สวนมะกอกฝรั่งก็ข้ามน้ำข้ามทวีปจากถิ่นกำเนิดดั้งเดิมไปไกลแสนไกล นับตั้งแต่ แอฟริกาเหนือ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และจีนแผ่นดินใหญ่

ถ้าจะหยิบยกเอาคำของนักกวี Duhamel ที่กล่าวเปรียบเปรยถึงความดาษดื่นของไม้มะกอกไว้ว่า " ณ ที่ใด ต้นมะกอกไม่อาจอยู่รอดได้ ณ ที่นั้น ชาวเมดิเตอร์เรเนียนก็ไม่อาจมีชีวิตได้เช่นกัน " กล่าวอย่างง่ายๆ ก็คือ " ที่ใดมีแสงอาทิตย์ส่อง ที่นั้นต้นมะกอกจะชอนไชรากลงดิน และแผ่ขยายออกไปอย่างเต็มที่ "


Source ://www.rspg.thaigov.net/
experimental_project/olive/olive3.htm




 

โดย: Bernadette 22 กันยายน 2552 21:44:25 น.  

 

Oil tree,ในภาษาฮิบรู ’es shemen (อิสยาห์ Isaiah 41:19; 1 พงค์กษัตริย์ Kings 6:23, 31-3; III Esdras เนหะมีย์ 8:15)

the olive-tree ต้นโอรีฟ ใน D. V.,และใช้คำว่า the oleaster ใน R. V.,และอย่างหลากหลายที่แตกต่างกันถูกและถอดความใน A. V.: "oil tree", "olive tree" และ "pine".
และยกเว้นแต่ บางชนิด ของต้น สน (pine)คือเป็นไปได้ที่ถูกให้ความหมาย

Compare Versions

อิสยาห์ Isaiah 41:19

New American Standard Bible (?1995)

"I will put the cedar in the wilderness, The acacia and the myrtle and the olive tree; I will place the juniper in the desert Together with the box tree and the cypress,

King James Bible
I will plant in the wilderness the cedar, the shittah tree, and the myrtle, and the oil tree; I will set in the desert the fir tree, and the pine, and the box tree together:

Douay-Rheims Bible
I will plant in the wilderness the cedar, and the thorn, and the myrtle, and the olive tree: I will set in the desert the fir tree, the elm, and the box tree together:

Source: //scripturetext.com/
isaiah/41-19.htm

คาทลิกใช้ New Jerusalem Bible
www.catholic.org/bible
ขอยืม KJV ไบเบิ้ล

ความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าและความอ่อนแอของมนุษย์

41:19 ในถิ่นทุรกันดารเราจะปลูกต้นสนสีดาร์ ต้นกระถินเทศ ต้นน้ำมันเขียว และต้นมะกอกเทศ ในทะเลทรายเราจะวางต้นสนสามใบ ทั้งต้นสนเขาและต้นไม้ที่เขียวชะอุ่มตลอดปีด้วยกัน
19 I shall plant the desert with cedar trees, acacias, myrtles and olives; in the wastelands I shall put cypress trees, plane trees and box trees side by side;


Compare Versions

1 พงค์กษัตริย์ Kings 6:23

New American Standard Bible (?1995)

Also in the inner sanctuary he made two cherubim of olive wood, each ten cubits high.

King James Bible
And within the oracle he made two cherubim of olive tree, each ten cubits high.

Douay-Rheims Bible
And he made in the oracle two cherubims of olive tree, of ten cubits in height.

รูปเครูบ
23 ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด พระองค์ทรงสร้างรูปเครูบสองตนด้วยไม้มะกอกเทศ
23 In the Debir he made two great winged creatures of wild-olive wood . . .It was ten cubits high.

เชิงอรรถ
บางคนคิดว่าตัวบทข้อนี้ไม่สมบรูณ์

Compare Versions

1 พงค์กษัตริย์ Kings 6: 31-3

New American Standard Bible (?1995)

31 For the entrance of the inner sanctuary he made doors of olive wood, the lintel and five-sided doorposts.
32 So he made two doors of olive wood, and he carved on them carvings of cherubim, palm trees,and open flowers, and overlaid them with gold; and he spread the gold on the cherubim and on the palm trees.
33 So also he made for the entrance of the nave four-sided doorposts of olive wood

King James Bible
31 And for the entering of the oracle he made doors of olive tree: the lintel and side posts were a fifth part of the wall.
32 The two doors also were of olive tree; and he carved upon them carvings of cherubim and palm trees and open flowers, and overlaid them with gold, and spread gold upon the cherubim, and upon the palm trees
33 So also made he for the door of the temple posts of olive tree, a fourth part of the wall

Douay-Rheims Bible
31 And in the entrance of the oracle he made little doors of olive tree, and posts of five corners,
32 And two doors of olive tree: and he carved upon them figures of cherubims, and figures of palm trees, and carvings very much projecting: and he overlaid them with gold: and he covered both the cherubims and the palm trees, and the other things with gold.
33 And he made in the entrance of the temple posts of olive tree foursquare:

Source ://scripturetext.com/
1_kings/6-33.htm

Catholic use New Jerusalem Bible Thai-Eng

ประตูและลานภายใน

31 พระองค์ทรงสร้างประตูสองบานตรงทางเข้าสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ประตูสองบานนี้ทำด้วยไม้มะกอกเทศ ประกอบกันเป็นรูปห้าเหลี่ยม
32 บานประตูทั้งสองบานที่ทำด้วยไม้มะกอกเทศนี้ แกะสลัลวดลายเป็นรูปเครูบ ต้นอินทผลัมและดอกไม้บาน บุด้วยทองคำ บานประตู รูปเครูและต้นอินทผลัมหุ้มด้วยทองคำ
33 กรอบประตูตรงทางเข้าสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทำด้วยไม้มะกอกเทศเป็นรูปสี่เหลี่ยม
31 He made the door of the Debir with uprights of wild-olive wood, and door jambs with five indented sections,
32 and the two leaves of wild-olive wood. He carved figures of great winged creatures, palm trees and rosettes which he overlaid with gold, and he gilded winged creatures and palm trees.
33 Similarly, he made uprights of wild-olive wood for the door of the Hekal, and door jambs with four indented sections,


เชิงอรรถ ประตู
การบรรยายถึงประตูในที่นี้เข้าใจยาก ต้นฉบับอาจถูกแก้ไขและมีศัพท์เทคนิคหลายคำที่เราไม่รู้ความหมายแน่นอน



III Esdras เนหะมีย์ 8:15
เอสราอ่านธรรมบัญญัติให้ประชาชนฟัง

15 เขาจึงประกาศเรื่องนี้แก่ทุกคนในทุกเมืองและในกรุงเยรูซาเล็มว่า "จงออกไปบนภูเขา นำกิ่งมะกอกเทศ กิ่งสน กิ่งต้นน้ำมันเขียว กิ่งอินทผลัม และกิ่งต้นไม้ใบดกอื่นๆ เพื่อสร้างเพิงตามที่มีเขียนไว้ในธรรมบัญญัติ
15 So they issued a proclamation and had it circulated in all their towns and in Jerusalem: 'Go into the hills and bring branches of olive, pine, myrtle, palm and other leafy trees to make shelters, as it says in the book.'

เชิงอรรถ เอสราอ่านธรรมบัญญัติให้ประชาชนฟัง
ลำดับเหตุการณ์ที่ควรจะเป็น คือ นหม บทที่ 8 น่าจะต้องต่อจาก อสร 8:36 คือเมื่อเอสรามาจากรุงบาบิโลนถึงกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อประกาศธรรมบัญญัติแก่ประชาชน (ดู อสร 7:25-26) ผู้แต่งพงศาวดารใช้บันทึกของเอสราที่ตรงนี้ใน นหม


ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับหนังสือ พงศาวดาร เอสรา และ เนหะมีย์
3) หนังสือเอสราและเนหะมีย์


หนังสือเอสราและเนหะมีย์แต่เดิมเป็นหนังสือฉบับเดียว คือ "หนังสือ เอสดราส Esdras" ในพระคัมภีร์ภาษาฮิบรูและภาษากรีกฉบับ LXX แต่เนื่องจากว่าพระคัมภีร์ภาษากรีกฉบับ LXX ยังรักษาหนังสือนอกสารบบภาษากรีกอีกเล่มหนึ่งซึ่งมีชื่อว่า "เอสดราส Esdras.และจัดให้อยู่ในอันดับแรก โดยเรียกว่า
"เอสดราส ฉบับที่ 1 หรือ Esdras I"
พระคัมภีร์ภาษากรีกฉบับ LXX จึงเรียหนังสือ เอสรา-เนหะมีย์ว่า
"เอสดราส ฉบับที่ 2 หรือ Esdras II"

ต่อมาคริสตชนได้แยกหนังสือนี้ออกเป็นสองฉบับ และพระคัมภีร์ภาษาละตินฉบับ Vulgata ก็แบ่งหนังสือฉบับนี้ตามไปด้วย แต่เรียกหนังสือ
"เอสดราส ฉบับที่ 1 หรือ Esdras I" ว่า "หนังสือเอสรา"
และเรียกหนังสือ
"เอสดราส ฉบับที่ 2 หรือ Esdras II" ว่า "หนังสือเนหะมีย์"

แล้วเรียกหนังสือนอกสารบบ
""เอสดราส ฉบับที่ 1 หรือ Esdras I" ว่า
"หนังสือเอสดราส ฉบับที่ 3 (Esdras III)

พระคัมภีร์ฉบับนี้ของเรา "หนังสือเอสรา"และ หนังสือ เนหะมีย์" เรียกชื่อตามบุคคลเอกที่เกี่ยวข้อง
ส่วนหนังสือ "เอสดราส" นอกสารบบนั้น ถ้าเราจะกล่าวถึงใน เชิงอรรถ เราจะเรียกว่า "1 Esd."
ส่วนเรื่องความสำคัญที่ 1 Esd. มีต่อพระคัมภีร์ฉบับอืนนั้น ให้ดูที่ อสร 1:6 เชิงอรรถ g


ธรรมจารย์ชื่อเอสรา
ในรัชสมัยของพระเจ้าอารทาเซอร์ซิส ธรรมจารย์ชื่อเอสรา ซึ่งเป็นผู้แทนชาวยิวในราชสำนักเปอร์เซีย ก็มาถึงกรุงเยรูซาเร็มพร้อมกับผู้กลับจากเนรเทศอีกกลุ่มหนึ่ง โดยได้รับมอบหมายเป็นทางการให้นำ "ธรรมบัญญัติของโมเสส" ซึ่งกษัตริย์เปอร์เซียทรงรับรองแล้ว มาใช้เป็ฯกฎหมายปกครองชาวยิว

เนหะมีย์
เนหะมีย์พนักงานเชิญถ้วยเสวยของพระเจ้า อารทาเซอร์ซิส ก็ได้รับพระราชอนุญาติให้มาที่กรุงเยรูซาเล็มเพื่อ จัดการสร้างกำแพงเมือง แม้จะถูกชาวสะมะเรียคอยขัดขวาง งานก่อสร้างก็สำเร็จลงไปในไม่ช้าและประชากรก็เข้ามาพำนักในกรุงเยรูซาเล็มอีกครั้งหนึ่ง (นหม 1:1-7:72ก)

ในช่วงเวลานั้น เนหะมีย์ยังได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ว่าราชการแคว้นยูดาห์อีกด้วย
เอสราได้จัดให้มีการอ่านหนังสือ "ธรรมบัญญัติ" อย่างสง่าให้ประชาชนฟัง มีการฉลองเทศกาลอยู่เพิง ประชาชนสารภาพบาปของตนและสัญญาจะปฎิบัติตามธรรมบัญญัติ (นหม 7:72ข-10:40)

Source : ย่อๆๆคร่าวๆๆ รบกวนอ่านเองที่ หน้า 582-589
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม "ประวัติศาสตร์ HISTORICAL BOOKS"
คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรม แผนกพระคัมภีร์


Source ://www.newadvent.org/cathen/
12149a.htm
//www.catholic.org/bible/
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปัญจบรรพ คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม สารบบที่สอง Deuterocanonical Books คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ประวัติศาสตร์ Historical Booksคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
Newtesament พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ Update ครั้งที่ 3 คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
เพลงสดุดี Pslams คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปรีชาญาณ wisdom books
คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์


 

โดย: Bernadette 22 กันยายน 2552 21:45:48 น.  

 

Olive, Wild ต้นมะกอกป่า




มันไม่ใช่ the oleaster, El?agnus angustifolia มันคือพืชธรรมดาทั่วไปที่เกิดขึ้นทุกหนทุกแห่งในดินแดนปาเลสไตน์ แต่มันถูกเพาะปลูกโดยการหว่านเมล็ด the Olea europ?a มันคือต้นมะกอกที่เกิดจากการทาบกิ่ง ตอนกิ่ง







โรม Romans 11:17, 24
ชาวยิวยังคงเป็นประชากรที่พระเจ้าทรงเลือกสรร

17 ถ้ากิ่งบางกิ่งถูกตัดออกไป และท่าน ซึ่งเป็นต้นมะกอกป่าถูกนำมาทาบเข้ากับ กิ่งที่ยังไม่ถูกตัดของต้นมะกอกบ้าน ท่านก็มีส่วนรับน้ำเลี้ยง ที่อุดมสมบรูณ์ของต้นมะกอกบ้านด้วย
24 ท่านที่เป็นมะกอกป่าตามธรรมชาติ ยังถูกนำมาทาบเข้ากับต้นมะกอกบ้านอย่างฝืนธรรมชาติได้ พวกเขาที่เป็นมะกอกบ้านอยู่แล้ว ตามธรรมชาติ ก็ย่อมจะถูกนำมาทาบกับต้นมะกอกพันธุ์เดียวกันได้ง่ายขึ้น
17 Now suppose that some branches were broken off, and you are wild olive, grafted among the rest to share with the others the rich sap of the olive tree;
24 After all, if you, cut off from what was by nature a wild olive, could then be grafted unnaturally on to a cultivated olive, how much easier will it be for them, the branches that naturally belong there, to be grafted on to the olive tree which is their own.

เชิงอรรถ
ถ้ากิ่งบางกิ่งถูกตัดออกไป และท่าน "หมายถึง คริสตชนที่ไม่ใช่ชาวยิว"
ซึ่งเป็นต้นมะกอกป่าถูกนำมาทาบเข้ากับ" หรือ ในที่ของ"
ท่านก็มีส่วนรับน้ำเลี้ยง "บางฉบับอ่านว่า มีส่วนในรากและรับน้ำเลี้ยง"





Source ://www.newadvent.org/cathen/
12149a.htm
//www.catholic.org/bible/
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปัญจบรรพ คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม สารบบที่สอง Deuterocanonical Books คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ประวัติศาสตร์ Historical Booksคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
Newtesament พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ Update ครั้งที่ 3 คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
เพลงสดุดี Pslams คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปรีชาญาณ wisdom books
คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์


 

โดย: Bernadette 28 กันยายน 2552 9:52:42 น.  

 

อันนี้ลองดูของ flowersinisreal

Olea europaea, Olivetree,
זית אירופי

Scientific name: Olea europaea
Common name: Olivetree
Hebrew name: זית אירופי
Arabic name: زيتون, Zaytun
Family: Oleaceae, זיתיים


Location: Jerusalem, Garden of Gethsemane;

Life form: Tree
Leaves: Opposite, entire
Flowers: Green, yellow
Flowering Period: April, May
Habitat: Mediterranean maquis and forest
Distribution: Mediterranean Woodlands and Shrublands, Semi-steppe shrublands, Montane vegetation of Mt. Hermon
Chorotype, טיפוס התפוצה: Mediterranean
Summer shedding: Perenating

Derivation of the botanical name:
Olea ελαια, an olive.
europaea, European.

ปฐมกาล Genesis 8:11-22
น้ำลดระดับ

11 ครั้นถึงเวลาเย็น นกพิราบก็กลับมาหาเขา และคาบมะกอกเทศกิ่งเล็กๆ มีใบเขียวและปล่อยนกพิราบออกไปอีกครั้งหนึ่ง มันไม่กลับมาหาเขาอีกเลย
11 In the evening, the dove came back to him and there in its beak was a freshly-picked olive leaf! So Noah realised that the waters were receding from the earth.

ที่เหลือรบกวนเปิดอ่านเองยาว


อพยพ Exodus 30:23-25
น้ำมันที่ใช้เจิม

23 "ท่านจงนำเครื่องหอมอย่างดีต่อไปนี้ คือ มดยอบเหลวหนักห้าร้อยบาท อบเชยหอมหนักครึ่งหนึ่งคือสองร้อยห้าสิบบาท ตะไคร้หอมหนักสองร้อยห้าสิบบาท
24 การะบูนหนักห้าร้อยบาท ทั้งหมดนี้ชั่งตามน้ำหนักบาทมาตรฐานที่เก็บไว้ในสักการสถาน และน้ำมันมะกอกเทศประมาณเจ็ดลิตร
25 ท่านจะนำเครื่องหอมทั้งหมดนี้มาปรุงตามวิธีการของผู้ปรุงน้ำหอม ทำเป็นน้ำมันสำหรับการเจิมศักดิ์สิทธิ์

เชิงอรรถ ยาวว



Derivation of the botanical name:
Olea ?????, an olive.
europaea, European.

เฉลยธรรมบัญญัติ Deuteronomy,8.8
การประจญล่อลวงในแผ่นดินแห่งพันธสัญญา

8 เป็นแผ่นดินที่ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ องุ่น มะเดื่อเทศ ทับทิม มะกอกเทศขึ้นงาม มีน้ำมันและน้ำผึ้งบริบรูณ์
8 a land of wheat and barley, of vines, of figs, of pomegranates, a land of olives, of oil, of honey,

สำหรับเป็นเวลาหลายพันปี กิ่งของช่อมะกอกเคยถูกใช้เป็นเครื่องหมายของ ความสงบสุข สันติภาพ และ ความมีไมตรีจิต นับแต่นั้นเป็นต้นมา จึงถือกันว่า กิ่งช่อมะกอกคือ สัญญาลักษณ์แห่งสันติภาพ
การแทนสิ่งต่างๆ ด้วยสัญลักษณ์นี้มีต้นกำเนิดมาจาก เรื่องราวของในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล

ปฐมกาล Genesis 8:10-11
น้ำลดระดับ

10 เขาคอยอยู่อีกเจ็ดวัน จึงปล่อยนกพิราบออกไปจากเรืออีก
11 ครั้นถึงเวลาเย็น นกพิราบก็กลับมาหาเขา และคาบมะกอกเทศเล็กๆ มีใบเขียวสดมาด้วย โนอาห์จึงรู้ว่า น้ำลดจากพื้นแผ่นดินแล้ว
10 After waiting seven more days, he again released the dove from the ark.
11 In the evening, the dove came back to him and there in its beak was a freshly-picked olive leaf! So Noah realised that the waters were receding from the earth.

กิ่งของช่อมะกอกเล็กๆ ถูกนำกลับมาที่เรือของโนอาห์โดยนกพิราบ



Location: Jerusalem, Garden of Gethsemane;

เทพนิยายวิทยา(เทพนิยายโบราณ)ของชาวกรีก ต้นมะกอกคือใช้ในการสักการะ เทพธิดาเอเธนAthene (เทพเจ้ากรีกแห่งปัญญาความอุดมสมบูรณ์ศิลป์)เพราะ ต้นมะกอกได้ออกดอกระหว่าง ช่วงที่เทพธิดาต่อสู้กับ เทพเจ้า โปเซดอนPoseidon(เทพเจ้าแห่งคลื่นลมทะเล แผ่นดินไหว)จึงถือกันว่า ต้นมะกอกเป็นสัญญาลักษณ์ของ การใช้ปัญญาตัดสินใจอย่างเฉียบแหลม ในคุณลักษณะของเทพธิดาเอเธน


เทพนิยายวิทยา(เทพนิยายโบราณ)ของชาวกรีก ได้พรรณาไว้ว่า ต้นมะกอกนั้นคือของขวัญจากพระ เจ้า (the godsหลายองค์ เติม s)มันคือตัวแทนของ พละกำลัง และสันติสุข
พละกำลัง หมายถึง การมีชีวิตยืนยาว และ ความเจริญรุ่งเรืองบนผืนดินที่แห้งแล้วปราศจากพืชผล
สันติสุข เป็นไปได้มากที่หมายถึง การถือสันโดษ ความนิ่ง ความเงียบอย่างสงบ สมถะ ศานติสุข

กับความมีเหตุผลนี้นั้นคือผู้ชนะในกีฬาโอลิมปิคเกมส์ของชาวกรีกโบราณ ซึ่งมันคือตัวแทนกับบางอย่างของความดีเลิศของความแข็งแรงและสันติภาพ มันถูกใช้เป็นรางวัล the "kotynos"หรีดทำจากกิ่งของช่อมะกอกป่า หรีดของช่อมะกอกป่า หรือมงกุฎ คือรางวัลสูงสุดที่ถูกให้โดยประชากรชาวกรีกในยุคโบราณ


Homerโฮเมอร์ (นักกวีชาวกรีกโบราณผู้ประพันธ์เรื่อง IliadและOdyssey)เรียกต้นมะกอกว่า "liquid gold"

น้ำมันมะกอกมีบทบาทในเกือบจะทุกแง่ทุกมุมของรูปแบบการดำเนินชีวิตประจำวันในหลักฐานทางโบราณคดีของชาวอิสราเอล และความสำคัญนี้ ถูกสะท้อนให้เห็นในหลายๆบทกวี หรือคำประพันธ์

เฉลยธรรมบัญญัติ Deuteronomy 28:40
คำสาปแช่ง

40 ท่านจะปลูกต้นมะกอกเทศทุกแห่งในเขตแดนของท่าน แต่จะไม่ได้น้ำมันมะกอกมาใช้ชโลมตัว เพราะผลมะกอกจะร่วงก่อนสุก
40 You will grow olive trees throughout your territory but not anoint yourself with the oil, since your olive trees will be cut down.


ผู้วินิจฉัย Judges 9:9
นิทานของโยธาม

9 ต้นมะกอกเทศตอบว่า
"ข้าพเจ้าจะต้องเลิกผลิตน้ำมัน
ที่ใช้ถวายเกียรติแด่เทพเจ้าและมนุษย์
ไปแกว่างไกวอยู่เหนือต้นไม้อื่นๆ หรือ?"
9 The olive tree replied, 'Must I forgo my oil which gives honour to gods and men, to stand and sway over the trees?'

และมันเป็นส่วนประกอบของน้ำมันใช้เจิมของพระสมณะชั้นสูง

อพยพ Exodus 30:24
น้ำมันใช้เจิม

24 การะบูนหนักห้าร้อยบาท ทั้งหมดนี้ชั่งตามน้ำหนักบาทมาตรฐานที่เก็บไว้ในสักการสถาน และน้ำมันมะกอกเทศประมาณเจ็ดลิตร
24 five hundred shekels (reckoning by the sanctuary shekel) of cassia, and one hin of olive oil.

เชิงอรรถยาว



การแสดงออกของการเจิมน้ำมัน คือถูกเรียกกันว่า "meshikha" ในคำของภาษาฮิบรูสำหรับ ผู้รับเจิม คือ พระเมสิยาห์ messiah


การจัดหาน้ำมันได้อย่างมากมายคือสัญญาลักษณ์ของความเจริญรุ่งเรือง น้ำมันที่มีปริมาณมากเกินพอ สามารถเก็บกักตุนไว้สำหรับเป็นเวลาถึงหกปี ตัวอย่างเช่น การเก็บกักตุนของมันซึ่งมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับประชาชน ในสมัยของ King ดาวิด โยอาชดูแลคลังน้ำมันมะกอกเทศ


I พงศวดาร Chronicles 27:28
ผู้บริหารทรัพย์สมบัติของราชสำนัก

28 บาอัลคานันชาวเกเดอร์เป็นผู้ดูแลสวนมะกอกเทศและสวนมะเดื่อที่อยู่ตามลาดเชาเซเฟลาห์ โยอาชดูแลคลังน้ำมันมะกอกเทศ
28 Overseer of olive and sycamore trees in the Shephelah: Baal-Hanan of Geder. Overseer of oil supplies: Joash.


น้ำมันมะกอกโดยพื้นฐานเป็นส่วนสำคัญทั้งหมดในมุมมองรูปแบบการดำเนินชีวิตของชาวยิว มันถูกผลิตเพื่อพิธีกรรมทางศาสนาอย่างไร้มลอทิน และมันถูกใช้เป็นไขมันอาหารเป็นส่วนใหญ่ และให้แสงสว่าง ใช้สำหรับทำเป็นเครื่องประทินโฉม น้ำหอมและ ครีม น้ำมันนวดตัว

มันถูกใช้นวดขัดถูบนร่างกายผสมกับน้ำมันต่างๆและมันขจัดสิ่งสปรกบนผิวหนัง และต่อจากนั้น ขจัดสิ่งสปรกต่างๆด้วยกรรมวิธีที่เรียกว่า strigil(กรรมวิธีอาบน้ำแบบโรมัน ห้องเตรียมตัวก่อนการอาบน้ำ ณ ที่นี้ น้ำมัน ฝุ่น หรือ เศษสิ่งสกปรกต่างๆจะถูกขัดชะล้างออกไปด้วยกรรมวิธีที่เรียกว่า strigil ) และ sickle-like คือเครื่องมือในการขัดถูก ( ชาวโรมันที่ร่ำรวยให้ทาสมาใช้เครื่องมือขัดถูให้)


Location: Jerusalem, Garden of Gethsemane;

สิ่งที่ไม่ธรรมดาสำหรับระบบรากของต้น the olive tree คือ ความลับกับการดำรงอยู่ของมัน ในที่ซึ่งแห้งแล้ง ที่เต็มไปด้วยหิน ของถิ่นที่อยู่ มันเป็นพืชที่ให้ผลผลิตดี อย่างไรก็ตาม ต้นไม้นี้มันต้องการการเอาใจดูแลอย่างตลอดปี ต้องระมัดระวังการตัดเล็มกิ่ง การเพาะปลูก และการผสมพันธ์หนึ่งในคุณลักษณะของต้นthe olive tree มันผลิแตกหน่อ งอกใหม่ อยู่เป็นประจำ


ในช่วงเวลาของพระคัมภีร์ไบเบิ้ล มะกอก อยู่บ่อยๆที่มะกอกมันเติบโตขึ้นโดยตรงจากการแตกหน่องอกใหม่ ชาวสวนมะกอกจะเลือก หน่อ ที่งอกใหม่ จากต้นไม้ที่ดีที่สุดของเค้า และย้ายมัน และการเพาะปลูกต้นอ่อนของพวกเค้า จะดูแลอย่างระมัดระวัง



บทเพลงสดุดี Psalm 128:3


บทเพลงของผู้แสวงบุญ
3 ภรรยาของท่านเป็นดั่งเถาองุ่นที่มีผลตกภายในบ้านของท่าน
บุตรขอท่านจะเป็นเหมือนหน่อต้นมะกอกเทศนั่งอยู่รอบ
โต๊ะอาหาร
3 Your wife a fruitful vine in the inner places of your house. Your children round your table like shoots of an olive tree.

เชิงอรรถ
พระเจ้าทรงอวยพรผู้จงรักภักดี



ในเดือนพฤษภาคม ต้นมะกอกเริ่มออกดอก และในฤดูใบไม้ร่วง มันให้ผลิตผล และมันถูกเก็บเกี่ยว อย่างพิถีพิถัน


Source ://www.flowersinisrael.com/
Oleaeuropaea_page.htm
Source ://www.newadvent.org/cathen/
12149a.htm
//www.catholic.org/bible/
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปัญจบรรพ คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม สารบบที่สอง Deuterocanonical Books คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ประวัติศาสตร์ Historical Booksคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
Newtesament พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ Update ครั้งที่ 3 คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
เพลงสดุดี Pslams คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปรีชาญาณ wisdom books
คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์









 

โดย: Bernadette 28 กันยายน 2552 10:38:02 น.  

 

Palm tree อินทผลัม


(Heb. tamar),หรือ the date-palm characteristic of Palestine.

คือ Ph?nix dactylifera คือชื่อวิทยาศาสตร์
the date palm: date[N] ผลอินทผลัม, Syn. date palm

อินทผลัม [N] date palm, See also: Phoenix dactylifera Linn., Syn. อินทผาลัม, Thai definition: ชื่อปาล์มชนิด Phoenix dactylifera Linn. ในวงศ์ Palmae ผลกินได้





อินทผลัม ในภาษาฮิบรู คือ thamar(อพยพ Exodus 15:27)

อพยพ Exodus 15:27
II การเดินทางผ่านถิ่นทุรกันดาร
น้ำขม

27 ต่อมา เขาทั้งหลายมาถึงเอลิม ที่นั่นมีตาน้ำอยู่สิบสองตา และมีต้นอินทผลัมเจ็ดสิบต้น เขาจึงตั้งค่ายอยู่ริมน้ำที่นั่น
27 So they came to Elim where there were twelve springs and seventy palm trees; and there they pitched camp beside the water.

เชิงอรรถ
น้ำขม เรื่องนี้มาจากตำนานของยาห์วิสต์ หรือเป็นการรวมตำนานยาห์วิสต์และเอโลฮิสต์เข้าด้วยกัน ส่วนข้อ 26 เป็นลีลาการเขียนของตำนานเฉลยธรรมบัญญัติ

คำว่า tomer (ผู้วินิจฉัย Judges 4:5)
นางเดโบราห์

5 นางมักจะนั่งใต้ต้นปาล์ม ซึ่งอยู่ระหว่างเมืองรามาห์กับเมืองเบธเอลในแถบภูเขาเอฟราอิม ต้นปาล์มนั้นจึงได้ชื่อว่า "ต้นปาล์มของนางเดโบราห์" ชาวอิสราเอลจะไปที่นั้นให้นางตัดสินคดี
5 She used to sit under Deborah's Palm between Ramah and Bethel in the highlands of Ephraim, and the Israelites would come to her for justice.

เชิงอรรถ
นางเดโบราห์ เป็นประกาศกหญิงเช่นเดียวกับมีเรียม อพย 15:20 และฮุลดาห์ 2 พกษ 22:14
และยังพิจารณาคดีความในนามพระยาห์เวห์อีกด้วย






อินทผลัมที่เจริญเติบโตในปัจจุบันนี้มีอยู่เพียงแค่ในที่ราบซึ่งมีพื้นที่ติดกับทะเล แต่ในหุบเขาจอร์แดน
Jordan Valley,เอนกาดี Engaddi,ภูเขา Mount Olivet และ ในพื้นที่ท้องถิ่นพื้นเมืองอื่นๆในหลายๆ ที่มีชื่อเสียงทางประวัติศาสตร์ สำหรับ ป่าละเมาะของต้นอินทผลัมเหล่านั้นของพวกเขา

อย่างแท้จริง ความอุดมสมบรูณ์ของต้น อินทผลัม อย่างมั่นใจได้ในบริเวณของสถานที่ ชวนทำให้คิดว่าชื่อของสถานที่เหล่านั้นคือ

Ph?nicia (Phoenix) มาจากภาษากรีก Greek pho?niks

Engaddi เอนแกดดี ในสมัยก่อนชื่อ Hazazon Thamar, i.e.ควาหมายคือ "Palm grove",

Jericho เยรีโค วลีหรือฉายาต่อท้ายชื่อ (คำโบราณ) ความหมายคือ "the City of Palm trees"

Bethany เบทธานี "the house of dates บ้านของอินทผาลัม "

ท่ามกลางสถานที่เหล่านี้ มันเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดี

ผลอินทผลัมDates เป็นอาหารหลักที่สำคัญของชาวเบดูอิน Bedouins( อาหรับในทะเลทราย,อาหรับที่ร่อนเร่พเนจร) ซึ่งไม่เหมือนกับ ต้นมะเดื่อ figs ที่ไม่ต้องทำให้แห้ง และนำมันเข้าไปบดเข้าด้วยกันกับแป้งขนมเค๊ก แต่พวกเขาแบ่งแยกมัน ไวน์อินทผลัม มันเป็นที่รู้จักกันดีในทางตะวันออกโดยตลอด และ ยังคงทำกันอยู่บางสถานที่เพียงเล็กน้อย




date honey (เดา อินทผลัมเชื่อมงะ)(Hebrew debash; cf. Arab. dibs)เป็นหนึ่งในของหวานที่เป็นของโปรดของชาวตะวันออกในทวีปเอเซียเสมอ

มีการอุปมากล่าวถึงอย่างมากมายของต้นอินทผลัม ที่อยู่ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล และก็เช่นกันอย่างเด่นชัดที่เห็นต้น อินทผลัมในการประดับตกแต่งของในสถาปัตยกรรม

(Hebrew timmorah, 1 พงค์กษัตริย์ Kings 6:29).
รูปเครูป

29 ฝาผนังของพระวิหารทั้งด้านในและด้านนอก แกะสลักลวดลายเป็นเครูป ต้นอินทผลัมและดอกไม้บาน
29 All round the Temple walls he carved figures of winged creatures, palm trees and rosettes, both inside and outside.

เชิงอรรถ ฝาผนังของพระวิหารทั้งด้านในและด้านนอก
ที่นี่และในข้อ 30 คงจะหมายถึง "สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด "(=ด้านใน- ข้อ 27)
และ "สถานที่ศักดิ์สิทธิ์" (=ด้านนอก )


Phoenix dactylifera, Date Palm, תמר מצוי
LINK: Date palm buds after 2.000 years in Ketura

Scientific name: Phoenix dactylifera
Common name Date Palm
Hebrew name: תמר מצוי
Arabic name: Hagna, ةنجح
Family: Arecaceae / Palmae, דקליים



Location: Beit Shean Valley

Life form: Phanerophyte, tree
Leaves: Alternate, entire, spinescent
Flowers: Green
Flowering Period: April, May
Habitat: Humid habitats
Distribution: Mediterranean Woodlands and Shrublands, Semi-steppe shrublands, Shrub-steppes, Deserts and extreme deserts
Chorotype, טיפוס התפוצה: Saharo-Arabian
Summer shedding: Perenating


Location: Beit Shean Valley

ชื่ออื่นๆ : ปาล์มไต้หวัน
ชื่อพฤกษศาสตร์ : Phoenix dactylifera L.
วงศ์ : PALMAE

อินทผลัมเป็นปาล์มที่มีหน่อและขึ้นเป็นกอ สูงได้ถึง 30 เมตร ต้นสูงคล้ายมะพร้าว แต่มีกาบก้านใบห่อหุ้มต้นติดดินแน่น แม้หลุดจากต้นก็มีรอยก้านใบเป็นรูปเกล็ดปลาเรียงตามต้นน่าดู ก้านทางใบมีหนามแหลมยาว ใบ ยาวประมาณ 6 เมตร ทางใบชี้ตรงขึ้นไป ไม่โค้งลง ปลายใบแหลมคม สีเขียวอ่อน ใต้ใบสีเทา ช่อดอกออกระหว่างกาบใบ ดอก ดก ผล ดก ทำให้ดึงทะลายห้อยลง ผลสีขาวนวล หอมอ่อนๆ รูปกลมยาวรี ประมาณ 50 ซม.ผลอ่อนสีเขียว สุกสีแดงจัด เหลือง ส้ม แล้วแต่ชนิดพันธุ์ การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด แยกหน่อ ประโยชน์ เป็นไม้ประดับ บางพันธุ์ ผลรับประทานได้ รสหวานจัด ใช้ทำอาหารแปรรูป ถิ่นกำเนิด เอเชียตะวันตกและแอฟริกาเหนือ

Source ://www.wangtakrai.com/panmai/
detail.php?id=271
//www.flowersinisrael.com/Phoenixdactylifera_page.htm

The Hebrew University of Jerusalem

//flora.huji.ac.il/browse.asp?action
=specie&specie=PHODAC&fileid=15101

Source ://www.flowersinisrael.com/
Oleaeuropaea_page.htm
Source ://www.newadvent.org/cathen/
12149a.htm
//www.catholic.org/bible/
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปัญจบรรพ คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม สารบบที่สอง Deuterocanonical Books คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ประวัติศาสตร์ Historical Booksคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
Newtesament พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ Update ครั้งที่ 3 คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
เพลงสดุดี Pslams คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปรีชาญาณ wisdom books
คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์

 

โดย: Bernadette 29 กันยายน 2552 14:14:17 น.  

 

ลองมา ดูPalm tree ของฉบับ [EBD]

ภาษาฮิบรู (Heb. tamar),อินทผลัม the date-palคือลักษณะของพืชเฉพาะในดินแดนปาเลสไตน์ มันได้ถูกอธิบายไว้ และให้ความหมาย






"flourishing เจริญงอกงาม" (บทเพลงสดุดีPs. 92:12),


เพลงสดุดี บทเพลง สำหรับวันสับบาโต

12 ผู้ชอบธรรมจะเจริญงอกงามดั่งต้นอินทผลัม
จะเติบโตประดุจสนสีดาห์แห่งเลบานอน
12 The upright will flourish like the palm tree, will grow like a cedar of Lebanon.
เชิงอรรถ


ซึ่งเป็นสัญญาลักษณ์หมายถึงความงามของสตรีsymbol of beauty
( Song of Solomon บทเพลงโซโลมอน Cant. 7:7-9),

บทเพลงที่ 5

7 ที่รัก ความชื่นชมของฉัน
เธอช่างสวยชวนมอง
8 รูปทรงของเธอตั้งตรงเหมือนต้นอินทผลัม
ถันของเธอเหมือนพวกผลอินทผลัม
9 ฉันจึงคิดว่า ฉันปืนขึ้นต้นอินทผลัม
ไปจับพวงผลไว้
ถันของเธอจงเป็นเหมือนพวงองุ่น
ลมหายใจของเธอจงหอมเหมือนผลแอบเปิ้ลเถิด
7 How beautiful you are, how charming, my love, my delight!
8 In stature like the palm tree, its fruit-clusters your breasts.
9 I have decided, 'I shall climb the palm tree, I shall seize its clusters of dates!' May your breasts be clusters of grapes, your breath sweet-scented as apples,

เชิงอรรถ
"ความชื่นชมของฉัน" แปลตามตัวอักษรว่า "ในความชื่นชม"ข้อ 7-10 แสดงถึงความปรารถนาของหนุ่มที่จะเป็นเจ้าของร่างกายของสาวคู่รัก

"ต้นอินทผลัม" ในพระคัมภีร์มีสตรีสามคน ปฐก 38:6, 2 ซมอ 13:1, 14:27 ซึ่งมีชื่อว่า "ทามาร์" ที่แปลว่า "ต้นอินทผลัม" ซึ่งเป็นสัญญาลักษณ์หมายถึงความงามของสตรี

Compare Versions

"มันตั้งขึ้นเหมือนต้นอินทผลัม upright" (เยเรมีย์ Jer. 10:5).


New American Standard Bible (?1995)
"Like a scarecrow in a cucumber field are they, And they cannot speak; They must be carried, Because they cannot walk! Do not fear them, For they can do no harm, Nor can they do any good."

King James Bible
They are upright as the palm tree, but speak not: they must needs be borne, because they cannot go. Be not afraid of them; for they cannot do evil, neither also is it in them to do good.

Douay-Rheims Bible
They are framed after the likeness of a palm tree,
and shall not speak: they must be carried to be removed, because they cannot go. Therefore, fear them not, for they can neither do evil nor good.

Source://scripturetext.com/
jeremiah/10-5.htm

คาทอลิกใช้ New Jerusalem Bible
www.catholic.org/bible
ขอยืม KJV ไบเบิ้ล

พระเจ้ากับบรรดารูปเคารพ
10:5 มันตั้งขึ้นเหมือนต้นอินทผลัม มันพูดไม่ได้ คนต้องขนมันไป เพราะมันเดินไม่ได้ อย่ากลัวมันเลย เพราะมันทำร้ายไม่ได้ มันก็ทำดีไม่ได้ด้วย"
5 Like scarecrows in a melon patch, they cannot talk, they have to be carried, since they cannot walk. Have no fear of them: they can do no harm -- nor any good either!'


กิ่งของมันคือเครื่องหมายแห่งชัยชนะ (วิวรณ์ Rev. 7:9).
รางวัลของบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์

9 หลังจากนั้นข้าพเจ้าเห็นนิมิต ประชาชนมากมายเหลือคณานับจากทุกชาติทุกเผ่าทุกประเทศและทุกภาษา กำลังยืนอยู่เฉพาะพระบัลลังก์และเฉพาะพระพักตร์ลูกแกะ ทุกคนสวมเสื้อขาวถือใบปาล์ม
9 After that I saw that there was a huge number, impossible for anyone to count, of people from every nation, race, tribe and language; they were standing in front of the throne and in front of the Lamb, dressed in white robes and holding palms in their hands. They shouted in a loud voice,

เชิงอรรถ
"ทุกภาษา " การสนธนาโต้ตอบเช่นนี้ ดูศคย 4:4-13 และ 6:4-5
"ถือใบปาล์ม"


ดินแดนปาเลซสไตน์ ที่สมบรูณ์ถูกเรียกโดยชาวกรีก และชาวโรมัน ชาวโฟนีเซีย i.e. ซึ่งพวกเค้าเรียกดินแดนนี้ว่า "the land of palms."


Tadmor ในทะเลทรายถูกเรียกโดยชาวกรีก และชาวโรมัน ชาวปาล์มไมร่าPalmyra, i.e., ว่า "the city of palms." มันคือตัวอย่างของความสวยงามที่ชวนมองของต้นอินทผลัม ที่เติบโตในเมืองเยริโค Jericho

(เฉลยธรรมบัญญัติ Deut. 34:3)
มรณะกรรมของโมเสส

3 แคว้นนัฟทาลี แผ่นดินเอฟราอิม และมนัสเสห์ แผ่นดินทั้งหมดของยูดาห์จนถึงทะเลเมดิเตอเรเนียน
ดินแดนเนเกบ และที่ราบเยริโค เมืองต้นอินทผลัม ไปจนถึงเมืองโศอาร์
3 the Negeb, and the region of the Valley of Jericho, city of palm trees, as far as Zoar.

เชิงอรรถ มรณะกรรมของโมเสส


เมือง โศอาร์ ตั้งอยู่ทางใต้ของทะเลตาย ดูปฐก 19:20 ส่วนเมืองเยรีโคอยู่ทางเหนือ







ปาล์มไมร่า (Palmyra) เป็นเมืองโบราณของกรีกโบราณ อยู่ในประเทศซีเรีย คำว่า ปาล์มไมร่า เป็นภาษากรีก แปลว่า ดินแดนที่อุดมไปด้วยต้นปาล์ม โดยมีชื่อปรากฏในพระคัมภีร์ว่า Tadmor-In-The-Wilderness [1]เมืองปาล์มไมร่าตั้งอยู่ระหว่างเมือง อีมีซ่า (Emesa) และเมืองดูร่า ยูโรโปส (Dura-Europos) ซึ่งทั้งสองเป็นเมืองท่าสำคัญ ทำให้ ปาล์มไมร่าเป้นที่พักกองคาราวานค้าขาย และเป็นที่พบปะแลกเปลี่ยนสินค้า

ในPalmyraแห่ง นี้จะเป็น oasis ที่มีพื้นที่ครอบคลุมใน DamascusและEuphratesอย่างละครึ่ง ที่นี่ยังเป็นจุดศูนย์กลางทางการค้าที่สำคัญระหว่างตะวันตกกับตะวันออก จนกระทั่งศตวรรษที่3 Chinesesilks(เส้นทางสายไหม)

Source: wiki=ปาล์มไมร่า

ดินแดน เอนกีดี Engediและ ที่ริมฝั่งแม่น้ำ ของจอร์แดน กิ่งของอินทผลัมถูกถือใช้ในงานฉลอง ของสถานที่ประกอบพิธีถวายเครื่องบูชา

(เลวีนิติ Lev. 23:40)
การกล่าวถึงเทศกาลอยู่เพิงอีกครั้งหนึ่ง

40 ในวันแรก ท่านจะต้องนำผลไม้ที่ดีที่สุด กิ่งปาล์ม กิ่งไม้ที่มีใบ และกิ่งไม้จากริมฝั่งแม่น้ำพระพัมา ท่านจะฉลองกันเป็นเวลาเจ็ดวันเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน
40 On the first day you will take choice fruit, palm branches, boughs of leafy trees and flowering shrubs from the river bank, and for seven days enjoy yourselves before Yahweh your God.

เชิงอรรถ การกล่าวถึงเทศกาลอยู่เพิงอีกครั้งหนึ่ง
ข้อความตอนนี้ได้เพิ่มเติมในภายหลัง คือสมัยหลังเนรเทศ เน้นความชื่นชมรื่นเริงของเทศการอยู่เพิงเช่นเดียวกับข้อความใน ฉธบ 16:13-16 และทำให้เทศกาลนี้เข้าไปสัมพันธ์กับการเดินทางอพยพในถิ่นทุรกันดาร ข้อ 43


(มัทธิว Matt. 21:8-9;ยอร์น John 12:13)

มัทธิว Matt. 21:8-9
พระเมสสิยาห์เสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็ม

8 ประชาชนจำนวนมากปูเสื้อคลุมของตนบนทางเดิน บางคนตัดกิ่งไม้มาวางตามทางเดิน
9 ประชาชนทั้งที่เดินไปข้างหน้าและที่ตามมาข้างหลัง ต่างโห่ร้องว่า
" โฮซานนา แด่โอรสของกษัตริย์ดาวิด
ขอถวายพระพรแด่ผู้มาในพระนาม
ขององค์พระผู้เป็นเจ้า
โฮซานนา ณ สวรรค์สูงสุด "
8 Great crowds of people spread their cloaks on the road, while others were cutting branches from the trees and spreading them in his path.
9 The crowds who went in front of him and those who followed were all shouting: Hosanna to the son of David! Blessed is he who is coming in the name of the Lord! Hosanna in the highest heavens!

เชิงอรรถ
"โฮซานนา" เป็นคำภาษาฮิบรู ความหมายแรกคือ "โปรดช่วยให้รอดพ้น" ต่อมากลายเป็นคำอุทาน ชโย โห่ร้องต้อนรับ

ยอร์น John 12:13
พระเมสิยาห์เสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็ม

13 จึงถือใบปาล์ม ออกไปรับเสด็จพลางร้องว่า
" โฮซานนา
ขอถวายพระพรแด่พระองค์ ผู้เสด็จ
มาในพระนามของพระเจ้า
ขอถวายพระพรแด่กษัตริย์แห่งอิสราเอล"
13 They took branches of palm and went out to receive him, shouting: 'Hosanna! Blessed is he who is coming in the name of the Lord, the king of Israel.'

เชิงอรรถ
" กษัตริย์แห่งอิสราเอล" หมายถึง พระเมสิยาห์ คำ " โฮซานนา" เป็นภาษาอาราเมอิก เมื่อใช้เป็นคำอุทาน หมายถึง "ไชโย"

Source ://net.bible.org/dictionary.php?word=palm%20tree

Source ://www.flowersinisrael.com/
Oleaeuropaea_page.htm
Source ://www.newadvent.org/cathen/
12149a.htm
//www.catholic.org/bible/
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปัญจบรรพ คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม สารบบที่สอง Deuterocanonical Books คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ประวัติศาสตร์ Historical Booksคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
Newtesament พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ Update ครั้งที่ 3 คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
เพลงสดุดี Pslams คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปรีชาญาณ wisdom books
คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์


 

โดย: Bernadette 29 กันยายน 2552 21:26:18 น.  

 

ลองดูฉบับของ Palm Tree [NAVE]
PALM TREE



Dates อินทผลัม


Fresh dates, clockwise from top right: crunchy, crunchy opened, soft out of skin, soft.



"ต้นปาล์มของนางเดโบราห์" ชาวอิสราเอลจะไปที่นั้นให้นางตัดสินคดี ,ผู้วินิจฉัย Judg. 4:5.


ไม้ของมันถูกใช้ในพระวิหาร, 1พงค์กษัตริย์ Kin. 6:29, 32, 35; 2พงศวดาร Chr. 3:5.

เอเซเคียลเห็นนิมิตพระวิหาร เอเซเคียล Ezek. 40:16; 41:18.


จึงถือใบปาล์ม ออกไปรับเสด็จพลางร้องว่า
" โฮซานนา แสดงความยินดีเมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็ม ยอร์น John 12:13.


เมืองเยริโค Jerichoถูกเรียกว่า the City of Palm Trees,
เฉลยธรรมบัญญัติ Deut. 34:3.


ผู้ชอบธรรมจะเจริญงอกงามดั่งต้นอินทผลัม, บทเพลงสดุดี Psa. 92:12.

ถูกใช้เป็นสัญญาลักษณ์แห่งชัยชนะ ,วิวรณ์ Rev. 7:9.


Source ://net.bible.org/dictionary.php?word=palm%20tree

Source ://www.flowersinisrael.com/
Oleaeuropaea_page.htm
Source ://www.newadvent.org/cathen/
12149a.htm
//www.catholic.org/bible/
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปัญจบรรพ คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม สารบบที่สอง Deuterocanonical Books คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ประวัติศาสตร์ Historical Booksคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
Newtesament พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ Update ครั้งที่ 3 คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
เพลงสดุดี Pslams คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปรีชาญาณ wisdom books
คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์

 

โดย: Bernadette 30 กันยายน 2552 21:24:33 น.  

 

ลองดูของ PALM TREE ฉบับ [SMITH]





ในภาาษาฮิบรูคือ (tamar)ภายใต้ของคำศัพย์ ตะกูลของพืช สปีชีย์ และรวมถึงชื่อในทางพฤกษศาสตร์ the date palm, the Phoenix dactylifera of Linnaeus. ขณะที่ต้นไม้นี้มีอยู่อย่างอุดมสมบรูณ์ ในดินแดน the Levant
(ความหมาย แถบลิแวนต์ คือแผ่นดินแถวฝั่งตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน),ปาเลสไตน์ ในสมัยโบราณ และภูมิภาคใกล้เคียง อย่างไรก็ตามตอนนี้มันไม่ค่อยจะมีมากมายนัก


มีสถานที่อย่างมากมายซึ่งถูกอ้างถึงอยู่ใน คัมภีร์ไบเบิ้ลขณะที่มีความสัมพันธ์กับต้น palm trees

เมืองเอลิม Elim ที่นั่นมีตาน้ำอยู่สิบสองตา และมีต้นอินทผลัมเจ็ดสิบต้น
(อพยพ Exodus 15:27 )

เมืองเยรีโค Jerichoคือเมืองของ "palm trees."
(เฉลยธรรมบัญญัติ Deut. 34:3.)

Hazezon-tamar,มีความหมายคือ "the felling of the palm tree," อย่างชัดเจนในแหล่งที่มาต้นกำเนิดของมัน ที่เหล่านั้น เรียกอีกว่า Tamar,ความหมายคือ "the palm."อย่างเช่นเดียวกัน

19 ทางด้านใต้เขตแดนจะยื่นจากทามาร์จนถึงน้ำแห่งการโต้เถียงในคาเดช แล้วเรื่อยไปตามแม่น้ำถึงทะเลใหญ่ นี่เป็นเขตด้านใต้
(เอเซเคียล Ezekiel 47:19)

เบธธานี Bethany มีความหมายคือ "house of dates บ้านของอินทผลัม"

Phoenicia (Phoenix) มาจากภาษากรีก Greek phoeniks มีความหมายคือ Palm
คำว่า โฟนีเซีย Phoenicia ซึ่งมันเกิดขึ้นสองครั้งในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่
แคว้น ฟีเนเซีย Phoenicia (กิจการ Acts 11:19; 15:3)


Tamar,ความหมายคือ "the palm."อย่างเช่นเดียวกัน

Tamar ทำให้นึกถึง ชื่อของสตรีในบางครั้งคราว
Tamar ทามาร์ (ปฐมกาล Genesis 38:6; 2ซามูเอล Samuel 13:1; 14:27)

ผู้ชอบธรรมจะเจริญงอกงามดั่งต้นอินทผลัม บทเพลงสดุดี (Psalms 92:12)

ข้อความ ใน (วิวรณ์ Revelation 7:9)
รางวัลของบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์
9 หลังจากนั้นข้าพเจ้าเห็นนิมิต ประชาชนมากมายเหลือคณานับจากทุกชาติทุกเผ่าทุกประเทศและทุกภาษา กำลังยืนอยู่เฉพาะพระบัลลังก์และเฉพาะพระพักตร์ลูกแกะ ทุกคนสวมเสื้อขาวถือใบปาล์ม
9 After that I saw that there was a huge number, impossible for anyone to count, of people from every nation, race, tribe and language; they were standing in front of the throne and in front of the Lamb, dressed in white robes and holding palms in their hands. They shouted in a loud voice,

กิ่งปาล์มถูกใช้โดยชาวยิว กิ่งของมันคือเครื่องหมายแห่งชัยชนะ และสันติ

Source ://net.bible.org/dictionary.php?word=palm%20tree

Source ://www.flowersinisrael.com/
Oleaeuropaea_page.htm
Source ://www.newadvent.org/cathen/
12149a.htm
//www.catholic.org/bible/
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปัญจบรรพ คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม สารบบที่สอง Deuterocanonical Books คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ประวัติศาสตร์ Historical Booksคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
Newtesament พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ Update ครั้งที่ 3 คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
เพลงสดุดี Pslams คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปรีชาญาณ wisdom books
คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์


 

โดย: Bernadette 1 ตุลาคม 2552 0:19:52 น.  

 

PALM TREE [ISBE]

PALM TREE - pam'-tre

tamar,คือชื่อเหมือนกันกับภาษาอาราเมอิก และภาษา Ethiopic,แต่ในภาษาอารบิกใช้คำว่า "date";






คำว่า phoinix:

เอลิม ที่นั่นมีตาน้ำอยู่สิบสองตา และมีต้นอินทผลัมเจ็ดสิบต้น (อพยพ Ex 15:27)


ในวันแรก ท่านจะต้องนำผลไม้ที่ดีที่สุด กิ่งปาล์ม กิ่งไม้ที่มีใบ และกิ่งไม้จากริ่มฝั่งน้ำมา ท่านจะฉลองกันเป็นเวลาเจ็ดวันเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน (เลวีนิติ Lev 23:40)

ที่เอลิมมีตาน้ำสิบสองแห่ง และมีต้นอินทผลัมเจ็ดสิบต้น เขาจึงตั้งค่ายที่นั่น
(กันดารวิถี Nu 33:9)

เมืองเยริโค Jerichoถูกเรียกว่า the City of Palm Trees,
(เฉลยธรรมบัญญัติ Dt 34:3)


ลูกหลานของโฮบับ ชาวเคไนต์ บิดามารดาของโมเสส ขึ้นไปพร้อมกับชนเผ่ายูดาห์จากเมืองดงอินทผลัม (ผู้วินิจฉัย Jdg 1:16;)


กษัตริย์เอกโลนทรงร่วมมือกับชาวอัมโมนและชาวอามาเลขเข้ามาโจมตีชนชาวอิสราเอล และยึดเมืองดงอินทผลัม (ผู้วินิจฉัย Jdg 3:13)

นำกลับไปให้ญาติพี่น้องของเขาที่เมืองเยรีโค ซึ่งเป็นเมืองที่มีต้นอินทผลัม แล้วจึงกลับไปยังกรุงสะมะเรีย (2พงศวดาร Ch 28:15)

จงออกไปบนภูเขา นำกิ่งมะกอกเทศ กิ่งสน กิ่งต้นน้ำมันเขียว กิ่งอินทผลัม และกิ่งต้นไม้ใบตกอื่นๆ
เพื่อสร้างเพิงตามที่มีเขียนไว้ในธรรมบัญญัติ (เนหะมีย์ Neh 8:15)

ผู้ชอบธรรมจะเจริญงอกงามดั่งต้นอินทผลัม (บทเพลงสดุดี Ps 92:12)

รูปทรงของเธอตั้งตรงเหมือนต้นอินทผลัม (บทเพลงโซโลมอนSong 7:8f)

เถาองุ่นก็เหี่ยว ต้นมะเดื่อก็แห้งไป ต้นทับทิม ต้นอินทผลัม และต้นแอบเปิ้ล ต้นไม้ในนาทั้งสิ้นก็เหี่ยวไป เพราะความยินดีก็เหี่ยวไปจากบุตรทั้งหลายของมนุษย์(โยเอล Joel 1:12);


tomer

นางมักจะนั่งใต้ต้นปาล์ม ซึ่งอยู่ระหว่างเมืองรามาห์กับเมืองเบธเอลในแถบภูเขาเอฟราอิม ต้นปาล์มนั้นจึงได้ชื่อว่า "ต้นปาล์มของนางเดโบราห์ (ผู้วินิจฉัยJdg 4:5)

มันตั้งขึ้นเหมือนต้นอินทผลัม มันพูดไม่ได้ คนต้องขนมันไป เพราะมันเดินไม่ได้ อย่ากลัวมันเลย เพราะมันทำร้ายไม่ได้ มันก็ทำดีไม่ได้ด้วย (เยเรมีย์ Jer 10:5);


timorah (ใช้ในรูปของพหูพจน์มากกว่าหนึ่ง )

ต้นปาล์มมีส่วนสำคัญใน ในเชิงสถาปัตยกรรม

ฝาผนังของพระวิหารทั้งด้านในและด้านนอก แกะสลักลวดลายเป็นเครูป ต้นอินทผลัมและดอกไม้บาน (1 พงค์กษัตริย์ Ki 6:29)

บานประตูทั้งสองบานที่ทำด้วยไม้มะกอกเทศ บุด้วยทองคำ บานประตูรูปเครูปและต้นอินทผลัมหุ้มด้วยทองคำ
(1 พงค์กษัตริย์ Ki 6:29,32,35; 7:36;)

แกะสลับรูปเครูบ ต้นอินทผลัมและดอกไม้บาน หุ้มด้วยทองคำอย่างปราณีตเสมอ
(1 พงค์กษัตริย์ Ki 6:35)

ฮีเรียมสลักรูปเครูปสิงโตและต้นอินทผลัมบนที่ว่าง และยังแกะสลักพวงรีดไว้ทั่วไป
(1 พงค์กษัตริย์ Ki 7:36)

ทรงบุห้องโถงใหญ่ด้วยไม้สนสองใบและทองคำเนื้อดี ทรงประดับห้องนั้นด้วยลวดลายต้นอินทผลัมและลูกโซ่
(2พงศวดาร Ch 3:5; )

ในฉบับภาษากรีก

ดั่งต้นสนเลบานอนมีกิ่งใบ ปกคลุมเหมือนต้นปาล์มตั้งอยู่โดยรอบ(บุตรสิรา Ecclesiasticus 50:12 )

จึงถือใบปาล์ม ออกไปรับเสด็จพลางร้องว่า โฮซานนา (ยอร์น Jn 12:13 )

ถูกใช้เป็นสัญญาลักษณ์แห่งชัยชนะ(วิวรณ์ Rev 7:9)


Next.........


Source ://net.bible.org/dictionary.php?word=palm%20tree

Source ://www.flowersinisrael.com/
Oleaeuropaea_page.htm
Source ://www.newadvent.org/cathen/
12149a.htm
//www.catholic.org/bible/
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปัญจบรรพ คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม สารบบที่สอง Deuterocanonical Books คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ประวัติศาสตร์ Historical Booksคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
Newtesament พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ Update ครั้งที่ 3 คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
เพลงสดุดี Pslams คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปรีชาญาณ wisdom books
คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์


 

โดย: Bernadette 1 ตุลาคม 2552 13:16:04 น.  

 

Palm Trees






1. Palm Trees:

ต้นปาล์ม ชื่อพฤษศาสตร์ Phoenix dactylifera (Natural Order Palmeae), Arabic nakhl คือต้นไม้ในช่วงเวลาเริ่มแรกที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันกับ ผู้คนชาวเซเมติก

ในดินแดนปาเลสไตน์ ใบปาล์มปรากฎบนภาชนะประดับเครื่องปั้นดินเผา ย้อนกลับไปถึง
1800 BC (compare PEF, Gezer Mere., II, 172).

ในอียิปต์กับรูปแบบที่ไม่เปลี่ยนแปลงของลำต้นของต้นปาล์มที่สูงมาก มีบทบาทสำคัญในยุคแรกงานสถาปัตยกรรม

และในหมวดหมู่ของหนังสือเล่มหนึ่งของพระคัมภีร์ไบเบิล (the Hebrews) มันถูกใช้ในการตกแต่งประดับประดาพระวิหาร
(1พงค์กษัตริย์ Ki 6:29,32,35; 7:36; 2 พงศวดาร Ch 3:5).

มันคือสัญญาลักษณ์ของความสวยงาม (บทเพลงโซโลมอน Song 7:8)

และผู้ชอบธรรม (บทเพลงสดุดี Ps 92:12-14)

ต้นปาล์มหรือกิ่งของมันถูกใช้อย่างแพร่หลาย การผลิตเหรียญของชาวยิว และ อย่างเห็นได้ชัด ปรากฎที่ให้เห็นเป็นสัญญาลักษณ์ ของเหรียญที่ฉลอง Judea Capta coins of Vespasian(ตอนกรุงเยรูซาเล็มแตก เวสปาเซียน เกณท์ชาวยิว และทรัพย์สมบัติทั้งในพระวิหารด้วย มาสร้างสนามกีฬาโคโลเซียมอะ ) หลังจากนั้น สถาปัตยกรรมที่โดดเด่นที่มีบทบาทสำคัญในการประดับตกแต่งศาลาธรรมของชาวกาลิลี e.g และที่ Tell Chum (Capernaum).


เหรียญ Judaea Capta คือเหรียญที่ระลึกออกครั้งแรกโดย จักรพรรดิ์ เวสปาเซียน เพื่อเฉลิมฉลอง การจับกุมชาวยูเดียและทำลายพระวิหารของชาวยิวในกรุงเยรูซาเล็ม โดยพระโอรส ทิทัส Titus ในปี ที่ 70 AD ระหว่างการกบฎครั้งแรกของชาวยิว


2.ความอุดมสมบรูณ์ของต้นปาล์มในดินแดนปาเลสไตน์ ยุคโบราณ

ดินแดนปาเลสไตน์ในปัจจุบันนี้ ต้นปาล์มไม่เป็นที่สนใจกันมากนัก มีเพียงป่าเล็กๆหมู่ไม้เท่านั้น เว้นแต่ บริเวณที่ราบชายฝั่งทะเล และที่บริเวณอ่าว Akka,Jaffa และ Gaza;

ครั้งหนึ่งต้นปาล์มมันเจริญเติบโตบนภูเขา the Mount of Olives
จงออกไปบนภูเขา นำกิ่งมะกอกเทศ กิ่งสน กิ่งต้นน้ำมันเขียว กิ่งอินทผลัม และกิ่งต้นไม้ใบตกอื่นๆ
เพื่อสร้างเพิงตามที่มีเขียนไว้ในธรรมบัญญัติ(เนหะมีย์ Neh 8:15),

และเมืองเยรีโค เป็นที่รู้จักกันอย่างมาช้านาน "city of palm-trees" (เฉลยธรรมบัญญัติ Dt 34:3; ผู้วินิจฉัย Jdg 1:16; 3:13; 2พงศวดาร Ch 28:15; ประวัติศาสตร์ของ โยเซฟาส Josephus BJ, IV, viii, 2-3),

ภายใต้ชื่อ Hazazon-tamar (2 พงศวดาร Ch 20:2),
ผู้ที่มาทูลกษัตริย์เยโฮชาฟัทว่า กองทัพใหญ่จากอีกฟากหนึ่งของทะเลตายและจากเอโดม กำลังมาสู้รบกับพระองค์ และบัดนี้เขามาอยู่ที่ฮาซาโซนทามาร์ คือ เอนกาดี แล้ว

เอนกาดี En-gediในสมัยโบราณเคยเป็นสถานที่ปรากฎของต้นปาล์ม และเราเรียนรู้ว่ามันเคยมีอยู่ที่นี้ในประวัติศาสตร์ภายหลัง

เมืองนี้อีกด้วย ถูกเรียกว่า Tamar ("date palm") ปรากฎใกล้ๆกับทางตะวันตกเฉียงใต้ของทะเลสาบ the Dead Sea (เอเซเคียล Ezek 47:19; 48:28).

ทางด้านใต้เขตแดนจะยื่นจากทามาร์จนถึงน้ำแห่งการโต้เถียงในคาเดช แล้วเรื่อยไปตามแม่น้ำถึงทะเลใหญ่ นี่เป็นเขตด้านใต้
(เอเซเคียล Ezek 47:19;)

ประชิดกับเขตแดนของกาดทางทิศใต้เขตแดนนั้นจะยื่นจากเมืองทามาร์ ถึงน้ำแห่งการโต้เถียงในคาเดช แล้วเรื่อยไปตามแม่น้ำถึงทะเลใหญ่
(เอเซเคียล Ezek 48:28)


3.กิ่งปาล์ม :

กิ่งของต้นปาล์มถูกใช้เป็นสัญญาลักษณ์ของความคิดเห็นที่แตกต่างกันอย่างหลากหลาย

กิ่งของต้นปาล์มที่ถูกใช้ใน ( อิสยาห์ Isa 9:13; 19:15)

ขอยืม Kjv ไบเบิ้ล
พระเยโฮวาห์จึงจะทรงตัดหัวตัดหางออกเสียจากอิสราเอล ทั้งกิ่งก้านและต้นกกในวันเดียว
ของคาทอลิก New Jerusalem Bible
13 hence Yahweh has topped and tailed Israel, cutting off palm and reed in a single day.
(อิสยาห์ Isa 9:13)

ขอยืม Kjv ไบเบิ้ล
ไม่มีอะไรที่จะกระทำได้เพื่อช่วยอียิปต์ ซึ่งหัวก็ดี หางก็ดี หรือกิ่งก้านก็ดี ต้นกกก็ดี ไม่อาจจะทำได้
ของคาทอลิก New Jerusalem Bible
15 Nowadays no one does for Egypt what top and tail, palm and reed used to do.
( อิสยาห์ Isa 19:15)

กิ่งปาล์มปรากฎในตอนต้นของช่วงเวลาความชื่นชมรื่นเริงของเทศกาลอยู่เพิง

(เลวีนิติ Lev 23:40;เทียบ เนหะมีย์ Neh 8:15; 2 มัคคาบี Macc 10:7).

(เลวีนิติ Lev. 23:40)
การกล่าวถึงเทศกาลอยู่เพิงอีกครั้งหนึ่ง
40 ในวันแรก ท่านจะต้องนำผลไม้ที่ดีที่สุด กิ่งปาล์ม กิ่งไม้ที่มีใบ และกิ่งไม้จากริมฝั่งแม่น้ำพระพัมา ท่านจะฉลองกันเป็นเวลาเจ็ดวันเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน
40 On the first day you will take choice fruit, palm branches, boughs of leafy trees and flowering shrubs from the river bank, and for seven days enjoy yourselves before Yahweh your God.

เชิงอรรถ การกล่าวถึงเทศกาลอยู่เพิงอีกครั้งหนึ่ง
ข้อ ความตอนนี้ได้เพิ่มเติมในภายหลัง คือสมัยหลังเนรเทศ เน้นความชื่นชมรื่นเริงของเทศการอยู่เพิงเช่นเดียวกับข้อความใน ฉธบ 16:13-16 และทำให้เทศกาลนี้เข้าไปสัมพันธ์กับการเดินทางอพยพในถิ่นทุรกันดาร ข้อ 43

จงออกไปบนภูเขา นำกิ่งมะกอกเทศ กิ่งสน กิ่งต้นน้ำมันเขียว กิ่งอินทผลัม และกิ่งต้นไม้ใบตกอื่นๆ
เพื่อสร้างเพิงตามที่มีเขียนไว้ในธรรมบัญญัติ (เทียบ เนหะมีย์ Neh 8:15)

บัดนี้เขาถือท่อนไม้ทำด้วยเถาวัลย์ และถือกิ่งไม้เขียวหรือกิ่งปาล์ม เดินขบวนร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า ผู้ทรงช่วยให้เขาชำระพระวิหารของพระองค์ได้(เทียบ 2 มัคคาบี Macc 10:7)


รูปแบบของกิ่งปาล์มยังคงมีความสำคัญthe lulabh( ความหมายคือ กิ่งปาล์ม 'a branch,'หรือ 'palm-branch,')ถูกถือเป็นประจำสำหรับชาวยิวที่เคร่งศาสนาที่ไปศาลาธรรม ในระหว่าง เทศกาลเฉลิมฉลอง หลังจากนั้นมันถูกเชื่อมต่อกันกับมโนคติของการยินดีกับชัยชนะ Simon Maccabeus ซีโมน มัคคาบี

(1มัคคาบี Macc 13:51 the King James Version; เทียบ 2 มัคคาบี Macc 10:7)

วันที่ยี่สิบสามของเดือนที่สอง ปีหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเอ็ด ศักราชกรีก ชาวยิวเข้าไปในป้อมอัครา ขับร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า โบกกิ่งปาล์ม ดีดพิญเล็กพิญใหญ่ ตีฉิ่งฉาบ เขาโห่ร้องและขับร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า เพราะเขาได้ขจัดศตรูตัวฉกาจออกไปจากอิสราเอลแล้ว
(1มัคคาบี Macc 13:51)

เชิงอรรถ ปีหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเอ็ด ศักราชกรีก
ตรงกับเดือนมิถุนายน ปี 141 ก ค ศ เหตุการณ์นี้เป็นการสิ้นสุดการยึดครองกรุงเยรูซาเล็มโดยกองทัพของกษัตริย์ราชวงค์เลวซิค ซึ่งเริ่มต้นในปี 167 ก ค ศ ดู12:36

บัดนี้เขาถือท่อนไม้ทำด้วยเถาวัลย์ และถือกิ่งไม้เขียวหรือกิ่งปาล์ม เดินขบวนร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า ผู้ทรงช่วยให้เขาชำระพระวิหารของพระองค์ได้
(เทียบ 2 มัคคาบี Macc 10:7)


กับความคิดมโนคติเดียวกันที่ใช้กิ่งปาล์ม
จึงถือใบปาล์ม ออกไปรับเสด็จพลางร้องว่า " โฮซานนา แสดงความยินดีเมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็ม ( ยอร์น Jn 12:13)

หลังจากนั้นข้าพเจ้าเห็นนิมิต ประชาชนมากมายเหลือคณานับจากทุกชาติทุกเผ่าทุกประเทศและทุกภาษา กำลังยืนอยู่เฉพาะพระบัลลังก์และเฉพาะพระพักตร์ลูกแกะ ทุกคนสวมเสื้อขาวถือใบปาล์ม
(วิวรณ์ Rev 7:9).


Source ://net.bible.org/dictionary.php?word=palm%20tree

Source ://www.flowersinisrael.com/
Oleaeuropaea_page.htm
Source ://www.newadvent.org/cathen/
12149a.htm
//www.catholic.org/bible/
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปัญจบรรพ คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม สารบบที่สอง Deuterocanonical Books คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ประวัติศาสตร์ Historical Booksคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
Newtesament พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ Update ครั้งที่ 3 คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
เพลงสดุดี Pslams คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปรีชาญาณ wisdom books
คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์





 

โดย: Bernadette 1 ตุลาคม 2552 21:00:13 น.  

 

Pen




Pen,ในบทเพลง สดุดี Psalm 44:2 และเยรีมีย์ Jeremiah 8:8,
เป็นไปได้มากคือ ลำก้านของ Arundo donax,ซึ่งมันถูกใช้สำหรับการเขียนด้วยลายมือในสมัยโบราณ และมันถูกใช้ทางตะวันออกในปัจจุบันนี้อีกด้วย



"Bamboo Reed Pens - Arundo Donax"

(Encyclopaedia Britannica 1893: Pen).

for Calligraphers. Each pen is a single piece of bamboo, one end hand cut as a nib. Barrel thickness 1.5cm approx.
Source ://www.heatoncooper.co.uk
/eshop1/product.php?xProd=422&xSec=60

บทเพลง สดุดี Psalm 44:2
English (Douay-Rheims)


บทเพลงสดุดีนี้ มีสองระบบ ระบบ the Septuagint (พระธรรมเก่า ภาษากรีก) และระบบ the Masoretic(แบบเมสโซเรติก)

ในระบบ the Masoretic(แบบเมสโซเรติก พระธรรมเก่า ภาษาฮิบรู) ซึ่งถูกใช้ในสมัยปัจจุบันของการแปลถอดความพระคัมภีร์ไบเบิ้ล เรียกบทเพลงสดุดีนี้ว่า บทเพลงสดุดี Psalm 45 และ ในสมัยก่อนโบราณเป็นที่รู้จักกันในบทเพลง สดุดี Psalm 44


2 My heart hath uttered a good word: I speak my works to the king: My tongue is the pen of a scrivener that writeth swiftly.

Source: //www.newadvent.org/bible/
psa044.htm#vrs2Source


บทเพลง สดุดี Psalm 45:1


สำหรับหัวหน้านักขับร้อง ตามทำนองเพลง "ดอกลิลลี่"
บทกวีสอนใจของลูกหลานโคราห์ เพลงรัก

1 ถ้อยคำอันไพเราะหลั่งไหลออกมาจากหัวใจของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าร้องเพลงถวายพระราชา
ลิ้นของข้าพเจ้าเป็นประดุจปากกาของนักเขียนผู้เชี่ยวชาญ
1 [For the choirmaster Tune: 'Lilies . . .' Of the sons of Korah Poem Love song] My heart is stirred by a noble theme, I address my poem to the king, my tongue the pen of an expert scribe.

เชิงอรรถ


"ดอกลิลลี่" คำนี้จะพบอีกในคำนำของ สดด 60,69และ 80 อาจเป็นชื่อของเพลซึ่งมีทำนองที่รู้จักกันดี บางคนคิดว่าคำนี้หมายถึงเครื่องดนตรีที่ใช้ประกอบ คล้ายพิณ

คาทอลิกใช้ New Jerusalem Bible
www.catholic.org/bible
ขอยืม Kjv ไบเบิ้ล

เยรีมีย์ Jeremiah 8:8
ความบาปและการทรยศของยูดาห์

8:8 เจ้าจะพูดได้อย่างไรว่า `เรามีปัญญา และพระราชบัญญัติของพระยาห์เวห์ก็อยู่กับเรา' แต่ดูเถิด แน่นอนเขาทำอย่างไร้ประโยชน์ คือปากกาของพวกอาลักษณ์ได้ทำอย่างไร้ประโยชน์
8 How can you say, 'We are wise, since we have Yahweh's Law?' Look how it has been falsified by the lying pen of the scribes!

Arundo donax, Giant reed, Cyprus cane, עבקנה שכיח

Scientific name: Arundo donax
Common name: Giant reed, Cyprus cane
Hebrew name: עבקנה שכיח
Arabic name: قصب, Qasab
Family: Gramineae / Poaceae, דגניים



Location: Judean Desert, Wadi Qilt



Location: Sharon Plain, Near the Baptists Village.

Life form: Phanerophyte, shrub
Leaves: Alternate. entire
Flowers: Green, purple
Flowering Period: July, August, September, October, November, December
Habitat: Humid habitats
Distribution: Mediterranean Woodlands and Shrublands, Semi-steppe shrublands, Deserts and extreme deserts
Chorotype, טיפוס התפוצה: Med - Irano-Turanian
Summer shedding: Perenating




Location: Philistean Plain, Ashdod




The Hebrew University of Jerusalem
Source ://flora.huji.ac.il/browse.asp?action=specie&specie=ARUDON&fileid=26456
Source ://www.flowersinisrael.com/
Source ://www.newadvent.org/cathen/
12149a.htm
//www.catholic.org/bible/
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปัญจบรรพ คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม สารบบที่สอง Deuterocanonical Books คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ประวัติศาสตร์ Historical Booksคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
Newtesament พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ Update ครั้งที่ 3 คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
เพลงสดุดี Pslams คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปรีชาญาณ wisdom books
คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์

 

โดย: Bernadette 3 ตุลาคม 2552 18:41:56 น.  

 

Pistachio
אלה אמיתית (אלת הבוטנה)



พิสทาชิโอ (Pistachio) เป็นถั่วชนิดหนึ่งมีวิตามินเอ เมล็ดสีเขียวมีคุณภาพดีกว่าเมล็ดสีอื่นๆ

Pistachio ถั่วพิตาชิโอ ภาษาฮิบรู botnim (ปฐมกาล Genesis 43:11)
เป็นไปได้มากที่กล่าวถึง the nut-fruits of Pistacia vera,คือพืชทั่วไปในดินแดนปาเลสไตน์ ภาษาอาหรับ butm คือประยุกต์ใช้กับ พืช Pistacia terebinthus.

ปฐมกาล Genesis 43:11
บุตรของยาโคบกลับไปอียิปต์พร้อมกับเบนยามิน

11 อิสราเอลผู้บิดาตอบว่า "ถ้าจะต้องเอาน้องไป ก็จงทำดังนี้เถิด จงนำผลิตผลที่ดีที่สุดของแผ่นดินนี้ใส่กระสอบ นำยางสน น้ำผึ้ง เครื่องเทศ ยางไม้หอม ถั่ว และลูกอัลมอนด์ ไปให้ท่านผู้นั้นเป็นของกำนัล
11 Then their father Israel said to them, 'If it must be so, then do this: take some of the country's best products in your baggage and take them to the man as a gift: some balsam, some honey, gum tragacanth, resin, pistachio nuts and almonds.

เชิงอรรถ
บทที่ 43 และ44 มาจากตำนานยาห์วิสยกเว้นคำอธิบายสั้นๆ บางประโยคของผู้เรียบเรียง


อาหารสมอง

วีรกร ตรีเศศ Varakorn@dpu.ac.th

Pistachio ถั่วยอดนิยม

ยัง จำความรู้สึกครั้งแรกของตนเองได้เมื่อ 30 ปีเศษมาแล้วว่าเอร็ดอร่อยเพียงใดเมื่อได้ลิ้มรสถั่วเปลือกสีแดงที่มีรอยแตก มีเมล็ดขนาดเท่าถั่วลิสงและมีสีเขียว ถั่วนี้มีชื่อว่า Pistachio (พิส-แต็ช-ชิ-โอ)



อีกสิ่งหนึ่งที่จำได้ว่าเอร็ดอร่อยเหลือหลายเมื่อ ได้ชิมเป็นครั้งแรกเมื่อกว่า 50 ปีมาแล้ว นั่นก็คือมันฝรั่งทอดจิ้มซอสมะเขือเทศ มันฝรั่งที่ทอดต้องมีขนาดและรูปร่างเหมือนกลีบส้มเขียวหวาน ชนิดที่เป็นเส้นเล็กๆ ทอดแห้งแบบปัจจุบันที่เรียกว่า French Fries หรือบางทีเรียกว่า Shoestring (เชือกผู้กรองเท้า) นั้นไม่เข้าท่า ถ้าหั่นเป็นแท่งยาวๆ แบบมีเนื้อหนังหน่อยแบบที่คนอังกฤษหรือออสเตรเลียเรียกว่า Chips (กินกับปลาทอด เรียกว่า Fish and Chips เป็นอาหารคนยากเพราะมีราคาถูก นักเรียนไทยกินกันมาทุกยุคและได้ดีกันมาก็เพราะอาหารชนิดนี้) ยังเข้าท่ากว่า

เท่าที่สังเกต Pistachio เป็นที่รู้จักและนิยมในหมู่คนไทยในรอบ 10 กว่าปีมานี้เอง เมื่อสามารถหาซื้อได้ไม่ยากและราคาลดลงกว่าก่อนเป็นอันมาก สาเหตุสำคัญก็เนื่องมาจากการผลิตที่เพิ่มขึ้นในระดับโลก



ไทยนำเข้า Pistachio ทั้งหมดเฉกเช่นเดียวกับประเทศส่วนใหญ่ในโลก เนื่องจากปลูกและให้ผลดีเฉพาะในพื้นที่ภูเขาที่อากาศร้อนมากตอนหน้าร้อนและ หนาวเย็นในฤดูหนาว ซึ่งได้แก่บริเวณเอเชียตอนกลางและตะวันตกเฉียงใต้ของทวีปเอเชีย เช่น อิหร่าน อัฟกานิสถาน ซีเรีย เทือกเขา Kopet Dag ของ Turkmenistan ฯลฯ

ต้น Pistachio สูงได้ถึง 10 เมตร มีต้นตัวผู้และตัวเมีย ในต้นตัวเมียผลของมันออกเป็นพวงคล้ายลำไย ปัจจุบันปลูกเป็นสวนควบคุมไม่ให้ต้นสูงเพื่อให้เก็บเกี่ยวได้ง่าย ใช้เวลา 7-10 ปีกว่าที่จะออกผลเป็นกอบเป็นกำและให้ผลสูงสุดเมื่อมีอายุ 20 ปี Pistachio จะให้ผลดกและไม่ดกสลับปีกัน



เมื่อสมัยก่อน Pistachio ที่ส่งออกเปลือกจะย้อมสีแดงเพื่อลบรอยขีดข่วนบนเปลือกเนื่องจากการเก็บ เกี่ยวด้วยมือ ปัจจุบันเก็บเกี่ยวด้วยเครื่องจักรเกือบทั้งหมดจนไม่มีรอยขีดข่วนอีกต่อไป เราจึงได้เห็นเปลือกสีน้ำตาลตามธรรมชาติ

อิหร่านเป็นยักษ์ใหญ่ของการ ส่งออก Pistachio ในโลก ปริมาณหนึ่งในสามของ Pistachio ที่บริโภคกันในโลกไปจากประเทศนี้ที่มีพลเมืองเกือบ 70 ล้านคน บนพื้นที่เป็นสามเท่าของไทย Pistachio เป็นสินค้าเกษตรสำคัญของอิหร่านเพราะมูลค่าส่งออกของมันเท่ากับครึ่งหนึ่ง ของสินค้าเกษตรส่งออกทั้งหมดของอิหร่าน



Pistachio เป็นตัวสร้างเงินตราต่างประเทศเข้าอิหร่านอันดับสาม (เพียง 7 เดือนของปี 2006 นำเงินเข้าประเทศ 454.7 ล้านเหรียญสหรัฐ (16,600 ล้านบาท)

อิหร่าน กำลังตื่นเต้นกับยอดการผลิตในปี 2006 ซึ่งคาดว่าจะมีการผลิตถึง 250,000 ตัน (เทียบกับ 230,000 ตันของปี 2005) และจะยังคงรักษาแชมป์ของการส่งออก Pistachio ในโลก

สัดส่วนของปริมาณการผลิตของ Pistachio ในโลกมีดังนี้ อิหร่าน (ร้อยละ 38) สหรัฐอเมริกา (เกือบทั้งหมดจากแคลิฟอร์เนีย ร้อยละ 28) ตุรกี และซีเรีย (แห่งละร้อยละ 12) จีน (ร้อยละ 7) กรีซ (ร้อยละ 2) ประเทศอื่นๆ (ร้อยละ 1)

ปัญหา ที่อิหร่านประสบในการส่งออก Pistachio ก็คือปริมาณ Alfatoxin ซึ่งเชื่อว่าเป็นสารก่อมะเร็งในตับ ในปี 1997 EU ห้ามนำเข้า Pistachio ทั้งหมดเพราะมีระดับ Alfatoxin สูงถึง 100 ส่วนในพันล้าน (ppb-parts per billions) ในขณะที่ EU กำหนดให้อยู่ในระดับไม่เกิน 2 ppb (ประเทศอื่นๆ ยอมรับให้ไม่เกิน 10-15 ppb)

อิหร่านจึงได้ปรับการตรวจสอบครั้งใหญ่ พร้อมๆ ไปกับพัฒนารูปแบบการขนส่งและจัดเก็บ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการเกิด Alfatoxin จนประกาศว่าสามารถลดลงเหลือเพียง 2-15 ppb กระนั้นก็ตาม ร้อยละ 16 ของถั่วที่ส่งไป EU ถูกปฏิเสธกลับมาในปี 2005 และอีกร้อยละ 3 ถูกปฏิเสธจากประเทศอื่นๆ

Pistachio โดดเด่นมากในด้านคุณค่าอาหาร ให้ไขมัน คาร์โบไฮเดรตและโปรตีน ไม่มีคอเลสเตอรอลเลย มีโซเดียมต่ำ ให้ fiber สูง ในเรื่องแร่ธาตุและวิตามิน Pistachio ให้ธาตุเหล็กถึงร้อยละ 29 แคลเซียมร้อยละ 14 วิตามิน A ร้อยละ 6 และวิตามิน C ร้อยละ 5



ที่น่าสนใจก็คือ Pistachio ให้สารวิตามินที่มีชื่อว่า Lutein และ Zeaxanthin สูงเป็นพิเศษ

ปัจจุบัน มีงานวิจัยหลายชิ้นที่ค่อนข้างสนับสนุน (ยังไม่มีหลักฐานหนักแน่นจนเป็นที่ยอมรับ) ข้อสงสัยที่ว่าการบริโภค Lutein และ Zeaxanthin ในปริมาณมากพอควร เกี่ยวพันกับการลดลงของความเสี่ยงในการเกิดต้อกระจก (cataract)


Source://www.pantown.com/board.php?id=7268&area=1&name=board39&topic=
22&action=view

//shtiley-har.co.il/
page.asp?page_parent=176

Source ://www.newadvent.org/cathen/
12149a.htm
//www.catholic.org/bible/
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปัญจบรรพ คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม สารบบที่สอง Deuterocanonical Books คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ประวัติศาสตร์ Historical Booksคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
Newtesament พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ Update ครั้งที่ 3 คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
เพลงสดุดี Pslams คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปรีชาญาณ wisdom books
คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์


 

โดย: Bernadette 9 ตุลาคม 2552 23:10:47 น.  

 

Pomegranate



Pomegranate ผลทับทิม คือผลไม้ของ Punica granatum ชาวตะวันออกเป็นที่ชื่นชอบมาก และมันขึ้นอย่างอุดมสมบรูณ์ในดินแดนปาเลสไตน์ ดังนั้นมันถูกพาดพึงอุปมาหลายหลายครั้งในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล Pomegranatesผลทับทิม ถูกนำไปประดับตกแต่งหลายๆสถานที่ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ชื่อของมันในภาษาฮิบรู (Heb., rimmon): Rimmon, Geth-Remmon, En-Rimmon, etc.


POMEGRANATE, ผลทับทิม


Fruit of pomegranate

ผลไม้ที่ขึ้นอย่างมากมายในดินแดนคานาอัน , 1 ซามูเอล Sam.14:2.

นำไปสู่การสำรวจที่แสดงให้เห็นว่ามีผลไม้อุดมสมบรูณ์ให้ผลผลิตดีในดินแดนคานาอัน
กันดารวิถี Num. 13:23.

จินตนาการของผลหมากรากไม้ของการเย็บปักลวดลายบนอาภรณ์ของพระสมณะ
อพยพ Ex. 28:33, 34; 39:24;

การแกะสลับบนเสาของพระวิหาร ,
1พงค์กษัตริย์ Kin. 7:18, 20, 42; เยรีมีย์ Jer. 52:22, 23.

เป็นไวน์ใน บทเพลงซาโลมอน Song 8:2.


Young Pomegranate trees

อพยพ Exo 28:34
เสื้อคลุม

34 ให้ลูกพรวนอยู่สลับกันกับผลทับทิม รอบชายด้านล่างของเสื้อคลุม
34 a golden bell and then a pomegranate, alternately, all round the lower hem of the robe.


อพยพ Exo 39:24-26
เสื้อคลุม

24 ที่ชายล่างของเสื้อ เขาทำพู่เป็นรูปผลทับทิมด้วยด้ายสีม่วง สีม่วงแดง สีแดงเข้มและผ้าป่านเนื้อละเอียด
25 ทำลูกพรวนทองคำบริสุทธิ์ติดไว้ระหว่างผลทิมทิมเหล่านั้น รอบชายล่างของเสื้อ
26 มีลูกพรวนอยู่สลับกันกับผลทับทิมรอบชายล่างของเสื้อสำหรับสวมเมื่อปฎิบัติหน้าที่สมณะตามที่พระยาห์เวห์ทรงบัญชาโมเสส
24 On the lower hem of the robe, they made pomegranates of violet-purple, red-purple and crimson and finely woven linen,
25 and made bells of pure gold, putting the bells between the pomegranates all round the lower hem of the robe:
26 alternately, a bell and then a pomegranate, all round the lower hem of the robe of office, as Yahweh had ordered Moses.


กันดารวิถี Num 13:23
การสำรวจแผ่นดินคานาอัน

23 เมื่อมาถึงหุบเขาเอชโคล เขาตัดกิ่งองุ่นมากิ่งหนึ่งมีพวงองุ่น ติดอยู่พวงหนึ่ง หนักมากจนต้องเอาไม้คานสอดใช้สองคนหาม เขายังเก็บผลทับทิมและผลมะเดื่อมาด้วย
23 Reaching the Vale of Eshcol, there they lopped off a vine branch with a cluster of grapes, which two of them carried away on a pole, as well as pomegranates and figs.

เชิงอรรถยาว
การสำรวจแผ่นดินคานาอัน


กันดารวิถี Num 20:5
VII การเดินทางของโมอับ
น้ำที่เมรีบาห์

5 ทำไมท่านจึงพาพวกเราออกมาจากประเทศอียิปต์เข้ามาอยู่ในสถานที่เลวร้ายเช่นนี้ ที่นี่หว่านพืขไม่ได้ ไม่มีต้นมะเดื่อ ไม่มีต้นองุ่น ไม่มีต้นทับทิม ไม่มีแม้กระทั้งน้ำจะดื่ม
5 Why did you lead us out of Egypt, only to bring us to this wretched place? It is a place unfit for sowing, it has no figs, no vines, no pomegranates, and there is not even water to drink!'

เชิงอรรถยาว
VII การเดินทางของโมอับ


น้ำที่เมรีบาห์




Pomegranate flowers and leaves

เฉลยธรรมบัญญัติ Deu 8:8
การประจญล่อลวงในแผ่นดินแห่งพระสัญญา

8 เป็นแผ่นดินที่ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ องุ่น มะเดื่อเทศ ทับทิม มะกอกเทศขึ้นงาม มีน้ำมันและน้ำผึ้งบริบรูณ์
8 a land of wheat and barley, of vines, of figs, of pomegranates, a land of olives, of oil, of honey,

คาทอลิกใช้ New Jerusalem Bible
www.catholic.org/bible
ขอยืม KJV ไบเบิ้ล

เยเรมีย์ Jer. 52:22, 23
คนยูดาห์ถูกนำไปเป็นเชลย

52:22 บนเสานี้มีบัวคว่ำยอดทองเหลือง บัวคว่ำยอดอันหนึ่งสูงห้าศอก มีตาข่ายและลูกทับทิม ทั้งหมดทำด้วยทองเหลืองอยู่รอบบัวคว่ำยอด และเสาที่สองก็มีเหมือนกัน ทั้งลูกทับทิมด้วย
52:23 ข้างๆมีลูกทับทิมเก้าสิบหกลูก บนตาข่ายโดยรอบนั้นมีลูกทับทิมทั้งหมดหนึ่งร้อยลูก
22 on it stood a capital of bronze, the height of the capital being five cubits; round the capital were filigree and pomegranates, all in bronze. So also for the second pillar.
23 There were ninety-six pomegranates round the sides, making a hundred pomegranates round the filigree in all.


1 ซามูเอล Sa 14:2
โยนาธานเข้าโจมตีกองกำลังรักษาการณ์ชาวฟิลิสเตีย

2 ซาอูลทรงอยู่ใต้ต้นทับทิม ที่มิโกรน ใกล้เมืองเกชา มีคนอยู่ด้วยราวหกร้อยคน
2 Saul was on the outskirts of Geba, sitting under the pomegranate tree that stands near the threshing-floor; the force with him numbered about six hundred men.

เชิงอรรถ
"มิโกรน" บางคนเปลี่ยนสระของคำให้หมายความว่า "ลานนวดข้าว" "เมืองเกบา" ต้นฉบับภาษา ฮิบรูว่า "กิเบอาห์" แต่น่าจะเป็น "เกณฑ์" ให้สอดคล้องกับข้อ 5 และ 13:16

1 พงค์กษัตริย์ Ki 7:18-20
เสาทองสัมฤทธิ์

18 และทำพู่รูปทับทิมสองแถวล้อมรอบลวดลายประดับของหัวเสาแต่ละต้น
20 วางอยู่บนคิ้วรอบหัวเสาเหนือลวดลายประดับ มีพู่รูปผลทับทิมสองร้อยผลเรียงเป็นสองแถวรอบหัวเสาแต่ละต้น
18 He also made pomegranates: two rows of them round each filigree,four hundred in all,
20 applied on the raised moulding behind the filigree; there were two hundred pomegranates round one capital and the same round the other capital.


2พงค์กษัตริย์ Ki 25:17
กรุงเยรูซาเร็มถูกทำลาย ประชาชนถูกกวาดต้อนเป็นเชลยครั้งที่สอง

17 เสาสองต้นนี้เหมือนกัน แต่ละต้นสูงเก้าเมตร หัวเสาเป็นทองสัมฤทธิ์สูงหนึ่งเมตรครึ่ง รอบหัวเสามีลวดลายผลทับทิมประดับ ทั้งหมดทำด้วยทองสัมฤทธิ์
17 The height of one pillar was eighteen cubits, and on it stood a capital of bronze, the height of the capital being five cubits; round the capital were filigree and pomegranates, all in bronze. So also for the second pillar.
เชิงอรรถ
"หนึ่งเมตรครึ่ง " ยรม 52:22 และ 1 พงค์กษัตริย์ 7:16 ว่า "สองเมตรครึ่ง "


Pomegranate arils

บทเพลงซาโลมอน Sos 4:3,13
3 ริมฝีปากของเธอเหมือนผ้าสีม่วงแดง
ปากของเธอก็งามชวนมอง
แก้มของเธอเหมือนผลทับทิมผ่าซีก
เบื้องหลังผ้าคลุมใบหน้า

13 หน่อออ่นของเธอเป็นเหมือนสวนทับทิม
ที่มีผลโอชา
ต้นเทียนขาวและสมุนไพรต่างๆ
3 Your lips are a scarlet thread and your words enchanting. Your cheeks, behind your veil, are halves of pomegranate.
13 Your shoots form an orchard of pomegranate trees, bearing most exquisite fruit:

เชิงอรรถ
"สวน" ภาษาฮิบรูใช้คำว่า "pardes" เหมือนใน นหม 2:8 และ ปญจ 2:5 เป็นคำภาษาเปอร์เซียที่แปลว่า "สวนอุทยาน" และเป็นที่มาของคำว่า "paradise"

"ต้นเทียนขาวและสมุนไพรต่างๆ"บางคนแปลโดยตัดวลีนี้ออกไป เพราะคิดว่าเป็นข้อความเพิ่มเติมของผู้คัดลอก


บทเพลงซาโลมอนSos 6:7,11
7 แก้มของเธอเหมือนผลทับทิมผ่าซีก
เบื้องหลังผ้าคลุมใบหน้า

11 ฉันลงไปในสวนมันฮ่อ
เพื่อจะดูหน่ออ่อนเขียวในหุบเขา
ดูว่าเถาองุ่นมีดอกตูมหรือยัง
ดูว่าต้นทับทิมมีดอกแล้วหรือยัง
7 Your cheeks, behind your veil, are halves of pomegranate.
11 I went down to the nut orchard to see the fresh shoots in the valley, to see if the vines were budding and the pomegranate trees in flower.


บทเพลงซาโลมอนSos 7:13
13 เราจะได้ไปยังสวนองุ่นตั้งแต่เช้าตรู่
ดูว่าเถาองุ่นออกดอกตูมแล้วหรือยัง
หรือว่ามีดอกบานแล้ว
ดูว่าต้นทับทิมมีดอกหรือยัง
ดิฉันจะให้ความรักแก่เธอที่นั่น
13 and in the early morning we will go to the vineyards. We will see if the vines are budding, if their blossoms are opening, if the pomegranate trees are in flower. Then I shall give you the gift of my love.

บทเพลงซาโลมอนSos 8:2
2 ดิฉันจะได้นำเธอเข้ามาในบ้านมารดาของดิฉัน
เธอจะได้สอนดิฉัน
ดิฉันจะให้เธอดื่มเหล้าองุ่นผสมเครื่องหอม
และดื่มน้ำทับทิมของดิฉัน
2 I should lead you, I should take you into my mother's house, and you would teach me! I should give you spiced wine to drink, juice of my pomegranates.


Pomegranate fruit, opened

คาทอลิกใช้ New Jerusalem Bible
www.catholic.org/bible
ขอยืม KJV ไบเบิ้ล

เยรีมีย์ Jer. 52:22, 23.
คนยูดาห์ถูกนำไปเป็นเชลย

52:22 บนเสานี้มีบัวคว่ำยอดทองเหลือง บัวคว่ำยอดอันหนึ่งสูงห้าศอก มีตาข่ายและลูกทับทิม ทั้งหมดทำด้วยทองเหลืองอยู่รอบบัวคว่ำยอด และเสาที่สองก็มีเหมือนกัน ทั้งลูกทับทิมด้วย
52:23 ข้างๆมีลูกทับทิมเก้าสิบหกลูก บนตาข่ายโดยรอบนั้นมีลูกทับทิมทั้งหมดหนึ่งร้อยลูก
22 on it stood a capital of bronze, the height of the capital being five cubits; round the capital were filigree and pomegranates, all in bronze. So also for the second pillar.
23 There were ninety-six pomegranates round the sides, making a hundred pomegranates round the filigree in all.


คาทอลิกใช้ New Jerusalem Bible
www.catholic.org/bible
ขอยืม KJV ไบเบิ้ล

โยเอลJoe 1:12
ภัยพิบัติแห่งการสาปแช่งในยูดาห์

1:12 เถาองุ่นก็เหี่ยว ต้นมะเดื่อก็แห้งไป ต้นทับทิม ต้นอินทผลัม และต้นแอบเปิ้ล ต้นไม้ในนาทั้งสิ้นก็เหี่ยวไป เพราะความยินดีก็เหี่ยวไปจากบุตรทั้งหลายของมนุษย์
12 The vine has withered, the fig tree wilts away; pomegranate, palm tree, apple tree, every tree in the countryside is dry, and for human beings joy has run dry too.

คาทอลิกใช้ New Jerusalem Bible
www.catholic.org/bible
ขอยืม KJV ไบเบิ้ล

ฮักกัยHag 2:19
ทรงติเตียนประชาชนเพราะเขาละเลยในการเตรียมพระวิหาร

2:19 ยังมีข้าวตกค้างอยู่ในยุ้งบ้างหรือ เถาองุ่น ต้นมะเดื่อ และต้นทับทิมกับต้นมะกอกเทศยังไม่เกิดผลหรือ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราจะอำนวยพรแก่เจ้า"
19 if seed-corn is still short in the barn, and if vine and fig tree, pomegranate and olive tree still bear no fruit. 'From today onwards I intend to bless you.'

Next....ต่อ

Source://dev.bible.org/netbible6b/
search.php?search=ANY+
pomegranate+pomegranates

Source ://www.newadvent.org/cathen/
12149a.htm
//www.catholic.org/bible/
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปัญจบรรพ คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม สารบบที่สอง Deuterocanonical Books คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ประวัติศาสตร์ Historical Booksคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
Newtesament พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ Update ครั้งที่ 3 คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
เพลงสดุดี Pslams คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปรีชาญาณ wisdom books
คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์

 

โดย: Bernadette 11 ตุลาคม 2552 22:34:00 น.  

 




Punica granatum, Pomegranate, רימון מצוי
Thy plants are an orchard of pomegranates...
Song of Solomon 4:13

Scientific name: Punica granatum
Common name: Pomegranate
Hebrew name: רימון מצוי
Arabic name: رمّان, Rumman
Family: Punicaceae,



Location: Golan,Banias, parking National Park;

Life form: Tree
Leaves: Opposite, entire
Flowers: Four to five red petals
Flowering Period: April, May, June

รากศัพย์ของชื่อทางพฤษศาสตร์ :punica,

ชื่อของชาวโฟนีเชียน granatum,มาจาก granum, "grain เมล็ดเล็กๆ" และความหมายคือ "(multi)grained" (หมายถึงเมล็ดพันธุ์พืชอย่างมากมาย )

pomegranateทับทิม รากศัพย์มาจากภาษาลาติน pomum, ("apple")และ granatus, ("grains").

ภาษาฮิบรูคือrimmôn, และภาษาอาราบิกrummân รากศัพย์มาจากภาษาอียิปต์โบราณ rmn.
ในภาษาฮิบรู คำว่า rimon (רימון) อาจมีความหมายถึงสองอย่างคือ "pomegranate fruit ผลไม้ทับทิม" และ "shellเปลือกหอย กระดอง ปลอก [N] โครงสร้างอาคารหรือสิ่งก่อสร้าง"


Location: Golan,Banias, parking National Park;

ในภาษาของชาวยุโรปอย่างมากมายหลากหลาย ปลอกโครงสร้างของอาวุธของชาวยุโรปมีชื่อคล้ายกับทับทิม รากศัพย์เหล่านี้มาจากภาษาลาตินคือคำว่า granum “grain”,จากกันพิสูจน์รับรองของ ในปี 1532 จาก the French name for the fruit (pome) grenade.

ในเพลงสดุดีสรรเสริญของ กวี โฮเมอร์ Homeric Hymn เพลงสดุดีเดอมีเทอร์. (Homeric Hymn to Demeterซึ่งเคยเชื่อว่าโฮเมอร์แต่ง แต่จริงๆแล้ว. เป็นงานรุ่นหลังกว่ามาก ไม่ทราบใครแต่ง แต่จริงๆแล้วเป็นงานรุ่นหลังกว่ามาก ไม่ทราบใครแต่ง กล่าวถึงประวัติของเดอมีเทอร์อย่างละเอียดที่สุด) ที่กล่าวถึง Persephoneเพอร์เซเฟอนิ ลูกสาวของ
ของ Ceres เทพธิดาแห่งการเจริญเติบโต และความอุดมสมบรูณ์ครั้นถึงปลายฤดูใบไม้ร่วงเธอจะต้องลาโลกไปเป็นราชินีแห่งยมโลกเป็นเวลา 4 เดือน เพราะเทพเจ้าพลูโต ทรงเกลี้ยกล่อมให้เสวยผลทับทิมแห่งยมโลกสัก 1 ผล ก่อนออกเดินทาง จะได้มีกาลังวังชาและสดชื่น ทรงตระหนักดีว่าหากเธอเสวยหมดผล เธอจะต้องคิดถึงยมโลกและกลับมาอีกอย่างแน่นอน

Source://www.kirti.bunchua.com/wp-content/uploads/2009/07/
ค้นหาความหมายในเรื่องปรัมปรา321.pdf


ต้นทับทิมของพี่น้องคริสเตียน คือสัญญาลักษณ์ของการฟื้นคืนชีพของพระเยซูคริสตเจ้า หลังจากความคิดที่เชื่อมโยงเกี่ยวกับกรีกหรือโรมัน ยุคโบราณ กับเทพธิดา Persephoneเพอร์เซเฟอนิ (persephoneเพอร์เซเฟอนิ ที่ใช้เวลาครึ่งปีบนโลกและอีกครึ่งปี ใช้ชีวิตบนยมโลก ในทัศนะคติเทพเจ้าหลายองค์ของชาวโรมัน ) การดำเนินชีวิต ความตาย การเกิดใหม่ของพระเจ้า

เมล็ดของมันอย่างมากมายที่แข็งแรง มันก่อให้เกิดสัญญาลักษณ์ของ ความเป็นหนึ่งเดียวของการรวมกันอย่างหลากหลายภายใต้การปกครองของผู้มีอำนาจคนเดียว และ คือสัญญาลักษณ์ของการถือพรหมจรรย์



Location: Golan,Banias, parking National Park;


ธรรมเนียมประเพณีของพี่น้องชาวยิว ในการสอนสั่ง นั้นคือ ทับทิม เป็นสัญญาลักษณ์ของ ความชอบธรรม เพราะ มีคำกล่าวว่า มันมีเมล็ด 613 เมล็ด ซึ่งเข้ากันกับ 613 Mitzvot, commandments ของพระคัมภีร์โตราห์ สำหรับเหตุผลอื่นๆ ชาวยิวกิน ทับทิม ในวันRosh Hashanah กะปีใหม่ชาวยิว "Jewish New Year."




พืชเจ็ดชนิดในพระคัมภีร์ เฉลยธรรมบัญญัติ Deut. 8:8
Punica granatum L. (Punicaceae)อาจเป็นพืชที่มีความงดงามทีสุด

รูปแบบของทับทิมที่สังเกตอย่างเห็นได้ชัดในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลสามอย่างคือ

คือเป็นอาภรณ์ของพระสมณะชั้นสูง(อพยพ Exod. 28:33),

และ เป็นพวงมาลา พวงดอกไม้ประดับบนเสาพระวิหาร ซาโลมอน
(1 พงค์กษัตริย์ Kings 7:42; 2 พงค์ศาวดาร Chron. 4:13).
และทับทิมเหล่านี้ยังระบุใน เยเรมีย์ Jer. 52:22–23. อีกด้วย


ในบทเพลงซาโลมอน Song of Songs 4:3และ 6:7,

เป็นไวน์ ใน บทเพลงซาโลมอน Song of Songs 8:2

และใน บทเพลงซาโลมอน Song of Songs 6:11 และ 7:12
ไดออสคอรีด (Dioscorides) ช่วงศตวรรษแรกของคริสต์ศาสนา แพทย์ทหาร ชาวกรีก หนังสือเกี่ยวกับพืชสมุนไพรกับการแพทย์ไว้ (ca. 40-ca. 90 CE) ได้ใช้ทับทิมมาทำเป็นยา รักษาโรคปวดท้อง เปลือกของมันใช้สำหรับทำการย้อมสี ฟอกหนัง ( ปลินี่ Pliny, N.H.XIII.XXXIV นักประวัติศาสตร์ชาวโรมัน).

และทับทิมที่ดีที่สุด มาจากหมู่บ้าน คานา Cana ใกล้กับเมืองนาซาเร็ซNazareth!



Location: Golan,Banias, parking National Park;

ทับทิม (punica) ชื่อท้องถิ่น เซี๊ยะลิ้ว, พิลา, พิลาขาว, มะก่องแก้ว, มะเก๊าะ, หมากจัง เป็นไม้ผลขนาดเล็ก มีขนาดประมาณ 5-8 เมตร

ทับทิมมีถิ่นกำเนิดจากตะวันออกของประเทศอิหร่าน ทางตอนใต้ของอัฟกานิสถานและทางตอนเหนือของเทือกเขาหิมาลัย ทับทิมจึงชอบอากาศหนาวเย็นและอยู่บนพื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะอย่างน้อย 300 เมตร ยิ่งอากาศหนาวเนื้อทับทิมจะมีสีแดงเข้มมากขึ้น

ประโยชน์

ผลทับทิมใช้รับประทานเป็นผลไม้มีรสหวานหรือเปรี้ยวอมหวานทับทิมเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ น้ำทับทิมมีวิตามินซีสูงและยังมีสารเกลือแร่ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายในปริมาณที่สูงเหมาะสำหรับการดื่มเพื่อเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย

น้ำทับทิมมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดและมีประสิทธิภาพสูงมากสามารถลด ภาวะการแข็งตัวของเลือดจากไขมันในเลือดสูง บรรเทาโรคโรคหัวใจและความดันโลหิตสูง ช่วยเพิ่มพลังและความงาม ดื่มน้ำทับทิมคั้นวันละแก้วจะช่วยส่งเสริมการทำงานของหลอดเลือด ลดการแข็งตัวของหลอดเลือดแดงและช่วยเสริมสุขภาพของหัวใจให้ดีขึ้น

เปลือกทับทิมรักษาโรคท้องเดินและโรคบิด

ปลือกทับทิม

จากการศึกษาวิจัยพบว่าในเปลือกทับทิมมีสารในกลุ่มแทนนินสูง 22-25% โดยประกอบด้วยสารแทนนินในกลุ่ม มี Gallotannin เปลือกทับทิมตากแห้งใช้เป็นยาแก้ท้องเดินและโรคบิดได้[ต้องการแหล่งอ้างอิง] นอกจากนี้ยังพบสารแทนนินในกลุ่ม Ellagictannin ในปริมาณสูงสารในกลุ่มนี้มีคุณสมบัติเป็นตัวต้านอนุมูลอิสระที่ดี โดยมีสรรพคุณลดอาการอักเสบ ทั้งยังมีฤทธิ์ต่อต้านมะเร็งกว่า 13 ชนิด ไม่ให้เพิ่มจำนวนขึ้น เช่น มะเร็งผิวหนัง มะเร็งลำไส้ มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งตับ เป็นต้น

นอกจากนี้ยังพบว่ามีคุณสมบัติในการทำลายเซลล์มะเร็งหลอดอาหาร และลำไส้ใหญ่ ซึ่งพบว่าการให้กรดเอลลาจิกกับสัตว์ทดลอง สารดังกล่าวจะไปเร่งการเจริญของเซลล์มะเร็งแบบอะมอพโดซีส (Amoptosis) ทำให้เซลล์มะเร็งถูกทำลายโดยกลไกการแตกตัวของตัวมันเองได้[ต้องการแหล่งอ้างอิง]



Source://www.flowersinisrael.com/
Punicagranatum_page.htm
//th.wikipedia.org/wiki/ทับทิม_(ผลไม้)

Source ://www.newadvent.org/cathen/
12149a.htm
//www.catholic.org/bible/
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปัญจบรรพ คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม สารบบที่สอง Deuterocanonical Books คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ประวัติศาสตร์ Historical Booksคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
Newtesament พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ Update ครั้งที่ 3 คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
เพลงสดุดี Pslams คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปรีชาญาณ wisdom books
คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์


 

โดย: Bernadette 11 ตุลาคม 2552 23:53:08 น.  

 

Poplar,ต้นปอปล่า


Location: Jerusalem


Poplar ภาษาฮิบรู libneh( ปฐมกาล Genesis 30:37;โฮเชยา Hosea 4:13) ภาษาอาหรับ lubna ชื่อวิทยาศาสตร์ Styrax officinalis อย่างไม่ต้องสงสัยที่ต้นไม้ได้ถูกระบุว่า ชั้นภายในของมันที่ปลือกไม้ที่ลอกออกมาจาก ต้น the officinal storax

ปฐมกาล Genesis 30:37
ยาโคบร่ำรวย

37 ยาโคบตัดกิ่งไม้สดจากต้นปอปล่า ต้นอัลมอนด์ ต้นเพลน ลอกเปลือกออกให้เป็นลายขาว ทำให้เห็นส่วนสีขาวของกิ่งนั้น
37 Jacob then got fresh shoots from poplar, almond and plane trees, and peeled them in white strips, laying bare the white part of the shoots.


คาทอลิกใช้ New Jerusalem Bible
www.catholic.org/bible
ขอยืม KJV ไบเบิ้ล

โฮเชยา Hosea 4:13
เอฟราอิมผูกพันอยู่กับรูปเคารพ

4:13 เขาถวายสัตวบูชาอยู่ที่ยอดภูเขาและทำสักการบูชาเผาอยู่ที่เนินเขา ใต้ต้นโอ๊ก ต้นไค้และต้นเอ็ลม์ เพราะว่าร่มไม้เหล่านี้เย็นดี เพราะฉะนั้นธิดาทั้งหลายของเจ้าจึงจะเล่นชู้และเจ้าสาวทั้งหลายจึงจะล่วง ประเวณี
13 they offer sacrifice on the mountain tops, they burn incense on the hills, under oak and poplar and terebinth, for pleasant is their shade. So, although your daughters play the whore and your daughters-in-law commit adultery,


Styrax officinalis, Official Storax,
اللبنى, לבנה רפואי

Scientific name: Styrax officinalis
Common name: Official Storax
Hebrew name: לבנה רפואי
Arabic name: اميعة, May,a
Family: Styracaceae, לבניים




Life form: Tree
Leaves: Alternate, entire
Flowers: White
Flowering Period: April, May, June
Habitat: Mediterranean maquis and forest
Distribution: Mediterranean Woodlands and Shrublands, Semi-steppe shrublands, Montane vegetation of Mt. Hermon
Chorotype, טיפוס התפוצה: Mediterranean
Summer shedding: Perenating
รากศัพย์แหล่งที่มาของชื่อทางพฤษศาสตร์ :
Styrax,เรียกว่า "storax", στύραξโดยปลินี่ Pliny; รากศัพย์ทางภาษาศาสตร์ มาจากภาษาเซเมติก (Arabic)มันคือชื่อของ assthirak

สปีชีย์ ประเภทของพืช (officinalis),รากศัพย์ทางภาษาศาสตร์มากจากคำว่า
opificina,

Storax (Styrax officinalis),ในภาษาฮิบรู 'nataf'- נטף Nataf /'stacte'คำที่มีความหมายเหมือนกันคือ zori (means ความหมาย 'a liquid drop ของเหลวที่หยดออกมา)มันคือกำยาน ที่ใช้ในพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์




อพยพ Exodus 30:34
กำยาน

พระยาห์เวย์ตรัสแก่โมเสสว่า "ท่านจงนำเครื่องหอมต่อไปนี้ ปริมาณเท่าๆกัน คือ กำยาน ชะมดเชียง มหาหิงคุ์ และกำยานบริสุทธิ์
34 Yahweh then said to Moses, 'Take sweet spices: storax, onycha, galbanum, sweet spices and pure frankincense in equal parts,


Poplar ได้ถูกแปลถอดความในภาษาฮิบรูว่า libneh มันคือต้นไม้ที่มียางใหลซึมออกมาซึ่งมีสีคล้ายน้ำนม และมันเกิดขึ้นใน

ปฐมกาล Genesis 30:37:
ยาโคบร่ำรวย

37 ยาโคบตัดกิ่งไม้สดจากต้นปอปล่า ต้นอัลมอนด์ ต้นเพลน ลอกเปลือกออกให้เป็นลายขาว ทำให้เห็นส่วนสีขาวของกิ่งนั้น
37 Jacob then got fresh shoots from poplar, almond and plane trees, and peeled them in white strips, laying bare the white part of the shoots.

คาทอลิกใช้ New Jerusalem Bible
www.catholic.org/bible
ขอยืม KJV ไบเบิ้ล

โฮเชยา Hosea 4:13
เอฟราอิมผูกพันอยู่กับรูปเคารพ

4:13 เขาถวายสัตวบูชาอยู่ที่ยอดภูเขาและทำสักการบูชาเผาอยู่ที่เนินเขา ใต้ต้นโอ๊ก ต้นไค้และต้นเอ็ลม์ เพราะว่าร่มไม้เหล่านี้เย็นดี เพราะฉะนั้นธิดาทั้งหลายของเจ้าจึงจะเล่นชู้และเจ้าสาวทั้งหลายจึงจะล่วง ประเวณี
13 they offer sacrifice on the mountain tops, they burn incense on the hills, under oak and poplar and terebinth, for pleasant is their shade. So, although your daughters play the whore and your daughters-in-law commit adultery,



Location: Lower Galilee, Kiryat Tivon

ทั้งสองอย่าง ต้น poplarsและ storax trees คือพืชท้องถิ่นทั่วไปในอิสราเอล

# Storax คือมันถูกระบุใน บุตรสิรา Ecclesiasticus 24:21,

Compare Versions

Sirach Chapter 24:21
English (Douay-Rheims)


21 And I perfumed my dwelling as storax, and galbanum, and onyx, and aloes, and as the frankincense not cut, and my odour is as the purest balm.

Source://www.newadvent.org/
bible/sir024.htm

ลองเทียบอันนี้ดูของคาทอลิกอะ บุตรสิรา Ecclesiasticus xxiv, 1-31
Source ://psallitesapienter.blogspot.com/
2009_07_01_archive.html

บุตรสิรา Ecclesiasticus
ปรีชาญาณยกย่องตนเอง

Ecclesiasticus xxiv, 1-31
ขอคร่าวๆๆ ยาวรบกวนอ่านเอง
คนเขียนเค้าสงสัยในมุมมองของ บทที่นำมาจาก บุตรสิรา Ecclesiasticus xxiv 24 เมื่อมาเปรียบเทียบกัน กับฉบับที่ปรับปรุงใหม่




บุตรสิรา Ecclus xxiv, 17-20 [Matins, Lesson iii; verse 20 is also the Little Chapter at None]

Quasi cedrus exaltata sum in Libano, et quasi cypressus in monte Sion: quasi palma exaltata sum in Cades, et quasi plantatio ros? in Jericho: quasi oliva speciosa in campis, et quasi platanus exaltata sum juxta aquam in plateis. Sicut cinnamomum et balsamum aromatizans odorem dedi; quasi myrrha electa dedi suavitatem odoris.

(I was exalted like a cedar in Libanus, and as a cypress tree on mount Sion. I was exalted like a palm tree in Cades, and as a rose plant in Jericho: as a fair olive tree in the plains, and as a plane tree by the water in the streets, was I exalted. I gave a sweet smell like cinnamon and aromatical balm: I yielded a sweet odour like the best myrrh.)


บุตรสิรา Ecclus xxiv, 21-23

Et quasi storax, et galbanus, et ungula, et gutta, et quasi Libanus non incisus vaporavi habitationem meam, et quasi balsamum non mistum odor meus. Ego quasi terebinthus extendi ramos meos, et rami mei honoris et grati?. Ego quasi vitis fructificavi suavitatem odoris: et flores mei fructus honoris et honestatis.

(And I perfumed my dwelling as storax, and galbanum, and onyx, and aloes, and as the frankincense not cut, and my odour is as the purest balm. ท่อนนี้หาไม่เจออะ

I have stretched out my branches as the turpentine tree, and my branches are of honour and grace. As the vine I have brought forth a pleasant odour: and my flowers are the fruit of honour and riches.)

ท่อนนี้ของ พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม สารบบที่สอง Deuterocanonical books หนังสือ บุตรสิรา อยู่ที่ ของ New Jerusalem Bible นำมาเทียบกัน

บุตรสิรา Ecclus xxiv, 16-17
ลองดู บุตรสิรา Ecclus xxiv, 15 อ่านเชิงอรรถ ควบคู่ไปด้วย
15 ข้าพเจ้าส่งกลิ่นหอมเหมือนอบเชยและกระถินเทศ
ให้กลิ่นหอมเหมือนมดยอบชนิดเยี่ยม
เหมือนมหาหิงค์ ชะมดและกำยาน
เหมือนควันกำยานในกระโจม
15 Like cinnamon and acanthus, I have yielded a perfume, like choice myrrh, have breathed out a scent, like galbanum, onycha, labdanum, like the smoke of incense in the tent.
เชิงอรรถยาว


16 ข้าพเจ้าแผ่กิ่งก้านเหมือนต้นมะขามเทศ
กิ่งก้านของข้าพเจ้าสง่างามและอ่อนช้อย
17 ข้าพเจ้าเป็นเหมือนเถาองุ่นที่แตกกิ่งอ่อนงดงาม
ดอกของข้าพเจ้าให้ผลงามจำนาวนมาก
16 I have spread my branches like a terebinth, and my branches are glorious and graceful.
17 I am like a vine putting out graceful shoots, my blossoms bear the fruit of glory and wealth.

เชิงอรรถ มีห้อย18 ด้วยเปิดหนังสือดู


รบกวน อ่านบทนำไตเติ้ล บุตรสิรา หน้า 326-330 รบกวน สอบถาม Father เพราะเปิดหนังสืออ่านเหมือนกัน ไม่รู้อะ ขั้นสูงแหละ



Location: Shefela, Modi'in hills

# Pliny, ในศตวรรษที่หนึ่งนายแพทย์ผู้หนึ่งชื่อ ปลีนี (Pliny)เขียนหนังสือชุด "ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ" เป็นการรวมรวบตำรับ ตำราของทั้งกรีกและโรมันนับพันๆ เล่มเขียนขึ้นเป็นชุดเนื้อหาสาระของชุดหนังสือนี้ถูกถ่ายทอดตกมาเป็นการรักษาแบบพื้นบ้าน ) จากหนังสือ Book XII. LV:
ภูมิภาคของซีเรีย ที่ไกลออกไปถึงโฟนีเซีย ใกล้ไปจนสุดถึง ยูเดียผลิตผลของ styraxที่อยู่ในส่วนของรอบๆ Gabala และ Marathus และ ภูเขา Mount Casius ใน Seleucia ต้นไม้นี้มีชื่อเดียวกัน มันมีความเหมือนคล้ายกับ squince มันมีของเหลวที่เป็นหยดคล้ายน้ำตามันเป็นที่สุนทรีย์ เกือบทั้งหมดมันมีกลิ่นน้ำหอมที่แรง และ เนื้อในของมันคล้ายกับ ต้นไม้จำพวกอ้อหรือกก และมันอุดมไปด้วย น้ำจากเนื้อเยื่อของพืช

# H.B.Tristram, ผู้เขียนหนังสือ Natural History of the Bible (1822-1906) ในหนังสือได้ระบุว่า : "Stacte(หนึ่งในเครื่องเทศของชาวยิวโบราณที่ใช้ในการทำกำยาน มันอาจเป็นน้ำมันหรือยางไม้หอมชนิดหนึ่ง หรืออบเชย หรือ ชนิดหนึ่งของ storax พบใน อพยพ Ex. xxx. 34.[1913 Webster])

Stacte นี้คือภาษากรีก มีความหมายคือ การหยดของน้ำ หรือการไหลซึมออกมา
ใช้เพื่อใน อพยพ Ex.XXX. 34 อย่างชัดเจน ในภาษาฮิบรู nataf ซึ่งมีความหมายเดียวกัน

คาทอลิกใช้ New Jerusalem Bible
www.catholic.org/bible
ขอยืม KJV ไบเบิ้ล

ในโยป Job XXXVI. 27
พระเจ้าทรงชอบธรรม

36:27 เพราะพระองค์ทรงดึงหยดน้ำขึ้นไป ซึ่งตกลงเป็นฝนจากไอน้ำของพระองค์
27 It is he who makes the raindrops small and pulverises the rain into mist.

อย่างชัดเจนมันถูกใช้สำหรับการหยดของน้ำ



ในหนังสืออพยพExsodus มันคือชื่อเดียวกัน มันคือหนึ่งในเครื่องปรุงของการจัดเตรียมทำกำยานในพิธีกรรมที่ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ที่รอบรู้ที่สุดได้ระบุชื่อของยางไม้หอมนี้ว่า the Storax tree (Styrax officinale).

มันเป็นต้นไม้ที่งดงามมาก ต้นไม้พุ่มที่มีกลิ่นหอม ซึ่งมันเติบโตอย่างอุดมสมบรูณ์บริเวณด้านล่างเนินเขาในดินแดนปาเลสไตน์ ต้นไม้เตี้ยๆกลิ่นหอม 'poplar'ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล มาจากเนื้อของมันที่มีสีขาว

Source: The Hebrew University of Jerusalem

//flora.huji.ac.il/browse.asp?action=specie&specie=STYOFF&fileid=29787
//www.flowersinisrael.com/
Styraxofficinalis_page.htm

Source ://www.newadvent.org/cathen/
12149a.htm
//www.catholic.org/bible/
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปัญจบรรพ คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม สารบบที่สอง Deuterocanonical Books คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ประวัติศาสตร์ Historical Booksคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
Newtesament พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ Update ครั้งที่ 3 คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
เพลงสดุดี Pslams คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปรีชาญาณ wisdom books
คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์

 

โดย: Bernadette 17 ตุลาคม 2552 19:31:58 น.  

 

Rose

Rose
(1) ภาษาฮิบรูkhabbaççeleth (ในฉบับ A. V.,บทเพลงซาโลมอน Song of Songs 2:1;อิสยาห์ Isaiah 35:1) เป็นไปได้มากคือ the narcissus
ต้นนาซีซัสมีกลีบดอกด้านนอกสีขาวและตรงกลางสีเหลือง





* jonquil
* [N]พืชไม้ดอกชนิดหนึ่งมีใบแคบและยาว ดอกมีสีเหลือง
* jonquil[ syn: narcissus; Narcissus jonquilla]
(ดูทุ่งดอกไม้ )

Compare Versions

Catholic use New Jerusalem Bible: Thai-Eng

บทเพลงซาโลมอน Song of Songs 2:1
1 ดิฉันเป็นเหมือนดอกไม้ในที่ราบชาโรน
เป็นเหมือนดอกลิลลี่ในหุบเขา

1 -I am the rose of Sharon, the lily of the valleys.


English (Douay-Rheims)

1 The land that was desolate and impassable shall be glad, and the wilderness shall rejoice, and shall flourish like the lily.

Source //www.newadvent.org/bible/
isa035.htm#vrs1

New American Standard Bible (?1995)
The wilderness and the desert will be glad, And the Arabah will rejoice and blossom; Like the crocus

King James Bible
The wilderness and the solitary place shall be glad for them; and the desert shall rejoice, and blossom as the rose.

Source ://scripturetext.com/
isaiah/35-1.htm

คาทอลิกใช้ New Jerusalem Bible
www.catholic.org/bible
ขอยืม KJV ไบเบิ้ล

อิสยาห์ Isaiah 35:1
อิสราเอลจะกลับไปอยู่ที่ศิโยน

35:1 ถิ่นทุรกันดารและที่แห้งแล้งจะยินดีเพื่อเขาทั้งหลาย ทะเลทรายจะเปรมปรีดิ์และผลิดอกอย่างต้นดอกกุหลาบ
1 Let the desert and the dry lands be glad, let the wasteland rejoice and bloom; like the asphodel, อัลโฟเดล

(2) Wis., ii, 8 ปรีชาญาณ wisdom 2:8 ที่ปรากฎให้เห็นทำให้รู้ว่ามันคือดอกกุหลาบธรรมดาทั่วไป อย่างไรก็ตาม ดอกกุหลาบเป็นที่รู้จักกันดีในอียิปต์ เพียงแค่ใน ช่วงเวลาที่สำคัญในประวัติศาสตร์ ของ ราชวงค์ Ptolemies



ราชวงศ์ทอเลมี (กรีกโบราณ: ?????????? หรือ ???????, อังกฤษ: Ptolemaic dynasty หรือ Lagids) หรือบางครั้งก็เรียกว่า ราชวงศ์ลากิดส ซึ่งมาจากชื่อของพระราชบิดาของทอเลมีที่ 1 ชื่อลากัส ราชวงศ์ทอเลมีเป็นราชวงศ์กรีก[1][2][3][4] ผู้ปกครองจักรวรรดิทอเลมีในอียิปต์ระหว่างสมัยกรีก ราชวงศ์ทอเลมีรุ่งเรืองอยู่เกือบ 300 ปีจากตั้งแต่ 305 ปีก่อนคริสต์ศักราชจนถึง 30 ปีก่อนคริสต์ศักราช

ทอเลมีหนึ่งในองครักษ์เจ็ดคนผู้รับราชการเป็นนายพลและผู้ช่วยภายใต้อเล็กซานเดอร์มหาราชได้รับการแต่งตั้งให้เป็นข้าหลวงของอียิปต์หลังจากที่อเล็กซานเดอร์เสด็จสวรรคตในปี 323 ก่อนคริสต์ศักราช ในปี 305 ก่อนคริสต์ศักราชทอเลมีก็ประกาศตนเป็นพระเจ้าทอเลมีและ ต่อมาเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “โซเตอร์” ที่แปลว่าผู้มาช่วย ต่อมาชาวอียิปต์ก็ยอมรับราชวงศ์ทอเลมีว่าเป็นราชวงศ์ที่สืบการเป็นฟาโรห์ของ อียิปต์ ราชวงศ์ทอเลมีปกครองอียิปต์จนมาถูกพิชิตโดยโรมัน ในปี 30 ก่อนคริสต์ศักราช

ประมุขผู้เป็นชายทุกองค์ใช้ชื่อทอเลมี ที่เป็นสตรีบางคนก็เป็นพระขนิษฐาของพระราชสวามีมักจะใช้ชื่อ “คลีโอพัตรา” หรือ “อาร์ซิโนเอ” หรือ “เบเรนิเซ” สมาชิกคนสำคัญที่สุดของราชวงศ์คือพระราชินีองค์สุดท้ายคลีโอพัตราที่ 7 ที่เป็นที่รู้จักกันจากการมีบทบาทในความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างจูเลียส ซีซาร์ และ ปอมเปย์ และต่อมาระหว่าง อ็อคเตเวียน และ มาร์ค แอนโทนี การฆ่าตัวตายคลีโอพัตราเป็นการสิ้นสุดการครองอียิปต์ของราชวงศ์ทอเลมี

Source://th.wikipedia.org/wiki/ราชวงศ์ทอเลมี


ปรีชาญาณ wisdom 2:8
ความคิดของผู้ไม่ยำเกรงพระเจ้าเรื่องชีวิต

8 เราจงนำดอกกุหลาบที่เริ่มบานร้อยเป็นมงกุฎสวมศรีษะก่อนที่จะเหี่ยวแห้ง
8 but crown ourselves with rosebuds before they wither,





กุหลาบ มีชื่อวิทยาศาสตร์ Rosa hybrids ชื่อสามัญคือ กุหลาบ หรือ rose อยู่ในวงศ์: Rosaceae มีถิ่นกำเนิดในทวีปเอเชีย

Source://th.wikipedia.org/wiki/กุหลาบ


(3)ต้น Rose ถูกระบุใน บุตรสิรา Sirach 24:18; 39:17 คือมันค่อนข้างจะเป็นพืชจำพวก (the oleander โอ'ลิแอนเดอะ) n. พืชจำพวก Nerium เช่น ต้นยี่โถ,ยี่โถจีน มันขึ้นอย่างอุดมสมบรูณ์รอบๆเมืองเยรีโค Jericho สถานที่ซึ่งสงสัยกันว่า ทั้งสองอย่าง ไม่ว่าต้นกุหลาบ เคยเจริญเติบโตงอกงามอยู่ในสวน ถึงแม้ว่า มันมี 7 สปีชีย์ที่แตกต่างกันของพืชตระกูล Rosa ที่มันเติบโตในดินแดนปาเลสไตน์


Compare Versions
English (Douay-Rheims)
บุตรสิรา Sirach 24:18;


18 I was exalted like a palm tree in Cades, and as a rose plant in Jericho:

Source://www.newadvent.org/bible/
sir024.htm#vrs18


Catholic use New Jerusalem Bible: Thai-Eng

บุตรสิรา Sirach 24:14
ปรีชาญาณยกย่องตนเอง

14 ข้าพเจ้าเติบโตดุจต้นปาล์มที่เอน-เกดดี
ดุจกุหลาบที่เมืองเยรีโค
14 I have grown tall as a palm in En-Gedi, as the rose bushes of Jericho; as a fine olive in the plain, as a plane tree, I have grown tall.

เชิงอรรถ ปรีชาญาณยกย่องตนเอง


Compare Versions

English (Douay-Rheims)
บุตรสิรา Sirach 39:17


17 By a voice he saith: Hear me, ye divine offspring, and bud forth as the rose planted by the brooks of waters. Ye divine offspring... He speaks to the children of Israel, the people of God: whom he exhorts to bud forth and flourish with virtue.

Source://www.newadvent.org/bible/
sir039.htm#vrs17


Catholic use New Jerusalem Bible: Thai-Eng

บุตรสิราEcclesiasticus 39:13
การสรรเสริญพระเจ้า

13 บรรดาลูกใจศรัทธาทั้งหลายจงฟังข้าพเจ้าเถิด จงเติบโตขึ้น
เหมือนกุหลาบที่ปลูกไว้ริมธารน้ำ
13 Listen to me, devout children, and blossom like the rose that grows on the bank of a watercourse.





ชื่อวิทยาศาสตร์ : Nerium oleander L.
ชื่อวงศ์ : Apocynaceae
ชื่อสามัญ : Sweet oleander, Rose bay, Oleander
ชื่อพื้นเมือง : ยี่โถฝรั่ง

การใช้งานด้านภูมิทัศน์ (Landscape Used) : ปลูกประดับสวนเป็นกลุ่ม หรือเป็นแถว ปลูกริมทะเล ริมถนน ทางเดิน ลานจอดรถ สวนสาธารณะ รีสอร์ท ทนแล้งและทนต่อสภาพแวดล้อมต่างๆได้ดี ต้นมียางเป็น พิษไม่ควร ปลูกใกล้สนามเด็กเล่น
ประโยชน์ : ดอกแก้อักเสบ แก้ปวดศีรษะ ผลขับปัสสาวะ บำรุงหัวใจ

Source: //158.108.89.200/agbbc/Plant for Landscape WebSite/Webpage/Shrubs/ยี่โถ.htm

Source ://www.newadvent.org/cathen/
12149a.htm
//www.catholic.org/bible/
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปัญจบรรพ คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม สารบบที่สอง Deuterocanonical Books คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ประวัติศาสตร์ Historical Booksคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
Newtesament พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ Update ครั้งที่ 3 คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
เพลงสดุดี Pslams คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปรีชาญาณ wisdom books
คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์l

 

โดย: Bernadette 24 ตุลาคม 2552 17:35:44 น.  

 

Rue


( ลูกา Luke 11:42) เป็นไปได้มากคือ Ruta chalepensis

ลูกา Luke 11:42
พระเยซูเจ้าทรงประณามชาวฟารีสีและบรรดาธรรมาจารย์

42 วิบัติจงเกิดแก่ท่าน บรรดาชาวฟาริสี ท่านถวายหนึ่งในสิบของสะระแหน่ สมุนไพรและผักทุกชนิด แต่ละเลยความยุติธรรมและความรักต่อพระเจ้า บทบัญญัติเหล่านี้จำเป็นต้องปฎิบัติโดยไม่ละเว้นบทบัญญัติอื่นๆ
42 But alas for you Pharisees, because you pay your tithe of mint and rue and all sorts of garden herbs and neglect justice and the love of God! These you should have practised, without neglecting the others.



มันเป็นพืชที่แตกต่างกับ R. graveolens อย่างเล็กน้อย นักบุญลูกา ให้ความหมายว่า นั้นคือชาวฟารีสี ถือว่า the rue อยู่ภายใต้บังคับ (กฎหมาย) (tithe[N] ค่าภาษีที่หักออกไปหนึ่งในสิบ)แม้ว่ามันไม่ได้ระบุในthe Law กฎ ของในหมู่สรรพสิ่งที่มี การจ่ายค่าภาษีที่หักออกไปหนึ่งในสิบ(เลวีนิติ Leviticus 27:30;กันดารวิถี Numbers 18:21;เฉลยธรรมบัญญัติ Deuteronomy 14:22)

เลวีนิติ Leviticus 27:30
ค ของถวายหนึ่งในสิบ

30 หนึ่งในสิบจากผลิตผลของแผ่นดินทั้งข้าวและผลไม้ เป็นของพระยาห์เวห์ จะต้องถวายแด่พระองค์
30 "All tithes on land, levied on the produce of the soil or on the fruit of trees, belong to Yahweh; they are consecrated to Yahweh.


กันดารวิถี Numbers 18:21
ส่วนแบ่งของชาวเลวี

21 เราให้หนึ่งในสิบของผลผลิตของแผ่นดินอิสราเอลเป็นมรดกแก่ชนเลวี เป็นคำตอบแทนการรับใช้ดูแลที่เขาปฎิบัติในกระโจมนัดพบ
21 'Look, as heritage I give the Levites all the tithes collected in Israel, in return for their services, for the ministry they render in the Tent of Meeting.

เชิงอรรถ ส่วนแบ่งของชาวเลวี
กฎหมายจากตำนานสงฆ์นี้เป็นข้อกำหนดที่พัฒนาจาก ฉธบ 14:28-29 ,26:12 (ชนเลวีจะรับหนึ่งในสิบของผลิตผลจากประชาชนทุกสามปีเท่านั้น)แต่ กดว 35:1-8 จะมีข้อกำหนดที่พัฒนายิ่งขึ้นอีก อนุญาติให้ชนเลวีครอบครองที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ได้


เฉลยธรรมบัญญัติ Deuteronomy 14:22
การถวายหนึ่งในสิบประจำปี

22 ทุกๆปีท่านจะต้องกันหนึ่งในสิบจากผลิตผลของไร่นาทีท่านเพาะปลูก
22 'Every year, you must take a tithe of what your fields produce from what you have sown
เชิงอรรถ การถวายหนึ่งในสิบประจำปี


ข้อวินิจฉัยบางข้อนี้ของผู้เชี่ยวชาญกฎหมายยิวที่ใช้อย่างเคร่งครัดเกินงามไม่ได้เจาะจง แต่มีผลใช้อยู่ในแนวทางปฎิบัติของประจำปี และ พระคัมภีร์the Talmud ของพี่น้องชาวยิว (Shebiith, ix, 1) อย่างชัดเจน ได้ยอมรับ the rue คือการจ่ายภาษีที่หักออกหนึ่งในสิบ



Ruta chalepensis, Fringed rue, Citronelle Marron, Egyptian Rue,
Ruda, פיגם מצוי

Scientific name: Ruta chalepensis
Synonym name: Ruta bracteosa, Ruta angustifolia
Common name: Fringed rue, herb-of-grace, Citronelle Marron, Egyptian Rue, Ruda
Hebrew name: פיגם מצוי
Family: Rutaceae, פיגמיים


Location: Sharon Plain, Park Hasharon, Oaks hill

Life form: Chamaephyte
Leaves: Alternate, compound, bipinnate or more
Flowers: Yellow
Flowering Period: February, March, April, May, June
Habitat: Mediterranean maquis and forest
Distribution: The Mediterranean Woodlands and Shrublands, Semi-steppe shrublands
Chorotype, טיפוס התפוצה: Mediterranean
Summer shedding: Perenating




"There's fennel for you, and columbines:
there's rue for you; and here's some for me:
we may call it herb-grace o' Sundays:
O you must wear your rue with a difference..."

Ophelia in William Shakespeare's Hamlet (IV.5)
บทพูดของ โอฟีเลีย ในบทละคร แฮมเล็ท Hamlet (IV.5) บทประพันธ์ของเชคสเปียร์


Location: Judean Mts. Shaar HaGai, ein masila.





แหล่งที่มาของชื่อทางพฤษศาสตร์
Ruta (Latin) ภาษาลาติน ขอยืมคำมาจากภาษากรีก rhyte [ῥυτή]ที่มีต้นกำเนิดของคำมาจากภาษากรีกมันไม่เป็นที่ถูกรู้
คำว่า chalepensis,มาจาก Aleppo ในทางตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรีย
Ruta รากศัพย์อาจมาจากภาษากรีก 'rhutos', "shielded,"
ในข้อคิดเห็นมันมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและมันคือยาต้านพิษ

Flavonoids.(คือ สารประกอบฟลาโวนอยด์ (flavonoid) จากพืชที่มีคุณสมบัติต่อต้านการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันต่อต้านเชื้อ แบคทีเรีย เชื้อไวรัส เชื้อรา และมีคุณสมบัติยับยั้งการอักเสบได้ดี)โดยเฉพาะใน Rutin,
มันช่วยทำให้การลดลงการเปราะแตกง่ายของเส้นเลือดฝอย คือมันถูกพบในrue



Ruta chalepensis มันเคยถูกใช้ในการป้องกัน ; มันคือ 1 ใน 65 ส่วนผสมเครื่องปรุงของ Mithridate,ในกึ่งตำนาน การรักษา และมันถูกใช้เป็นยาต้านพิษ และกล่าวกันว่ามันถูกคิดโดย Mithridates VI of Pontus (132–63 BCE).


Mithridates VI from the Louvre.

สมัยโรมัน มีความเชี่ยวชาญมากในการใช้ สารพิษ เนื่องจากมีการแก่งแย่งความเป็นใหญ่ จนกระทั่งมีการลอบฆ่าากษัตริย์
Mithridates VI of Pontus เป?นกษัตริย?ที่มีความเชี่ยวชาญในการใช้ สารพิษมากและค้นพบยาแก?พิษชนิดต่างๆ มากมาย จนได?รับสมญานามจากชื่อ Mithridates
Source:www.med.cmu.ac.th


ในหลักฐานทางโบราณคดี ของกรีกและอียิปต์ rue มันถูกใช้กระตุ้นการไหลของ เกี่ยวกับระดู และเร่งให้เกิดปฏิกิริยาในการตกเลือด และ ไปถึงความร้ายแรงของความสามารถในการมองเห็น

H.B.Tristram (1822-1906) ผู้เขียนหนังสือ Natural History of the Bible เขียนไว้ว่า ก่อนหน้านี้ Rue มีความสำคัญสรรพคุณในการฆ่าเชื่อโรค


Source:The Hebrew University of Jerusalem
//flora.huji.ac.il/browse.asp?action=specie&specie=RUTCHA&fileid=30309

//www.flowersinisrael.com/Rutachalepensis_page.htm

Source ://www.newadvent.org/cathen/
12149a.htm
//www.catholic.org/bible/
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปัญจบรรพ คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม สารบบที่สอง Deuterocanonical Books คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ประวัติศาสตร์ Historical Booksคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
Newtesament พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ Update ครั้งที่ 3 คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
เพลงสดุดี Pslams คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปรีชาญาณ wisdom books
คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์l



 

โดย: Bernadette 30 ตุลาคม 2552 23:16:30 น.  

 

Saffron,


ชื่อวิทยาศาสตร์ Crocus sativus L.

Saffron
(n ) หญ้าฝรั่น
saffron [N] ผงสีเหลืองอมส้มทำจากดอก Crocus



Saffron crocus
Crocus sativus L.



Saffron ภาษาฮิบรู karkom (บทเพลงซาโลมอน Canticles 4:14)
ภาษาอาหรับ kurkum เป็นพืชที่มีกลิ่นหอม ชื่อวิทยาศาสตร์ Crocus sativus
มันเติบโตในทางตะวันออก และในยุโรป มันถูกใช้สำหรับเป็นเครื่องปรุงรส ชูรสของ อาหาร ขนมปัง และอื่นๆ

บทเพลงซาโลมอน Canticles 4:14
เพลงบทที่สาม

14 ต้นสมุนไพรและหญ้าฝรั่น
ต้นตะไคร้และอบเชย
ต้นกำยานทุกชนิด
ต้นมดยอบและว่านหางจระเข้
รวมทั้งเครื่องหอมชั้นเยี่ยมทั้งสิ้น
14 nard and saffron, calamus and cinnamon, with all the incense-bearing trees; myrrh and aloes, with the subtlest odours.

เชิงอรรถ รวมทั้งเครื่องหอมชั้นเยี่ยมทั้งสิ้น
ต้นไม้ต่างๆในข้อ 13-14 มักไม่ขึ้นอยู่ด้วยกัน และนอกจากต้นทับทิมแล้ว ยังไม่ใช่ต้นไม้ที่พบได้ในปาเลสไตน์ ส่วนนี้จึงเป็นสวนในจินตนาการ มีต้นไม้หอมหายากชนิดต่างๆ เป็นความคิดที่พบได้บ่อยๆ ในบทกวี 1:23,12-14, 3:6,5:5.13 เทียบกับคำพูดของปรีชาญาณใน บสร 24:12-21



Saffron crocus flowers in Osaka Prefecture, Japan

หญ้าฝรั่น (ออกเสียง ฝะ-หรั่น) จัดเป็นเครื่องเทศและเครื่องยาที่สำคัญอย่างหนึ่ง มีการนำเข้าในประเทศไทยจากประเทศแถบอาหรับ (เช่น เปอร์เซีย) หรือชาวตะวันตก มาช้านาน

หญ้าฝรั่น ในภาษาอาหรับเรียก ซะฟะรัน เป็นไม้ดอกสีม่วง เพาะพันธุ์ด้วยหัว อยู่ในตระกูลเดียวกับไอริส จึงมีเกสรข้างในสีเหลืองทอง เมื่อแห้ง ใช้เติมรสและกลิ่นในอาหาร และใช้เป็นสีย้อมได้ด้วย หญ้าฝรั่นมีกลิ่นฉุนเฉพาะตัวและมีรสค่อนข้างขม ชาวตะวันออกและผู้คนแถบทะเลเมดิเตอเรเนียนนิยมใช้ในการปรุงรสและแต่งสีแต่งกลิ่นอาหารมาแต่ครั้งโบราณกาล โดยเฉพาะในข้าวและอาหารจำพวกปลา ส่วนชาวอังกฤษ สแกนดิเนเวียน และผู้คนแถบทะเลบอลข่านใช้ผสมกับขนมปัง นับว่าเป็นส่วนผสมที่สำคัญในตำรับอาหารฝรั่งเศสด้วย


Saffron crocuses flowering in a garden in Osaka Prefecture (???), Kansai, Honsh?, Japan

สีเหลืองทองสำหรับย้อมผ้าละลายน้ำได้นั้น กลั่นมาจากเกสรหญ้าฝรั่นในอินเดียสมัยโบราณ หลังพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานไม่นานนัก เหล่าสงฆ์ทั้งหลายก็ใช้หญ้าฝรั่นเป็นสีย้อมจีวรอย่างกว้างขวาง สีย้อมดังกล่าวยังใช้สำหรับภูษาอาภรณ์ของกษัตริย์ ในหลายวัฒนธรรม

มีการหว่านเครื่องเทศหญ้าฝรั่นนี้ภายในอาคารต่างๆ เช่น ภายในราชสำนัก หอประชุม โรงละคร และโรงอาบน้ำของกรีกและโรมัน เพื่อเป็นเครื่องหอม ภายหลังมีความผูกพันเป็นพิเศษกับเฮไตไร หรือนางคณิกาของกรีก บรรดาถนนสายต่างๆ ของโรมก็ล้วนโปรยปรายไปด้วยหญ้าฝรั่น เมื่อจักรพรรดิเนโรเสด็จเข้ามายังพระนคร

หญ้าฝรั่นนี้เชื่อกันว่าเป็นพืชพื้นเมืองแถบทะเลเมดิเตอเรเนียน เอเชียไมเนอร์ และอิหร่าน โดยมีการปลูกมาช้านานแล้วในอิหร่าน และแคว้นแคชเมียร์ของอินเดีย และเข้าใจว่ามีการนำเข้าไปยังแผ่นดินจีนเมื่อครั้งพวกมองโกลบุกรุก


Saffron threads (red-coloured stigmas) mixed with styles (yellow) from Iran


Close-up of a single crocus thread (the dried stigma). Actual length is about 20 millimetres (0.79 in).

ในตำราแพทย์แผนโบราณของจีน สมัยยุคศตวรรษที่ 16 นั้นก็ยังมีกล่าวถึงหญ้าฝรั่นโดยแพทย์จีนเรียกหญ้าฝรั่นนี้ว่า ซีหงฮวา ซึ่งแปลว่า ดอกไม้สีแดงจากตะวันตก ส่วนชาวอาหรับและพวกแขกมัวร์ในประเทศสเปนก็รู้จักการปลูกหญ้าฝรั่นเมื่อประมาณปี พ.ศ. 1504 และยังมีการกล่าวไว้ในตำราทางการแพทย์ของอังกฤษ เมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 10 (พ.ศ. 1444- 1543) แต่อาจสูญหายไปจากยุโรป กระทั่งพวกครูเสดนำเข้าไปอีกครั้ง ในช่วงสมัยต่างๆ หญ้าฝรั่นมีค่ามากกว่าทองคำเมื่อเทียบน้ำหนักกัน และยังคงเป็นเครื่องเทศที่มีราคาแพงที่สุดในโลก[ต้องการแหล่งอ้างอิง]จนปัจจุบัน

ส่วนตำราการแพทย์แผนโบราณของไทยนั้น หญ้าฝรั่นถือ ได้ว่าเป็นของที่สูงค่ามีราคาแพงมาก จัดเป็นตัวยาที่ช่วยในการแก้ลมวิงเวียน บำรุงหัวใจ เป็นตัวยาหลักที่ใช้ในตำรับยาหอมต่างๆ และยังใช้บดเป็นผงให้ละเอียดแล้วละลายในน้ำต้มสุกที่ทิ้งไว้ให้เย็นแล้วกิน เป็นน้ำกระสายยาคู่กับการกินยาตำรับต่างๆอีกด้วย


A saffron crocus flower

ปัจจุบันนี้มีการปลูกหญ้าฝรั่นกันมากในสเปน ฝรั่งเศส ซิซิลี อิตาลี อิหร่าน และแคชเมียร์ จะมีการเก็บเกสรตัวเมียดอกละสามอัน นำไปวางแผ่ไว้ในถาด ย่างไฟที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง นำมาแต่งรสชาติและกลิ่นของอาหาร หญ้าฝรั่นแห้งที่ได้ 1 กิโลกรัม เท่ากับผลผลิต 120,000 - 160,000ดอก ดังนั้นจึงต้องเก็บเกสรตัวเมียจากดอกของหญ้าฝรั่นด้วยมือจำนวนมากถึงจะได้ปริมาณตามที่ต้องการ ทำให้หญ้าฝรั่นจัด เป็นเครื่องเทศที่มีราคาแพงที่สุดในโลกโดยน้ำหนักในบรรดาเครื่องเทศทั้งหลาย ซึ่งโดยเฉลี่ยขายปลีกกันประมาณกิโลกรัมละ 77,700 บาท ทำให้ในปัจจุบันมีการเอาดอกคำฝอย ซึ่งมีลักษณะที่ค่อนข้างคล้ายคลึงกันมากกับหญ้าฝรั่นแต่มีราคาที่ถูกกว่ามากมาผสมปนอยู่ด้วยในเวลาที่ขายในร้านขายเครื่องเทศและสมุนไพรต่างๆ

Source://th.wikipedia.org/wiki/หญ้าฝรั่น
Source ://www.newadvent.org/cathen/
12149a.htm
//www.catholic.org/bible/
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปัญจบรรพ คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม สารบบที่สอง Deuterocanonical Books คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ประวัติศาสตร์ Historical Booksคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
Newtesament พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ Update ครั้งที่ 3 คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
เพลงสดุดี Pslams คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปรีชาญาณ wisdom books
คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์l


 

โดย: Bernadette 7 พฤศจิกายน 2552 15:38:31 น.  

 

Shrub,


Shrub ในภาษาฮิบรูคือ na’açuç (ในฉบับ Douay Version, Isaiah 7:19; 55:13)

อิสยาห์ Isaiah 7:19

Compare Versions


English (Douay-Rheims)


19 And they shall come, and shall all of them rest in the torrents of the valleys, and in the holes of the rocks, and upon all places set with shrubs, and in all hollow places.

New American Standard Bible (?1995)
They will all come and settle on the steep ravines, on the ledges of the cliffs, on all the thorn bushes and on all the watering places.

King James Bible
And they shall come, and shall rest all of them in the desolate valleys, and in the holes of the rocks, and upon all thorns, and upon all bushes.

Source://scripturetext.com/
isaiah/7-19.htm

คาทอลิกใช้ New Jerusalem Bible
www.catholic.org/bible
ขอยืม Kjv ไบเบิ้ล

อิสยาห์ Isaiah 7:19;
การบุกรุกและความหายนะของยูดาห์ในอนาคต (2 พศด 28:1-20)

7:19 และมันจะมากันและทั้งหมดก็จะหยุดพักตามหุบเขาที่ร้าง และในซอกหิน และบนต้นหนามทั้งสิ้น และบนพุ่มไม้ทั้งสิ้น

19 and they will all come and settle on the streams in the gullies, in the holes in the rocks, on all the thorn-bushes and on all the water-points.


อิสยาห์ Isaiah 55:13

Compare Versions

English (Douay-Rheims)

13 Instead of the shrub, shall come up the fir tree, and instead of the nettle, shall come up the myrtle tree: and the Lord shall be named for an everlasting sign, that shall not be taken away.

New American Standard Bible (?1995)
"Instead of the thorn bush the cypress will come up, And instead of the nettle the myrtle will come up, And it will be a memorial to the LORD, For an everlasting sign which will not be cut off."

King James Bible
Instead of the thorn shall come up the fir tree, and instead of the brier shall come up the myrtle tree: and it shall be to the LORD for a name, for an everlasting sign that shall not be cut off.

Source://scripturetext.com/
isaiah/55-13.htm

คาทอลิกใช้ New Jerusalem Bible
www.catholic.org/bible
ขอยืม Kjv ไบเบิ้ล

อิสยาห์ Isaiah 55:13
ความรอดสำหรับมนุษย์ทั้งปวง

55:13 แทนต้นหนามใหญ่ ต้นสนสามใบจะงอกขึ้น แทนต้นหนามย่อย ต้นน้ำมันเขียวจะงอกขึ้นและแด่พระเยโฮวาห์ มันจะเป็นชื่อ เพื่อเป็นหมายสำคัญนิรันดร์ ซึ่งจะไม่ถูกตัดออกเลย"
13 Cypress will grow instead of thorns, myrtle instead of nettles. And this will be fame for Yahweh, an eternal monument never to be effaced.


ลักษณ์ะชนิดของ Shrub เป็นไปได้มากคือ ต้นพุทราjujube tree,หรืออย่างไม่เฉพาะเจาะจง คือ ชนิดของ Zizyphus vulgaris, Lamentations, or Z. spina-christi, Willd.


ต้นพุทราjujube tree
พุทรา Jujube

Bor (Marathi: ???): the jujube tree,









ถิ่นกำเนิดทางตอนใต้ของเอเซีย ส่วนใหญ่เกิดในอินเดียว มันขึ้นเองตามธรรมชาติด้วยเช่นกัน ในพื้นที่แห้งและ มันเติบโตเร็วมากในพื้นที่แห้งแล้งของอาฟริกา

คุณค่าอาหารและสรรพคุณ

พุทราพื้นเมือง ผลเล้ก ๆ เป็นแหล่งของวิตามินซีอย่างยอดเยี่ยม ในเนื้อหนัก 100 กรัมนั้น มีวิตามินซีอยู่ถึง 46 มิลลิกรัม ขณะที่พุทราพันธุ์เจดีย์ ที่นิยมกันนั้น มีวิตามีนซีอยู่เพียง 6 มิลลิกรัมเท่านั้น วิตามินซีช่วยป้องกันโรคหวัด และโรคเลือดออกตามไรฟัน นอกจากนี้ยังมีแคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก วิตามินเอ วิตามินบี 1 และวิตามินบี 2

Zizyphus vulgaris







Jujube Berries (Zizyphus vulgaris)เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมในซีเรีย และนำเข้าไปเพาะปลูกที่อิตาลีโดย จักรพรรดิ์ ออร์กัสตัส Augustus และในตอนนี้ มันคือพืชทั่วไปที่ขึ้นตามธรรมชาติ


Source://www.viable-herbal.com/herbdesc2/1jujubeb.htm








Zizyphus spina-christi (Jujubier)
Ziziphus (zizyphus) spina-christi
(Arabian jujube, Syrian Christ thorn)
Thorn Jujube (Ziziphus spina-christi) in Israel
The Latin name of the jujube tree is Zizyphus Spina-christi (the messiah’s thorns) and refers to the crown of thorns in the story of Jesus’ crucifixion.

Source://toptropicals.com/pics/garden/m1/1629.jpg

Source://th.wikipedia.org/wiki/หญ้าฝรั่น
Source ://www.newadvent.org/cathen/
12149a.htm
//www.catholic.org/bible/
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปัญจบรรพ คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม สารบบที่สอง Deuterocanonical Books คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ประวัติศาสตร์ Historical Booksคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
Newtesament พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ Update ครั้งที่ 3 คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
เพลงสดุดี Pslams คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปรีชาญาณ wisdom books
คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์l


 

โดย: Bernadette 10 พฤศจิกายน 2552 19:30:28 น.  

 

Tamarisk,ในภาษาฮิบรูคือ ’eshel (ปฐมกาล Genesis 21:33; "grove"; 1 ซามูเอล Samuel 22:6; 31:13; ใน D.V. "wood",ใน A.V. "tree"),ภาษาอาหรับ ’athl, คือต้นไม้ แปด หรือเก้าชนิด ที่มันเติบโตในดินแดนปาเลสไตน์




Compare Versions

ปฐมกาล Genesis 21:33;ใช้คำว่า "grove"

New American Standard Bible (?1995)

Abraham planted a tamarisk tree at Beersheba, and there he called on the name of the LORD, the Everlasting God.

King James Bible
And Abraham planted a grove in Beersheba, and called there on the name of the LORD, the everlasting God.

Douay-Rheims Bible
And Abimelech, and Phicol the general of his army arose and returned to the land of the Palestines. But Abraham planted a grove in Bersabee, and there called upon the name of the Lord God eternal.

Source://scripturetext.com/
genesis/21-33.htm

คาทอลิกใช้ New Jerusalem Bible Thai-Eng

อับราฮัมกับอาบีเมเลคที่เบเออร์เชบา

33 แล้วอับราฮัมก็ปลูกต้นมะขามต้นหนึ่งไว้ที่เบเออร์เชบา และที่นั่นเขาขานพระนามของพระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้ทรงพระชมน์อยู่ตลอดไป
33 And Abraham planted a tamarisk at Beersheba and there he invoked the name of Yahweh.
เชิงอรรถ
เรื่องนี้มาจากตำนานเอโลฮิลต์ ยกเว้นข้อ33 ซึ่งรวบรวมการอธิบายชื่อเบเออร์เชบาทั้งสองแบบคือ บ่อน้ำแห่งการสาบาน หรือ บ่อน้ำของ ลูกแกะ เจ็ดตัว ดู 26:33 ด้วย การกล่าวถึงชาวฟิลิสเตีย ในข้อ 32:34 เป็นการกล่าวผิดเวลา เพราะในสมัยนั้นชาวฟิลิสเตียยังไม่มาอาศัยอยู่ในแผ่นดินคานาอัน ดู ยชว 13:2 เชิงอรรถ b



1 ซามูเอล Samuel 22:6; 31:13; ใน D.V. "wood",ใน A.V. "tree"

Compare Versions

New American Standard Bible (?1995)

Then Saul heard that David and the men who were with him had been discovered. Now Saul was sitting in Gibeah, under the tamarisk tree on the height with his spear in his hand, and all his servants were standing around him.

King James Bible
When Saul heard that David was discovered, and the men that were with him, (now Saul abode in Gibeah under a tree in Ramah, having his spear in his hand, and all his servants were standing about him;)

Douay-Rheims Bible
And Saul heard that David was seen, and the men that were with him. Now whilst Saul abode in Gabaa, and was in the wood, which is by Rama, having his spear in his hand, and all his servants were standing about him,

Source://scripturetext.com/
1_samuel/22-6.htm



คาทอลิกใช้ New Jerusalem Bible Thai-Eng

1 ซามูเอล Samuel 22:6
การสังหารหมู่คณะ

6 กษัตริย์ซาอูลทราบว่า ดาวิดและพรรคพวกอยู่ที่ไหนดังนี้ ขณะนั้นซาอูลอยู่ที่เมืองกิเบอาห์ กำลังประทับอยู่ใต้ต้นมะขามบนเนินเขา ทรงหอกและมีข้าราชบริพารเฝ้าอยู่โดยรอบ
6 When Saul heard that David and the men with him had been discovered, Saul was at Gibeah, seated under the tamarisk on the high place, spear in hand, with all his staff standing round him.

Source://scripturetext.com/
1_samuel/22-6.htm


Compare Versions

1 ซามูเอล Samuel 31:13

New American Standard Bible (?1995)

They took their bones and buried them under the tamarisk tree at Jabesh, and fasted seven days.

King James Bible
And they took their bones, and buried them under a tree at Jabesh, and fasted seven days.

Douay-Rheims Bible
And they took their bones and buried them in the wood of Jabes: and fasted seven days.

Source://scripturetext.com/
1_samuel/31-13.htm

คาทอลิกใช้ New Jerusalem Bible Thai-Eng
การรบที่ภูเขากิลโบอา กษัตริย์ซาอูลสิ้นพระชมน์

13 เขาอัญเชิญพระอัฐิไปฝังไว้ใต้ต้นมะขามที่เมืองยาเบช แล้วจำศีลอดอาหารไว้ทุกข์เป็นเวลาเจ็ดวัน
13 They then took their bones and buried them under the tamarisk of Jabesh, and fasted for seven days.

เชิงอรรถ การรบที่ภูเขากิลโบอา กษัตริย์ซาอูลสิ้นพระชมน์
เรื่องราวในบทนี้ต่อจากบทที่ 28


Tamarix nilotica, Nile tamarisk,
אשל היאור

Scientific name: Tamarix nilotica
Common name Nile tamarisk
Hebrew name: אשל היאור
Arabic name: Abal/Tarfa, لبع/هفرط
Family: Tamaricaceae, אשליים




Life form: Phanerophyte, tree
Leaves: Alternate, scale
Flowers: White
Flowering Period: : March, April, May, June, July, August, September, October, November, December
Habitat: Desert, Salty habitats
Distribution: Mediterranean Woodlands and Shrublands, Semi-steppe shrublands, Shrub-steppes, Deserts and extreme deserts
Chorotype, טיפוס התפוצה: Saharo-Arabian
Summer shedding: Perenating
Protected Flower, צמח מוגן: Yes




H.B.Tristram ผู้เขียนหนังสือ (11 May 1822 - 8 March 1906) , The Natural History of the Bible:

"แล้วอับราฮัมก็ปลูกต้นมะขามต้นหนึ่งไว้ที่เบเออร์เชบา (ปฐมกาล Gen.XXI.33):
"เขาอัญเชิญพระอัฐิไปฝังไว้ใต้ต้นมะขามที่เมืองยาเบช "(I ซามูเอล Sam. XXXI.13);

Compare Versions

แต่ใน 1 พงศาวดาร Chron. X.12,มันถูกเรียกว่า 'elah,'หรือ the oak

New American Standard Bible (?1995)

all the valiant men arose and took away the body of Saul and the bodies of his sons and brought them to Jabesh, and they buried their bones under the oak in Jabesh, and fasted seven days.

King James Bible
They arose, all the valiant men, and took away the body of Saul, and the bodies of his sons, and brought them to Jabesh, and buried their bones nder the oak in Jabesh, and fasted seven days.

Douay-Rheims Bible
All the valiant men of them arose, and took the bodies of Saul and of his sons, and brought them to Jabes, and buried their bones under the oak that was in Jabes, and they fasted seven days.

Source://scripturetext.com/
1_chronicles/10-12.htm

คาทอลิกใช้ New Jerusalem Bible Thai-Eng

กษัตริย์ซาอูลสิ้นพระชมน์

12 ผู้กล้าหาญทุกคนต่างเดินทางไปเชิญพระศพของกษัตริย์ซาอูลและพระโอรสกลับมาที่เมืองยาเบช ฝังพระอัฐิไว้ใต้ต้นมะขามที่เมืองยาเบช แล้วจำศีลอดอาหารไว้ทุกข์เป็นเวลาเจ็ดวัน
12 the warriors all set out and took the bodies of Saul and his sons away; they brought them to Jabesh and buried their bones under the tamarisk of Jabesh and fasted for seven days.

เชิงอรรถ กษัตริย์ซาอูลสิ้นพระชมน์
บทนี้เป็นเหมือน อารัมภบท ของเรื่องเกี่ยวกับกษัตริย์ดาวิด ซึ่งจะเป็นเนื้อหาของหนังสือพงศาวดารฉบับที่หนึ่งส่วนที่เหลือ ผู้เขียนพงศาวดารเล่าถึงจุดจบน่าอนาถของซาอูล กษัตริย์พระองค์แรกของอิสราเอล ซึ่งพระเจ้าทรงทอดทิ้ง


Source://www.flowersinisrael.com/Tamarixnilotica_page.htm


Source ://www.newadvent.org/cathen/
12149a.htm
//www.catholic.org/bible/
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปัญจบรรพ คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม สารบบที่สอง Deuterocanonical Books คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ประวัติศาสตร์ Historical Booksคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
Newtesament พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ Update ครั้งที่ 3 คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
เพลงสดุดี Pslams คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปรีชาญาณ wisdom books
คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์l

 

โดย: Bernadette 16 พฤศจิกายน 2552 21:29:42 น.  

 

Teil tree (ในฉบับ A.V.,อิสยาห์ Isaiah 6:13)มันคือการแปลที่ผิดพลาดของภาษาฮิบรู ’elah ซึ่งเป็นไปได้มากคือ terebinth


Names

* Hebrew Synonym: אלה ארצישראלית
* Hebrew with Vowels: אֵלָה אֶרֶץ=יִשְׂרְאֵלִית


Compare Versions

(ในฉบับ A.V.,อิสยาห์ Isaiah 6:13)

English (Douay-Rheims)

13 And there shall be still a tithing therein, and she shall turn, and shall be made a show as a turpentine tree, and as an oak that spreadeth its branches: that which shall stand therein, shall be a holy seed.

Source://www.newadvent.org/bible/
isa006.htm#vrs13


New American Standard Bible (?1995)
"Yet there will be a tenth portion in it, And it will again be subject to burning, Like a terebinth or an oak Whose stump remains when it is felled. The holy seed is its stump."

King James Bible
But yet in it shall be a tenth, and it shall return, and shall be eaten: as a teil tree, and as an oak, whose substance is in them, when they cast their leaves: so the holy seed shall be the substance thereof.

Source ://scripturetext.com/
isaiah/6-13.htm

Catholic use New Jerusalem Bible
www.catholic.org/bible
ขอยืม KJV ไบเบิ้ล

การมอบหมายหน้าที่แก่อิสยาห์

6:13 และแม้ว่ามีเหลืออยู่ในนั้นสักหนึ่งในสิบ ก็จะกลับมาและถูกเผาไฟ เหมือนต้นน้ำมันสนหรือต้นโอ๊กซึ่งเหลืออยู่แต่ตอเมื่อถูกโค่น" ตอของมันจะเป็นเชื้อสายบริสุทธิ์
13 And suppose one-tenth of them are left in it, that will be stripped again, like the terebinth, like the oak, cut back to the stock; their stock is a holy seed.'




Terebinth

(ในฉบับ Douay Version,อิสยาห์ Isaiah 6:13), Pistacia terebinthus, the turpentine tree (turpentine (เทอ'เพนไทนฺ) n.,vt. (ใส่)ยางสน,น้ำมันสน คำศัพท์ย่อย: turpentinic adj. turpentinous adj. turpentiny adj.) ,


สำหรับภาษาฮิบรู ’ayl, ’elah, ’elon (ดูต้นโอ๊ก Oak)มันเติบโตในที่แห้งแล้งทุรกันดารของตอนใต้และทางตะวันออกของดินแดนปาเลสไตน์และมันสถานที่ซึ่งต้นโอ๊กเจริญเติบโตได้ไม่ดี

The turpentine นั้นแตกต่างจากต้นสนไพน์the pine trees
The turpentine มันคือพืชชนิดหนึ่งที่มีน้ำมันเป็นกลิ่นหอมน่าพอใจ มันถูกผลิตมาจากการบากลอกเปลือกไม้ และมันถูกใช้อย่างกว้างขวางในทางตะวันออกเพื่อปรุงกลิ่นรสชาดไวน์
etc.


Source :Catholic Encyclopedia > P > Plants in the Bible
//www.newadvent.org/cathen/12149a.htm


Pistacia palaestina, Turpentine tree, Terebinth Tree,
אלה ארץ-ישראלית

Scientific name: Pistacia palaestina
Common name Turpentine tree, terebinth tree
Hebrew name: אלה ארץ-ישראלית
Arabic name: بطم ,Butm
Family: Anacardiaceae, אלתיים



Life form: Phanerophyte, tree
Leaves: Alternate, compound, pinnate
Flowers: Pink
Flowering Period: March, April
Habitat: Mediterranean maquis and forest
Distribution: The Mediterranean Woodlands and Shrublands, Semi-steppe shrublands
Chorotype, טיפוס התפוצה: Mediterranean
Summer shedding: Perenating



แหล่งที่มาของชื่อพืชทางพฤษศาสตร์:
Pistacia, pistacium (ในภาษาลาติน Latin),"pistachio nut" ในภาษากรีกคือ pistakion,มาจาก pistakē,คำนี้ในภาษากรีก แปลว่าถั่ว nut บางทีอาจมาจาก ชาวเปอร์เซียในตะวันออกกลาง ใช้คำว่า *pistak. "Pistacium" คือชื่อสามัญของ พืชตะกูล Pistacia palaestina มาจากดินแดนปาเลสไตน์


Terebinth, (ในภาษาลาติน ) terebinthus,มาจากภาษากรีก
terébinthos, turpentine tree.รอยแยกในก้านและกิ่งของมันให้ผลผลิต
ผลิตผลของมันเป็นไปได้มาที่ในยุคแรกเป็นที่รู้จักว่ามาจาก turpentine((n) น้ำมันสน,ยางสน, )มันเคยถูกใช้เอามาทำเป็นยารักษาโรค จากหลักฐานทางโบราณคดีของกรีกโบราณ นี้คือทำไมต้นไม้นี้จึงเรียกว่า "turpentine tree."




คำในภาษาฮิบรูสำหรับ Pistacia คือ "elâh" และมีความหมายเหมือนกับ ต้นโอ๊ก the oak ก้านของมันมาจากภาษาฮิบรูถูกเรียกว่า el (God)ซึ่งมีความสัมพันธ์หมายถึง พลัง และ ความมั่นคง

หุบเขา "Elah"ซึ่ง King ดาวิดได้ฆ่ายักษ์ โกลีอัทthe giant Goliath I ซามูเอล Samuel 17:2-49

ได้รับชื่อนี้มาจากต้นไม้ Pistacia trees คำในภาษาฮิบรูคือ
"êl, "êlâh", and "êlîm", refer to the Pistacia, but, "âllâh", "allôn", and "êlôn" to the Quercus.

ในอิสราเอล มีพืชตะกูล Pistacia ถึง 5 สปีชีย์
1) P. lentiscus; 2) P. atlantica; 3) P. saportae Burnat; 4) P. palaestina; 5) P. khinjuk Stocks.




*ปฐมกาล Genesis 18:8 -
พระเจ้าทรงสำแดงพระองค์แก่อับราฮัม

8 เขาเอานมข้นเปรี้ยว น้ำนมสดและเนื้อลูกโคที่เตรียมแล้ว มาวางต่อหน้าคนทั้งสาม และยืนอยู่ใต้ต้นไม้คอยรับใช้ ขณะที่คนทั้งสามกำลังกินอาหาร
8 Then taking curds, milk and the calf which had been prepared, he laid all before them, and they ate while he remained standing near them under the tree.
เชิงอรรถ ยาววสแกน พระเจ้าทรงสำแดงพระองค์แก่อับราฮัม



* ผู้วินิจฉัย Judges 6:11 -
ทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์แสดงองค์แก่กิเดโอน

11 ทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์มาที่หมู่บ้านโอฟราห์ และนั่งอยู่ใต้ต้นโอ๊คซึ่งเป็นของโยอาช จากตะกูลอาบีเยเซอร์ กิเดโอน บุตรของเขากำลังนวดข้าวอยู่ใบบ่อย่ำองุ่ง เพื่อไม่ให้ชาวมีเดียนเห็น
11 The Angel of Yahweh came and sat under the terebinth at Ophrah which belonged to Joash of Abiezer. Gideon his son was threshing wheat inside the wine-press, to keep it hidden from Midian,
เชิงอรรถยาวว


* 1 Samuel 17:2 & 19 -
โกลิอัทท้าทายกองทัพของชาวอิสราเอล

2 กษัตริย์ซาอูลกับชาวอิสราเอลก็มาชุมนุมกันด้วย ตั้งค่ายอยู่ที่หุบเขาเอลาห์และตั้งแนวรบอยู่ตรงข้ามกับชาวฟิลิสเตีย
2 Saul and the Israelites also mustered, pitching camp in the Valley of the Terebinth, and drew up their battle-line opposite the Philistines.

ดาวิดมาถึงค่ายของกษัตริย์ซาอูล
19 กษัตริย์ซาอูล พี่ชายของลูกพร้อมกับกองทัพอิสราเอลอยู่ที่เขาเอลาห์ กำลังสู้กับชาวฟิลิสเตีย
19 they are with Saul and all the men of Israel in the Valley of the Terebinth, fighting the Philistines.'


* อิสยาห์ Isaiah 6:13
คาทอลิก ใช้ New Jerusalem Bible
www.catholic.org/bible
ภาษาไทยขอยืม kjv ไบเบิ้ล

การมอบหมายหน้าที่แก่อิสยาห์

6:13 และแม้ว่ามีเหลืออยู่ในนั้นสักหนึ่งในสิบ ก็จะกลับมาและถูกเผาไฟ เหมือนต้นน้ำมันสนหรือต้นโอ๊กซึ่งเหลืออยู่แต่ตอเมื่อถูกโค่น" ตอของมันจะเป็นเชื้อสายบริสุทธิ์
13 And suppose one-tenth of them are left in it, that will be stripped again, like the terebinth, like the oak, cut back to the stock; their stock is a holy seed.'



* โยเซฟาส Josephus Flavius ในหนังสือ The Jewish Wars บทที่ IV,533 : ที่ระยะทาง 6 หลาจากเมือง เช่นกันมีต้นไม้terebinth tree ที่ใหญ่โต ซึ่งยืนตะหง่านตั้งแต่ปฐมการพระเจ้าทรงสร้างโลก ภายใต้ร่มเงาของterebinthนี้ เชลยชาวยิวถูกขายโดย ทิทัส เวสปาเซียน Titus Vespasian ในปีที่ 69 CE และมันคือ การอนุมานสมมุติฐานว่า คนสามคนที่อับราฮัมต้อนรับ

ปฐมกาล Genesis 18:8
พระเจ้าทรงสำแดงพระองค์แก่อับราฮัม

8 เขาเอานมข้นเปรี้ยว น้ำนมสดและเนื้อลูกโคที่เตรียมแล้ว มาวางต่อหน้าคนทั้งสาม และยืนอยู่ใต้ต้นไม้คอยรับใช้ ขณะที่คนทั้งสามกำลังกินอาหาร
8 Then taking curds, milk and the calf which had been prepared, he laid all before them, and they ate while he remained standing near them under the tree.



A Roman portrait bust said to be of Josephus

โจซีฟัส หรือ โจเซฟเบนมาทิยาฮู (อังกฤษ: Josephus หรือ Yosef Ben Matityahu (โจเซฟลูกของแมทไธยัส)) (ค.ศ. 37 – ราว ค.ศ. 100 ) โจซีฟัสมาเปลี่ยนชื่อเป็น “ไททัส เฟลเวียส โจซีฟัส” หลังจากที่ได้เป็นพลเมืองโรมัน

โจซีฟัสเป็นนักประวัติศาสตร์และนักเขียนพิทักษ์ปรัชญา (apologist) ของคริสต์ศตวรรษที่ 1 ที่มาจากครอบครัวที่เป็นนักบวชและราชวงศ์ ผู้รอดมาได้จากการทำลายเมืองเยรุซาเล็มโดยโรมันในปี ค.ศ. 70 และมาบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น[4] งานของโจซีฟัสเป็นงานสำคัญที่ทำให้เข้าใจถึงเบื้องหลังของลัทธิยูดายในคริสต์ศตวรรษที่ 1

งานชิ้นสำคัญสองชิ้นของโจซีฟัสคือ “สงครามยิว” ที่เขียนราวปี ค.ศ. 75 และ “ประวัติศาตร์ของชาวยิว” ที่เขียนราวปี ค.ศ. 94[6] “สงครามยิว” เป็นหนังสือที่เกี่ยวกับการปฏิวัติของชาวยิวระหว่างปี ค.ศ. 66 ถึงปี ค.ศ. 70 ในการต่อต้านอำนาจของจักรวรรดิโรมัน ส่วน “ประวัติศาตร์ของชาวยิว” เป็นหนังสือที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ที่เขียนจากทัศนคติของชาวยิว งานเขียนทั้งสองชิ้นเป็นงานเขียนที่มีค่าที่ทำให้เข้าใจถึงลัทธิยูดายใน คริสต์ศตวรรษที่ 1 และเบื้องหลังของคริสเตียนสมัยต้น[6]

Source:Wiki-โจซีฟัส



จักรพรรดิเวสเปเซียน หรือ ไททัส เฟลเวียส เวสปาซิเอนัส (อังกฤษ: Vespasian; ชื่อเต็ม: Titus Flavius Vespasianus g) (17 พฤศจิกายน ค.ศ. 9 – 23 มิถุนายน ค.ศ. 79) เวสเปเซียนเป็นจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโรมันของราชวงศ์เฟลเวียนระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 69 จนกระทั่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ค.ศ. 79 เวสเปเซียนทรงเป็นผู้ก่อตั้งราชวงศ์เฟลเวียนแต่ก็เป็นราชวงศ์ที่มีอายุอันสั้น บัลลังก์ของจักรวรรดิโรมันครอบครองต่อมาโดยพระราชโอรสของเวสเปเซียน ––จักรพรรดิไททัสและจักรพรรดิโดมิเชียน

Source:Wiki-จักรพรรดิเวสเปเซียน

* Salminius Hermias Sozomenus (Σωζομενός) (c. 400 - c. 450),หนึ่งในนักประวัติศาสตร์ยุคแรกของพระศาสนจักร ที่มีชื่อเสียง

Source:Catholic Encyclopedia
//www.newadvent.org/cathen/14165c.htm

ในหนังสือประวัติศาสตร์ : Historia Ecclesisstica II, 4. GCS 50, 54-56:

ฉันคิดว่า (คำเป็นทางการ)ปัจจัยสำคัญที่ประกาศในตอนนี้
มติเกี่ยวกับ ต้นโอ๊กthe oak แห่ง Mambre โดยจักรพรรดิ์คอนสแตนติน



สถานที่ในปัจจุบันนี้เรียกว่า the Terebinth ตั้งอยู่ 15 stadia (หน่วยวัดความยาวของกรีกโบราณมีค่าประมาณ 607 ฟุต)จาก Hebron ลงไปทางใต้ ทุกๆ ปีในช่วงฤดูร้อน ชุมชนที่อยู่อาศัยในสถานที่นั้น และชาวปาเลสไตน์ ชาวโฟนีเชียน และชาวอาหรับ ซึ่งมาจากแดนไกล มาทำการค้าขายที่นี้
มีผู้คนจำนวนมาก เพื่อมาทำการค้าขาย บ้างก็ไปขายและบ้างก็ไปซื้อ งานเฉลิมฉลองเทศกาลใหญ่ของชุมชนชาวยิว ตั้งแต่อับราฮัมบรรพชนของพวกเขา และของคนนอกศาสนาเค้าถือว่าทูตสวรรค์มาที่นี่ ของพี่น้องคริสเตียนตั้งแต่ผู้ซึ่งประสูติจากพระแม่มารีย์สำหรับความรอดของมวลมนุษย์ได้ปรากฎที่นี้เช่นกันต่อพี่น้องคริสตชนที่มีความศรัทธา

ทุกๆคนเคารพสถานที่นี้เกี่ยวกับทางด้านศาสนา บางคนสวดวอนขอพระเจ้าผู้ปกครองทั้งมวล
บางคนเรียกร้องเทพหลายๆองค์ และ บวงสรวงด้วยไวน์ หรือเผากำยาน หรือ บูชายันต์ด้วยวัว หมู แกะ หรือ cock(n ไก่ตัวผู้,[N] กอง เมล็ดข้าวหรือกองฟาง)
พระมารดาภารยาของจักรพรรดิ์คอนสแตนติน(พระนาง Euthropia)ประสงค์มาที่นี้เพื่อบนบานขอให้ จักรพรรดิ์ทรงสมหวังประสบความสำเร็จ



ต้นไม้ที่ Hebron นี้ได้ตายประมาณในปี330 CE.และมันถูกเคยแทนที่โดยต้นโอ๊ก ในภาษาฮิบรูต้นฉบับคือ "etz" (עץ)=tree.

Source ://www.flowersinisrael.com/Pistaciapalaestina_page.htm

The Hebrew University of Jerusalem
//flora.huji.ac.il/browse.asp?action=specie&specie=PISPAL


Next.....ต่อ Place of the Terebinth


Source ://www.newadvent.org/cathen/
12149a.htm
//www.catholic.org/bible/
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปัญจบรรพ คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม สารบบที่สอง Deuterocanonical Books คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ประวัติศาสตร์ Historical Booksคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
Newtesament พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ Update ครั้งที่ 3 คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
เพลงสดุดี Pslams คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปรีชาญาณ wisdom books
คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์

 

โดย: Bernadette 5 ธันวาคม 2552 17:39:37 น.  

 

Elah Valley

เป็นที่รู้จักกันดีเช่นกันในชื่อ Nahal ha'Ela, Vale of Elah, Wadi Elah, Wadi es-Sant

we can read in 2. Chr.11. The valley has its name from the Elah tree, the terebinth, which still grows in the area.


Elah Valley, Israel on tour




ทิวทัศย์จาก Azekah



ทิวทัศย์ที่ดีที่สุดของหุบเขาจากยอดเขา Azekah เมืองแห่งยุทธศาสตร์นี้คือป้อมปราการสร้างโดย Rehoboam(Hebrew: ??????????, Rehav'am) คือ king ของอิสราเอล และ หลังจากนั้นเป็น king ของอาณาจักร ยูดาห์

หลังจากนั้นที่พี่น้องสิบชนเผ่าทางตอนเหนือของอิสราเอล ก่อกบฎในปี 932/931 BC เป็นอิสระจากอาณาจักรอิสราเอล

พระองค์เป็นบุตรของ king ซาโลมอน และเป็นหลานของ king ดาวิด พระมารดาของพระองค์คือ Naamahซึ่งเป็นชาว อัมโมไนท์the Ammonite


1 พงค์กษัตริย์ Kings 12 และ 14:21-31 และใน 2 พงศาวดาร Chronicles 10-12


และมันเป็นหนึ่งในเมืองสุดท้ายที่ตกอยู่ภายใต้การปกครองของ อาณาจักรบาบิโลน ที่บุกรุก อาณาจักรยูดาห์ในปี 586 B.C.ด้านล่างของหุบเขาคือสถานที่ สมรภูมิการบ ระหว่าง king ดาวิด กับยักษ์Goliath

Elah Tree


ต้นไม้ที่ Hebron นี้ได้ตายประมาณในปี330 CE.และมันถูกเคยแทนที่โดยต้นโอ๊ก ในภาษาฮิบรูต้นฉบับคือ "etz" (עץ)=tree.


หุบเขาเข้าใจว่าได้ชื่อนี้มาจาก ต้นไม้ the Elah tree มันคือชนิดหนึ่งของต้นโอ๊ก หรือ
terebinth tree ต้นไม้ใหญ่และเก่าแก่นี้ยังคงอยู่ในหุบเขา ผู้มาเยี่ยมเยียนของแต่ละวัน


ลำห้วย Brook Elah



ลำห้วย The Brook Elah ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของมันคือ หินห้าก้อน ของดาวิด

1 ซามูเอล Samuel 17:40
ดาวิดสู้กับโกลิอัด

40 ดาวิดหยิบไม้เท้ามาถือไว้ แล้วเก็บก้อนหินห้าเกลี้ยงห้าก้อนจากท้องห้วยใส่ย่ามที่ผู้เลี้ยงแกะใช้ ถือสลิง เดินเข้าไปหาชาวฟิลิสเตียคนนั้น
40 He took his stick in his hand, selected five smooth stones from the river bed and put them in his shepherd's bag, in his pouch; then, sling in hand, he walked towards the Philistine.
เชิงอรรถ
การต่อสู้กันตัวต่อตัวระหว่างนักรบสองคนแทนกองทัพเพื่อยุติสงครามและตัดสินว่าฝ่ายใดชนะ ดู ข้อ 8-10 ยังพบได้อีกใน 2 ซมอ 2:12-17,21:15-22,23:20-21



Adullam



ตั้งอยู่บนทางทิศตะวันออกสุดขอหุบเขามันคือสถานที่อาศัยของ Adullam สถานที่นี้ได้ถูกพิสูจน์อย่างสมบรูณ์ว่า คืสถานที่ ดาวิดหลบซ่อนการต่อสู้ครั้งแรกจาก King ซาอูล
1 ซามูเอล Samuel 20:24
โยนาธานช่วยดาวิดให้หนีเอาชีวิตรอด

24 ดาวิดซ่อนตัวในท้องทุ่ง เมื่อถึงวันฉลองขึ้นหนึ่งค่ำ กษัตริย์ประทับเสวยพระกระยาหารที่โต๊ะ
24 So David hid in the country; New Moon came and the king sat down to his meal.
เชิงอรรถ
เรื่องนี้มาจากธรรมประเพณีคนละสายกัน 19:1-7 และเล่าเรื่องคล้ายกับเรื่องที่มีคาล พระราชธิดาซาอูลทรงช่วยดาวิดให้รอดชีวิตใน 19:11-17


ถ้ำของ Cave of Adullam


1 ซามูเอล Samuel 22:1-2
ค ดาวิดรวบรวมสมัครพรรดพวก

1 ดาวิดออกจากเมืองกัท หนีไปอยู่ในถ้ำใกล้เมืองอดุลลัม บรรดาพี่น้องและครอบครัวของบิดาทราบข่าวนี้ ก็ไปหาเขาที่นั่น
2 คนที่มีความทุกข์มีหนี้สิ้น หรือมีเรื่องไม่พอใจก็มาหาเขา ทั้งหมดมีจำนวนประมาณสี่ร้อยคน และดาวิดตั้งตนเป็นหัวหน้า
1 David left there and took refuge in the Cave of Adullam; his brothers and his father's whole family heard this and joined him there.
2 All those in distress, all those in debt, all those who had a grievance, gathered round him and he became their leader. There were about four hundred men with him.
เชิงอรรถ
ถ้ำในถิ่นทุรกันดารในแคว้นยูดาห์เป็นที่หลบภัยของพวกหนีสังคม เมืองอดุลลัมเป็นเมืองที่อยู่เซเฟลาห์ ที่ราบต่ำเชิงเขา


ในปัจจุบันมีถ้ำมากมายในสถานที่นี้และมันไม่ชัดเจนซึ่ง ถ้ำอันหนึ่งอันได้ที่ดาวิดได้ใช้



View of Valley from Socoh



นี้คือภาพพาโนรามารูปของหุบเขา the Elah Valley จากทางตอนใต้ โดยประมาณของรูปในมุมมอง กองทัพชาวฟิลิเตีย เห็น การเผชิญหน้าของชนชาติอิสราเอลในสมรภูมิ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี คือ "David vs. Goliath. (1 ซามูเอลSamuel 17:40-54) การต่อสู้ของชาวฟาลิเตีย กับ King ซาอูล (1 ซามูเอลSamuel 13:15 -14:15)



Israel - 10 Valley of Elah
Slinging stones in the Valley of Elah.




Source ://www.bibleplaces.com/
elahvalley.htm
//www.travelujah.com/groups/
entry/Valley-of-Elah

Source ://www.newadvent.org/cathen/
12149a.htm
//www.catholic.org/bible/
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปัญจบรรพ คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม สารบบที่สอง Deuterocanonical Books คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ประวัติศาสตร์ Historical Booksคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
Newtesament พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ Update ครั้งที่ 3 คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
เพลงสดุดี Pslams คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปรีชาญาณ wisdom books
คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์

 

โดย: Bernadette 9 ธันวาคม 2552 20:28:52 น.  

 

Wheel ( บทเพลงสดุดีที่ Psalm 83:14)
เป็นไปได้มากที่เกล่าวถึงบางชนิดของ Centaurea และอีกชื่อ "whirlwind" ใน ( อิสยาห์ Isaiah 17:13).

บทเพลงสดุดีที่ Psalm 83:14


14 เหมือนไฟที่เผาผลาญป่าไม้
เหมือนเปลวไฟที่ลุกอยู่บนภูเขา
14 O my God, make them like a wheel; and as stubble before the wind.
14 ὁ θεός μου θοῦ αὐτοὺς ὡς τροχόν ὡς καλάμην κατὰ πρόσωπον ἀνέμου
14 Deus meus, pone illos ut rotam, et sicut stipulam ante faciem venti.
เชิงอรรถ


คาทอลิกเอ็นไซโคพิเดีย พัฒนาแล้ววววCATHOLIC ENCYCLOPEDIA

This online Bible is a work in progress, and New Advent needs your help to make it better. Please contact Kevin Knight at webmaster@newadvent.org if you have any ideas, corrections, questions, or suggestions for improvement.

Source://www.newadvent.org/bible/

psa082.htm#vrs14




"whirlwind" ใน ( อิสยาห์ Isaiah 17:13).
ภาษาไทย ขอยืม KJV ไบเบิ้ล
ภาระเกี่ยวกับเมืองดามัสกัส

17:13 ชนชาติทั้งหลายครืนๆเหมือนเสียงครืนๆของน้ำเป็นอันมาก แต่พระเจ้าจะทรงขนาบไว้ และมันจะหนีไปไกลเสีย จะถูกไล่ไปเหมือนแกลบต้องลมบนภูเขา เหมือนพืชแห้งปลิวไปต่อหน้าลมหมุน
13 Nations shall make a noise like the noise of waters overflowing, but he shall rebuke him, and he shall flee far off: and he shall be carried away as the dust of the mountains before the wind, and as a whirlwind before a tempest.
13 ὡς ὕδωρ πολὺ ἔθνη πολλά ὡς ὕδατος πολλοῦ βίᾳ καταφερομένου καὶ ἀποσκορακιεῖ αὐτὸν καὶ πόρρω αὐτὸν διώξεται ὡς χνοῦν ἀχύρου λικμώντων ἀπέναντι ἀνέμου καὶ ὡς κονιορτὸν τροχοῦ καταιγὶς φέρουσα
13 Sonabunt populi sicut sonitus aquarum inundantium, et increpabit eum, et fugiet procul; et rapietur sicut pulvis montium a facie venti, et sicut turbo coram tempestate.

Source:CATHOLIC ENCYCLOPEDIA
//www.newadvent.org/bible/
isa017.htm#vrs13




Centaurea crocodylium, Centaurea heterocarpa,
Blush Centaury-thistle, דרדר גדול-פרחים

Scientific name: Centaurea crocodylium L.
Synonym name: Centaurea heterocarpa Boiss.
Common name: Blush Centaury-thistle
Hebrew name: דרדר גדול-פרחים
Family: Compositae / Asteraceae, מורכבים



Location: Hula Plain, Beit Hilel


Life form: Annual
Leaves: Alternate, rosette, dissected once, dentate or serrate
Flowers: Pink
Flowering Period: May, June
Habitat: Batha, Phrygana
Distribution: Mediterranean Woodlands and Shrublands, Montane vegetation of Mt. Hermon
Chorotype, טיפוס התפוצה: Mediterranean
Summer shedding: Ephemeral



Location: Shefela, Mizpe Modiin


Derivation of the botanical name:
Centaurea, gets its name from the centaur, Chiron, who is said in mythology to have taught us the healing power of herbs.
crocodylium, kroko,pebble; deilos, worm, or man, pebble-worm.
heterocarpa, diversely fruited.

* The standard author abbreviation L. is used to indicate Carl Linnaeus (1707 – 1778), a Swedish botanist, physician, and zoologist, the father of modern taxonomy.
* The standard author abbreviation Boiss. is used to indicate Pierre Edmond Boissier (1810–1885), a Swiss botanist, explorer and mathematician.



Location: Upper Galilee, Meiron



Location: Shefela, Modiin, Titora Hill




The Hebrew University of Jerusalem
//flora.huji.ac.il/browse.asp?action=specie&specie=CENCRO&fileid=23207

//www.flowersinisrael.com/Centaureacrocodylium_page.htm


Source ://www.newadvent.org/cathen/
12149a.htm
//www.catholic.org/bible/
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปัญจบรรพ คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม สารบบที่สอง Deuterocanonical Books คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ประวัติศาสตร์ Historical Booksคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
Newtesament พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ Update ครั้งที่ 3 คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
เพลงสดุดี Pslams คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปรีชาญาณ wisdom books
คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์

 

โดย: Bernadette 14 ธันวาคม 2552 23:42:00 น.  

 

artemisia (อาร์ที่มี'เซีย) n. พืชจำพวกหนึ่ง



Wormwood, Hebrew la’anah ( วิวรณ์Revelation 8:11), คือพืชในตะกูล Artemisia, ซึ่งมีหลายๆสปีชีย์ (A. monosperma, Del., A. herba-alba, Asso., A. judaica, A. annua, A. arborescens)

คือพืชทั่วไปในดินแดนปาเลสไตน์ มันขึ้นอย่างโดดเดี่ยวในที่ราบสูงและในทะเลทราย เป็นพืชที่มี รสชาดขม เชื่อมโยงไปถึงความซึมเศร้าของท้องถิ่นปรกติที่พวกเขาอาศัยอยู่ เป็นสัญญาลักษณ์ของความเลวร้ายทางจิตใจของชาวตะวันออก ความอยุติธรรมและเป็นผลของความชั่วร้ายของการกระทำบาป

วิวรณ์ Revelation 8:11
แตรสี่คันแรก

11 ดาวดวงนี้มีชื่อว่า บอระเพ็ด และหนึ่งในสามของน้ำก็กลายเป็นบอระเพ็ด มนุษย์จำนวนมากตาย เพราะน้ำมีรสขมมาก
11 And the name of the star is called Wormwood. And the third part of the waters became wormwood. And many men died of the waters, because they were made bitter.
11 καὶ τὸ ὄνομα τοῦ ἀστέρος λέγεται ὁ Ἄψινθος. καὶ ἐγένετο τὸ τρίτον τῶν ὑδάτων εἰς ἄψινθον, καὶ πολλοὶ τῶν ἀνθρώπων ἀπέθανον ἐκ τῶν ὑδάτων, ὅτι ἐπικράνθησαν.
11 et nomen stell? dicitur Absinthium, et facta est tertia pars aquarum in absinthium; et multi hominum mortui sunt de aquis, quia amar? fact? sunt.


Artemisia arborescens,Tree Wormwood,
ارطِماسيا شجرية , شيح شجري شيبة , ريحان ابيض ,שיבה ,לענה שיחנית
But in the end she is bitter as wormwood,
Sharp as a two-edged sword.
Proverbs 5:4

Scientific name: Artemisia arborescens L.
Common name: Tree Wormwood
Hebrew name: שיבה ,לענה שיחנית
Arabic name: ارطِماسيا شجرية , شيح شجري شيبة , ريحان ابيض
Family: Compositae / Asteraceae, מורכבים



Life form: Chamaephyte
Leaves: Alternate, dissected twice or more
Flowers: Yellow
Flowering Period: April, May, June, July, August, September, October
Habitat: Mediterranean maquis and forest
Distribution: Mediterranean Woodlands and Shrublands
Chorotype, טיפוס התפוצה: Mediterranean
Summer shedding: Perenating



Proverbs 5:4
คำตักเตือนให้หลีกเลี่ยงหญิงมีชู้
4 แต่ในที่สุดนางจะขมเหมือนบอระเพ็ด และคมเหมือนดาบสองคม
4 But her end is bitter as wormwood, and sharp as a two-edged sword.
4 4 ὕστερον μέντοι πικρότερον χολῆς εὑρήσεις καὶ ἠκονημένον μᾶλλον μαχαίρας διστόμου
4 novissima autem illius amara quasi absinthium, et acuta quasi gladius biceps.

แหล่งที่มาของชื่อทางพฤษศาสตร์ :Artemisia, Ἀρτεμισία,

EFES EPHESUS ARTEMIS TEMPLE TURKEY


อ้างอิงถึง เทพเจ้า(หลายองค์)ของชาวกรีก คือเทพธิดา Artemis (เทพีอาร์เทมิส(Artemis) เทพีแห่งดวงจันทร์และการล่าสัตว์ เป็นบุตรีของZeus และ Leto เป็นน้องสาวของ Apolloพระองค์เป็นเทพีที่เป็นพรหมจรรย์องค์หนึ่งใน 3 องค์ภาพที่ผู้คนเห็นอยู่เสมอๆ คือพระองค์จะถือธนูและศร มีสุนัขติดตามบางครั้งอาจเห็นเธออยู่บนรถศึกเทียมด้วยกวางขาว

พระองค์เป็นผู้ให้การสนับสนุนฝ่ายกรีกในสงครามกรุง Troyตามอย่างพี่ชายและได้ทำให้เกิดลมพัดสกัดกองทัพกรีกไว้ไม่ให้เข้าถึง ประตูเมืองได้)

ซึ่งพืชตะกูลนี้ เธอได้ให้ชื่อกับมัน





ต้นไม้นี้ถูกอธิบายโดย นายแพทย์กรีกเพดานิอุส ไดโอสโคริดีส (Pedanius Dioscorides ช่วงศตวรรษแรกของคริสต์ศาสนา แพทย์ทหาร แต่งหนังสือชื่อ De Materia บรรยายลักษณะของพืชซึ่งส่วนใหญ่เป็นพืชแบบเมดิเตอเรเนียนไว้ประมาณ 600 ชนิดพร้อมภาพประกอบ และวิธีนำไปใช้รักษาโรค นับเป็นแหล่งความรู้ทางพืชสมุนไพรที่ดีที่สุดในเวลานั้น)



และ Plinyไพลนี (Pliny the Elder) ก่อนคริสตศักราช 79-23 ปี นักธรรมชาติวิทยาชาวโรมัน แต่งหนังสือชื่อ Historia naturalis บรรยายเกี่ยวกับการปลูกพืชสวน พืชที่เป็นสมุนไพร พืชที่ให้เนื้อไม้ และโครงสร้างภายในของพืช )


wormword( พืชไม้พุ่มหรือพืชลำต้นอ่อนจำพวก Artemesia) หรือ mugwort ([N] วัชพืชซึ่งมีชื่อละตินว่า Artemisia vulgaris)ซึ่งเป็นพืชมาจากตะกูล Artemisia




 

โดย: Bernadette 16 ธันวาคม 2552 23:38:31 น.  

 

และแหล่งที่มาอีกทางเลือกหนึ่งที่อาจจะเป็นไปได้ว่า รากศัพย์แหล่งที่มาของชื่อนี้มาจาก พระราชินี Queen Artemisia II of Caria( Artemisia ผู้เป็นราชินีของกษัตริย์ Mausolus



สุสานมุสโซลิอุมแห่งฮาร์ลิคาร์นัสสัส ประเทศตุรกี(มิใช่อิหร่านตามที่หลายคนเข้าใจ) คือ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก

M???????? ( Mausoleum at Halicarnassus )


สร้างในปี353 ก่อนคริสตศักราช ปัจจุบันอยู่ที่ เมือง Bodrum, ทางตะวันตกเฉียงใต้ของTurkey สูง 45 เมตร ( 148 ฟุต) บนเนื้อที่ 1216 ตารางเมตร (13,089 ตารางฟุต) เป็นที่เก็บพระศพของกษัตริย์ Mausolus แห่ง Caria
ซึ่งต่อมาย้ายเมืองหลวงไปที่ Halicarnassus

เชื่อว่าสร้างโดย Artemisia ผู้เป็นราชินีของกษัตริย์ Mausolus
สร้างเสร็จหลังจากที่กษัตริย์ Mausolus สิ้นพระชนม์ไปแล้วเป็นเวลาสามปี
หินที่ใช้ในการก่อสร้างคือ หินอ่อน หินสีฟ้า หินภูเขาไฟที่มีสีเขียว

เชื่อว่าถูกทำลายลงโดยแผ่นดินไหว (บางคนคิดว่าอาจสร้างไม่เสร็จ)
เนื่องจากหลักฐานและร่องรอยต่างๆ ถูกทำลายใน ช่วงศตวรรษที่ 15
โดย St. John แห่ง Malta ที่เข้ามารุกราน)

Source ://www.sac.or.th/web2007/
webboard/question.php?ID=1372



arborescens, arbor, "tree", escens, "becoming like", "incomplete resemblance -ish"; คือชื่อของต้นไม้นี้เช่นกัน

คาโรลัส ลินเนียส (Carolus Linnaeus) หรือ คาร์ล ลินเนียส (Carl Linnaeus)1707 – 1778)



the father of modern taxonomy.


เป็นนักพฤกษศาสตร์ชาวสวีเดน ผู้ริเริ่มการจัดแบ่งสิ่งมีชีวิตออกเป็นหมวดหมู่ และการประยุกต์ใช้ระบบการเรียกชื่อสิ่งมีชีวิตแบบทวินาม ซึ่งมีประโยชน์ในการศึกษาชีววิทยาต่อมาจวบจนปัจจุบัน

อนึ่ง ชื่อวิทยาศาสตร์ของสิ่งมีชีวิตที่จัดจำแนกโดยเขา จะลงท้ายด้วย L. หรือ Linn. (พืช) หรือ Linnaeus (สัตว์) เพื่อเป็นการให้เกียรติ

นอกจากที่คาร์ลจะมีผลงานในด้านวิทยาศาสตร์แล้ว เขายังได้รับยกย่องว่าได้ใช้ภาษาได้อย่างประณีตยิ่ง ถึงขนาดที่ชอง-ชาก รุสโซ (Jean-Jacques Rousseau) นักปรัชญาชาวฝรั่งเศส ส่งข้อความมาให้คาร์ลว่า "ไม่มีคนใดในสากลจะยิ่งไปกว่าท่านอีกแล้ว", โยฮันน์ โวล์ฟกัง ฟอน เกอเท (Johann Wolfgang von Goethe) กวีชาวเยอรมัน กล่าวว่า "ถ้าไม่นับเช็กสเปียร์และสปีโนซา ข้าพเจ้าไม่รู้ซึ่งผู้ล่วงลับที่มีแรงบันดาลใจให้ข้าพเจ้าถึงเพียงนี้"

Source://th.wikipedia.org/wiki
คาโรลัส ลินเนียส

บันทึกไว้ว่า
ประเภทที่แตกต่างกันของสปีชี้ (Wormwood พืชไม้พุ่มหรือพืชลำต้นอ่อนจำพวก Artemesia) ในภาษาฮิบรูคือ la'anah ( ภาษากรีก ?????????, ภาษาอาราบิก Sheeba)

มันเติบโตในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ La'anah, ???? ซึ่งมันมีรสชาดขมกว่า กับลักษณะกลิ่นของ ทูโจน (thujone) (สารที่สกัดได้ จากต้นเวิร์มวูด ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เหล้า absinthe ในอดีต มีฤทธิ์ต่ออารมณ์และจิตใจ และ บันดาลให้เกิดภาพลวงตาต่างๆ ) นเส้นไหม




ชาวฮิบรูพิจารณาว่ารสชาดความขมของต้นไม้ทั้งหมดนั้นเป็นพิษ และ la'anah อย่างเด่นชัด ใช้เปรียบเทียบ

เฉลยธรรมบัญญัติ Deuteronomy 29:18


Compare Versions

New Jerusalem Bible Thai-Eng

เฉลยธรรมบัญญัติ Deuteronomy 29: 17
พันธสัญญาในแผ่นดินโมอับ

17 อย่าให้ท่านผู้ใดไม่ว่าชายหรือหญิง ครอบครัวหรือเผ่าใด เปลี่ยนใจจากพระยาห์เวห์ พระเจ้าของเราในวันนี้ ไปรับใช้เทพเจ้าของชนชาติเหล่านั้น นี่จะเป็นดังรากที่จะงอกเป็นพืชขมและเป็นพิษ
17 'Let there be no man or woman of you, no clan or tribe, whose heart turns away from Yahweh your God today, to go and serve the gods of these nations. Among you let there be no root which bears poison or wormwood.


เฉลยธรรมบัญญัติ Deuteronomy 29:18


Douay-Rheims Bible

18 Lest perhaps there should be among you a man or a woman, a family or a tribe, whose heart is turned away this day from the Lord our God, to go and serve the gods of those nations: and there should be among you a root bringing forth gall and bitterness.
18 μή τίς ἐστιν ἐν ὑμῖν ἀνὴρ ἢ γυνὴ ἢ πατριὰ ἢ φυλή τίνος ἡ διάνοια ἐξέκλινεν ἀπὸ κυρίου τοῦ θεοῦ ὑμῶν πορεύεσθαι λατρεύειν τοῖς θεοῖς τῶν ἐθνῶν ἐκείνων μή τίς ἐστιν ἐν ὑμῖν ῥίζα ἄνω φύουσα ἐν χολῇ καὶ πικρίᾳ
18 Ne forte sit inter vos vir aut mulier, familia aut tribus, cujus cor aversum est hodie a Domino Deo nostro, ut vadat et serviat diis illarum gentium : et sit inter vos radix germinans fel et amaritudinem.

Source://www.newadvent.org/bible/

New American Standard Bible (?1995)
so that there will not be among you a man or woman, or family or tribe, whose heart turns away today from the LORD our God, to go and serve the gods of those nations; that there will not be among you a root bearing poisonous fruit and wormwood.

King James Bible
Lest there should be among you man, or woman, or family, or tribe, whose heart turneth away this day from the LORD our God, to go and serve the gods of these nations; lest there should be among you a root that beareth gall and wormwood;

//scripturetext.com/deuteronomy/29-18.htm




Artemisia มันถูกใช้ในทางการแพทย์ ย้อนกลับไปจากหลักฐานทางโบราณคดีของชาวอียิปต์โบราณ และมันถูกระบุใน บันทึกโบราณอีเบอร์ส the Ebers Papyrus (c.1550 BCE).



ทุก สังคมของมนุษย์ความรู้เกี่ยวกับการรักษาโรคเริ่มมีมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติ ศาสตร์ อยู่ที่ว่าจะมีบันทึกหลงเหลืออยู่ให้มนุษย์ยุคหลังได้เรียนรู้ศึกษาหรือไม่ ถ้ามองย้อนไปในอดีต การรักษาโรคเริ่มแรกตั้งแต่ก่อนประวัติศาสตร์พบในประเทศอียิปต์ ในสมัยอาณาจักรเก่าของอียิปต์มีหมอมากมาย และเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เช่น หมอฟัน หมอตา หมอเกี่ยวกับโรคท้องและลำไส้ ซึ่งได้เรียนรู้มาจากที่เก็บศพของฟาร์โรห์

ความรู้ทางการแพทย์ที่ตกมาถึงเราก็คือ บันทึกที่เขียนลงบนกระดาษพาไพรัส (เป็นกระดาษที่เก่าแก่ที่สุดของอียิปต์) ซึ่งมีมากกว่า 7 ม้วน ทีชี้ให้เห็นถึงความรู้ทางการแพทย์ของอาณาจักรเก่าที่ต่อมาได้เป็นรากฐานของ ความรู้ในสมัยอาณาจักรกลางและอาณาจักรใหม่ พาไพรัส ที่เก่าแก่ที่สุดมีอายุประมาณ 2000 ปีก่อนศริสศักราชที่ได้กล่าวถึงการรักษาโรคสตรี และโรคเด็ก

พาไพรัสทางการแพทย์ที่สำคัญ คือ สมิทธิ์ พาไพรัส (Smith papyrus) และ อีเบอรส์ พาไพรัส (Ebers papyrus) โดยสมิทธิ์ พาไพรัส มีความยาว 5 เมตร เป็นหนังสือที่คัดลอกมาจากหนังสือในสมัยปิรามิด ส่วนใหญ่เป็นเรื่องการผ่าตัดจึงดูมีเหตุผลกว่าการรักษาโรคภายในโดยใช้ยา มีการสอนให้เชื่อในอำนาจธรรมชาติที่จะทำให้คนเจ็บหายได้ และจากการเขียนนี้ยังทำให้รู้ว่าชาวอียิปต์มีความรู้เกี่ยวกับกายวิภาคพอ สมควร ซึ่งความรู้นี้อาจเป็นไปได้ว่า หนึ่ง ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ที่ได้เห็นเวลาคนไข้เกิออุบัติเหตุ และ สอง การทำมัมมี่ซึ่งต้องผ่าเอาอวัยวะภายในออกก็ช่วยให้รู้จักอวัยวะภายในได้ ในสมิทธิ์พาไพรัสนี้บอกให้รู้ว่า ผู้เขียนเห็นความสำคัญของชีพจร รู้ถึงความเกี่ยวข้องระหว่างชีพจรกับหัวใจ รู้ว่าสมองเป็นส่วนที่ควบคุมการทำงานของร่างกาย และยังบอกได้ว่า สมองแต่ละส่วนจะควบคุมร่างกายเป็นส่วนๆไป หากส่วนใดส่วนหนึ่งเสียไปก็จะทำให้เป็นอัมพาตได้ จากบันทึกนี้แสดงให้เห็นความสามารถสรุปผลจาการสังเกตได้อยู่มีเหตุผลที่ดีที เดียว

ส่วนอีเบอรส์ พาไพรัส เขียนขึ้นเมื่อ 170 ปีก่อนศริสศักราช หลังสมิทธิ์ พาไพรัส 100 ปี มีความยาว 20.30 เมตร บอกวิธีรักษาโรคต่างๆไว้ถึง 877 โรค มีหัวข้อดังนี้คือ การสวดก่อนรักษาเพื่อเป็นการให้กำลังใจแก่คนไข้ การรักษาโรคทั่วไป โรคเฉพาะสตรี ความรู้เกี่ยวกับอวัยวะต่างๆของมนุษย์ และหน้าที่ของแต่ละส่วนเหล่านั้น ถัดไปเป็นคำอธิบายเกี่ยวกับศัพท์ และสุดท้ายโรคที่ต้องรักษาด้วยการผ่าตัด

Source://www.crmtothai.com/index.php?option=com_content&task=view&id
=2033&Itemid=87



Pythagoras(c.582-c.507 BCE), Greek philosopher and mathematician,

ปีทาโกรัส(Pythagoras)

ประมาณ 582 - 500 ก่อนคริสต์ศักราช

ปี ทาโกรัสเป็นชาวกรีซ เป็นนักปรัชญาและผู้นำศาสนา มีอายุอยู่ในรว 582 - 500 ก่อนคริสต์ศักราช เกิดที่เมืองเอเจียน (Aegean) บนเกาะซามอส (Samos) ใกล้กับเอเชียไมเนอร์ ท่านได้รับความรู้และประสบการณ์มากมายจากการเดินทางท่องเที่ยวไปยังดินแดน ต่างๆ เช่น อียิปต์ และบาบิโลเนีย และอาจเป็นศิษย์ของทาลิส กล่าวกันว่าท่านอาจจะเคยเดินทางไปถึงอินเดียด้วยก็ได้ เมื่อท่านเดินทางกลับจากอียิปต์มายังเกาะซามอส ก็พบว่าเกาะซามอสตกอยู่ภายใต้การยึดครองของเปอร์เซีย เนื่องจากทรราช Polycrates ท่านจำต้องจากเกาะซามอส ไปตั้งรกรากที่เมืองโครโตนา (Crotona) ซึ่งเป็นเมืองท่าของกรีก ตั้งอยู่ตอนใต้ของอิตาลีในปัจจุบัน

ปี ทาโกรัสได้ตั้งสำนักความคิดที่มีชื่อเสียง เรียกว่า สำนักปีทาโกเรียน (Pythagorean school) มีตราประจำสำนักเป็นรูปดาวห้าแฉก ซึ่งเป็นสถาบันที่ศึกษาเกี่ยวกับ ปรัชญา คณิตศาสตร์และธรรมชาติวิทยา สานุศิษย์ของสำนักนี้ต้องสาบานตัวเป็นพี่น้องกัน เรียกว่า ภราดรภาพแห่งปีทาโกรัส ต้องเคารพกฎเกณฑ์ของสำนักอย่างเคร่งครัด แนวคิดที่สำคัญของปีทาโกรัสและสาวกคือ หลายสิ่งหลายอย่างสามารถอธิบายให้เข้าใจได้ด้วยคณิตศาสตร์ ทำ ให้การพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์เป็นเรื่องที่มีความสำคัญยิ่ง ปีทาโกรัสและสาวกได้ทำการพิสูจน์ทฤษฎีทางคณิตศาสตร์หลายเรื่อง และต่อมาทฤษฎีเหล่านี้เป็นรากฐานของวิทยาการในยุคอียิปต์ ปีทาโกรัสคิดว่าปริมาณต่างๆ ในธรรมชาติสามารถเขียนในรูปเศษส่วนของจำนวนนับ จนมีคำขวัญของสำนักว่า "ทุกสิ่งคือจำนวน นับ" เมื่อมีการค้นพบจำนวนอตรรกยะขึ้น ทำให้ปีทาโกรัสและศิษย์ทั้งหลายเสียขวัญและกำลังใจ เมื่อทางราชการขับไล่เพราะกล่าวหาว่าสำนักปีทาโกเรียนเป็นสถาบันศักดินา สำนักปีทาโกเรียนก็สูญสลายไป

Source://www.oknation.net/blog/
print.php?id=69716

พิทากอรัส ให้ความคิดเห็นว่า ใบของต้น wormwood leaves ใช้ในการทำไวน์ช่วยในการคลอดบุตรง่าย




และ ฮิบโปเครติส Hippocrates (c.460-c.377 BCE),
ฮิปโปเครตีส : Hippocrates

เกิด 460 ก่อนคริสต์ศักราช ที่เกาะโคส (Cose) ประเทศกรีซ (Greece)
เสียชีวิต 347 ก่อนคริสต์ศักราช ที่เกาะโคส (Cose) ประเทศกรีซ (Greece)
ผลงาน - บุกเบิกวิชาแพทย์แผนปัจจุบัน และได้รับการยกย่องให้เป็น
บิดาแห่งวิชาการแพทย์ (Father of the Medicine)

การรักษาโรคด้วยวิธีการที่ทันสมัย ได้มีการพัฒนาอย่างจริงจังเมื่อประมาณ 200 กว่าปี มานี้เอง แต่การเริ่มต้นของวิชาการ ด้านนี้มีมานานกว่า 2,000 ปี มาแล้ว จากความคิดริเริ่มของนายแพทย์ชาวกรีกผู้หนึ่งที่มีนามว่า ฮิปโปเครตีส ผู้ซึ่งเป็นบิดาแห่ง วิชาการแพทย์แผนปัจจุบัน

Source://www.horhook.com/section/
sec3science/scientist/Hippocrates.htm


ให้คำแนะนำว่า ใช้มันสำหรับเวลา ช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ ใช้มันเวลาปวดท้อง และ ภาวะโลหิตจาง (สาเหตุ จากการเจ็บป่วยหรือความอ่อนแอ) และ โรคไขข้ออักเสบ



น้ำมันหอมระเหยของ Artemisia ใช้เป็นส่วนผสมของแอลกอฮอล์ที่เป็นเหล้าเล็กน้อยใช้เจริญอาหาร ที่เรียกกันว่า absinthe ซึ่ง คิดค้นครั้งแรกโดย Henri Pernod ในปี 1797 โดยในปี 1910 ชาวฝรั่งเศส บริโภค absinthe ประมาณ 36 million litersต่อปี


The Hebrew University of Jerusalem
Source://flora.huji.ac.il/
browse.asp?ction=specie&specie
=ARTARB&fileid=5340

Source://www.flowersinisrael.com/
Artemisiaarborescens_page.htm

//www.newadvent.org/bible/

Source ://www.newadvent.org/cathen/
12149a.htm
//www.catholic.org/bible/
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปัญจบรรพ คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม สารบบที่สอง Deuterocanonical Books คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ประวัติศาสตร์ Historical Booksคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
Newtesament พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ Update ครั้งที่ 3 คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์
เพลงสดุดี Pslams คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปรีชาญาณ wisdom books
คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรมแผนกพระคัมภีร์

 

โดย: Bernadette 16 ธันวาคม 2552 23:43:47 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


Bernadette
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




In the name of the Father, and of the Son, and of the Holy Spirit

The Ave Maria asks Mary to "pray for us sinners."

Amen

PaPa for all Father W e pray year of priests.



Card Michael Michai Kitbunchu, Archbishop of Bangkok, is the first member of the College of Cardinals from Thailand.

source :http://www.asianews.it/news-en/Michai-Kitbunchu,-first-cardinal-from-Thailand-3038.html

พระคาร์ดินัล ไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู คณะเชนต์ปอล part1

ฺBishop ฟรังซิส เซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช พิธีรับPallium Metropolitans Bangkok Thailand >

สารคดี เทศกาลแห่ดาว สกลนคร Welcome
Sakonnakorn Christmas Thailand
Metropolitans Tarae Sakornakorn Thailand


Orchestra and four vocal Choir - *Latin* Recorded for the Anniversary of the Pope Benedict XVI April 19 This is the Anthem of the Vatican City. The Songs are called Inno e Marcia Pontificale ...

We are Catholic.

หน้าเฟส อัพรูป หาที่อัพรูปใหม่อยู่ http://www.facebook.com/bernadette.soubirous.3


MusicPlaylist
MySpace Music Playlist at MixPod.com

Friends' blogs
[Add Bernadette's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.