The Theory of the Leisure Class (2001) :ทฤษฎีของชนชั้นที่มีเวลาว่าง
ลองมาสังเกตุกันเล่นๆๆ กับคนที่ทานอาหารเช้ากันนอกบ้าน เอาง่ายๆกับร้านก๋วยเตี๊ยว เรากะสังเกตุดู หลังจากทานก๋วยเตี๊ยวเรียบร้อย มีอยู่ 10 โต๊ะ เกิดอะไรขึ้นกับ 5 โต๊ะ นั้นคือ หยิบถุงยา ขึ้นมาควักยากิน...งง ...แม้กระทั้งเด็กวัยรุ่นที่ดูแข็งแรง กะทานยาหลังอาหารด้วย และคนที่กินยาหลังอาหารก็รวมทั้งเราด้วย ...(หรือว่ายาแก้ไข้หวัดฮิต) มันเกิดอะไรขึ้น กับวัฒนธรรมการกินของเรา เราอาจจะมองว่าไม่เห็นแปลกเลย...สังเกตไปอีกที ตอนเราเด็กๆๆ ไม่เห็นมีวัฒนธรรมฮิต...กินยาหลังอาหารยอดฮิตเลยอะ เรากะสงสัยต่อไปว่า...เมื่อก่อน เทรน ฮิตทานอาหารธัญญาพืช ...รักษาสุขภาพ... กะฮิตอย่างแรง ตามshelf supermarket มีกันตริม....... เราก็มองต่อไปอีกว่า...ถ้าการเก็บรักษาที่ขายกันทั่วไปไม่ได้มาตฐาน.. ธัญญาพืช มีmoisture(ความชื้น)และมีเชื้อรา เรากินเข้าไป จาเกิดอะไรขึ้นอ่า หลังจากเทรนธัญญาพืชตกเทรนไป ... ใบอะไรต่อใบอะไร ดอกอะไรต่อดอกอะไร อบแห้ง ชงแล้วดื่มรักษาสุขภาพ กะมาฮิต และกะตกเทรนไปอีก ไปดูตาม Shelf เดี๊ยวนี้กะเห็นมีน้อยลงงะ เทรนใหม่ๆๆรักษาสุขภาพกะตามมา ล้างพิษด้วยกาแฟ ดีทอกซ์ กินน้ำใบย่านาง ใบสารพัดใบ ไปเข้าคอร์สอาศรม etc... เมื่อเร็วๆๆนี้ สิ่งที่เรา แปลกใจอย่างที่สุด ญาติญาติของเรา เหมารถ เพื่อที่จะไปเข้าคอร์สเสียตังค์.... วิธีรับประทานฉี่(เพื่อเป็นการรักษาสุขภาพงะ) ในประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นยุโรป หรือ เอเซีย เรื่อง รับประทานฉี่แล้วเป็นยากะเห็นมีเขียนในประวัติศาสตร์อะ เรากะสงสัยต่อไปว่า ...ต่อไปจะมีเทรนอะไรอีก และญาติญาติของเรา มันจะไปอีกและเกิดอะไรกับสุขภาพของมันงะ และไอ้ที่มันไปเข้าคอร์ส อาศรม ดีท๊อกส์ รับประทานฉี่... มันจะทิ้งระบบการกินแบบไปเข้าคอร์สมาหรือเปล่า ...และก็ไปตามกระแสการกินแบบรักษาสุขภาพใหม่ๆๆ...เรากะมองว่ามันเหมือนเป็นการบำบัดร่างกายแบบครึ่งๆๆกลางๆๆอ่า มันจาได้ผลอะปะหว่า ..แต่เฟริมว่าญาติเรา รูปร่างดี(สงสัยมันกินแต่ธัญญาพืชม้าง) กับ Film ที่เราพูดถึง เช่นกัน (ขอเนียนโยงกัน)....เราขอสื่อประเด็น เรื่องของ วิถีการกินแฮมเบอร์เกอร์ กับแบรนด์ Billy bobs Bagers มันคือวัฒนธรรมของเมกา... และวิถีบริโภคนิยมของเมกากะเช่นกัน เพราะในเกือบทุกๆซีนจะมี แฮมเบอร์เกอร์ และ add ควบคู่ตลอดอ่า Theory Of The Leisure Class Trailer กับ Film ที่สื่อ นักท่องเที่ยวยุโรปมาเที่ยวในชุมชนแห่งนี้ ถึงกะบอกว่า มีอย่างอื่นกินมั๊ยที่ไม่ใช่แฮมเบอร์เกอร์ ไม่เห็นจะดีเลย...คนเมกันเลือดขึ้นหน้าอย่างแรง ....ถึงกับลุกขึ้นมาตะโกนด่าเลย...กลับประเทศแกไป...ที่นี้เมกาโว๊ย...แฮมเบอร์เกอร์คือเมกา ในคริสศตวรรษที่ 19 อย่าง Thorstein Veblen นักเศรษฐศาสตร์ กับวิศัยทัศน์เจาะลึกของเค้าทำนายไว้ว่า คลื่นยักษ์ของระบบพาณิชย์นิยม ....จะกลืนศิลปะ ....ศาสนา....และวัฒนธรรมของเรา...ไม่เหลืออะไรไว้นอกจากดินแดนว่างเปล่า ..ที่ไร้ศีลธรรม Thorstein Veblen เขียนเรื่อง The Theory of the Leisure Class (ทฤษฎีของชนชั้นที่มีเวลาว่าง) Film สื่อ วิถี add(โฆษณาขายสินค้า...ของเมกันในยุคนั้นอะ) และวิธีดึงดูดในการขายแฮมเบอร์เกอร์ นั้นคือ...ซื้อแฮมเบอร์เกอร์ได้ตุ๊กตา สะสมครบกะเซ็ทได้รางวัลอีกหรือเปิดฉลากที่แก้วน้ำของร้านแฮมเบอร์เกอร์ ได้รางวัลคือรถสปอร์ต .. กับลูกของแคลลี่ที่ตาย เธอไปสุสานลูกเธอ เธอไม่ได้เอาดอกไม้มาไว้ที่หลุมศพลูกของเธอ ..แต่เธอเอาตุ๊กตาสะสมจากร้านแฮมเบอร์เกอร์มาให้ลูกของเธอ...และเธอบอกว่า แม่เสียใจที่สะสมไม่ครบเซ็ท เอาตัวนี้ไปก่อนน๊ะ(เวง) Film ซูมไปที่คนตัดหญ้าสุสาน เค้าใส่เสื้อ ที่ด้านหลังสกรีนคำว่า Dead people need flower too call 1-800 Flow 123 กับความเสียใจของแม่เด็ก....โทรไปหาหมอดูไพ่ยิปซีที่โฆษณา ดูโฆษณาทางโทรศัพย์.... เสียตังค์ "อ้อ เปิดได้ไพ่ราชินีค่ะ ....ความหมายคือการให้อภัย" "เวง ....หมอดูไพ่ยิปซี ไม่ได้ดูไพ่ยิปซี....หล่อนเล่นไพ่รัมมี่อยู่งะ ที่หูกะมี head phone คุยไป....ลื่นไป" กับการขายสินค้าทางทีวี ...รีบโทรมานะครับก่อนสินค้าจะหมด ...เด็กที่ดูทีวี ก็ดันร้องจะเอาสินค้าในทีวี ...เด็กมันถึงกะโทรไปรายการทีวีนั้น หรือคุณยาย ..กับเทรนทำให้หน้าตึง สินค้านั้นคือ สก๊อตเทป เอามะปะทั่วหัวงะ และกะดึงไปถึงหน้าผาก ...ที่ add ชวนเชื่อว่า มันได้ผล... ยินดีคืนเงิน ความสุขของคุณยาย นั้นคือ วันๆๆนั่งตัดaddจากหนังสือพิมพ์ มันคือคูปอง ส่วนลดกี่เปอร์เซ็นต์ หรือไปรับสินค้าฟรี ลูกคุณยายถึงกับถามคุณยายว่า..แม่ค่ะคูปองนั้นมันสำคัญกว่าหนูตลอดเลยเหรอค่ะ คุณยายตอบว่า...เพราะมันตีฝีปากไม่เป็นนะซิ และ กับนักสืบที่ชอบงานศิลปะ กับภาพวาด "The Scream 1893 " กับวัยรุ่นที่ไม่ได้มองคุณค่าทางศิลปะ เค้ากลับบอกว่า เคยเห็นที่ใหนหนอ...อ้อ จาก add โฆษณาขายรถไง ภาพวาด 'The Scream' และ 'Madonna' ของ เอ็ดเวิร์ด มุงค์ ศิลปินแนวเอ็กซ์เพรสชันนิสต์ชื่อดังชาวนอร์เวย์แล้ว หลังถูกโจรปล้นหายไปนานกว่า 2 ปี ตามรายงานจากสำนักข่าวเอ็นทีบีของนอร์เวย์เผยว่า ผู้เชี่ยวชาญที่พิพิธภัณฑ์มุงค์ได้ยืนยันในเวลาต่อมาว่าผลงานศิปละทั้ง 2 ชิ้นเป็นของจริง ทั้งนี้ มุงค์ได้วาดภาพ 'The Scream' และ 'Madonna' เอาไว้หลายเวอร์ชัน โดยภาพ 'เดอะสกรีม' ได้รับการพิจารณาจากหลายฝ่ายว่า เป็นผลงานชิ้นสำคัญที่สุดของเขา มีการประเมิณราคาของภาพวาดทั้ง 2 ชิ้นว่าอาจมีมูลค่าสูงถึง 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียว 'The Scream' และ 'Madonna' ถูกคนร้ายบุกเข้าไปโจรกรรมถึงพิพิธภัณฑ์มุงค์ ในกรุงออสโล ท่ามกลางกลุ่มผู้มาเข้าชมที่ต่างตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลากลาง วันแสกๆ โดยคนร้ายใช้ปืนขู่เจ้าหน้าที่ที่พิพิธภัณฑ์ในเมืองออสโล ก่อนนำภาพขึ้นรถที่รออยู่หลบหนีไป ขณะที่ผู้เข้าชมพิพิธภัณฑ์หลายคนตกอกตกใจ คิดว่าพิพิธภัณฑ์ถูกก่อการร้าย //www.notgoodstory.com/ stden/show_std.php?stdid=1298 กับวิถีการกินแฮมเบอร์เกอร์...และมันกลายเป็นปมฆาตกรรม ...และที่มันแสบที่สุดคือ...นักข่าวมาหาข่าวฆาตกร ในเรื่องนี้ที่มันเกี่ยวกับแฮมเบอร์เกอร์.....เธอเอามาทำหนังสือ Pocket book และโปรโมททางทีวีเพื่อขายมัน (ระบบพาณิชย์นิยม...หรือเปล่า) แม้เป็นที่ทราบกันดีว่าแฮมเบอร์เกอร์เป็นอาหารประเภทขยะ(ขออภัย) ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ก็เป็นอาหารยอดฮิตติดอันดับโลก ไม่ว่าไปเมืองไหนประเทศอะไรก็จะต้องเห็นแฮมเบอร์เกอร์วางให้ลูกค้าเข้าไปซื้อหาอยู่ในร้านแมคโดนัลด์ หรือเบอร์เกอร์คิงเกือบทุกแห่ง จะมีใครกี่คนทราบบ้างว่าต้นกำเนิดขนมปังประกบเนื้อวัวสับนี้เป็นมาอย่างไร นักวิชาการในยุโรปได้ทำการสืบเสาะหาที่มาที่ไป สรุปได้เป็นเสียงเดียวกันว่าแฮมเบอร์เกอร์เป็นเรื่องราวเร้นลับที่สุดเรื่องหนึ่งในบรรดาประวัติอาหารการกิน เพราะไม่มีผู้ใดทราบหลักฐานชัดเจนใครเป็นผู้ค้นคิดอาหารนี้ขึ้นเป็นเจ้าแรก และเหตุใดจึงเรียกชื่อตามชื่อเมืองฮัมบวร์ก Hamburg (ออกเสียงในภาษาอังกฤษ-แฮมบวร์ก) ทางตอนเหนือของเยอรมนี มีการตั้งสมมุติฐานกันหลากหลาย เช่น ชาวเยอรมันที่อพยพย้ายถิ่นฐานจากเมืองฮัมบวร์ก-เยอรมนีไปอยู่สหรัฐอเมริกาในอดีต จนถึงปัจจุบันต่างงงว่า พวกเขามีชื่อเรียกเป็นชาวแฮมเบอร์เกอร์ (หรือฮัมบวร์กเกอร์)แน่หรือ ซึ่งชื่อนี้ต่างกับชื่ออื่นๆในภาษาเยอรมันที่ขอยืมไปเรียกกันในภาษาอังกฤษและทราบที่มาที่ไปชัดเจน เช่นฮอตด๊อกชนิดหนึ่งในภาษาอังกฤษเรียก ?แฟรงค์เฟิร์ตเตอร์ หรือ ?เดรสเดนเนอร์ เครื่องพอร์เซเลนที่ทำในเมืองเดรสเดนของเยอรมนี ส่วนชื่อแฮมเบอร์เกอร์กลับมีคำถามชวนสงสับว่าทำไม เพราะเหตุใดจึงเรียกเช่นนี้ และใครเป็นผู้ค้นพบคนแรก เดินทางประสาคนจน ใน Oxford English Dictionary ปี 1802 ให้คำจำกัดความ แฮมเบอร์เกอร์สเต๊ก ไว้ว่าทำจากเนื้อวัวหมักเกลือ ซึ่งพอจะสืบสานความได้ไปถึงการอพยพของชาวเยอรมันที่เดินทางผ่านเมืองฮัมบวร์กทางเรือเพื่อไปสร้างชีวิตใหม่ยังสหรัฐอเมริกา อาหารที่พกติดตัวไปเป็นเนื้อหมักเกลือซึ่งสามารถเก็บได้นานไม่เสีย คนเหล่านี้ฐานะยากจนเป็นผู้โดยสารชั้นสาม แต่ละห้องพักยาวเพียง 11 ก้าว กว้าง 8 ก้าว สูง 8 ฟุต ด้านซ้ายขวามีแผ่นไม้กระดานกว้างสองแผ่นตอกติดฝาเป็นสองชั้นไว้ให้ผู้โดยสารทั้งนั่งและนอน ชั้นละห้าคน ผู้อพยพชาวเยอรมันชื่อ ฟรีดริช แกร์ชเตกเกอร์ (Friedrich Gerstaecker) บันทึกการเดินทางของผู้โดยสารชั้นสามไว้ในปี ค.ศ. 1937 จะทำอาหารก็แสนยากเพราะที่จำกัด แต่กินเนื้อหมักเกลือเป็นชิ้นแข็งๆ อย่างเดียวก็สุดจะกลืน เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น จึงต้องฝานเนื้อเป็นแผ่นเล็กบางเอาขนมปังประกบกัดกินทันทีเพราะจานชามมีดส้อมขาดแคลน จึงเป็นสมมุติฐานว่า แฮมเบอร์เกอร์อาจมีต้นกำเนิดมาจากอาหารรองท้องของคนจนๆครั้งกระนั้นหรือไม่ แต่ตราบจนปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานใดยืนยันข้ออ้างเรื่องเล่าทั้งหลายข้างต้น นักวิชาการให้ความเห็นว่าอาหารคนจนในเรือจากฮัมบวร์กไปสหรัฐอเมริกา น่าจะเป็นสมมุติฐานดีที่สุดสำหรับประวัติความเป็นมาของแฮมเบอร์เกอร์ ซึ่งจากนั้นมาอีกประมาณร้อยปี กลายเป็นของอร่อยอยู่ในร้านแมคโดนัลด์ กับเบอร์เกอร์คิง......อาหารพกแก้หิวแบบง่ายสุดของคนจน Source://www.germaneducationthailand.net/ story1.html ในคริสศตวรรษที่ 19 อย่าง Thorstein Veblen เขียนเรื่อง The Theory of the Leisure Class (ทฤษฎีของชนชั้นที่มีเวลาว่าง) ในงานชิ้นนี้ Veblen ได้ให้เหตุผลว่า นักธุรกิจสมัยใหม่ไม่ได้แตกต่างไปจากพวกบาร์บาเลียน(คนป่า)เท่าใดนัก เพราะพวกเขาใช้พลังแบบสัตว์เดรัจฉาน, มีการใช้ทักษะต่างๆ ของการแข่งขันและความหลักแหลมเพื่อสร้างรายได้จากคนอื่นๆ และหาเงินจากชัยชนะโดยการแย่งชิงมากกว่าทำการผลิตสิ่งต่างๆ ของตัวเขาเองขึ้นมา นักวิชาการสมัยใหม่ อย่างเช่นศาสตราจารย์ทางด้านเศรษฐศาสตร์ Robert Heibroner อธิบายถึงคำว่าจอมโจรผู้ดี(robber barons)พวกนี้ด้วยวิถีทางในลักษณะเดียวกัน. ในงานของเขาเรื่อง The Worldly Philosophers (บรรดานักปรัชญาที่เจนโลก) Heibroner อ้างว่า จอมโจรผู้ดีทั้งหลายได้ใช้เล่ห์เหลี่ยม ความหลอกลวง, ความรุนแรง, การลักพาตัว และความไม่ซื่อสัตย์อย่างยิ่งยวดเพื่อบรรลุถึงอำนาจทางเศรษฐกิจ และความยิ่งใหญ่ทางด้านอุตสหากรรม ด้วยเหตุดังนั้นพวกเขาจึงเป็นที่รู้จักกันในนามของ"จอมโจรผู้ดี" นักประวัติศาสตร์บางคนถกเถียงว่า จอมโจรผู้ดี โดยสาระแล้วเป็นพวกที่ทำการเปลี่ยนแปลงให้สหรัฐอเมริกาก้าวขึ้นสู่ความเป็นมหาอำนาจโลก เนื่องจากการลงทุนต่างๆ ที่สำคัญๆ ของพวกเขาในด้านอุตสาหกรรม, โครงสร้างพื้นฐาน, และการศึกษา. นักเขียนนวนิยาย Ayn Rand กล่าวสนับสนุนว่า ผู้คนเหล่านั้นก็คือ"ผู้ที่ให้การสนับสนุนทางด้านการเงินและการทำกุศลต่างๆ แก่มวลมนุษยชาติที่ยิ่งใหญ่ เท่าที่เคยมีมา" แม้ว่าจำนวนมากของผู้คนเหล่านี้พยายามแสวงหาการคงไว้ซึ่งความมั่งคั่งและความมีอิทธิพล โดยการสถาปนาราชวงศ์ต่างๆ ของตนขึ้นมา จำนวนมากของคนเหล่านี้ยังกลายเป็นบุคคลที่ได้รับการบันทึกว่า เป็นผู้มีใจรักในเพื่อนมนุษย์ด้วย (philanthropist) นิวยอร์คซิตี ถือเป็นหนี้บุญคุณอย่างมากต่อสถาปัตยกรรมอันยิ่งใหญ่ และพิพิธภัณฑ์จำนวนมากที่สร้างสมขึ้นมาโดยคนเหล่านี้ พวกเขาได้ให้การอุปถัมภ์ค้ำจุนสิ่งที่เป็นประโยชน์ทั้งหลายอย่างไม่เห็นแก่ตัว อาทิเช่น Rockefeller Center, Grand Central Terminal, Cooper Union, The Frick Collection, Carnegie Hall และ The Astor Library. โดยเฉพาะคาเนกี้ได้ให้การกระตุ้นและสนับสนุนการรู้หนังสือของผู้คนทั้งหลาย และได้ให้ทุนสนับสนุนการสร้างห้องสมุดสาธารณะถึง 2500 แห่งทั่วอเมริกาและทั่วโลก แต่อย่างไรก็ตาม จอมโจรผู้ดีเหล่านี้เพียงให้การอุดหนุนด้วยเงินจำนวนเล็กๆ น้อยๆ จากความมั่งคั่งร่ำรวยของพวกเขาเพื่อการสงเคราะห์และการกุศล และช่วงระหว่างที่บรรดาคนพวกนี้มีชีวิตอยู่ พวกเขาไม่เคยปรากฏว่ามีความโน้มเอียงอย่างหนึ่งอย่างใดโดยเฉพาะ ที่จะนำพาไปสู่การรับรู้ของชุมชนในการเป็นผู้ที่มีคุณงามความดีต่อสาธารณชน ยกตัวอย่างเช่น คนอย่าง J.P.Morgan ซึ่งได้ถูกบันทึกว่าได้กล่าวคำพูดที่แสดงออกถึงความรังเกียจเดียจฉันท์ต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เช่น "ผมไม่รู้สึกเป็นหนี้ต่อสาธารณชนแต่อย่างใดเลย", อย่างไรก็ตาม Morgan ก็ได้ให้การช่วยเหลือและอุดหนุนอย่างสำคัญต่อศิลปกรรม และมหาวิทยาลัยต่างๆ รายชื่อของนักธุรกิจที่ถูกขนานนามว่าเป็นจอมโจรผู้ดี - John Jacob Astor (ทางด้านอสังหาริมทรัพย์, ขนสัตว์) -- มีฐานอยู่ที่ New York City, New York - Jay Cooke (ทางด้านการเงิน)-- มีฐานอยู่ที่ Philadelphia, Pennsylvania - Daniel Drew (ทางด้านการเงิน)-- มีฐานอยู่ในรัฐ the state of New York - James Buchanan Duke (ทางด้านยาสูบ) -- มีฐานอยู่ใกล้ Durham, North Carolina - James Fisk (ทางด้านการเงิน)-- มีฐานอยู่ใน the state of New York - Henry Flagler (ทางด้านการรถไฟต่างๆ)-- มีฐานอยู่ที่ New York City และ Miami, Florida - Henry Ford (ทางด้านรถยนต์)-- มีฐานอยู่ใน Dearborn, Michigan และ the Detroit, Michigan metropolitan area. - Henry Clay Frick (ทางด้านเหล็กกล้า)-- มีฐานอยู่ใน Pittsburgh, Pennsylvania และ New York City, New York - Jay Gould (ทางด้านการเงิน และการรถไฟ)-- มีฐานอยู่ในรัฐ the state of New York และ New York City, New York - Edward Henry Harriman (ทางด้านการรถไฟ)-- มีฐานอยู่ในรัฐ the state of New York - Collis P. Huntington (ทางด้านการรถไฟ)-- มีฐานอยู่ที่ California, Virginia, and New York - James J. Hill (ทางด้านการรถไฟ)-- มีฐานอยู่ใน St. Paul, Minnesota - J. P. Morgan (ทางด้านการธนาคาร)-- มีฐานอยู่ใน New York City. ปัจจุบันคือ JPMorgan Chase & Co. - John D. Rockefeller (ธุรกิจน้ำมัน, บริษัทสแตนดาร์ดออยล์)-- มีฐานอยู่ใน New York City. - Leland Stanford (ทางด้านการรถไฟ)-- มีฐานอยู่ใน Sacramento, California และ San Francisco, California - Cornelius Vanderbilt (ทางด้านการรถไฟ, การขนส่งทางเรือ-shipping)-- มีฐานอยู่ใน New York City ภาพของจอมโจรผู้ดีในวัฒนธรรมป๊อป ในวัฒนธรรมป๊อปของอเมริกัน, Robber baron หรือจอมโจรผู้ดี ปรกติแล้วได้ถูกวาดภาพให้ออกมาในรูปของ คนที่อยู่ในชุดสูทที่สวมหมวกสีดำ และในมือถือไม้เท้า เช่นตัวอย่างภาพของ Rich Uncle Pennybags ซึ่งเป็นตัวแทนตัวหนึ่งในเกม Monopoly (ดูภาพประกอบ) สมเกียรติ ตั้งนโม : เรียบเรียง โครงการแปลตามอำเภอใจ มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน Source://www.midnightuniv.org/ midnight2545/document95062.html
Create Date : 10 กันยายน 2552
13 comments
Last Update : 10 กันยายน 2552 2:01:09 น.
Counter : 3808 Pageviews.
กลับกัน
เราตื่นเช้าแทนค่ะ...
เรากินเจ 10 วัน ต่อ ปี ช่วงนั้นถือว่า ดีท็อก ล้างสารพิษด้วยการใช้เส้นใยกากอาหารจากผัก