The Pentagon Papers (2002):This dramatic true-life account follows Daniel Ellsberg

พ่อผมมีประโยคที่ชอบมากในไบเบิ้ล ที่ผมเคยได้ยินสมัยเด็ก
ยน John 8:32
" ถ้าท่านรู้ความจริง และความจริงจะทำให้ท่านเป็นอิสระ
and you will know the truth, and the truth will set you free."


ผมหวังว่าความจริงที่ถูกเปิดเผย ที่ออกมาจากเซฟ ไม่มีทางที่จะถูกนำกลับไปเก็บในเซฟอีก ผมว่าความจริงจะปลดปล่อยเรา และหวังว่าจะทิ้งสงครามไว้เบื้องหลัง .........และมาเรียนรู้จากมัน เพื่อให้ประวัติศาสตร์ในอีก 20 ปีข้างหน้า ไม่ต้องเป็นแบบ 20 ปีที่ ผ่านมา

Daniel Ellsberg's

Daniel Ellsberg: Secrets - Vietnam and the Pentagon Papers





Film สร้างจากเรื่องจริง ของเอกสาร The Pentagon Papers is the 14,000 หน้าของรัฐบาลอเมริกา รายงานเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ เรื่องภายในนโยบายแผนงานเกี่ยวกับในสงครามเวียดนาม

The Pentagon Papers true title is United States–Vietnam Relations, 1945–1967: A Study Prepared by the Department of Defense, a 47-volume, 7,000-page, top-secret Department of Defense history of the United States' politico-military involvement in the war in Vietnam, from 1945 to 1967.

Pentagon Papers



Source : //www.cnn.com/ALLPOLITICS/1996/analysis/back.time/9606/28/cover.large.jpg

สิ่งที่ผมเจอในเวียดนาม ในปี 1963 สงครามเย็นกำลังร้อนระอุ พวกคอมมิวนิสต์อ่อนกำลัง บริษัทแรนด์ ผู้นำความคิดของอเมริกา รับสมัครนักเศษฐศาสตร์ และนักวิเคราะห์การเมือง เพื่อสร้างโมเดลความขัดแย้งให้กับกองทัพ เราสู้กับโซเวียตในนอร์เวย์ได้ และนาโต้อยู่ในเยอรมันกลายเป็นมุมอับ ........เราขนาบเค้าได้ ทุกท่านเพิ่มจำนวนจูปีเตอร์ในตุรกี ........ถ้าเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 พวกเราสูญเปล่า

มันคือการคุกคามด้วยนิวเคลียร์ ที่พวกเขาทำให้ทุกคนกลัว มีเป้าหมายคุ้มค่ากับทุกๆคน
การบอมบ์ฮิโรชิมา ทำให้เมกาน่าเชื่อถือ และฆ่าคนญี่ปุ่นเป็นแสนด้วย .......การช่วยชีวิตนอเมริกาเป็นแสนยุติสงครามเราชนะ

ใครคือแม่แบบของคุณ ...........ฮิตเลอร์............

เวียดกงเป็นพวกกองโจรที่ใช้กลยุทธิ์ จอร์วอร์ชิงตันเคยใช้ระหว่างสงครามกลางเมือง จู่โจมเร็ว เชี่ยวชาญการโจมตี เวียดนามเหนือมีประสบการณ์มากกว่า พวกเขาตีฝรั่งเศสจนแตกที่เดียนเบียนฟู

เอกสารถึงมือเพนตากอนแล้ว ถึง จอร์นแม็คนอร์ตัน แดน เออร์เบิ๊กได้เข้าไปช่วยงาน

การกระทำอันเป็นศตรูของเวียดนามเหนือ ประชาชนอเมริกัน ผมในฐานะประธานาธิบดี แจ้งให้ทราบถึง การกระทำอันเป็นปฎิปักษ์ ที่มีต่อกองทัพเรือสหรัฐในอ่าวทอนกิน ทำให้ผมต้องมีคำสั่งกองทัพสหรัฐลงมือ

รายงานเห็นถึงการยิงถล่มอย่างหนัก .........ทำให้คนอเมริกันตาย......ทุกอย่างไร้ประสิทธิภาพ...........ไม่มีทางบอกได้ว่าเรายืนอยู่จุดใหน

การส่งรายงานจริงทหารอเมริกันตาย..............ไม่มีคำตอบ
ข้อมูลที่ได้ขัดแย้งกับแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้พอๆๆกัน
แดน เออร์เบิก ตัดสินใจไปเวียดนามดูสถานการณ์เอง ...........ไม่งั้นประธานาธิบดีตัดสินใจได้ไง

ความจริง .............ชาวบ้านที่บริสุทธิ์ตาย และทหาร อเมริกัน.........
ข่าวที่ออกลวงโลก เจอสามร้อยศพหมายถึงคนโดนฆ่าสามพัน

ผมกลับบ้านและจอร์น แม็คนอร์ตัน เสียชีวิตโดยอุบัติเหตุเครื่องบิน ตำแหน่งของผมในวอชิงตันและรายงาน ผมเบื่อแล้วที่ต้องกดดันเหมือนหลุดโลก
ผมกลับไปทำงานที่เก่าคือบริษัทแรนด์

บริษัทแรนด์ขอให้ผม เป็นหนึ่งในทีมผู้เขียนประวัติศาสตร์เกี่ยวกับพวกเราในเวียดนาม ที่โรเบิรด แมกมาราสั่งให้กระทรวงกลาโหม เขาให้ผมเขียนเอกสารทางเลือกให้ทำเนียบขาว


Source ://www.bayarea.net/~kins/AboutMe/Cranbrook/GIFs/PentagonPapers_bookcover.jpg

ผมเขียนสิ่งที่ผมเห็นชัดเจนขึ้น .........สถานการณ์ของเราสิ้นหวัง เราต้องยอมรับความผิดพลาด และเปลี่ยนแผนการซะ
แดน เฮอร์เบิก กลับจากเวียดนาม สภาวะจิตใจที่หลอนตามมา

แรนด์คอร์ปอเรชั่น ซานตามอร์นิกา แคลิฟอร์เนีย ปี 1968

แดน เฮอร์เบิก: ทำไมคิสซิงเกอร์ ไม่ส่งเอกสารทางเลือกให้นิกสันละ

ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน พวกเค้าคงรับไม่ได้หรอกแดน

แดน เฮอร์เบิก : ส่งสำเนาให้เพนตากอน พวกเค้ารับรู้มากยิ่งดี

พวกเค้ามัวแต่ยุ่งเรื่องแม็คนามาร่า

คำปราศรัยประธานาธิบดี
จากหลักฐานที่เห้นพวกเรามองโลกในแง่ดีที่เคยผิดพลาด เรายืนอยู่บนเหวของความพ่ายแพ้ การถวิลหาอย่างไร้เหตุผล พวกเราเหน็ดเหนื่อยและอับจน นั้นคือความจริง ถึงมันจะเป็นบทสรุปที่ไม่น่าพอใจ .........โอกาสที่นักวิเคราะห์ทางการทหารและการเมืองจะถูกต้อง 2-3เดือนหน้า เราต้องทดสอบความตั้งใจของศตรู ........เผื่อกรณีนี่อาจเป็นเฮือกสุดท้ายของเขาก่อนจะยอมเจรจา

หนทางเดียวที่พวกเรามีอยู่คือการเจรา...........ไม่ใช่การมีชัย..........แต่ในฐานะประชาชนผู้อยู่เพื่อปกป้องประชาธิปไตย และได้ทำดีที่สุดแล้ว


Source : //farm2.static.flickr.com/1179/1469995433_2fcf141a95_o.jpg

ผมได้อ่านเอกสารลับเพนตากอน ทั้งหมดกว่า 7,000 หน้าใน 47 บทไม่เป็นอย่างที่ผมคิด .....ส่งที่อยู่ตรงหน้าผม คือบันทึกความชั่วช้าของเรา

มีประวัติศาสตร์สองฉบับ สำหรับประฐานาธิบดี และสำหรับเรา

ผู้คนถูกผู้บริหารรัฐบาลทั้งสี่คณะให้ข้อมูลโกหกเกี่ยวกับเวียดนาม ........ไม่ใช่แค่คนคนเดียว แต่เป็นทั้งรัฐบาล

ทรูเมน
เพิกเฉยต่อจดหมายที่โฮจิมินห์ส่งมาขอความช่วยเหลือ เขาสนับสนุนอาวุธและกลยุทธิ์กับฝรั่งเศสเพื่อต่อต้านกองโจร .........สภาคองเกรซไม่รู้เรื่อง

ไอเซนฮาวร์
ตกลงแบ่งเวียดนามเป็นสองส่วน เขาช่วยปลูกฝังระบบทางใต้ จัดการเลือกตั้งและส่งที่ปรึกษาอเมริกันไปที่นั่น .........สภาคองเกรซไม่รู้เรื่อง

เคนนาดี้
เข้าไปก้าวก่ายตั้งแต่ต้นปี 1961 เขาสังยกเลิกคำสั่งประธานาธิบดีดีเดียม และนั่งเฉย ขณะที่ดีเดียมโดนลอบสังหารในไซ่ง่อน

พอมาถึงจอร์สัน
เขาใช้การโจมตีที่อ่าวทอนกิน ตามเอกสารหลักฐานไม่เคยมีจริง เป็นข้ออ้างเพื่อส่งเราร่วมรบ โดยไม่มีคำประกาศจากสภาคองเกรซ แม็คนอร์ตันก็รู้ เขารู้ ..........ผมเป็นคนทำผิด

ถึงกระนั้นผมเชื่อว่าการตรวจสอบในระบบ จะช่วยได้แก้ไขได้ เห็นได้ชัดว่าประธานาธิบดีช่วยไม่ได้ ที่ผมต้องการคือมิตรกับสภาคองเกรซ และสภาคองเกรซเงียบเฉย

กับแรงบันดาลใจของ แดน เฮอร์เบิก เค้าได้ไปฟัง นักศีกษาที่ฮาร์เวิทปราศรัย ปี 1969

ผมรักชาติแค่ใหน แฮรี่คีนเรอร์ ผมสำเร็จการศึกษา เอ็กซีเตอร์และฮาร์เวิรท ประเทศนี้ขึ้นอยู่กับคนอย่างผม เพื่อให้เป็นประธานบริษัท ทำงานราชการ สร้างผลงานการแพทย์ และวิทยาศาสตร์

ประเทศชาติต้องการคนอย่างผม เพื่อนำชาติ ผมกำลังทำเช่นนั้นอยู่ อีกไม่กี่วันผมอาจติดคุก เหมือนพวกคุณหลายคน ผมคงต้องเลือก ..........และผมไม่เห็นด้วยกับการไปรบในเวียดนาม ผมเป็นคนอเมริกัน ผมไม่อยู่ประเทศอื่น ผมจะไม่หลบอยู่หลังคำว่าผู้คัดค้าน ซึ่งถูกมองว่าเป็นคนหยิบโหย่ง ที่เป็นพวกกินอุดมคติ .........ทางเดียวที่ผมจะรับใช้ชาติคือการสละตัวเอง

วันที่ผมถูกปล่อยตัวจากคุก คงถูกตราหน้า ไม่มีวันได้เป็นประธาน ไม่ได้รับราชการ คงไม่เป็นที่ไว้วางใจของคน ...........แต่ผมยินดีที่จะสละ ผมจะถูกตราหน้าไปตลอด ............และผมภาคภูมิกันมัน

แดน เฮอร์เบิก แอบก๊อปปี้เอกสาร และส่งให้หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ และลงตีพิมพ์ เอกสารลับฉบับแรกนี้ ผมตามมาคือ

สงครามนี้มันผิดมาตั้งแต่ต้น และยังดำเนินไม่หยุด .........ไม่เกี่ยวกับสงคราม ไม่เกี่ยวกับเวียดนาม ..........มันเกี่ยวกับการเมืองภายใน

จะเป็นรัฐบาลต่อได้ไง พวกเค้ากลัวจะเสียนั้นเสียนี่ ............มันก็เลยเป็นเหมือนปี 64 นิกสันเป็นคนนำระเบิดทุกอย่างเข้าไปยังกัมพูชา .........ความสงบคือเป้าหมายของมนุษย์

บทความลงนิวยอร์กไทม์

เกี่ยวกับการศีกษาลับ เรื่องการแทรงแทรงของเราในเวียดนาม ........ยังไม่มีข่าวโต้ตอบจากทำเนียบขาว

ทำเนียบขาว ...........อุดรูรั่ว กระทรวงยุติธรรม ให้นิวยอร์กไทม์ยุติการลงเอกสารฉบับต่อไป ...........และ ไทม์ ได้เอกสารมาจากใหน .........เอฟบีไอ พบผู้ต้องสงสัย แดน เออเบิก

คำสั่งตรงจากทำเนียบขาว..........นิวยอร์กไทม์ห้ามลงบทความต่อไป

นิกสันอ้างว่า การตีพิมพ์เรื่องนี้คุกคามความมั่นคง

แดน เออเบิก หลบหนี เอฟบีไอ และ ถูกให้ออกทีวีสัมภาษณ์ในที่ลับออกอากาศช่องซีบีเอส

แดน เออเบิก เข้ามอบตัวสู้คดี

ทางรัฐบาลฟ้อง หนังสือพิมพ์ ........รัฐบาลยืนยันว่าเอกสารเพนตากอนมีความอ่อนไหว อาจทำให้ทหารในต่างแดนต้องเสี่ยงเพราะเผยแพร่

นิวยอร์กไทม์และวอร์ชิงตันโพส แย้งว่า คือบันทึกประวัติศาสตร์ ไม่ส่งผลร้ายต่อทหารต่างแดน และประชาชนในประเทศมีสิทธิ์ได้อ่านมัน

ศาล ตัดสิน
เอกาสารได้รับการตีพิมพ์..........แดนเราประกันตัวได้ เท่ากับว่าคุณไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ...........ไม่เกี่ยวกับคดีผม ..........เค้ากล่าวหาว่าผมขาย
ชาติ

คำตัดสิน
กฎหมายให้สิทธิ์ปกป้องสื่อมวลชน ถ้าพวกเขาทำตามหน้าที่ในระบอบประชาธิปไตย และหน้าที่สำคัญของนักข่าวก็คือ หน้าที่ที่จะป้องกันรัฐบาล จากการหลอกลวงประชาชน และส่งพวกเขาไปดินแดนไกล เพื่อให้ตายจากเชื้อโรคอันร้ายกาจ ........นิวยอร์กไทม์และวอร์ชิงตันโพส ได้กระทำสิ่งที่ถูกต้อง ในแบบที่บรรพบุรุษตั้งความหวัง หนังสือพิมพ์ต้องเป็นอิสระ ในการตีพิมพ์ข่าว จากทุกแหล่งข่าวไม่มีการเซนต์เซอร์


เฮอร์เบิกกลายเป็นฮี่โร่ นิวยอร์กไทม์ได้รับรางวัลพลูเซอร์ ...........ถึงคดีจบแต่ประฐานาธิบดีอย่างเก็บกวาด.........ท่านต้องทำลายหมอนั่น


17 June 1972
แดน เฮอร์เบิก กำลังถูกส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน

ข่าวด่วนพิเศษ ชายห้าคนถูกจับเมื่อเวลา 02.30 น ขณะที่พวกเขาแอบติดตั้งเครื่องดักฟัง สำนักงานคณะกรรมการประชาธิปไตยแห่งชาติ .........ที่โรงแรมวอร์เตอร์เกต และอาร์พารตเมนต์ในวอร์ชิงตัน ยังไม่เปิดเผยผู้ลงมือครั้งนี้

11 May 1973
ศาลตัดสินแดน เฮอร์เบิกอีกครั้ง
ด้วยคำนึงถึงประเทศชาติเป็นหลัก ศาลได้กลายเป็นหน่วยงานพิเศษ ที่ได้รับการแต่งตั้ง ให้ขึ้นตรงต่อทำเนียบขาว ซึ่งรวมถึงการบุกปล้นสำนักงานด๊อกเตอร์ลูอิส ฟิลดิ้ง และการบุกโรงแรมวอร์เตอร์เกต

จากสภาวะแวดล้อมทั้งหมดนี้ส่งผลต่อความยุติธรรม เหตุการณ์ประหลาดนี้ศาลของประกาศยกฟ้องจำเลย

ทหารอเมริกัน 58,148 นายและชาวเวียดนามกว่า 2 ล้านคน เสียชีวิตระหว่างสงครามเวียดนาม ผมว่าบทเรียนที่ได้คือ ชาวอเมริกัน

ในปี 1975 สงครามที่ยาวนานที่สุดของอเมริกายุติลง

>

Source ://en.wikipedia.org/wiki/Pentagon_Papers

 

Create Date : 29 สิงหาคม 2551		12 comments
Last Update : 29 สิงหาคม 2551 22:54:27 น.
Counter : 2158 Pageviews.
Share Tweet