อนึ่งคิดถึงพอสังเขป ... ภูกระดึง
กลิ่นอายฤดูหนาวเริ่มขึ้นอีกครั้ง เหนือ อีสาน อุณหภูมิลดลง แถมมีแม่คะนิ้งด้วยชวนให้หลายคนอยากไปสัมผัสอากาศหนาว ๆ สถานที่ท่องเที่ยวที่นิยมอีกที่หนึ่งคือ "ภูกระดึง" ที่สร้างความประทับใจ หลากหลายอารมณ์ เหนื่อย หิว หนาว กลัว ฯลฯ เรื่องราว ถูกบันทึกผ่านความทรงจำและภาพถ่าย กลับมาดูอีกครั้งแล้วคิดถึง คิดถึงช่วงเวลาแห่งการเดินทาง คิดถึงช่วงเวลาแห่งความสุข คิดถึงธรรมชาติที่สวยงาม วันก่อนดูข่าวต้นเมเปิ้ลบริเวณน้ำตกขุนพองซึ่งอยู่ในส่วนของป่าปิดของอุทยานแห่งชาติภูกระดึงกำลังจะตาย เมเปิ้ลได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของภูกระดึง ตามข่าวคือในช่วงสองสามปีที่ผ่านเมเปิ้ลไม่ค่อยจะเปลี่ยนเป็นสี ดูจากสภาพมันจะหมดอายุขัยซะแล้ว ลำต้นเหมือนถูกพวกแมลงเข้าไปยึดพื้นที่เป็นรูและเป็นโพรงและอีกสาเหตุหนึ่งอาจจะถูกแรงกระแทกของน้ำตกในช่วงน้ำหลาก เสียดายช่วงเวลาที่ไปก็ไม่ได้เห็นเมเปิ้ลเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนกัน 4 วัน 3 คืน เป็นเวลาที่คุ้มค่า ก่อนไปเตรียมตัวเตรียมใจไว้ให้พร้อม เสื้อหนาว ยานวด ยาคลายกล้ามเนื้อ ยาแก้แพ้ อิอิ สารพัดยา กลัวขึ้นข้างบนแล้วไม่มีจะแย่เอา เราเดินทางผ่านเส้นทางเพชรบูรณ์ ผ่านเขาค้อ อ้อมหน่อยแต่ว่าจะได้วิวสองข้างทางที่สวยงาม แวะกินขนมจีนหล่มสัก แวะระหว่างทางเป็นระยะกว่าจะถึงตีนภูก็ปาเข้าไปเกือบหกโมงเย็น เลยขอพักที่ว่าการอุทยานซักหนึ่งคืนก่อน อากาศกำลังเย็นสบาย ตื่นเช้าเก็บข้าวของเตรียมไว้ฝากให้ลูกหาบนำขึ้น ชั่งกิโล เป็นที่เรียบร้อย หาอุปกรณ์เสริมซึ่งเป็นไม้เท้ากายสิทธิ์ สามารถหยิบได้บริเวณทางขึ้น ได้ใช้ประโยชน์จากมันจริง ๆ เวลาขาเริ่มอ่อนแรง อุทยานเปิดให้ขึ้นเวลา 7.00 น. เราก็ขึ้นตามเวลานั้น เพราะคิดว่าคงใช้เวลาเดินนานกว่าคนอื่น เริ่มถ่ายภาพเป็นที่ระลึกตั้งแต่กิโลเมตรที่ 0 เดินไปเรื่อยจะมีป้ายชื่อแต่ละซำแล้วก็บอกกิโลเมตรที่เราต้องเดิน เส้นทางจากเชิงภู ---> ปางกกคำ ---> ซำแฮก ---> ซำบอน ---> ซำกกกอก ---> ซำกอซาง ---> พร่านพรานแป ---> ซำกกหว้า ---> ซำกกไผ่ ---> ซำกกโคน ---> ซำแคร่ ---> หลังแป --->ศูนย์บริการ ฯ วังกวาง ที่พัก ระยะทางเหมือนไม่ไกล 9 กม. แต่ความชันในช่วง 5.5 กม. แรกทำให้เกิดแรงโน้มถ่วงเวลาขึ้นถ่วงลง ๆ ๆ ไม่เป็นไรเดินไปเรื่อย ๆ เหนื่อยก็พักกว่าจะถึงจุดหมายปลายทางคงใช้เวลานานกว่าชาวบ้านเค้า แต่ละจุดที่มีให้เราได้พักเรียกว่า ซำซึ่งหมายถึง พื้นที่ ๆ มีน้ำซับหรือน้ำใต้ดินผุดขึ้นสู่ผิวดินหรือหน้าผา มีร้านรวงจัดไว้บริการนักท่องเที่ยว ไม่ต้องกลัวอด พกน้ำไปซักสองขวดเล็กเผื่อหิวระหว่างทาง มาถึงซำแฮกแล้ว หอบแฮกเลย ลมพัดเย็นสบาย ชมวิวรอบ ๆ พักให้หายเหนื่อยแล้วก็เดินต่อ อาหารประจำชาติที่ซำกอซาง ข้าวเหนียวส้มตำร้านลุงกลาง ขอบอกอร่อยมาก นอกจากนั้นก็มีไข่ปิ้ง อาหารตามสั่ง น้ำแข็งใส ราคาปกติเลย มิตรภาพระหว่างทาง คนที่ลงมาจากภูกระดึง ทักทายส่งยิ้มให้กำลังใจคนที่กำลังจะขึ้น อีกนิดเดียว วิวทิวทัศน์ระหว่างการเดินทางขึ้นภูกระดึง แสงลงใบเฟิร์นพอดี เสพธรรมชาติรอบ ๆ ตัว ความสดชื่นของต้นไม้ ใบไม้ พบสิ่งมีชีวิตระหว่างทางเดิน ผีเสื้ออำพราง สีน้ำตาลคล้ายใบไม้แห้ง ขึ้นมาถึงหลังแปแล้ว อาการเหนื่อยเบาบางลง สูดลมหายใจรับอากาศบริสุทธิ์เต็มที่ เพราะต่อไปจะเป็นทางราบอีก 3.5 กม. ก็จะถึงที่พักของเรา มีบริการให้เช่ารถจักรยาน แต่เราเลือกที่จะเดินดีกว่า ใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 5 ชั่วโมงครึ่ง สองข้างทางเป็นป่าสนเดินสบาย ๆ หลังจากเดินลำบากมาเยอะแล้ว ถึงบริเวณลานกางเต้นท์และบ้านพัก ติดต่อบ้านพักไว้ เก็บข้าวของสัมภาระเป็นที่เรียบร้อย เย็นวันแรกที่ภูกระดึง จะไปชมพระอาทิตย์ตกที่ผาหมากดูกกัน ใกล้สุด 2 กม. ระหว่างทางจะเห็นว่ามีดอกส้มแปะสีขาว รูปทรงน่ารักเชียว แสงยามเย็นที่ "ผาหมากดูก" รอชมพระอาทิตย์ อุดหนุนน้ำแข็งใส ซื้อเป๊ปซี่ ขนมขบเคี้ยว แม่ค้าใจดีให้เสื่อ 1 ผืน ไปนั่งปิ๊คนิค ชมวิวทิวทัศน์ ใกล้ตะวันจะลับฟ้าอุณหภูมิก็เริ่มลดลงไปด้วย ดูท่าจะไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ดวงกลมเป็นแน่แท้ เมฆบดบังซะแล้ว แต่ซักพักก็แอบโผล่มาให้เห็นนิดนึง บรรยากาศยามเย็นที่ผาหมากดูก เก็บเกี่ยวช่วงเวลาแห่งความสุขไว้ แสงสุดท้ายแล้ว เตรียมตัวกลับที่พัก การเดินทางควรเตรียมไฟฉายมาด้วย เผื่อมืดค่ำจะได้มีแสงไฟนำทาง ป่าสนตลอดแนวยามค่ำก็สวยเหมือนกัน ตลอดทางที่เดินกลับที่พัก ไม่เจอนักท่องเที่ยวคนอื่นเลย เสียงเงียบเข้ามาแทนที่แอบกลัวนิด ๆ ได้ยินเสียงหมูป่าด้วย และแล้วเราก็ถึงที่พักของอุทยาน แวะร้านค้ากินข้าวกินปลา อาบน้ำอาบท่า น้ำเย็นมากได้ลิ้มรสของอากาศหนาวบนภูเป็นคืนแรก "ผานกแอ่น" อยู่ห่างจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวาง 2 กม. ตามโปรแกรมที่วางแผนไว้ เช้าวันที่สองตื่นกันแต่เช้ามืด เราจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น มีเจ้าหน้าที่นำทาง นัดกันไว้ตีห้า ไปเป็นหมู่คณะ อากาศกำลังหนาวได้ที่เลย มีป้ายให้ระวังช้างเป็นระยะ ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงในการเดิน ไปถึงก็ยังมืด ๆ อยู่ มีกาแฟมาบริการถึงที่ ช่วงหนาว ๆ กินของร้อน ๆ ทำให้รู้สึกอุ่นขึ้น การชมพระอาทิตย์ที่ผานกแอ่นที่หลาย ๆ คนรอคอย ไม่ผิดหวัง ค่อย ๆ แย้มออกมาให้เห็น บรรยากาศแบบนี้ถ้าเป็นคู่รักไปด้วยกันก็โรแมนติคดี หลังจากดื่มด่ำกับการชมพระอาทิตย์จนเป็นที่พอใจแล้ว เราก็กลับที่พัก ผ่าน "ลานพระแก้ว" ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูป สาย ๆ วันเดียวกันจะไปตระเวนน้ำตกกัน เจ้าหน้าที่บอกว่าน้ำน้อย แต่ไหน ๆ ก็มาแล้ว เดินไปตามเส้นทางที่มีป้ายบอก เราจะไปที่ "น้ำตกวังกวาง" กันก่อน ต่อด้วย "น้ำตกเพ็ญพบใหม่" ไปถึงไม่มีน้ำจริง ๆ น้อยมากเมเปิ้ลก็ยังเป็นสีเขียวอยู่ เลยเก็บต้นไม้ระหว่างทางมาหนึ่งต้นไม่รู้ต้นอะไร ใบอ่อนสีม่วงอมชมพู แสงลงพอดี ขากลับดันหลงเดินลงไปเรื่อย ๆ ไม่อยากปีนขึ้น คิดว่ามันต้องมีทางออก รอยเท้าช้างเต็มไปหมด กลัวเหมือนกันถ้ามันมาจะหลบตรงไหนล่ะเนี่ย แต่สุดท้ายเราก็หาทางออกได้ ไม่อยากหักโหม พรุ่งนี้ค่อยไป "ผาหล่มสัก" สัญลักษณ์อีกอย่างของภูกระดึง เจ้าแง่งหินที่เคยเห็นในรูป ใคร ๆ ไปภูกระดึงก็ต้องไปที่ผาหล่มสัก ไม่งั้นเดี๋ยวเค้าว่าไปไม่ถึง เช้าวันที่สามเราออกเดินทางกันแต่เช้า ระยะทางจากที่ทำการ 9 กม. ทริปนี้เดินคุ้ม เดิน เดิน แล้วก็เดิน ลัดเลาะชมวิวจะผ่านผาต่าง ๆ ชมดอกไม้ใบหญ้า จนถึงจุดหมายปลายทาง จากที่ทำการอุทยาน ---> ผาหมากดูก ---> ผาจำศีล ---> ผาเหยียบเมฆ ---> ผานาน้อย ---> ผาแดง ---> ผาหล่มสัก ถึงผาหล่มสักแล้ว ไฮไลท์ของภูกระดึง มีต้นสนต้นหนึ่งเด่นเป็นสง่าชิดกับชะแง่งหินที่ยื่นออกมา สามารถมองเห็นวิวเทือกเขาสลับซับซ้อน สนต้นนี้อยู่ใกล้ ๆ กัน ที่ผาหล่มสักมีร้านกาแฟและร้านขายของที่ระลึก ใครชอบกาแฟสดก็มีให้เลือกหลายร้านเลย ตกเย็นคนก็เริ่มมาเยอะขึ้น ถ่ายรูปกันเพลินเลย ช่วงเวลาแห่งการรอคอยกำลังมาถึง นั่งเล่นกันซักพัก อยู่จนตะวันกำลังจะลับขอบฟ้าก็ต้องเตรียมตัวกลับ เดินอีก 9 กม. เท่าเดิม ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมงกว่า ๆ แวะกินข้าวกันที่ผาหมากดูกเพราะหิวเหลือเกิน กว่าจะถึงที่พักก็ปาเข้าไปสามทุ่มแล้ว ... หมดแรง คืนนั้นสลบเหมือด ไม่ว่าจะเหนื่อยเมื่อยล้าแค่ไหน แต่พอได้ไปถึงปลายทาง ก็สามารถทดแทนกับความสุขที่ได้รับเหมือนกัน ... มีโอกาสคงได้ไปรำลึกความหลังกันอีกครั้ง ... ภูกระดึง " เมืองแห่งทะเลภูเขา สุดหนาวในสยาม ดอกไม้งามสามฤดู "
Create Date : 24 ธันวาคม 2555 |
Last Update : 29 ธันวาคม 2555 10:50:36 น. |
|
0 comments
|
Counter : 2758 Pageviews. |
|
|