พอคนอื่นเค้าเดินเข้ากันไปกันหมดเลยถือโอกาสช่วงที่โล่ง ๆ แบบนี้ ถ่ายป้ายได้แบบไม่มีใครบัง กฎของการเข้าชมคือตามที่รู้กันโดยทั่วไป คือ แต่งกายสุภาพ เรียบร้อย ใครใส่สั้นมาก็ต้องติดต่อขอเช่าผ้าถุงในการเข้าชม เดินไปตามทางที่จัดไว้ให้เดินผ่านห้องนิทรรศการภาพถ่ายประวัติศาสตร์ แล้วก็ผ่านดงต้นไม้ร่มรื่นตลอดแนว มีม้านั่งให้นั่งพักร้อนเป็นระยะ ๆ
เข้ามาถึงด้านในแล้ว ตัวอาคารไม้สีฟ้ายังต้องมนต์เสน่ห์เหมือนเดิม "พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน" ยังสวยงามไม่แปรเปลี่ยน มีแต่ความเก่าแก่ที่มากขึ้นตามกาลเวลา การทนุบำรุงซ่อมแซมมีอยู่เรื่อย ๆ ครั้งนี้ก็เช่นกัน บริเวณไฮไลท์ศาลาลงสู่ทะเลปิดซ่อมเสียดายจัง ผ่านมาจนถึงปัจจุบันถ้านับจากปีที่สร้างเสร็จ พ.ศ 2466 ตอนนี้ก็ประมาณ 90 ปี แล้วสินะ
ต้นไม้ใหญ่ภายในมฤคทายวันแผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงาพักร้อน เราเดินชมบริเวณรอบ ๆ คนที่เข้ามาเยี่ยมชมบางคนก็ไม่ได้ปฏิบัติตามกฎกติกา เข้าไปเหยียบย่ำสนามหญ้าเพื่อถ่ายรูปโดยไม่ดูป้ายที่เค้าปักว่าห้ามเข้าไว้ หรือป้ายอาจจะเล็กไปทำให้เค้าไม่เห็นแต่จริง ๆ ก็น่าจะระวังเข้ามาสถานที่แบบนี้ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องตะโกนบอกอยู่หลายครั้ง ... 'ขอโทษนะคะเข้าไปไม่ได้นะคร๊า'
เดินไปเดินมาไม่รู้จะถ่ายมุมไหนดี ได้เวลาเข้าชมด้านในตัวอาคารของพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน มีการกำหนดเวลาให้ชมเป็นรอบ ๆ เราได้รับถุงใส่รองเท้าแล้วก็ถือไปด้วย มีขายของที่ระลึกเพื่อเป็นรายได้สำหรับซ่อมบำรุงสถานที่ พอได้เวลาก็ขึ้นไปชมด้านบน มีทางเชื่อมถึงกันตลอดดูเรียบง่าย โล่ง โปร่ง แม้แต่ลวดลายฉลุก็มีช่องระบายอากาศทำให้การเดินชมไม่ร้อนเลย ไม่ได้ถ่ายภาพด้านบนเพราะเป็นข้อห้ามไม่ให้ถ่าย เลยได้แต่สัมผัสภาพประวัติศาสตร์ด้วยตากับวัตถุสิ่งของเครื่องใช้ในอดีต
หลังจากชมลงมาด้านล่างเอาถุงรองเท้าคืน แล้วก็ออกมาเดินรับลมริมหาดหน้าพระราชนิเวศน์ บริเวณหน้าหาดปลูกต้นลีลาวดีเป็นแนว มีม้านั่งให้เราได้นั่งพักพิง แต่ขณะนั้นแสงแดดแรงกล้ามิสามารถสู้ได้ มีเด็กนักเรียนมาเป็นกลุ่มคงเป็นการทัศนศึกษา ตามประสาเด็ก เสียงจ๊อกแจ๊ก ซักพักครูก็ต้อนให้กลับ
เตรียมตัวจะเดินทางต่อกันแล้ว เอาบัตรลงทะเบียนกล้องไปคืน เจ้าหน้าที่เค้าแนะนำให้เราไปเดินชมชายหาดอีกด้าน เลยเป็นโอกาสดี เพราะเราก็ไม่รู้ว่าภายในเขตมฤคทายวันมีส่วนนี้ด้วย เดินผ่านพระราชานุสาวรีย์ ร.6 จะเห็นแนวของต้นชวนชมสวยงาม ดูกระถางคุ้น ๆ มิใช่อื่นใดเราเคยเห็นตอนงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพพระพี่นาง ฯ เป็นเช่นนั้น เผอิญพอจำได้ตอนเจ้าหน้าที่เค้าอธิบายให้ฟัง
ลองดูอีกมุมทอดสายตาตามแนวกระถางต้นชวนชม เลยไปอีกหน่อยจะเห็นด้านขวาเป็น "บ้านเจ้าพระยารามราฆพ" ซึ่งเป็นอาคารบ้านพักของข้าราชการสำนักฝ่ายหน้าที่ตามเสด็จ ซึ่งเหลือเพียงหลังเดียว
แนวต้นสน ต้นไม้ ต้นมะพร้าว ริมหาด ซึ่งกำลังมีการปรับภูมิทัศน์ ถ้าเสร็จคงจะสวยสมบูรณ์กว่านี้ บริเวณนี้เงียบสงบ อาจจะมีคนไม่รู้้เหมือนเราหรือไม่ก็คงขี้เกียจเดินต่อ (คาดเดาเอง)
พอไปถึง "บ้านเจ้าพระยารามราฆพ" ก็นั่งพักรับลมเย็นก่อนเลย เนื่องจากเป็นช่วงกลางวันแดดร้อนมาก เข้าไปนั่งใต้อาคารซึ่งยกพื้นสูงด้วยเสาคอนกรีต ไม่สามารถขึ้นไปชมข้างบนได้ อาจเป็นเพราะอยู่ในช่วงซ่อมแซม ตรงบันไดทางขึ้นดูจะผุ ๆ อยู่ สำหรับบรรยากาศชอบมาก ลมพัดเย็นสบาย โล่ง โปร่ง มองเห็นวิวทะเลได้ใกล้ชิด ด้านล่างของตัวอาคารจะมีท่อใหญ่ต่อลงมายังตุ่มรองรับน้ำตามเสาสมัยก่อนคงเอาไว้รองน้ำฝนไว้ใช้เห็นมีหลายตุ่มเลย และก็มีโต๊ะ ม้านั่ง ให้นั่งพักสบาย ๆ น่านอนดี
เจ้าหน้าที่เล่าให้ฟังว่าอาคารหลังนี้เป็นของสมุหราชองครักษ์ของสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ลักษณะอาคารเป็นคอนกรีตผสมไม้ ด้านหน้าหันหน้าเข้าหาทะเล ลานกว้างปกคลุมไปด้วยหญ้าเขียว ๆ มีต้นไม้ใหญ่ต้นนึงอยู่ด้านขวาดูเด่นเป็นสง่ามิใช่น้อย
รูปทรงคลาสสิคดี บันไดขึ้นลงโค้งเข้าหากัน ระเบียงชมวิวชั้นบน เหมาะกับเป็นที่พักตากอากาศจริง ๆ ตัวอาคารลักษณะเป็นอิฐบล็อกที่ดูเปลือย ๆ ไม่ได้ฉาบ หน้าต่างไม้สีฟ้า และโครงสร้างบางส่วนด้านบนก็เป็นไม้เช่นกัน สีสันตัดกับหลังคาสีแดง
ประตูเปิดออกสู่ท้องทะเล ชอบมุมนี้ ซึ่งมองจากชั้นล่างใต้ถุนอาคาร ไม่มีอะไรบดบังผืนฟ้ากับทะเล มันช่างแสนสบาย ไม่ต้องใช้พัดลม ไม่ต้องเปิดแอร์ แต่เป็นการรับลมจากธรรมชาติที่แสนวิเศษ ทำให้รู้สึกทึ่งกับภูมิปัญญาของคนสมัยก่อน
ฝั่งด้านขวา ซึ่งมีต้นสนที่กำลังเติบโต เรียงรายไปตามแนวชายหาดด้านนี้ สูดลมหายใจรับธรรมชาติที่สวยงามและเงียบสงบแห่งนี้ ได้ยินว่าถ้าเราเดินไปต่อจากอาคารหลังนี้ ยังมีเส้นทางชมธรรมชาติซึ่งเป็นป่าชายเลน เสียดายไม่ได้ไปชม เพราะแผนการเดินทางต้องไปปราณบุรีต่อ
ไปถึงปราณบุรีเอาบ่ายแก่ ๆ เมฆเยอะ ที่เดิมเคยมาครั้งที่แล้วพักปราณบุรีซีฮิลล์ คราวนี้ลองเปลี่ยนที่บ้าง เราตรงไปยังชายหาดปราณที่มีเรือประมงจอดเรียงราย เป็นช่วงน้ำลงเดินลงไปด้านล่างเรือประมงบางลำจอดอยู่ใกล้หน่อยพอน้ำลงก็เลยเกยอยู่ริมหาดแบบนี้
เข้าไปใกล้อีกนิดจะเห็นวิถีชีวิตชาวประมงกำลังง่วนกับการสาวอวน ถ่ายรูปอินกับบรรยากาศพอสมควร ลองเลียบชายหาดหาที่พักดู กลับมาทางเขากะโหลกและก็เลยมาจนถึงช่วงที่มีรีสอร์ทหลากหลายที่อยู่ติดริมหาดเลยก็มี ที่อยู่ใกล้ ๆ ริมหาดห่างกันแค่เดินข้ามถนนก็มี ปราณบุรีไม่พลุกพล่านเท่าหัวหิน ชะอำ คนไม่ค่อยเยอะ ดูเงียบซะด้วยซ้ำ อาจเป็นเพราะช่วงโลว์ซีซั่นด้วย สามารถหาที่พักแบบ walk in ได้ลองเดินไปสอบถามราคาและขอส่วนลดได้บ้าง จะเห็นได้จากด้านหน้าหลาย ๆ รีสอร์ทติดป้ายไว้ว่าห้องพักว่าง
หลังจากนั้นเราก็หาอาหารการกิน โดยเลือกที่ "ยกซดซีฟู๊ด" ร้านแนะนำ ไปทางถ้ำพระยานคร เจอป้ายบอกทางค่อยเย็นใจว่าเราไม่หลง อยู่ติดถนน กำลังขยายร้านก่อสร้างเพิ่มเติมดูกิจการจะดีไม่น้อย เกือบบ่ายสามแล้วคนยังเยอะอยู่เลย รถจอดกันเต็ม คิดว่าเรามาถูกทางรสชาติคงจะอร่อย สำหรับบรรยากาศรอบ ๆ นอกจากจะมีทิวเขาแล้ว รอบ ๆ ยังมีลักษณะเป็นป่าชายเลนด้วย ระหว่างรออาหารชมวิวไปด้วย
ได้ยินเสียงบุ๋ง ๆ เดินไปดู เป็นเจ้าปลาตีนนี่เอง นอกจากจะได้ลิ้มรสอาหารทะเลอร่อย ๆ แล้ว ยังได้นั่งเพลิน ๆ กับธรรมชาติรอบ ๆ ด้วย
สอบถามเด็กเสิร์ฟว่าอาหารแนะนำของทางร้านมีอะไรบ้าง ... ปลาหมึกผัดกะปิ กุ้งอบเนย หอยนางรมทรงเครื่อง เป็นต้น เราก็เอาตามอาหารแนะนำละกัน เลือก ปลาหมึกผัดกะปิ กุ้งอบเนย และก็ปูม้านึ่ง
อาหารทะเลสด ๆ กุ้งหวานหอม น้ำจิ้มจี๊ดจ๊าด สมคำร่ำลือ ส่วนเมนูปูม้านึ่งเป็นเมนูสุดท้ายสั่งจานเล็กมาได้มา 4 ตัว มือไม่พร้อมในการถ่ายแล้ว อิ่มแปล้เริ่มเคลื่อนย้ายร่างกายลำบาก ล้างมือนั่งย่อยกันอีกซักพัก
เดินทางกับไปหาดปราณหาที่พักกันต่อ ผ่านดงต้นตาล พระอาทิตย์ตกด้านนี้ ได้แสงอุ่น ๆ ยามเย็น
สุดท้ายเราก็ได้ที่พักมองเห็นชายหาดและทะเล "ปราณบุรีน้อย" เพียงแต่มีถนนมากั้น สามารถเดินไปยังหาดไม่ไกล ที่สำคัญมีสระน้ำด้วย คราวนี้ไม่พลาดเตรียมชุดมาเรียบร้อย ห้องพักมีทั้งแบบเตียงเดี่ยวและเตียงคู่ เราเลือกห้องที่มีจากุ๊ดชี่ ขอสบาย ๆ ซักวัน ลักษณะห้องพักโล่งโปร่งเปิดม่านมองผ่านกระจกได้โดยรอบ แต่เราก็ไม่ค่อยได้เปิดเท่าไหร่ มีโต๊ะเก้าอี้สำหรับนั่งชิล ๆ หน้าห้องพัก เย็นวันนั้นได้ลงสระออกกำลังกายแหวกว่ายในสระน้ำเป็นชั่วโมงสดชื่นดี แต่พอมีคนมาลงต่อนี่สิ โอ้โหดีนะเราลงไปก่อนคือเค้าลงกันทั้งชุดลำลองเลยทั้งครอบครัว ข้อดีของที่นี่อาจจะให้ความเป็นกันเองกับแขกเกินไปหรือเปล่าไม่รู้หรือแขกที่ขาดสำนึกไม่สนใจคนอื่น มีกฎระเบียบก่อนลงสระแต่ก็ไม่ปฏิบัติตาม
ลักษณะเป็นรีสอร์ทแบบครอบครัว ให้ความเป็นกันเองกับลูกค้าดี สนใจและบริการถือว่าโอเค
ตอนแรกขอดูตัวห้องพักก่อน ได้มาตรฐานเหมือนรีสอร์ทอื่น ๆ ห้องพักสะอาดดี เลือกห้องพักที่หลบสายตาและเสียงนิดนึงเผอิญรีสอร์ทสร้าง ๆ กำลังมีการต่อเติม