Bloggang.com : ซอร์บอนน์ : แต่งบ้านสวยด้วยเครื่องพิมพ์ดีดโบราณ

แต่งบ้านสวยด้วยเครื่องพิมพ์ดีดโบราณ

เครื่องพิมพ์ดีดโบราณที่จะนำเสนอนี้เป็นของรักของหวงของคุณตุ๋ย ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของผมเองครับ คุณตุ๋ยเริ่มสะสมของเก่ามาได้หลายปีแล้ว เมื่อมีโอกาสได้คุยกัน ผมก็เลยขออนุญาตนำภาพเครื่องพิมพ์ดีดโบราณต่างๆเหล่านี้มาให้ท่านที่สนใจได้ชมครับ อาจเป็นที่ถูกใจผู้ที่ชอบของเก่าโดยตรง หรือถูกใจผู้ที่ชอบการแต่งบ้านแนวคลาสสิคก็ได้ครับ นำเครื่องพิมพ์ดีดโบราณสักเครื่องไปวางในที่ๆเหมาะสม เท่านี้ก็เป็นของประดับบ้านแนวคลาสสิคได้สบายมากครับ และยังบ่งบอกถึงรสนิยมที่ดีของเจ้าของบ้านได้เป็นอย่างดี ขอเชิญชมเครื่องพิมพ์ดีดโบราณได้เลยนะครับ

------------------------------

ก่อนอื่นขอเกริ่นประวัติเครื่องพิมพ์ดีดนิดนะครับ

ในอดีตเครื่องพิมพ์ดีดสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้

1.เครื่องพิมพ์ดีดแบบมีแป้นพิมพ์ หรือ Keyboard Typerwiter ซึ่งเราคุ้นเคยกันมากที่สุด มีส่วนประกอบที่สำคัญคือ แป้นพิมพ์ที่มีตัวอักษร ตัวเลข และสัญลักษณ์เรียงเป็นแถวให้ผู้ใช้ได้เลือกพิมพ์ตามความต้องการ แป้นพิมพ์ของเครื่องพิมพ์ดีดในยุคแรกมีค่อนข้างหลากหลายตั้งแต่ 2 3 และ 4 แถวตามแต่ผู้ประดิษฐ์และผู้ผลิตจะเห็นสมควร ต่อมาเริ่มมีการวางรูปแบบที่เรียกว่า standard มาใช้ โดยกำหนดให้เครื่องพิมพ์ดีดที่สามารถใช้คำว่า standard ต่อท้ายยี่ห้อได้นั้นต้องมี 4 แถว และเชื่อหรือไม่ว่าอักษร QWERTY บนแป้นพิมพ์ดีดภาษาอังกฤษที่เราเห็นและแม้แต่คีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ที่เราใช้กันอยู่นั้น เริ่มมีมาตั้งแต่ยุคแรกๆของการผลิตเครื่องพิมพ์ดีดและได้ใช้กันต่อมาจนถึงทุกวันนี้เป็นเวลานานกว่า 130 ปีแล้ว

2.เครื่องพิมพ์ดีดประเภทเข็มชี้เลือกตัวอักษร หรือ Index Typerwiter นับเป็นเครื่องพิมพ์ดีดทางเลือกใหม่ที่ผลิตขึ้น เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าทั่วไป ไม่ใช่เฉพาะบริษัท ห้างร้านขนาดใหญ่ หรือเพื่อความสะดวกในการพกพา เนื่องจากในช่วงแรกนั้นเครื่องพิมพ์ดีดแบบมีแป้นพิมพ์นั้นมีราคาสูง น้ำหนักมากและมีนาดใหญ่ ดังนั้นเครื่องพิมพืดีดประเภทนี้จึงได้รับความนิยมจากผู้ใช้อย่างรวดเร็วและเฟื่องฟูสุดขีดในทศวรรษ1880-1890 โดยช่วงนั้นมีเครื่องพิมพ์ดีดประเภทนี้วางอยู่ในท้องตลาดมากมายหลายสิบยี่ห้อ ที่น่าสนใจและมีอยู่ในคอลเลคชั่นอย่างเช่น American Index Typewriter, Peoples, Hall, Simplex, Odell เป็นต้น

อย่างไรก็ตามหลงัจากยุคทศวรรษที่ 1900 เป็นต้นมา เครื่องพิมพ์ดีดประเภทนี้เริ่มเสื่อมความนิยม เนื่องจากเครื่องพิมพ์ดีดแบบมีแป้นพิมพ์เริ่มมีราคาถูกลง ประกอบกับประสิทธิภาพและความสะดวกในการใช้งานที่มีมากกว่า จึงทำให้เครื่องพิมพ์ดีดแบบเข็มชี้เลือกตัวอักษรหลายยี่ห้อค่อยๆปิดตัวเองลง และสูญหายไปจากท้องตลาดในช่วงทศววษที่ 1930 โดย 2 ยี่ห้อสุดท้ายที่มีการนำออกมาจำหน่ายในท้องตลาดช่วงนั้นคือยี่ห้อ Karli ที่ผลิตครั้งแรกในปี 1929 และ Carissima ในปี 1934

-----------------------------------

ขอเริ่มต้นที่เครื่องพิมพ์ดีดยี่ห้อ Mignon ก่อนละกัน เครื่องพิมพ์ดีดสัญชาติเยอรมันยี่ห้อนี้นับได้ว่ามีชื่อเสียงมากและถือว่าเป็นสุดยอดของเครื่องพิมพ์ดีดประเภท Index Typewriter หรือเครื่องพิมพ์ดีดแบบมีเข็มชี้เลือกตัวอักษร เพราะในอดีตเคยมีผู้ทำสถิติความเร็วในการพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ดีดยี่ห้อนี้ถึง 120 ตัวอีกษร/1นาที

รุ่นที่เห็นในภาพเป็น Mignon 2 หรือรุ่นที่สองนั่นเอง ผลิตออกสู่ตลาดครั้งแรกในปี 1910 เดิมทีรุ่นนี้ผลิตออกมาเป็นสีแดงแต่เนื่องจากเหตุผลบางอย่างบริษัทผู้ผลิตได้เปลี่ยนเป็นสีดำแทน จึงทำให้รุ่นดังกล่าวกลายเป็นของหายาก เพราะคาดว่ามีจำนวนเพียง 2000 เครื่องเท่านั้น

------------------------------

สำหรับเครื่องพิมพ์ดีดที่เห็นในภาพคือยี่ห้อ Activ ผลิตรั้งแรกในปี1913 ในเยอรมันนอกจากนี้ผู้ผลิตยังส่งออกไปวางจำหน่ายในอเมริกาภายใต้ในชื่อ Activeในเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษอีกด้วย

อย่างไรก็ตามยังเป็นที่สงสัยของนักสะสมว่าเครื่องพิมพ์ดีดยี่ห้อนี้ผลิตออกมาเพื่อใช้งานจริงหรือเป็นของเล่นเท่านั้นสาเหตุนั้นน่าจะมาจากการที่เครื่องพิมพ์ดีดมีขนาดเล็กและเบาและที่สำคัญมีวางขายอยู่ในร้านขายของเล่นเหมือนกับเครื่องพิมพ์ดีดบางยี่ห้อแต่พอเป็นที่สรุปได้ว่าน่าจะผลิตออกมาเพื่อใช่งานจริงในชีวิตประจำวันและเนื่องจากการใช้งานที่ค่อนข้างยุ่งยากจึงทำให้ไม่ค่อยประสบความสำเร็จในด้านยอดขายมากนักจึงทำให้เป็นเครื่องพิมพ์ดีดที่ค่อนข้างหายากอีกหนึ่งยี่ห้อ

------------------------------

เครื่องพิมพ์ดีดยี่ห้อ Williams นับว่าเป็นเครื่องพิมพ์ดีดแบบมีแป้นพิมพ์ที่มีลักษณะเฉพาะตัวสูงมาก หากดูจากหน้าตาภายนอกอาจนึกไม่ออกว่า จะสามารถพิมพ์ตัวอักษรได้อย่างไร

การทำงานนั้นหากผู้ใช้กดแป้นพิมพ์ ก้านพิมพ์ตัวอักษรซึ่งเรียงตัวอยู่บนเครื่องเป็นรูปพัด จะกระโดข้ามคานเหล็กออกมาพิมพ์หรืออาจเรียกว่า "ปั้ม" ก็ดูไม่ผิดนัก ซึ่งจากลักษณะดังกล่าวนี้เองดูคล้ายกับขาตั้กแตนเวลากระโดด จึงเป็นที่มาของชื่อระบบ Grasshopper หรือขาตั้กแตน อันเป็นเอกลักษณ์ของเครื่องพิมพ์ดีดยี่ห้อนี้

สำหรับที่เห็นในภาพนั้นเป็นรุ่นแรกที่เรียกว่า Williams 1 (Straight Keyboard)หรือรุ่นแป้นพิมพ์แบบตัดตรง ออกจำหน่ายครั้งแรกในปี 1891 โดยบริษัทในสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตามก่อนหน้านั้นในปีเดียวกันบริษัทได้นำเครื่องพิมพ์ดีดอีกหนึ่งรุ่นออกมาจำหน่ายในรูปแบบของ Williams 1 (Curved Keyboard) ซึ่งมีลักษณะต่างจากรุ่นที่เห็นในภาพคือมีแป้นพิมพ์โค้งมนรับไปกับแนวก้านพิมพ์รูปพัดตลอดแนว และมีลวดลายเขียนสีทองด้วยมือเป็นรูปดอกไม้สวยงามมาก

แต่หลังจากวางตลาดได้ไม่นาน ผู้ผลิตได้นำรุ่นแป้นพิมพ์แบบตัดตรงออกมาทำตลาดแทน โดยจำนวนการผลิตในครั้งนั้น คาดว่ามีเพียง 2000 เครื่องเท่านั้น จึงทำให้รุ่นแป้นพิมพ์แบบโค้งกลายเป็นของหายากและมีราคาสูงมากในตลาดซื้อขายปัจจุบัน อย่างไรก็ตามรุ่นแป้นพิมพ์แบบตัดตรงอย่างที่เห็นในภาพนั้น แม้จะมีจำนวนการผลิตที่มากกว่าก็ตาม แต่ยังถือว่าไม่มากนักเมื่อเทียบกับรุ่นต่อๆมา เพราะคาดว่ามีจำนวนเพียง 5000 เครื่องเท่านั้น และเครื่องในภาพเป็นเครื่องที่ผลิตเพื่อวางจำหน่ายในประเทศอินเดีย

-------------------------------

มาเริ่มต่อกันอีกยี่ห้อนะครับ

Smith Premier number 1 เป็นอีกหนึ่งเครื่องพิมพ์ดีดแบบ Full Keyboard Typewriter ที่มีชื่อเสียงและถอเป็นยักษ์ใหญ่ในประวัติศาสตร์เครื่องพิมพ์ดีด ผลิตครั้งแรกในปี 1889 โดยบริษัทในสหรัฐอเมริกา และนับเป็นเครื่องพิมพ์ดีดรุ่นแรกสุดของยี่ห้อนี้ด้วยเช่นกัน

ลักษณะพิเศษนอกเหนือไปจากเป็น Full Keyboard Typewriter แล้วเครื่องพิมพ์ดีดยี่ห้อนี้ยังเป็นเครื่องพิมพ์ดีด "ตาบอด" อีกด้วย ซึ่งหมายความว่าผู้พิมพ์ไม่สามารถเห็นข้อความที่ตนเองพิมพ์ได้ จนกว่าจะยกแคร่พิมพ์ขึ้นมาอ่านเท่านั้น ซึ่งลักษณะดังกว่านี้เป็นลักษณะเฉพาะอย่างหนึ่งของเครื่องพิมพ์ดีดในยุคแรกเริ่ม

Smith Premier number1 นับได้ว่าเป็นเครื่องพิมพ์ดีดแบบมีแป้นพิมพ์ยี่ห้อแรกๆที่มีวางจำหน่ายในตลาดและผลิตเครื่องพิมพ์ดีดออกมาอย่างต่อเนื่องถึง 10 รุ่น ก่อนถูกซื้อกิจการไปในปี 1908 นอกจากนี้ยังพบว่าเครื่องพิมพ์ดีดยี่ห้อนี้ในรุ่นต่อๆมามีการผลิตเป็นภาษาต่างๆมากถึง 13 ภาษา ซึ่งรวมทั้งภาษาไทยด้วย และโชคดีที่ยังสามารถพบเห็นได้ในพิพิธภัณท์บางแห่ง

สิ่งที่ทำให้เครื่องพิมพ์ดีดรุ่นแรกนี้มีความน่าสนใจก็คือ ลวดลายสีเงินประดับรอบตัวเครื่อง และเป็นเพียงรุ่นเดียวเท่านั้นที่การตกแต่งอย่างสวยงามเช่นนี้ เพราะหลังจากนั้นก็ไม่พบว่ามีรุ่นไหนหลังจากนั้นมีการตกแต่งมากมายเท่านี้อีกเลย

------------------------------

คราวนี้เอาเป็นเครื่องพิมพ์ดีดแบบมีแป้นพิม์ หรือ Keyboard Typewriter บ้างดีกว่านะจะได้ไม่เบื่อ

3 ภาพแรกแรกที่เห็นคือยี่ห้อ Barlock และเป็นรุ่นที่ 6 ผลิตครั้งแรกในช่วงต้นทศวรรษที่ 1890 โดยบริษัทในประเทศอังกฤษ ซึ่งซื้อกิจการต่อจากบริษัท Columbia Typewriter Company,NY.สหรัฐอเมริกา และดำเนินกิจการต่อมาจนถึงยุคปี 1950

เครื่องพิมพ์ดีดยี่ห้อนี้มีแป้นพิมพ์มากถึงเกือบ 80 แป้น ซึ่งเรียกเครื่องพิมพ์ดีดในลักษณะนี้ว่า Full Keyboard Typewriter โดยตัวอักษร ตัวเลข และสัญลักษณ์ทั้งหมดที่ปรากฎบนเครื่องพิมพ์ดีด จะมีแป้นพิมพ์เฉพาะของตัวเอง หรือไม่มีตัวอักษร ตัวเลขหรือสัญลักษณ์อื่นอยู่ร่วมกับในหนึ่งแป้นพิมพ์นั่นเอง

เครื่องพิมพ์ดีดมีลักษณะเด่นที่สุดคือหน้ากาก หรือกระบังข้างหน้าซึง่ทำมาจากทองแดงหล่อเพียงชิ้นเดียวในสไตล์บาโรค และนับว่าเป็นส่วนที่สวยงามที่สุดของเครื่องพิมพ์ดีดยี่ห้อนี้ด้วย โดยลวดลายบนหน้ากากจะแตกต่างกันออกไปในแต่ละรุ่น

สำหรับชื่อ Barlock นั้นไม่ได้ตั้งขึ้นเพื่อต้องการให้พ้องกับคำว่า Baroqueแต่อย่างใด หากมาจากส่วนประกอบที่อยู่บริเวณหมึกพิมพ์ที่คล้ายกับซี่ฟันเล็กๆ ครึ่งวงกลม ที่ทำหน้าที่"ล็อค" ก้านนพิมพ์ตัวอักษร ซึ่งในภาษาอังกฤษเรียกว่า type "bar" ทำให้ตัวอักษรที่พิมพ์ออกมานั้นตรงเป็นแนวเดียวกัน ดูสวยงามนั่นเอง

-------------------------------

มาดูต่อกันอีกยี่ห้อนะครับ

Odell 1 b นับเป็นเครื่องพิมพ์ดีดแบบมีเข็มชี้เลือกตัวอักษรที่มีรูปร่างสวยงามและมีเอกลักษณ์มากที่สุดยี่ห้อหนึ่ง และที่เห็นในภาพคือรุ่น Odell 1 b ซึ่งเป็นรุ่นแรกของยี่ห้อนี้ที่เรียกว่าเป็น mass product ที่ผลิตออกมาเพื่อจำหน่ายในเชิงพานิชย์อย่างแท้จริงในปี 1889 โดยบริษัท Odell's Typewriter Company ในมลรัฐวิสคอนซิน สหรัฐอเมริกา

จำนวนการผลิตที่แท้จริงยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่คาดว่ามีไม่มากนัก เนื่องจากมีอายุอยู่ในท้องตลาดเพียงปีเดียวเท่านั้น เพราะในปีถัดมา (1890)ทางบริษัทได้นำ Odell 2 ออกสู่ท้องตลาด โดยมีความแตกต่างที่รุ่นใหม่ ตัวเครื่องเป็นสีเงิน (คล้ายกับในภาพสุดท้าย ซึ่งเป็นรุ่นที่ 4) ทำจากเหล็กหล่อชิ้นเดียว และสามารถพิมพ์ได้ทั้งตัวพิมพ์ใหญ่และตัวพิมพ์เล็ก ขณะที่รุ่นเดิมนั้นทำจากเหล็กหล่อ ทาทับด้วยสีทอง และสามารถพิมพ์ได้เพียงตัวพิมพ์ใหญ่เท่านั้น

สำหรับเครื่องที่นำมาให้ดูนั้น มาจากมลรัฐอิลินอยส์ สหรัฐอเมริกา ซึ่งอู่ไม่ห่างจากมลรัฐวิสคอนซิน อันเป็นบ้านเกิดของเครื่องพิมพ์ดีดยี่ห้อนี้ มากเท่าใดนัก โดยเจ้าของเดิมซึ่งเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย ได้เก็บเครื่องพิมพ์ดีดเครื่องนี้ไว้มานานกว่า 30 ปี และรักษาสภาพเดิมไว้ได้อย่างครบถ้วน รวมทั้งขวดหมึก ที่เติมหมึก และกล่องไม้ซึ่งเป็นของดั้งเดิมเช่นกัน

-------------------------------

Carissima เป็นเครื่องพิมพ์ดีดแบบเข็มเลือกตัวอักษร 1 ใน 2 ยี่ห้อสุดท้ายที่ผลิตออกจำหน่ายในปี 1934 ในประเทศเยอรมัน โดยประกาศตัวเองว่าเป็น "เครื่องพิมพ์ดีดที่ใช้วัตถุดิบในเยอรมันทั้งหมด และผลิตโดยชาวเยอรมัน" ทั้งยังเป็นเครื่องพิมพ์ดีดที่เป็น "ความสำเร็จในอัจริยภาพของชาวเยอรมัน!" ทั้งยังผลิตขึ้นเพื่อทุกคนให้สามารถซื้อหามาใช้ได้อย่างแท้จริงอีกด้วย ซึ่งการอ้างในลักษณะนี้ แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกในความเป็นชาตินิยมอย่างแรงกล้าของชาวเยอรมันในยุคนั้นที่ได้อย่างชัดเจน หลังจากประเทศตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่1 และถูกกดดันจากประเทศผู้ชนะให้ชดใช้ค่าปฏิกรรมสงครามจำนวนมหาศาลและต้องเสียดินแดนไปเป็นจำนวนมาก ทำให้ชาวเยอรมันต้องการให้ประเทศของตนกลับมาเป็นมหาอำนาจอีกครั้ง และปลดแอกตนเองจากการถูกเอาเปรียบทุกทาง ซึ่งทั้งหมดนี้ได้กลายเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เยอรมันเป็นผู้เริ่มจุดชนวนสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกครั้งในปี 1939

ตัวเครื่องทำมาจาก bakelite ซึ่งเป็นพลาสติกเนื้อแข็งที่นิยมใช้กันในยุค 1930-1940สีน้ำตาลเข้ม และมีขนาดเพียง 11X5 นิ้วเท่านั้น อย่างไรก็ตามเครื่องพิมพ์ดีดยี่ห้อนี้ กลับไม่ประสบความสำเร็จด้านยอดขายมากนัก เนื่องจากขณะนั้นเป็นช่วงขาลงของเครื่องพิมพ์ดีดแบบเข็มชี้เลือกตัวอักษร ทำให้ค่อยๆหายไปจากท้องตลาดและหลังจากนั้น ก็ไม่พบว่ามีเครื่องพิมพ์ดีดชนิดนี้ออกมาสู่ท้องตลาดอีกเลย

------------------------------

Molle 3 เป็นเครืองพิมพ์ดีดที่ผลิตในปี 1918 โดยบริษัท Molle Typeriter Company ในมลรัฐวิสคอนซิล สหรัฐอเมริกา โดยมี John Molle อดีตช่างทำนาฬิกาและเครื่องประดับเป็นเชื้อสายเยอรมัน เป็นผู้ประดิษฐ์ โดยต้องการให้เป็นเครื่องพิมพ์ดีดที่ใช้งานง่ายและสามารถซ่อมได้ง่ายดายเช่นเดียวกัน คาดว่าแรงบันดาลใจในการสร้างเครื่องพิมพ์ดีดยี่ห้อนี้น่าจะมาจากการที่ลูกค้าได้ขอร้องให้จอห์นซ่อมเครื่องพิมพ์ดีดให้ ซึ่งในสมัยนั้นนับว่าเป็นเรื่องเกินความสามารถของผู้ใช้ เพราะส่วนใหญ่แม้จะสามารถใช้งานได้ดีก็ตาม แต่การซ่อมหรือเพียงแค่เปลี่ยนหมีกพิมพ์เท่านั้นกลับกลายเป็นเรื่องยากยิ่ง เพราะจำเป็นต้องอาศัยเครื่องมือเฉพาะของช่าง ทั้งเครื่องพิมพ์ดีดยังมีส่วนประกอบจำนวนมาก จึงมีเพียงช่างผู้ชำนาญงานเท่านั้นจึงสามารถถอดและประกอบได้ ดังนั้นจึงทำให้ Molle 3 เป็นเครื่องพิมพ์ดีดที่ผลิตออกมาอย่างเรียบง่าย ทั้งยังสามารถถอดและประกอบได้ ภายในเวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น และนับเป็นรุ่นแรกและเพียงรุ่นเดียวของบริษัทอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม แม้หลักการในการผลิตจะน่าสนใจและดีเยี่ยมเพียงใดก็ตาม แต่กลับไม่ช่วยให้บริษัทประสบความสำเร็จแต่อย่างใด โดยสาเหตุนั้นมาจากสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่ทำให้เกิดปัญหาทั้งการสร้างโรงงานผลิตที่แต่เดิมจะเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 1909 ทำให้ต้องเลื่อนออกไปนานถึง 6 ปีและความไม่พร้อมในการเดินสายพานการผลิต จนนำไปสู่ปัญหาทางการเงินในที่สุด กระทั่งถูกซื้อกิจการไปหลังจากที่จอห์นเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 27 เม.ย. 1921 คาดว่าตอนนั้นมีเครื่องพิมพ์ดีดรุ่นนี้อยู่ประมาณ 11000 เครื่อง แต่เหลือรอดมาจนถึงปัจจุบันราว 50-60 เครื่องเท่านั้น

------------------------------

Edelmann ผลิตครั้งแรกในปี 1897 ในประเทศเยอรมัน และมีการเปลี่ยนมือผู้ผลิตต่อมาอีกอย่างน้อยถึง 4 ครั้ง ดังนั้นสถานที่ผลิตจึงเปลี่ยนแปลงไปตามที่ตั้งของโรงงานผู้ผลิตทั้งในเบอร์ลินและแฟร็งค์เฟิร์ต

การทำงานของเครื่องพิมพ์ดีดยี่ห้อหน้าตาประหลาดนี้มีหลักการง่ายๆ เพียงเลื่อนมือจับของเข็มเลือกตัวอักษรที่อยู่ข้างหน้าเครื่อง ไปยังตัวอักษร ตัวเลข หรือเครื่องหมายที่ต้องการแล้วกดหรือ"สับ"ลงระหว่างซี่ฟัน จะทำให้หัวพิมพ์หมุนและก้มลงกดลงกับกระดาษเป็นตัวอักษรตามต้องการ นอกจากนี้ยังมีปุ่มสีดำเล็กๆยื่นออกมาด้านข้างอีก 3 ปุ่ม เพื่อทำหน้าที่เลือกตัวอักษรพิมพ์ใหญ่-เล็ก และเลื่อนแคร่พิมพ์

เครื่องพิมพ์ดีดยี่ห้อนี้ดำเนินกิจการเรื่อยมาจนถึงยุคสงครามโลกครั้งที่ 1 และระหว่างนั้นยังผลิตเครื่องพิมพ์ดีดสำหรับผู้พิการออกมาจำหน่ายด้วย ก่อนที่จะปิดตัวเองลงในช่วงเดียวกันนั้นเอง

---------------------------

พอดีผมนึกได้ว่าลืมเครื่องพิมพ์ดีดอีกหนึ่งที่เคยบอกว่าเก่าที่สุดที่ผมมี เพราะเครื่องนี้อายุตั้ง 120 ปีแล้ว และหน้าตาก็แปลกมากด้วยเรียกว่าถ้าไม่บอกก็เดาไม่ถูกหรอก มาดูกันต่ออีกนิดนะครับ

Hall เป็นเครื่องพิมพ์ดีดแบบเข็มเลือกชี้ตัวอักษรยี่ห้อแรกที่ออกสู่ท้องตลาดเมื่อปี1881 โดยมี Thomas Hall เป็นผู้ออกแบบ ภายใต้การผลิตของบริษัท HallType-Writer Co.นิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา และยังเป็นเครื่องพิมพ์ดีดแบบเข็มชี้เลือกตัวอักษรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดยี่ห้อหนึ่งอีกด้วย

สำหรับเครื่องที่เห็นในภาพนั้น เป็นรุ่นที่ 2 ที่ผลิตขึ้นครั้งแรกในปี1887 หลังย้ายโรงงานแห่งใหม่ไปยังเมือง Salem ในมลรัฐแมสซาชูเซ็ตโดยภาพรวมแล้ว รูปร่างหน้าตาของรุ่นนี้ไม่แตกต่างจากรุ่นแรกมากนักนอกจากมีกลไปบางส่นที่พัฒนาและเพิ่มเติมเข้ามามากขึ้นเล็กน้อยที่สังเกตได้ชัดที่สุดคือ รุ่นนี้มีกระดิ่งและตัวเครื่องไม่ได้เคลือบนิคเกิ้ลเหมือนรุ่นแรก นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงระบบกลไกให้ดีขึ้นอีกเล็กน้อย 2 จุด ต่อมาในปี 1890 บริษัทได้ย้ายฐานการผลิตอีกครั้งไปที่เมืองบอสตัน จึงทำให้เครื่องพิมพ์ดีดรุ่นต่างๆมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามสถานที่ตั้งโรงงาน คือ

รุ่นแรก หรือรุ่นที่ 1 เรียกว่า Hall (New York) รุ่นที่ 2 เรียกว่าHall (Salem) และ Hall (Boston) ในรุ่นที่ 3

โดยทั้งหมดนี้เป็นเครื่องพิมพ์ดีดแบบเข็มชี้เลือกตัวอักษร แบบที่ผู้พิมพ์ไม่สามารถเห็นข้อความที่พิมพ์ได้ จนกว่าจะยกแผ่นเหล็กสีดำขึ้นมา จึจะสามารถอ่านข้อความที่อยู่ข้างล่างนั้นได้ ดังนั้นจึงสามารถเรียกได้ว่า Hall เป็นเครื่องพิมพ์ดีด "ตาบอด" ได้ด้วยเช่นเดียวกับยี่ห้อ Smith Premier และยี่ห้ออื่นๆในยุคเดียวกัน เครื่องพิมพ์ดีดยี่ห้อนี้จะบรรจุอยู่ในกล่องไม้มะฮอกกานีสีน้ำตาลแดง พร้อมด้วยโลโก้รูปปากกาขนนกบนแผ่นทองเหลือง อยู่เหนือรูกุญแจกล่องตามที่เห็นในภาพ

--------------------------

ท้ายนี้หวังว่าท่านที่สนใจคงได้ความรู้และไอเดียในการนำของเก่าไปตกแต่งบ้านบ้างนะครับ ของเก่านั้นทรงคุณค่าและบอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ได้อย่างน่าสนใจทีเดียว แม้ว่าจะล่วงเลยกาลเวลามายาวนาน แต่คุณค่านั้นไม่เลือนหายไปแม้แต่น้อย

Create Date : 11 กันยายน 2550

Last Update : 11 กันยายน 2550 22:30:18 น.

35 comments

Counter : 6019 Pageviews.

หากท่านใดที่สนใจของเก่า โดยเฉพาะเครื่องพิมพ์ดีดโบราณ หรือท่านใดที่สนใจในการนำของมีค่าทางใจเหล่านี้ไปตกแต่งมุมใดมุมหนึงของบ้าน ก็สามารถฝากคำถามไว้ที่นี่ได้เลยนะครับ เดี๋ยวผมจะไปเรียนเชิญคุณตุ๋ยเข้ามาตอบคำถามนะครับ

โดย: ซอร์บอนน์ (ซอร์บอนน์

) วันที่: 11 กันยายน 2550 เวลา:22:32:31 น.

แล้วคุณตุ๋ยสะสมไว้ได้ทุกเครื่องหรือยังคะ

จะได้ไปขอชมเป็นขวัญตาบ้างค่ะ

โดย: ป้าเเอ๊ด (addsiripun

) วันที่: 11 กันยายน 2550 เวลา:23:05:22 น.

Wow!!! สวย คลาสสิก ทุกเครื่องเลยค่ะ
ยิ่งได้เห็นวิวัฒนาการของแต่ละยุคแต่ละสมัย ยิ่งชอบเข้าไปใหญ่เลยค่ะ ^^

โดย: Charlotte Russe

วันที่: 12 กันยายน 2550 เวลา:0:13:39 น.

หวัดดีค่ะ คุณซอร์บอนน์ ขอบคุณที่แวะมาทักทาย อิฉันก้อแฟนประจำรีวิวฝรั่งเศสของคุณนะค๊ะ คงได้มีโอกาสตามรอยเร็วๆ นี้

ชอบจังค่ะ ของโบราณๆ แบบนี้

โดย: sueko

วันที่: 12 กันยายน 2550 เวลา:6:35:25 น.

ชอบเหมือนกันคะ ของเก่า

ที่บ้านจะพยายามหาของเก่ามาสะสมคะ

ไปขอคุณยายบ้าง คุณทวดบ้าง

เรารู้สึกว่ามันมีคุณค่าทางจิตใต

ไม่รู้บอกไม่ถูก แวะมาทักทายคะ

โดย: เจ้าเตี้ย

วันที่: 12 กันยายน 2550 เวลา:10:04:44 น.

ใจรักจริงๆนะคะเนี่ย
สะสมได้เยอะทีเดียว
ที่บ้านก็พอมีบ้างเป็นชิ้นๆ พวกกล้องถ่ายรูปโบราณ เครื่องเล่นแผ่นเสียง โทรศัพท์ อะไรพวกนี้
แต่มีไม่เยอะค่ะ

โดย: parachute

วันที่: 12 กันยายน 2550 เวลา:11:25:48 น.

ที่บ้านมีอยู่เครื่องนึงคะ ไม่รู้เก็บไว้ตรงไหนแล้ว แต่จำได้ว่าเป็นเครื่องแรกที่หัดพิมพ์เล่นเลยคะ ตอนนั้นต้องเรียกว่าจิ้มดีด อิอิ แต่แบบที่เห็นในนี้มีแต่แบบคลาสสิคๆทั้งนั้นเลยอะคะ

โดย: eeh (คิตตี้น้อยสีชมพู

) วันที่: 12 กันยายน 2550 เวลา:11:38:12 น.

สวัสดีตอนเช้าๆของ เนเธอร์แลนด์ นะจ้า

บนเส้นทางของความเป็นเพื่อน
ความจริงใจไม่ลางเลือนในความรู้สึก
เป็นเพื่อนคนเดียวที่อยู่ในส่วนลึก
เป็นมิตรภาพที่มีอยู่ในความรู้สึกเสมอมา

** ขอให้มีความสุขกับคนที่คุณรักนะจ้า **

โอโห เก่าแก่ ขนาดเนี่ยเหรอเนี่ย

โดย: จอมแก่นแสนซน

วันที่: 12 กันยายน 2550 เวลา:13:18:57 น.

เกิดมาเพิ่งเคยเห็นนี่ละคัรบ แปลกดี คนเรานี่ก็ช่างคิดจัง

โดย: pukilf

วันที่: 12 กันยายน 2550 เวลา:16:04:23 น.

ขอบคุณครับสำหรับทุกความเห็น และรู้สึกเป็นเกียรติมากที่มีคนเห็นคุณค่าของของเหล่านี้ เครื่องพิมพ์ดีดในภาพทั้งหมดที่คุณเห็นคือเครื่องเดียวกันกับที่ผมมีนั่นแหละครับ เข้ามาดูและแสดงความคิดเห็นหรือถามกันเยอะๆนะครับ เอาไว้ครั้งหน้าอาจมีภาพถ่ายโบราณมาให้ดูกันอีก

โดย: ตุ๋ย IP: 202.129.24.165 วันที่: 12 กันยายน 2550 เวลา:19:10:20 น.

หวัดดีจ้า
ขอบคุณที่แวะชมบ้านเรานะค่ะ

เข้าดูของแปลกๆ ไม่นึกเลยว่าจะมีของเก่าแก่แบบนี้อยู่

ที่บ้านเราก็ของเก่าเยอะค่ะ โดยเฉพาะ..ขยะ 555 ล้อเล่นค่ะ

ว่างๆมีอะไรแปลกๆเอามาให้ดูอีกนะค่ะ

โดย: เป้ค่ะ (หม่อมแม่ไม่ว่าหรอก

) วันที่: 12 กันยายน 2550 เวลา:22:41:35 น.

คลาสสิกมากเลยอ่ะ

ปล. อยู่ปารีสเหรอคับ เพิ่งสังเกต
ตอนนี้ผมอยากไปปารีสที่ซู้ดดดดด

โดย: Unravel

วันที่: 12 กันยายน 2550 เวลา:23:45:29 น.

ของตกแต่งบ้านแบบนี้ก็คลาสิคไปอีกแบบนะคะ ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่ให้กันด้วยนะคะ

โดย: ความทรงจำดีๆในชีวิต

วันที่: 13 กันยายน 2550 เวลา:0:12:18 น.

โอ้โห สวยทุกเครื่องเลยค่ะ พัทเคยเห็นคนที่ชอบแต่งบ้านด้วยเครื่องเล่นแผ่นเสียงโบราณ แบบกราโมโฟนทองเหลือง ดูสวยคลาสสิกมากๆ นี่ถ้าไม่ได้เห็นบล็อกคุณซอร์บอนน์ก็คงไม่รู้ว่าเครื่องพิมพ์ดีดก็สวยไม่แพ้กันเลยค่ะ

ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมนะคะ :)

โดย: พัท (Il Maze

) วันที่: 13 กันยายน 2550 เวลา:14:31:28 น.

น่ารักจังเลยค่ะ คุณเซอรบรอน์เป็นนักแต่งบ้านด้วยเหรอค่ะ ต้องแวะมาหาความรู้เรื่องบ้านบ่อย ๆ แล้วค่ะ

โดย: แม่บ้าน Uk

วันที่: 13 กันยายน 2550 เวลา:14:42:18 น.

ไม่เคยรู้ประวัติเครื่องพิมพ์ดีดมาก่อนเลยนะคะเนี่ย แวะมาบล๊อกนี้แล้วได้ความรู้เยอะจริง ๆ เลยค่ะ

โดย: Thaidoll

วันที่: 14 กันยายน 2550 เวลา:8:34:36 น.

ขอปรบมือให้เอนทรี่นี้อย่างมากเลยค่ะ

ซาบซึ้งดื่มด่ำกับเรื่องราวของเก่าคลาสสิก
อย่างสมบูรณ์มาก ทั้งภาพและเนื้อหา
และชื่นชมคุณซอร์บอนน์ที่ตั้งใจทำบล็อก
ให้มีคุณค่าน่าสนใจอย่างที่สุดค่ะ

โดย: ยิปซีสีน้ำเงิน

วันที่: 14 กันยายน 2550 เวลา:10:25:16 น.

ของเก่า ดูขลังมากๆเลยนะคะ

สวยและมีคุณค่ามากๆ

ขอบคุณความรู้ต่างๆที่คุณซอร์บอนน์ตั้งใจนำมาฝากพวกเรา..ขอบคุณค่ะ

อ้อ!! กุหลาบในตะกร้า กล่องคอมเมนต์สีสวยจังค่ะ หว๊าน หวาน

โดย: janeko

วันที่: 14 กันยายน 2550 เวลา:11:54:10 น.

ชอบแนวของคุณทุกแนวเลย แต่ครั้งนี้ถูกใจแฟนเรามาก ที่บ่านสะสมหลายอย่างกำลังหาเครื่องพิมดีดอยู่คงแพงน่าดูนะไว้จะแวะมาชมอีกนะค่ะ

โดย: somfun

วันที่: 14 กันยายน 2550 เวลา:17:43:17 น.

สวยนะคะ เคยผ่านร้านพิมพ์ดีดเก่าแถวนี้เหมือนกันค่ะ เป็นร้านซ่อมพิมพ์ดีดอ่ะคะ

โดย: ANGEL IN THE BLUE

วันที่: 14 กันยายน 2550 เวลา:18:09:06 น.

ขอขอบคุณมากๆอีกครั้งกับทุกความเห็น และทุกกำลังใจที่มอบให้ ผมขอแนะนำตัวอีกครั้ง ผมเป็นเพื่อนของคุณซอร์บอนน์และเป็นเจ้าของเครื่องพิมพ์ดีดที่คุณกำลังดูอยู่ ตอนที่เค้าให้ผมส่งภาพไปให้ ก็ไม่มั่นใจเท่าไหร่ว่าจะมีคนสนใจ แต่ในที่สุดก็ส่งไปให้ เพราะอีกใจหนึ่งอยากลองดูว่าจะมีคนชอบของเหล่านีสักแค่ไหน แต่พอมาเห็นอย่างนี้แล้วหายเหนื่อยเลยครับขอบคุณจริงๆ

สำหรับของสะสมไม่ว่าอะไรก็ตามเค้ามีคุณค่าในตัวเองทุกชิ้น ทุกร่องรอยที่เกิดจากกาลเวลาและการใช้งาน เป็นเสมือนตัวหนังสือบันทึกเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ที่คุณไม่สามารถอ่านหรือเห็นได้ด้วยตา แต่สามารถสัมผัสได้ด้วยใจและความรู้สึก
ไม่ว่าคุณจะเก็บของประเภทไหน จะมีราคามากน้อยเพียงใดก็ตาม สิ่งหนึ่งที่คุณต้องมีคือความรักและเอาใจใส่ในสิ่งที่คุณทำ แล้วสิ่งที่เค้าจะให้กลับคืนมาคือ ความสุขครับ ขอให้มีความสุขกับสิ่งที่คุณสะสมนะครับ

โดย: ตุ๋ย IP: 202.129.24.187 วันที่: 14 กันยายน 2550 เวลา:20:17:28 น.

คุณซอร์บอนน์ก็นำเสนอเรื่องของเก่าและของแต่งบ้านได้น่าสนใจเช่นกันค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ

โดย: shin chan (alei

) วันที่: 15 กันยายน 2550 เวลา:1:37:50 น.

สวัสดีตอนเช้าๆของ เนเธอร์แลนด์ นะจ้า

หากอยู่ห่างห่างจะห่วงใย
จะเข้าใจเธอเมื่อยามสับสน
หากเธอทุกข์ก็พร้อมจะทุกข์ทน
จากใครบางคนซึ่งเป็นเพื่อนเธอ

** ขอให้มีความสุขในช่วงวันหยุดพักผ่อนนะจ้า **

โดย: จอมแก่นแสนซน

วันที่: 15 กันยายน 2550 เวลา:12:34:26 น.

โอโห!...น่าสนใจดีจังเลยค่ะ
แต่โดยส่วนตัวแล้วไม่ค่อยชอบของเก่าเลย
และก็เพิ่งมาเห็นว่ามันก็มีสไตล์อยู่เหมือนกันเนอะ

ยังไงก็ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมบลอคนะค๊ะ ^^

โดย: บานชื่นรื่นรมย์ (ZiNNiAz

) วันที่: 15 กันยายน 2550 เวลา:14:48:00 น.

โห...มันโบราณมากจริงๆด้วยครับ
แต่สวยจัง โดยเฉพาะอันที่ประดับด้วยเงินแกะสลัก

..............

ยินดีที่ได้รู้จักครับ

โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า

) วันที่: 15 กันยายน 2550 เวลา:15:13:48 น.

หายยุ่งยังคะ

ขอให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีนะคะ

รักษาสุขภาพด้วยค่ะ

หลับฝันดีจะคะ

โดย: janeko

วันที่: 15 กันยายน 2550 เวลา:23:03:34 น.

โหไม่เคยเห็นหลายเครื่องเลยครับ

เกิดไม่ทัน แต่รู้สึกดีที่ได้เห็นครับ

โดย: DAN_KRAB

วันที่: 16 กันยายน 2550 เวลา:0:21:34 น.

คุณตุ๋ยนี่ของเก่าเยอะเลยนะคะ
เพิ่งรู้เรื่องเครื่องพิมพ์ดีดก็คราวนี้ค่ะ
ขอบคุณค่ะ
Ps. เมื่อกี๊แอบไปอ่าน profile พี่ เหมือนอ่าน CV อยู่เลยค่ะ

โดย: Ms.Bloomberg

วันที่: 16 กันยายน 2550 เวลา:5:34:46 น.

เก่งจังเลยค่ะ แต่ละเครื่องสวยมากๆ ที่ทำงานที่นี่ตอนย้ายมาอยู่ใหม่ๆ เห็นมีเครื่องพิมพ์ดีดเก่าสักสี่สิบปีได้แล้วยี่ห้องเรมิงตันมั้ง สงสัยถ้าเก็บไว้เผื่ออีกยี่สิบสามสิบปีข้างหน้าจะได้เป็นของเก่าน่าสะสมได้บ้างเหมือนกันนะคะ

โดย: Tiwanon48

วันที่: 27 กันยายน 2550 เวลา:11:21:41 น.

ถึงคุณ Tiwanon48 แน่นอนครับ หากคุณเก็บเค้าเอาไว้ถึงตอนนั้น ก็คงเป็นของเก่าน่าสนใจมากอีกชั้นหนึ่งในบ้านของคุณ แต่ตอนนี้ก็พอเรียกได้แล้วว่าเค้าเป็นของเก่า และเชื่อมั้ยครับว่า นักสะสมเครื่องพิมพ์ดีดชั้นเซียนและระดับโลกในอเมริกาหลายคนก็เริ่มมีความสนใจของประเภทนี้ จากเครื่องพิมพ์ดีดเก่าที่เห็นในที่ทำงานนั่นแหละครับ

ส่วนยี่ห้อเรมิงตันนั้นนับว่าเป็นเครื่องพิมพ์ดีดยี่ห้อแรกๆของโลกเชียวนะครับ และเป็นต้นตำหรับแป้นพิมพ์ 4 แถวและการวางตัวอักษร QWERTY ในแป้นพิมพ์ดีดและคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน ซึ่งใช้มาตั้งแต่ปี 1878 โน่นแน่ะครับ

โดย: ตุ๋ย IP: 202.129.24.180 วันที่: 27 กันยายน 2550 เวลา:21:31:17 น.

เป็นของสะสม ที่น่าสนใจค่ะ
และเป็นความชอบของแต่ละบุคคลด้วยนะคะ

โดย: หนี่หนีหนี้ (แพรวขวัญ

) วันที่: 30 กันยายน 2550 เวลา:23:14:36 น.

สวยจริงๆ หาดูยากมากในปัจจุบัน ขอบคุณพี่ๆที่อุตส่านำรูปสวยๆที่หาดูยากมาให้ชม วันนี้เป็นอดีตของพรุ่งนี้ ได้ใหม่อย่าลืมเก่านะ

โดย: โต IP: 202.133.139.7 วันที่: 19 ตุลาคม 2550 เวลา:23:32:02 น.

ตอนนี้ไม่ทราบว่าจะหาที่ซ่อมพิมพ์ดีด ในกรุงเทพฯ ได้ที่ไหนบ้างครับ

ถ้าได้แถว จ.นนทบุรี ก็จะยอดเยี่ยมมากๆ

^^"

ขอบคุณล่วงหน้าครับ
ผมไม่แน่ใจว่าจะได้กลับมาอ่านอีกหรือไม่
แต่ถ้าไม่รบกวนจนเกินไป รบกวน อีเมลไปที่ dhimess@hotmail.com ก็ได้ครับ
จะพยายามกลับมาอ่านนะครับ
(พอดีความจำไม่ค่อยจะทำงานน่ะครับ)

โดย: DCiM IP: 124.121.62.22 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2550 เวลา:0:59:38 น.

www.pimthong.com ฝากเว็บนี้ไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะเพิ่งเปิดอาจยังไม่สมบูรณ์เเล้วเราจะรีบปรับปรุงนะคะ หวังว่าคนที่ชอบสะสมของเก่าโบราณหรือกำลังมองหาร้านซ่อมอยู๋คงจะชอบนะคะ

โดย: la la la IP: 58.9.92.165 วันที่: 1 กรกฎาคม 2551 เวลา:15:33:51 น.

ร้านพ.พิมพ์ทองพิมพ์ดีดครับอยู่เเถวสี่เเยกคอกวัว ถนนตะนาว (เยื้องวัดมหรรณพ) ร้านนี้เปิดมานานมากเเล้วครับรับซ่อมทั้งพิมพ์ดีด แฟกซ์ คำนนวณเลข เดครื่องอัดสำเนา ลองไปดูนะครับ

โดย: ร้านพ.พิมพ์ทองพิมพ์ดีด IP: 58.9.216.132 วันที่: 1 กรกฎาคม 2551 เวลา:22:11:01 น.