Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2556
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
15 มิถุนายน 2556
 
All Blogs
 

รับลมแลทะเล ... จากเพชรบุรีถึงปราณบุรี



Smiley รับลมแลทะเล ... จากเพชรบุรีถึงปราณบุรี


ช่วงเวลาที่เหน็ดเหนื่อย ช่วงเวลาที่อยากพัก ทำไมคิดถึงทะเลเป็นอันดับแรกก็ไม่รู้ อารมณ์ของการไปทะเลครั้งนี้ ไม่ได้เหงา ไม่ได้เศร้า แต่เป็นอารมณ์เหนื่อยอยากพักมากกว่า แต่เป็นการพักที่ต้องใช้เวลาในการเดินทาง ลองเปลี่ยนบรรยากาศ เปลี่ยนสถานที่ดู ทำเป็นพูดไปงั้นจริง ๆ อยากเที่ยวมากกว่า อิอิ





Smiley มฤคทายวัน ---> หาดปราณ ---> หาดสามพระยา


ไม่ได้แวะเข้าไป "พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน" นานมาก จริง ๆ ก็ไปมาหลายครั้งและก็ชื่นชอบในบรรยากาศ ยังจำภาพตอนนั่งตรงบันไดทางลงไปสู่ทะเลได้เลย ลมพัดเย็น ๆ นั่งสบาย ๆ ปล่อยอารมณ์ไปพลาง ๆ แต่ละครั้งก็ได้ความรู้สึกไม่เหมือนกัน ไปกับเพื่อนก็สนุกสนาน ไปกับเพื่อนร่วมงานก็สนุกไปอีกแบบ ไปกับคนรักก็ดูจะโรแมนติคดี

ค่อย ๆ รำลึกที่อดีตที่ผ่านมา แต่ปัจจุบันจะเป็นเช่นไรต้องไปดูกัน หลังจากจอดรถในที่ให้จอดเป็นที่เรียบร้อย ด้านหน้ามีร้านอาหาร ร้านขายของเรียงราย  ถ้าเป็นตอนเด็ก ๆ คงวิ่งแจ้นเข้าไปซื้ออะไรติดไม้ติดมือเป็นแน่แต่โตแล้วความอยากมันน้อยลง  พอเข้าไปในเขตของพระราชวัง  ด้านหน้ามีบริการให้เช่าจักรยาน และขายบัตรเข้า ถ้าชมแค่รอบ ๆ ด้านล่างราคาบัตร 30 บาท แต่ถ้าเข้าไปชมด้านบนก็จะเสียเพิ่มอีก 30 บาท ใครมีกล้องต้องเอาไปลงทะเบียนก่อน

หางนกยูงต้นใหญ่ด้านหน้าทางเข้าอายุคงเก่าแก่มาก แผ่กิ่งก้านสาขาและกำลังออกดอกสีส้มสวยงามเต็มต้น ต้นไม้ที่ปลูกในเขตพระราชวังมฤคทายวันเป็นต้นไม้ใหญ่ ลองสังเกตุตอนเดินผ่านถนนคอนกรีตด้านนอก มันคงอึดอัดด้วยความที่อายุเยอะขึ้นการขยายลำต้นและรากก็เจริญเติบโตไปตามอายุ จนทะลุพื้นถนนด้านข้างออกมา





พอคนอื่นเค้าเดินเข้ากันไปกันหมดเลยถือโอกาสช่วงที่โล่ง ๆ แบบนี้ ถ่ายป้ายได้แบบไม่มีใครบัง กฎของการเข้าชมคือตามที่รู้กันโดยทั่วไป คือ แต่งกายสุภาพ เรียบร้อย ใครใส่สั้นมาก็ต้องติดต่อขอเช่าผ้าถุงในการเข้าชม เดินไปตามทางที่จัดไว้ให้เดินผ่านห้องนิทรรศการภาพถ่ายประวัติศาสตร์ แล้วก็ผ่านดงต้นไม้ร่มรื่นตลอดแนว มีม้านั่งให้นั่งพักร้อนเป็นระยะ ๆ





เข้ามาถึงด้านในแล้ว ตัวอาคารไม้สีฟ้ายังต้องมนต์เสน่ห์เหมือนเดิม "พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน" ยังสวยงามไม่แปรเปลี่ยน มีแต่ความเก่าแก่ที่มากขึ้นตามกาลเวลา การทนุบำรุงซ่อมแซมมีอยู่เรื่อย ๆ ครั้งนี้ก็เช่นกัน บริเวณไฮไลท์ศาลาลงสู่ทะเลปิดซ่อมเสียดายจัง ผ่านมาจนถึงปัจจุบันถ้านับจากปีที่สร้างเสร็จ พ.ศ 2466 ตอนนี้ก็ประมาณ 90 ปี แล้วสินะ





ต้นไม้ใหญ่ภายในมฤคทายวันแผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงาพักร้อน เราเดินชมบริเวณรอบ ๆ คนที่เข้ามาเยี่ยมชมบางคนก็ไม่ได้ปฏิบัติตามกฎกติกา เข้าไปเหยียบย่ำสนามหญ้าเพื่อถ่ายรูปโดยไม่ดูป้ายที่เค้าปักว่าห้ามเข้าไว้ หรือป้ายอาจจะเล็กไปทำให้เค้าไม่เห็นแต่จริง ๆ ก็น่าจะระวังเข้ามาสถานที่แบบนี้  ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องตะโกนบอกอยู่หลายครั้ง ...  'ขอโทษนะคะเข้าไปไม่ได้นะคร๊า'





เดินไปเดินมาไม่รู้จะถ่ายมุมไหนดี ได้เวลาเข้าชมด้านในตัวอาคารของพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน มีการกำหนดเวลาให้ชมเป็นรอบ ๆ เราได้รับถุงใส่รองเท้าแล้วก็ถือไปด้วย มีขายของที่ระลึกเพื่อเป็นรายได้สำหรับซ่อมบำรุงสถานที่ พอได้เวลาก็ขึ้นไปชมด้านบน มีทางเชื่อมถึงกันตลอดดูเรียบง่าย โล่ง โปร่ง  แม้แต่ลวดลายฉลุก็มีช่องระบายอากาศทำให้การเดินชมไม่ร้อนเลย ไม่ได้ถ่ายภาพด้านบนเพราะเป็นข้อห้ามไม่ให้ถ่าย  เลยได้แต่สัมผัสภาพประวัติศาสตร์ด้วยตากับวัตถุสิ่งของเครื่องใช้ในอดีต





หลังจากชมลงมาด้านล่างเอาถุงรองเท้าคืน แล้วก็ออกมาเดินรับลมริมหาดหน้าพระราชนิเวศน์ บริเวณหน้าหาดปลูกต้นลีลาวดีเป็นแนว มีม้านั่งให้เราได้นั่งพักพิง แต่ขณะนั้นแสงแดดแรงกล้ามิสามารถสู้ได้ มีเด็กนักเรียนมาเป็นกลุ่มคงเป็นการทัศนศึกษา ตามประสาเด็ก เสียงจ๊อกแจ๊ก ซักพักครูก็ต้อนให้กลับ





เตรียมตัวจะเดินทางต่อกันแล้ว เอาบัตรลงทะเบียนกล้องไปคืน เจ้าหน้าที่เค้าแนะนำให้เราไปเดินชมชายหาดอีกด้าน เลยเป็นโอกาสดี  เพราะเราก็ไม่รู้ว่าภายในเขตมฤคทายวันมีส่วนนี้ด้วย เดินผ่านพระราชานุสาวรีย์ ร.6 จะเห็นแนวของต้นชวนชมสวยงาม ดูกระถางคุ้น ๆ มิใช่อื่นใดเราเคยเห็นตอนงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพพระพี่นาง ฯ เป็นเช่นนั้น  เผอิญพอจำได้ตอนเจ้าหน้าที่เค้าอธิบายให้ฟัง





ลองดูอีกมุมทอดสายตาตามแนวกระถางต้นชวนชม เลยไปอีกหน่อยจะเห็นด้านขวาเป็น "บ้านเจ้าพระยารามราฆพ" ซึ่งเป็นอาคารบ้านพักของข้าราชการสำนักฝ่ายหน้าที่ตามเสด็จ ซึ่งเหลือเพียงหลังเดียว





แนวต้นสน ต้นไม้ ต้นมะพร้าว ริมหาด ซึ่งกำลังมีการปรับภูมิทัศน์ ถ้าเสร็จคงจะสวยสมบูรณ์กว่านี้ บริเวณนี้เงียบสงบ อาจจะมีคนไม่รู้้เหมือนเราหรือไม่ก็คงขี้เกียจเดินต่อ (คาดเดาเอง)





พอไปถึง "บ้านเจ้าพระยารามราฆพ" ก็นั่งพักรับลมเย็นก่อนเลย เนื่องจากเป็นช่วงกลางวันแดดร้อนมาก เข้าไปนั่งใต้อาคารซึ่งยกพื้นสูงด้วยเสาคอนกรีต ไม่สามารถขึ้นไปชมข้างบนได้ อาจเป็นเพราะอยู่ในช่วงซ่อมแซม ตรงบันไดทางขึ้นดูจะผุ ๆ อยู่  สำหรับบรรยากาศชอบมาก ลมพัดเย็นสบาย โล่ง โปร่ง มองเห็นวิวทะเลได้ใกล้ชิด ด้านล่างของตัวอาคารจะมีท่อใหญ่ต่อลงมายังตุ่มรองรับน้ำตามเสาสมัยก่อนคงเอาไว้รองน้ำฝนไว้ใช้เห็นมีหลายตุ่มเลย  และก็มีโต๊ะ ม้านั่ง ให้นั่งพักสบาย ๆ น่านอนดี





เจ้าหน้าที่เล่าให้ฟังว่าอาคารหลังนี้เป็นของสมุหราชองครักษ์ของสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ลักษณะอาคารเป็นคอนกรีตผสมไม้ ด้านหน้าหันหน้าเข้าหาทะเล ลานกว้างปกคลุมไปด้วยหญ้าเขียว ๆ มีต้นไม้ใหญ่ต้นนึงอยู่ด้านขวาดูเด่นเป็นสง่ามิใช่น้อย





รูปทรงคลาสสิคดี บันไดขึ้นลงโค้งเข้าหากัน ระเบียงชมวิวชั้นบน เหมาะกับเป็นที่พักตากอากาศจริง ๆ ตัวอาคารลักษณะเป็นอิฐบล็อกที่ดูเปลือย ๆ ไม่ได้ฉาบ หน้าต่างไม้สีฟ้า และโครงสร้างบางส่วนด้านบนก็เป็นไม้เช่นกัน สีสันตัดกับหลังคาสีแดง





ประตูเปิดออกสู่ท้องทะเล ชอบมุมนี้ ซึ่งมองจากชั้นล่างใต้ถุนอาคาร ไม่มีอะไรบดบังผืนฟ้ากับทะเล มันช่างแสนสบาย ไม่ต้องใช้พัดลม ไม่ต้องเปิดแอร์ แต่เป็นการรับลมจากธรรมชาติที่แสนวิเศษ ทำให้รู้สึกทึ่งกับภูมิปัญญาของคนสมัยก่อน





ฝั่งด้านขวา ซึ่งมีต้นสนที่กำลังเติบโต เรียงรายไปตามแนวชายหาดด้านนี้ สูดลมหายใจรับธรรมชาติที่สวยงามและเงียบสงบแห่งนี้ ได้ยินว่าถ้าเราเดินไปต่อจากอาคารหลังนี้ ยังมีเส้นทางชมธรรมชาติซึ่งเป็นป่าชายเลน เสียดายไม่ได้ไปชม เพราะแผนการเดินทางต้องไปปราณบุรีต่อ





ไปถึงปราณบุรีเอาบ่ายแก่ ๆ เมฆเยอะ ที่เดิมเคยมาครั้งที่แล้วพักปราณบุรีซีฮิลล์ คราวนี้ลองเปลี่ยนที่บ้าง เราตรงไปยังชายหาดปราณที่มีเรือประมงจอดเรียงราย เป็นช่วงน้ำลงเดินลงไปด้านล่างเรือประมงบางลำจอดอยู่ใกล้หน่อยพอน้ำลงก็เลยเกยอยู่ริมหาดแบบนี้





เข้าไปใกล้อีกนิดจะเห็นวิถีชีวิตชาวประมงกำลังง่วนกับการสาวอวน ถ่ายรูปอินกับบรรยากาศพอสมควร ลองเลียบชายหาดหาที่พักดู กลับมาทางเขากะโหลกและก็เลยมาจนถึงช่วงที่มีรีสอร์ทหลากหลายที่อยู่ติดริมหาดเลยก็มี ที่อยู่ใกล้ ๆ ริมหาดห่างกันแค่เดินข้ามถนนก็มี ปราณบุรีไม่พลุกพล่านเท่าหัวหิน ชะอำ คนไม่ค่อยเยอะ ดูเงียบซะด้วยซ้ำ อาจเป็นเพราะช่วงโลว์ซีซั่นด้วย สามารถหาที่พักแบบ walk in ได้ลองเดินไปสอบถามราคาและขอส่วนลดได้บ้าง จะเห็นได้จากด้านหน้าหลาย ๆ รีสอร์ทติดป้ายไว้ว่าห้องพักว่าง





หลังจากนั้นเราก็หาอาหารการกิน โดยเลือกที่ "ยกซดซีฟู๊ด" ร้านแนะนำ ไปทางถ้ำพระยานคร เจอป้ายบอกทางค่อยเย็นใจว่าเราไม่หลง อยู่ติดถนน กำลังขยายร้านก่อสร้างเพิ่มเติมดูกิจการจะดีไม่น้อย เกือบบ่ายสามแล้วคนยังเยอะอยู่เลย รถจอดกันเต็ม คิดว่าเรามาถูกทางรสชาติคงจะอร่อย สำหรับบรรยากาศรอบ ๆ นอกจากจะมีทิวเขาแล้ว รอบ ๆ ยังมีลักษณะเป็นป่าชายเลนด้วย ระหว่างรออาหารชมวิวไปด้วย





ได้ยินเสียงบุ๋ง ๆ เดินไปดู เป็นเจ้าปลาตีนนี่เอง นอกจากจะได้ลิ้มรสอาหารทะเลอร่อย ๆ แล้ว  ยังได้นั่งเพลิน ๆ กับธรรมชาติรอบ ๆ ด้วย





สอบถามเด็กเสิร์ฟว่าอาหารแนะนำของทางร้านมีอะไรบ้าง ... ปลาหมึกผัดกะปิ กุ้งอบเนย หอยนางรมทรงเครื่อง เป็นต้น เราก็เอาตามอาหารแนะนำละกัน เลือก ปลาหมึกผัดกะปิ กุ้งอบเนย และก็ปูม้านึ่ง





อาหารทะเลสด ๆ กุ้งหวานหอม น้ำจิ้มจี๊ดจ๊าด สมคำร่ำลือ ส่วนเมนูปูม้านึ่งเป็นเมนูสุดท้ายสั่งจานเล็กมาได้มา 4 ตัว  มือไม่พร้อมในการถ่ายแล้ว อิ่มแปล้เริ่มเคลื่อนย้ายร่างกายลำบาก ล้างมือนั่งย่อยกันอีกซักพัก





เดินทางกับไปหาดปราณหาที่พักกันต่อ ผ่านดงต้นตาล พระอาทิตย์ตกด้านนี้ ได้แสงอุ่น ๆ ยามเย็น





สุดท้ายเราก็ได้ที่พักมองเห็นชายหาดและทะเล  "ปราณบุรีน้อย" เพียงแต่มีถนนมากั้น สามารถเดินไปยังหาดไม่ไกล ที่สำคัญมีสระน้ำด้วย คราวนี้ไม่พลาดเตรียมชุดมาเรียบร้อย ห้องพักมีทั้งแบบเตียงเดี่ยวและเตียงคู่ เราเลือกห้องที่มีจากุ๊ดชี่ ขอสบาย ๆ ซักวัน ลักษณะห้องพักโล่งโปร่งเปิดม่านมองผ่านกระจกได้โดยรอบ แต่เราก็ไม่ค่อยได้เปิดเท่าไหร่ มีโต๊ะเก้าอี้สำหรับนั่งชิล ๆ หน้าห้องพัก เย็นวันนั้นได้ลงสระออกกำลังกายแหวกว่ายในสระน้ำเป็นชั่วโมงสดชื่นดี   แต่พอมีคนมาลงต่อนี่สิ โอ้โหดีนะเราลงไปก่อนคือเค้าลงกันทั้งชุดลำลองเลยทั้งครอบครัว ข้อดีของที่นี่อาจจะให้ความเป็นกันเองกับแขกเกินไปหรือเปล่าไม่รู้หรือแขกที่ขาดสำนึกไม่สนใจคนอื่น  มีกฎระเบียบก่อนลงสระแต่ก็ไม่ปฏิบัติตาม

ลักษณะเป็นรีสอร์ทแบบครอบครัว ให้ความเป็นกันเองกับลูกค้าดี สนใจและบริการถือว่าโอเค





ตอนแรกขอดูตัวห้องพักก่อน ได้มาตรฐานเหมือนรีสอร์ทอื่น ๆ ห้องพักสะอาดดี เลือกห้องพักที่หลบสายตาและเสียงนิดนึงเผอิญรีสอร์ทสร้าง ๆ กำลังมีการต่อเติม





ด้านข้างเปิดกระจกออกไปเป็นจากุ๊ดชี่ open air เลย ด้านบนเปิดรับแสงและมองเห็นท้องฟ้าต้นไม้ สบายตัวดี แล้วก็ออกไปว่ายน้ำในสระต่อ





ขับรถเรื่อย ๆ เลียบชายหาดจนถึงบริเวณจุดชมวิวที่น่าจะเป็นที่จัดงานด้วย แต่ก็ไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่เลยกลับมาที่รีสอร์ท ... แล้วก็ออกไปเดินเล่นรับลมทะเลยามเย็นก่อนที่จะมืดค่ำ





สอบถามพี่ผู้ชายที่ต้อนรับเราตั้งแต่แรกว่าชายหาดนี้มองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าหรือเปล่า พี่เค้าบอกว่าเห็น พระอาทิตย์ช่วงนี้จะขึ้นประมาณตีห้าครึ่ง โอเครู้ข้อมูลแล้วว่าพรุ่งนี้เราควรจะต้องตื่นกี่โมง สำหรับค่ำ ๆ ครัวของรีสอร์ตปิดแล้ว เลยไปหาอะไรทานใกล้ ๆ แล้วกัน มีกิจกรรมของผู้คนที่มาเยือนชายหาดปราณบุรีช่วงเวลาเดียวกัน  เค้าจัดงานสังสรรค์ริมหาดกันครึกครื้น

เช้าวันรุ่งขึ้นตามนัดหมายเราจะตื่นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกัน มีคนไปก่อนเราอีกนะ ชายหาดเงียบสงบ มีเพียงเสียงคลื่นกระทบฝั่งเบา ๆ เรือประมงกำลังเคลื่อนตัว รอเวลาจนผ่านไปแสงเริ่มมาแต่มีเค้าลางว่าพระอาทิตย์จะถูกบดบังซะแล้วสิ เมฆเยอะเหลือเกิน เดินเลาะไปเรื่อย ๆ สัมผัสหาดทรายเจอเจ้าแมงกระพรุนที่ตายแล้วเกยหาดอยู่ตัวนึง





อากาศดี ๆ กับบรรยากาศดี ๆ แบบนี้ ได้มาพักผ่อนซักวันสองวัน  ถือเป็นการชาร์ตแบตที่ดีเหมือนกัน เก็บพลังไว้สู้กันต่อ





แสงอาทิตย์กระทบท้องทะเลและผืนทราย





มองดูชีวิตผู้คนยามเช้า





แสงยามเช้า่ค่อย ๆ เจิดจรัส โผล่พ้นขอบเมฆ





สมอเรือถูกทอดเอาไว้ริมฝั่ง





พอเริ่มสายหน่อย เตรียมตัวกลับ มีข้าวต้มทะเลของรีสอร์ทรอเราอยู่ อร่อยดี เสร็จจากทานอาหารเตรียมตัวตะลอนต่อ เก็บบรรยากาศระหว่างทาง





ช่วงสาย ๆ ฟ้าเริ่มเข้ม แวะลงบริเวณดงตาลข้างทาง ถ่ายรูปเก็บเป็นที่ระลึกกันเล็กน้อย





มาถึงเขากะโหลก หรือที่เรียกว่า "วนอุทยานท้าวโกษา" เป็นหาดที่ทรายละเอียดดี แหล่งท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของปราณบุรี ด้านหน้าก่อนจะลงไปชายหาดมีร้านขายข้าวเหนียวส้มตำหลายร้าน มีห้องน้ำเตรียมพร้อมสำหรับนักท่องเที่ยว บริเวณเขากะโหลกเข้าไปใกล้ ๆ จะเห็นช่องโบ๋เค้าว่าเหมือนเป็นเบ้าตา ถ้ามองจากทะเลเข้ามาจะเห็นเขาลูกนี้เหมือนกะโหลกก็เลยเรียกเขากะโหลก รู้สึกว่าจะเดินขึ้นไปได้ด้วย แต่ดูท่าแล้วจะไม่ไหว





บริเวณชายหาดมีบริการเครื่องเล่นทางน้ำ เช่น บานาน่าโบ๊ต เรือแคนู จัดไว้สำหรับนักท่องเที่ยวด้วย





ใครไปใครมาก็อดไม่ได้ที่จะถ่ายรูปเก็บไว้





แวะต่อกันที่วัด "วัดสุมนาวาส" ซึ่งอยู่บริเวณเขากะโหลก เป็นวัดที่สวยงาม ดอกคูนกำลังออกดอกสวยเลยจัดมาเป็นโฟร์กราวน์ซะหน่อย





เหมือนจะเพิ่งสร้างเสร็จใหม่ เป็นอีกวัดหนึ่งที่สวยงามมาก จำได้ว่าคราวที่แล้วมาไม่เห็น





แวะหาดปราณอีก เปลี่ยนวัน เปลี่ยนเวลา ความรู้สึกและภาพที่ได้ก็เปลี่ยนไปเช่นกัน





เมฆก้อนนี้ยาวยิ่งนักพาดผ่านตัดกับท้องฟ้าที่วันนี้ฟ้าเข้มสวยดี





สิ่งมีชีวิตหนึ่งกำลังเดินผ่านมาพอดี เล็งมาแตไกล แปลกดีมาปราณบุรีทีไรเจอแต่หมาดำ





เมฆ ท้องฟ้า ทิวเขา สะท้อนน้ำ กับริ้วคลื่นกระทบทราย





มุมขวาล่างน่าจะเป็นดอกไม้ทะเลที่เจอหลังจากเดินลุยน้ำทะเลใส ๆ





เรือประมงบางลำก็จอดอยู่บางลำก็ถูกใช้ไปทำงานกลางท้องทะเล





ลำนี้ถูกทอดสมอไว้กับฝั่ง





ปูน้อยอาศัยหอยเป็นที่กำบัง





เราเดินทางกันต่อ ขับรถกันไปเรื่อย ๆ ผ่านทิวเขาสวย ๆ ฟ้าแจ่มใส เจอป้าย "หาดสามพระยา" คนข้าง ๆ ถามว่าแวะมั๊ย มีหรือจะไม่แวะ ยังเหลือเวลา ยังไม่เคยไปด้วยเลยต้องลองไปดูไปชมพอเป็นประสบการณ์นิดนึง





ลงจากรถบริเวณหาดสามพระยา เจอนกสีขาวกำลังออกหากินหลายตัวเลย แต่พอเข้าไปใกล้ ๆ มันก็บินหนีซะหมด





"หาดสามพระยา" เป็นหาดทรายขนาดเล็ก สวยงาม เงียบสงบ โอบล้อมไปด้วยแหลม ทิวมะพร้าว และทิวสน ร่มรื่นมีชีวิตชีวา สายลมพัดอ่อนเหมาะแก่การพักผ่อนของผู้รักความสงบและธรรมชาติ มีสถานที่กางเต้นท์  ห้องอาหาร  และตั้งแคมป์

สาเหตุที่ชื่อหาดสามพระยาเพราะว่ากษัตริย์ 3 พระองค์ เคยเสด็จ คือ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเอกาทศรถ และสมเด็จพระเจ้าเสือ





ชายหาดเรียบ ๆ เงียบมาก เนื่องจากผู้คนน้อย พื้นที่เป็นของอุทยานค่อนข้างจะสะอาดได้รับการดูแลเป็นอย่างดี เป็นข้อดีสำหรับการมาเที่ยวหรือพักแรมในเขตอุทยาน





มีเรือประมงอยู่ 1 ลำ มาเป็นแบบให้





ศาลานั่งพักร้อน ถูกจัดวางไว้ให้นักท่องเที่ยวได้พักผ่อน





ขากลับเกิดอาการอ้อมนิด ๆ แต่ก็ได้บรรยากาศสวย ๆ  จากเขตอุทยานสามร้อยยอด มาทางเส้นไปกุยบุรี ผ่านทิวเขา ต้นไม้ นายฮ้อยกำลังพาฝูงวัวไปกินหญ้า ธรรมชาติระหว่างทางที่สวยงาม  เก็บภาพแห่งความทรงจำระหว่างทางผ่านภาพถ่ายเอาไว้ เผื่อคิดถึงจะได้หยิบเอามาดู ^^






Smiley  ทริปนี้เป็นทริปเที่ยวทะเลอย่างเดียวเลย นอกจากหาดปราณ หาดสามพระยา เราก็เข้าไปหาดสามร้อยยอด แต่ไม่ได้แวะแค่ผ่านเฉย ๆ หลาย ๆ รีสอร์ท ค่อนข้างเงียบ คงได้รับความนิยมไม่เท่าแถบหัวหิน ชะอำ จริง ๆ ขับรถเลยมาถึงปราณบุรีก็อีกไม่ไกลเท่าไหร่ ใครต้องการมาพักผ่อนหาที่เงียบ ๆ ปราณบุรี ถือเป็นทางเลือกอีกที่หนึ่งที่น่าสนใจ





 

Create Date : 15 มิถุนายน 2556
0 comments
Last Update : 15 มิถุนายน 2556 21:29:05 น.
Counter : 6040 Pageviews.


Sun Tzu
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




" แสงอุ่นอุ่นอ่อนละมุนยามชิดใกล้
ฟ้าใสใสหลังฝนซาสุริยาส่อง
ค่อยค่อยผ่านปุยเมฆตามครรลอง
ที่หมายมองมองหมาย ณ ปลายทาง "
Friends' blogs
[Add Sun Tzu's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.