"Try to be the one, not someone"
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2550
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
30 ตุลาคม 2550
 
All Blogs
 

"ความตาย" ของทะเลสาบแห่งความตาย


สวัสดีครับ หลังจากที่ห่างหายไปนานกับบล็อค "กระดาษกับดินสอ" วันนี้ผมขอนำเสนอบทควาทที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องของทะเลสาบเดทซีกันนะครับ บทความนี้ชี้ให้เห็นว่า แม้ว่าธรรมชาติจะยิ่งใหญ่เพียงใด แต่ก็ไม่สามารถต้านทานการใช้ทรัพยากรอย่างไม่คิดของมนุษย์ได้ แต่ผลลัพธ์ที่จะตามมานั้นใหญ่หลวงยิ่งนักต่อมวลมนุษยชาติ ถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนต้องใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากกว่านี้ ก่อนที่จะสายเกินไป



« ความตาย » แห่งทะเลสาบแห่งความตาย



บทความนี้เป็นบทสรุปจากรายการโทรทัศน์ Thalassa ซึ่งออกอากาศทางสถานี France 3 เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2004 เวลา 20h50 ผู้เขียนบังเอิญได้ชมรายการนี้และเกิดความสนใจเป็นอย่างมากเพราะเนื้อหาของรายการกล่าวถึงทะเลสาบ « Dead Sea » (La mer morte) ที่อาจจะถึงจุดจบของตัวเองในอนาคตข้างหน้า ผู้เขียนจึงขอนำบทสรุปที่ได้จากการฟังและดูรายการนี้มาเล่าสู่เพื่อนๆและพี่น้องนักเรียนชาวไทย ในประเทศฝรั่งเศส อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนได้แสดงความคิดเห็นลงไปในบทความนี้ด้วย เพราะฉะนั้น บทความนี้จึงเปรียบเสมือนกับ « ค็อกเทล » ที่มีส่วนผสมระหว่างเนื้อหาของรายการและความเห็นของตัวผู้เขียนเอง ว่าแล้วเรามาเดินทางไปแถบตะวันออกกลางกันเลยดีกว่านะครับ




ทะเลสาบแห่งความตายตั้งอยู่ในตะวันออกกกลางโดยมีเนื้อที่ครอบคลุมในสามประเทศคือ อิสราเอล (Israël) จอร์แดน (Jordanie) และ ซีร์จอดานีย์ (Cisjordanie) ที่มาของชื่อนี้ก็คงเป็นเพราะว่าน้ำในทะเลสาบแห่งนี้มีความเค็มสูงกว่าที่อื่นๆใดในโลกนี้ เค็มมากเกินกว่าที่สิ่งมีชีวิตจะอาศัยอยู่ได้ นอกจากนี้แล้ว ทะเลสาบแห่งความตายยังเป็นจุดที่ต่ำที่สุดในโลกอีกด้วย ด้วยความมหัศจรรย์ทางธรรมชาตินี้เองที่ทำให้ทะเลสาบแห่งนี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศอิสราเอลและจอร์แดน แม้ว่าชายหาดจะไม่สวยและไม่มีทรายขาวละเอียดราวกับแป้งแบบชายหาดสิมิลันในบ้านเรา แต่ความเค็มของนำทะเลและโคลนที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุต่างๆที่เชื่อกันว่าเป็นครีมบำรุงผิวพรรณก็ทำให้มีนักท่องเที่ยวหลั่งใหลเข้ามาชมความมหัศจรรย์นี้ไม่ขาด ส่งผลให้ธุรกิจการท่องเที่ยวในสองประเทศนี้เติบโตเป็นอย่างมาก มีการจ้างงานมากขึ้น มีการลงทุนทางด้านการก่อสร้างอาคาร โรงแรม ร้านอาหารและอื่นๆอีกมากมาย สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้ทะเลสาบแห่งความตายกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ทำรายได้ให้กับประเทศที่ตั้งอยู่กลางทะเลทรายเหล่านี้ได้อย่างมากมายในแต่ละปี









งานวิจัยใหม่ๆรวมถึงปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นริมชายหาดทะเลสาบแห่งความตายนี้ได้เริ่มแสดงให้เราเห็นแล้วว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นในทะเลสาบแห่งนี้ อย่างแรกก็คือว่า พื้นที่ทำมาหากินทางด้านการเกษตรของชาวจอร์แดนและชาวอิสราเอลเริ่มปรากฏอาการผิดปกติบางอย่าง กล่าวคือ ที่ดินบางส่วนเริ่มมีการยุบตัวลงไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ เมื่อ 10 ปีที่แล้ว หลุมโพรงที่ยุบหลุมแรกได้ปรากฏขึ้น แต่ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 10 ปีให้หลังมานี้ ปรากฏว่ามีหลุมโพรงแบบนี้เกิดขึ้นรอบๆแหล่งทำมาหากินริมทะเลสาบแห่งความตายเพิ่มมากถึงกว่า 2,000 หลุม และปรากฏการณ์ประหลาดเหล่านี้ก็นับวันจะทวีความรุนแรงมากขึ้นๆ หลุมบางแห่งก็มีขนาดไม่ใหญ่ แต่บางแห่งก็มีขนาดใหญ่ราวกับสนามกีฬาเลยก็ว่าได้ หลุมแต่ละแห่งจะมีขอบที่เปราะบางมาก ใครที่เดินเข้าไปใกล้ปากหลุมมากเท่าไรก็จะยิ่งเสี่ยงต่อการตกหลุมมากเท่านั้น ซึ่งการตกหลุมใหญ่ๆขนาดนี้ก็คงต้องพิการหรือไม่ก็เสียชีวิตได้ง่ายๆ เกษตกรชาวจอร์แดนได้อธิบายความผิดปกตินี้ว่าเป็นการลงโทษของพระผู้เป็นเจ้า แต่พวกเขาก็ไม่สามารถหาเหตุผลทางวิทยาศาสตร์มาพิสูจน์เหตุการณ์นี้ได้




ปรากฏการณ์อีกหนึ่งอย่างที่ส่อให้เห็นว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับทะเลสาบแห่งความตายนี้ก็คือว่า ปริมาณน้ำให้ทะเลสาบลดลงอย่างต่อเนื่อง งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์พบว่า ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 100 ปีที่ผ่านมานี้ ปริมาณน้ำในทะเลสาบแห่งนี้ลดไปถึง 1 ใน 3 ของทั้งหมดเลยทีเดียว ถ้าสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ คาดว่าอีกไม่เกิน 150-200 ปีข้างหน้านี้ ทะเลสาบแห่งความตายนี้จะไม่มีน้ำเหลืออยู่เลย คำถามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็เลยเกิดขึ้น นั่นก็คือว่า « ฤ ทะเลสาบแห่งความตายแห่งนี้จะพบกับ « ความตาย » ในอนาคตข้างหน้านี้จริงสมชื่อ »










เพื่อเป็นการหาสาเหตุมาอธิบายปรากฏการณ์ทางธรรมชาตินี้ นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบว่ามีปัจจัยหลักที่ทำให้ปริมาณน้ำในทะเลสาบแห่งความตายนี้ลดลงทุกปีๆอยู่สองปัจจัย คือ




ประการแรก แหล่งต้นน้ำที่จะใหลลงสู่ทะเลสาบแห่งความตายมีปริมาณน้ำใหลน้อยลงมาก ผู้อ่านต้องเข้าใจว่า ทะเลสาบแห่งความตายเป็นทะเลสาบปิดไม่มีทางออกทางทะเล นั่นหมายถึงว่า ทะเลสาบแห่งนี้จะไม่สามารถรับน้ำได้จากทางอื่นเลย ทางตอนเหนือของจอร์แดนและอิสราเอลนั้นมีแม่น้ำสายหนึ่งใหลผ่าน และแม่น้ำสายนี้เองที่ใหลลงสู่ทะเลสาบแห่งความตายและเป็นแหล่งปันน้ำแหล่งเดียวที่ให้กับทะเลสาบแห่งความตาย คำถามก็คือว่า ปริมาณน้ำของแม่น้ำสายนี้มีน้อยลงหรืออย่างไร เพราะความแห้งแล้งหรือเปล่า คำตอบที่ได้ก็คือว่า ไม่ใช่ นักวิทยาศาสตร์ได้ขึ้นไปดูที่ตาน้ำของแม่น้ำสายนี้ในเขตทหารของอิสราเอลแล้วพบว่า ปริมาณน้ำจากต้นกำเนิดของแม่น้ำสายนี้ไม่ได้มีปริมาณลดน้อยลงไปแต่อย่างไร แต่หากเกิดจากการที่ประเทศจอร์แดนและอิสราเอลมีการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่เอาไว้เก็บกักน้ำจากแม่น้ำสายนี้ ทั้งสองประเทศนี้จะผันน้ำไปใช้เพื่อการอุปโภคบริโภคและการเกษตร แน่นอนว่าในประเทศกลางทะเลทรายแบบนี้ น้ำหายากและมีค่ายิ่งกว่าทองคำ ฉะนั้น การกักเก็บน้ำไว้ใช้จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และต้องทำอย่างเร่งด่วน เขื่อนที่สร้างขึ้นมานี้สร้างความมั่งคั่งให้กับประชาชนของสองประเทศนี้มาก เช่น ชาวจอร์แดนสามารถเลี้ยงปลาเพื่อการอุปโภคภายในประเทศและเพื่อการส่งออกได้ เป็นต้น แต่การกักเก็บน้ำของทั้งจอร์แดนและอิสราเอลนั้นมากเกินไป มากจนทำให้แม่น้ำสายนี้ไม่มีปริมาณน้ำเพียงพอในการที่จะใหลลงไปสู่ทะเลสาบแห่งความตายนี้ได้ ทะเลสาบแห่งนี้จึงมีปริมาณน้ำลดน้อยลงทุกปีๆ



ประการที่สอง ในประเทศอิสราเอลนั้นมีการสร้างโรงงานผลิตแร่โปรตัสเซียมขนาดใหญ่ขึ้นที่ริมชายหาดทะเลสาบแห่งความตาย แน่นอนว่าความเค็มของน้ำในทะเลสาบแห่งนี้อุดมไปด้วยแร่ธาตุต่างๆมากมาย เช่น โปรตัสเซียม แมกนีเซียม เป็นต้น การผลิตแร่โปรตัสเซียมนั่นก็คล้ายกับการทำนาเกลือในบ้านเรา กล่าวคือ โรงงานต้องสูบน้ำจากทะเลสาบแห่งความตายขึ้นมาในปริมาณมากๆ น้ำที่ถูกสูบขึ้นมานี้จะนำมาตากแดดไว้จนแห้งตกตะกอน และตะกอนนี้เองที่เป็นแร่โปรตัสเซียมซึ่งทำรายได้มหาศาลให้กับอิสราเอล ประเทศนี้สามารถส่งแร่ชนิดนี้ออกไปขายได้มากเป็นอันดับที่สองของโลกเลยทีเดียว คนงานที่ทำงานในโรงงานแห่งนี้กล่าวว่า « ทะเลสาบแห่งความตายนี้สร้างงาน สร้างเงินให้กับพวกเขาเป็นจำนวนมาก หากเลิกสูบน้ำเค็มจากทะเลสาบแห่งนี้ไป พวกเขาจะทำมาหากินอะไร แล้วครอบครัวที่อยู่ข้างหลังพวกเขาอีกหละ จะให้ทำอะไร ในฤดูหนาวจะเป็นช่วงที่ฝนตกชุก เมื่อถึงตอนนั้น ปริมาณน้ำในทะเลสสาบแห่งความตายก็จะเพิ่มขึ้นเอง » ความคิดนี้ดูจะเห็นแก่ตัวมากไปหน่อย ในประเทศที่อยู่กลางทะเลทรายเช่นนี้ ปริมาณน้ำฝนเพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอต่อการเพิ่มปริมาณน้ำในทะเลสาบอยู่แล้ว นอกจากนั้น สัดส่วนระหว่างการสูบน้ำมาใช้หาแร่โปรตัสเซียมกับปริมาณน้ำฝนในแต่ละปีมันไม่สมดุลย์กันมาก










คำถามก็คือว่า ทำอย่างไรที่จะทำให้การเจริญเติบโตอยู่ควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม ผู้เขียนไม่ใช่เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้ แต่ก็ตระหนักดีว่าสองสิ่งนี้ต้องอยู่คู่กัน ถ้าไม่เจริญก้าวหน้า มนุษย์เราก็คงไม่สบายและไม่มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเหมือนปัจจุบันนี้ แต่หากเจริญมากเกินไปจนทำลายธรรมชาติ มนุษย์เราก็อยู่ไม่ได้เเช่นกัน อย่าลืมว่าธรรมชาตินั้นยิ่งใหญ่กว่าเรามากเพราะเมื่อใดก็ตามที่ธรรมชาติลงโทษมนุษย์ เราจะไม่มีทางที่จะต่อสู้ได้เลย ทางที่ดีควรยึดหลักสายกลางเข้าไว้ เราหาผลประโยชน์จากธรรมชาติ แต่เราก็ควรปล่อยให้ธรรมชาติมีเวลาฟื้นตัวบ้าง หากทำทุกอย่างมากจนเกินไปเพื่อความสุขของตนเอง ทุกอย่างก็จะขาดความสมดุลย์ และเมื่อนั้นเอง เราก็จะพบกับภัยพิบัตอย่างร้ายแรง




นักวิทยาศาสตร์และนักสิ่งแวดล้อมก็พยายามหาทางแก้ใขไม่ให้ทะเลสาบแห่งความตายนี้ได้พบจุดจบสมชื่อ มีการเสนอว่า ในเมื่อปริมาณน้ำในทะเลสาบแห่งความตายนี้ลดลงเรื่อยๆเพราะไม่มีแหล่งน้ำที่จะใหลมาลงเพียงพอ ก็แก้ใขโดยให้สูบน้ำจากทะเลแดงแล้วส่งนำมาตามท่อเพื่อมาปล่อยลงที่ทะเลสาบแห่งความตายแทน ด้วยความก้าวหน้าทางวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีสมัยนี้ทำได้แน่นอน แต่ก็มีนักวิทยาศาสตร์จำนวนไม่น้อยที่คัดค้านโครงการนี้ด้วยเหตุผลที่ว่า ในทางธรณีวิทยา ทะเลแดงนั้นเป็นส่วนที่แคบและเปราะบางมาก ถ้าเราสูบน้ำออกจากทะเลแดงในปริมาณมากๆ อีกไม่นานที่ดินรอบๆทะเลแดงก็จะเผชิญกับปัญหาแแบบเดียวกันกับที่เกษตรริมทะเลสาบแห่งความตายเจออยู่ในปัจจุบันนี้ นอกจากนั้น องค์ประกอบทางเคมีที่มีอยู่ในน้ำของทะเลแดงก็แตกต่างกับน้ำในทะเลสาบแห่งความตายโดยสิ้นเชิ้ง การกระทำเช่นนี้จะก่อให้เกิดความเสียหายทางชีววิทยาสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก




ปัญหาที่แท้จริงที่ทำให้เราไม่สามารถชะลอ « ความตาย » ของทะเลสาบแห่งความตายได้ก็คือ หนึ่ง การเล็งเห็นผลประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจมากเกินไปจนทำให้เกิดความไม่สมดุลย์ทางธรรมชาติ สองก็คือเรื่องความขัดแย้งทางการเมืองของประเทศในตะวันออกกลางเอง สิ่งเหล่านี้ทำให้ไม่มีการประสานงานกันอย่างจริงจังในระดับประเทศ ก่อนจะจบบทความนี้ ผู้เขียนอยากจะทิ้งท้ายไว้ว่า เมื่อใดก็ตามที่มนุษย์เอาผลประโยชน์จากธรรมชาติมากจนเกินไป เมื่อใดก็ตามที่มนุษย์ทำร้ายธรรมชาติจนทำให้เกิดความไม่สมดุลย์กันทางสิ่งแวดล้อม เมื่อนั้นธรรมชาติก็จะลงโทษเราอย่างร้ายแรงเหลือกำลังที่มนุษย์จะต้านทานได้ ธรรมชาติก็เปรียบเสมือนกับต้นไทรที่ให้อาหาร ให้ชีวิตแก่มวลมนุษยชาติและสิ่งมีชีวิตทั้งหลายในโลกนี้ แต่ « ต้นไทร » ต้นนี้ก็สามารถทำลายล้างเราได้อย่างง่ายดายเช่นกัน ถ้าเราหันกลับมามองที่คำสอนของพระพุทธเจ้าในเรื่อง «ความไม่เที่ยง» เราก็จะพบว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ล้วนเป็นอนิจจัง มีเกิดก็ต้องมีดับ ไม่มีอะไรอยู่คำฟ้าได้นิรันดร์ แม้แต่ดวงอาทิตย์ที่เป็นแหล่งให้ชีวิตแก่จักวาลทั้งหมดยังมีวันดับและแตกสลาย แล้วประสาอะไรกับทะเลสาบแห่งความตายที่จะไม่พบจุดจบ หากแต่ว่าจุดจบนั้นควรจะมาจากธรรมชาติเองมิใช่ฝีมือมนุษย์ ส่วนมนุษย์เรานั้นไม่ได้ยิ่งใหญ่เลยหากเทียบกับจักรวาลและธรรมชาติ เรานั้นเป็นเพียงเถ้าธุลีดินที่เล็กมากจนมองไม่เห็น ในเมื่อดวงอาทิตย์หรือแม้แต่จักรวาลยังมีจุดจบได้ในวันหนึ่ง ทำไมมนุษย์ตัวเล็กๆอย่างเราจะไม่พบกับจุดจบแบบนี้บ้าง เพราะฉะนั้น ความโลภ ความหลงในชื่อเสียง เกีรติยศ คำเยินยอและเงินทองก็ล้วนเป็นสิ่งไม่จีรังยั่งยืน มนุษย์ควรรู้จักสละ รู้จักประมานตนรู้จักความสมดุลย์และความพอเพียงในชีวิต ดังนั้น ถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนควรร่วมมือกันช่วยเหลือให้ทะเลสาบแห่งความตายนี้ไม่ต้องพบกับ « ความตาย » สมชื่อก่อนเวลาอันควร แล้วฉบับหน้าพบกันใหม่นะครับ
















ท้ายนี้ผมขอขอบคุณทุกๆท่านที่เสียสละเวลาเข้ามาอ่านนะครับ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้คงจะกระตุ้นให้เราใส่ใจกับสิ่งแวดล้อม และธรรมชาติมากขึ้นนะครับ แล้วบล็อค "กระดาษกับดินสอ" บล็อคหน้าจะนำเสนองานเขียนที่มีทั้งสนุกและได้สาระมาฝากกันอีกนะครับ





















ธรรมชาตินั้นมีคุณอนันต์ เราจึงต้องควรรักษา ทะนุถนอมเอาไว้ให้ลูกหลานได้ชื่นชม มนุษย์จึงไม่ควรทำร้ายธรรมชาติ เพราะเมื่อธรรมชาติกลับมาทำร้ายมนุษย์ ความหายนะจะรุนแรงมากกว่าหลายเท่านัก





 

Create Date : 30 ตุลาคม 2550
50 comments
Last Update : 30 ตุลาคม 2550 11:11:34 น.
Counter : 2341 Pageviews.

 

สวัสดีครับเพื่อนๆทุกท่าน ผมยังทำธุระที่เมืองไทยครับ เลยมีเวลาน้อยมากๆที่จะเข้ามาอัพบล็คครับ วันนี้ฤกษ์ดี มีเวลานิดหน่อย เลยรีบเข้ามาอพบล็อคครับ ยังไงฝากไว้ให้เพื่อนๆอ่านเล่นนะครับ แม้เจ้าของบ้านไม่อยู่ บ้านนี้ก็ยังเปิดให้เพื่อนๆได้เข้ามานั่งเล่น ฟังเพลงเพราะ และอ่านบทความดีๆนะครับ ขอบคุณสำหรับคำทักทายของทุกๆท่านนะครับ แล้วเดี๋ยวจะพยายามเข้ามาคุยกันใหม่นะครับ

 

โดย: ซอร์บอนน์ (ซอร์บอนน์ ) 30 ตุลาคม 2550 11:20:37 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณซอร์บอนน์

เคยได้ยินชื่อของเดดซีมานานแล้วค่ะ วันนี้ขอบคุณนะคะที่เอาเรื่องดีๆ มาฝากกัน ได้ความรู้เพิ่มขึ้นเยอะเลยค่ะ

 

โดย: แพนด้ามหาภัย IP: 125.25.135.196 30 ตุลาคม 2550 11:27:17 น.  

 

"มนุษย์เอาผลประโยชน์จากธรรมชาติมากจนเกินไป
เมื่อใดก็ตามที่มนุษย์ทำร้ายธรรมชาติจนทำให้เกิดความไม่สมดุลย์กันทางสิ่งแวดล้อม
เมื่อนั้นธรรมชาติก็จะลงโทษเราอย่างร้ายแรงเหลือกำลังที่มนุษย์จะต้านทานได้"

เห็นด้วยค่ะ คุณซอร์บอนน์
ถ้าไม่อยากเห็นทะเลสาบแห่งนี้ตาย
ประเทศต่างๆแถบนั้นควรจะหันหน้าเข้าหากัน เพื่อหาวิธีแก้ไขให้ได้
เทคโนโลยีสมัยนี้เจริญขึ้นเรื่อยๆ
น่าจะทำได้นะคะ

 

โดย: นวลกนก 30 ตุลาคม 2550 11:49:20 น.  

 

ชอบจังค่ะ อยากให้ทุกคนคิดแบบนี้จัง โลกเราจะน่าอยู่ขึ้นเยอะเลย แล้วจะคอยติดตามอ่านบล็อคของคุณซอร์บอนน์นะค่ะ

 

โดย: little girl IP: 203.113.37.11 30 ตุลาคม 2550 12:18:14 น.  

 

โอ้ว ผมว่าในระยะเวลาอันสั้นเร็วๆ นี้คนแถวนี้ต้องประสบปัญหาอย่างแรงแน่นอน

ผมพึ่งเคยเห็นภาพว่ามันเป็นผลึกเกลือกันแบบนี้เลยหรือนี้

 

โดย: I will see U in the next life. 30 ตุลาคม 2550 12:39:47 น.  

 

ทะเลสาปแห่งความตาย

ชื่อน่ากลัวจังค่ะ

แต่ขออย่าให้พบจุดจบ

สมชื่อนะคะ

(ภาพสวยมาก)

 

โดย: โสดในซอย 30 ตุลาคม 2550 13:24:23 น.  

 

หลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นในโลกใบนี้ต้องมาพบจุดจบก่อนเวลาอันควร

เพราะฝีมือมนุษย์ น่าเศร้าจังเลยค่ะ

 

โดย: นางฟ้าของชาลี 30 ตุลาคม 2550 13:30:22 น.  

 





สวัสดีตอนเช้าๆของ เนเธอร์แลนด์ นะจ้า


มีเพียงคำง่าย ๆ
แต่เจือด้วยความจริงใจล้นฟ้า
เก็บไว้ให้เธอเสมอมา
ด้วยคำว่า “คิดถึง ห่วงใย เธอ”


** ขอให้มีความสุขและสุขภาพแข็งแรงนะจ้า **


ถึงว่าดิ ..ตอนแรกคิดว่ากลับมาแล้วสะอีก ..

ที่แท้ยังอยู่เมืองไทย แบบนี้ เข้ามาขนของได้อีกหลายวันเลย


..บทความที่เขียนมาเนี่ยให้ข้อคิดได้เลยนะเนี่ย ..

 

โดย: จอมแก่นแสนซน 30 ตุลาคม 2550 15:12:08 น.  

 

แวะมา Happy Halloween ล่วงหน้าคะ



ถ้าคนเรายังทำร้ายธรรมชาติมากขึ้นๆๆทุกวัน ก็คงจะไม่มีสิ่งสวยงามให้เราเห็น จะมีแต่สิ่งที่สิ่งมีชีวิตจะเริ่มอยู่ไม่ได้ วันนี้ทานข้าวเหนียวใส่ห่อใบตองแล้วรู้สึกดีจัง อย่างน้อยก็ได้ช่วยสิ่งแวดล้อมไม่มากก็น้อย

 

โดย: eeh (คิตตี้น้อยสีชมพู ) 30 ตุลาคม 2550 17:10:10 น.  

 

สวัสดีค่ะ

ดีใจที่เห็นคุณซอร์บอนน์มาอัพบล็อก

ขอบคุณเรื่องราวดีดีที่นำมาฝากกันนะคะ

เราสัญญาว่า จะรักษาโลกสวยไว้ด้วยมือเราค่ะ

 

โดย: janeko 30 ตุลาคม 2550 17:55:41 น.  

 

สวัสดีค่ะ

ดีใจที่เห็นคุณซอร์บอนน์มาอัพบล็อก

ขอบคุณเรื่องราวดีดีที่นำมาฝากกันนะคะ

เราสัญญาว่า จะรักษาโลกสวยไว้ด้วยมือเราค่ะ

 

โดย: janeko 30 ตุลาคม 2550 17:55:41 น.  

 

เข้ามาอ่านครับ ผมเคยไปนอนลอยตัวที่ทะเลสาบ Dead Sea เมื่อประมาณสัก 10 ปีที่แล้วครับ

 

โดย: appendiculata191 30 ตุลาคม 2550 18:43:29 น.  

 



We hope you have more fun with this holiday.

Love Ya,
Jay & Aum

 

โดย: Bigmommy 31 ตุลาคม 2550 0:42:48 น.  

 

ขอบคุณที่นำเอาเรื่องการทำลาย
ธรรมชาติของมวลมนุษย์ที่กำลังทำลายโลกเพื่อความอยากได้
อยากมีและอยากเป็น
จนไม่ลืมหูลืมตาและไม่รู้ตัวเองว่าเขาก็กำลังจะได้รับโทษตอบแทนจากธรรมชาติในไม่ช้านี้
เช่นกัน

 

โดย: หลอด IP: 83.157.148.61 31 ตุลาคม 2550 1:15:02 น.  

 

สวัสดีค่ะ
เป็นเรื่องราวที่น่าสนใจมากๆ เลยค่ะ
แถมภาพประกอบก็สวยเชียวค่ะ

 

โดย: YGHarding 31 ตุลาคม 2550 2:05:51 น.  

 

สวัสดีวันที่กรุงเทพอากาศเย็น(นิดนึง)ค่ะ โลกคงจะดีขึ้น ถ้าทุกคนไม่เห็นแก่ตัวเนอะ How green you are?

 

โดย: kawaiisprite (I do my best ) 31 ตุลาคม 2550 11:22:08 น.  

 

อยากลองไปแช่น้ำในทะเลสาป Dead sea ดูจังค่ะ ว่าลงไปแล้วจะไม่จมจริงรึเปล่า ถ้าน้ำแห้งไปจริงๆคงน่าเสียดายมากเลยนะคะ

 

โดย: Beebie 31 ตุลาคม 2550 13:22:45 น.  

 



 

โดย: doctorbird 31 ตุลาคม 2550 19:16:04 น.  

 


กิ๊ กิ กิ๋ zz z . .






ยังอยู่เมืองไทยหรือค่ะ
สบายดีนะคะ ที่ว่ามาทำธุระ
เรียบร้อยยังเอ่ย ขอให้ไม่มีอุปสรรคนะคะ


ตอบนิดนึง ต้องอยู่คู่กันจริง ๆ ด้วยน๊า
ความเจริญ กับการรักษาสิ่งแวดล้อม อ่ะอ้า
ทำเป็นนักวิชาการกะเขามั่งค่ะ
เย้ ๆ ๆ ๆ

แว๊บ ๆ ๆ ๆ


 

โดย: หนี่หนีหนี้ (แพรวขวัญ ) 31 ตุลาคม 2550 21:55:06 น.  

 



 

โดย: อ้วนดำปื๊ดปื๊อ 31 ตุลาคม 2550 23:20:23 น.  

 

ขอบคุณ ได้ความรู้ดีมากคะ ต้อพยายามทำทุกอย่างให้สมดุลย์ เดินทางสายกลาง แต่เรื่องของธุรกิจมันยากจะมีคำนี้ หวังว่า ธรรมชาติทุกที่จะมีคำนี้ และไม่จากเราเร็วเกินไปนัก

ภาพสวยมากคะ

 

โดย: dolores 1 พฤศจิกายน 2550 3:59:21 น.  

 



สุขสันต์วันฮาโลวีนค่ะ

 

โดย: นางฟ้าของชาลี 1 พฤศจิกายน 2550 5:24:21 น.  

 

เคยดู Nat Geo เหมือนกัน
แต่บทความนี้ก็นำเสนอในอีกแง่มุมที่ต่างไป ได้ความรู้เพิ่มอีกเยอะเลย

 

โดย: ostojska 1 พฤศจิกายน 2550 9:43:47 น.  

 

แหม! กลับมาอัพซะที คิดถึงจะแย่

 

โดย: โตมานาน 1 พฤศจิกายน 2550 10:23:31 น.  

 

nice story...

 

โดย: แม่น้องโซ-ได (momochan ) 1 พฤศจิกายน 2550 16:49:58 น.  

 

โอ้...ได้ความรู้เพิ่ม...

เขาบอกว่า ใครเป็นโรคพวกเชื้อรา กลาก เกลื่อน ลงไปแช่ หายแน่นๆ......

 

โดย: Than_Tree 1 พฤศจิกายน 2550 18:07:32 น.  

 






........คนไทยทุกคนรักพ่อ และจะทำดีเพื่อพ่อของเราตลอดไป........

 

โดย: doctorbird 2 พฤศจิกายน 2550 13:44:36 น.  

 

อ่านแล้วได้ความรู้มีประโยชน์ น่าสนใจมากๆครับ ชอบตรงประโยคนี้ผมว่าทุกๆคนน่าจะสนใจและเอาใจใส่ต่อจุดนี้ให้มากๆ
"ทางที่ดีควรยึดหลักสายกลางเข้าไว้ เราหาผลประโยชน์จากธรรมชาติ แต่เราก็ควรปล่อยให้ธรรมชาติมีเวลาฟื้นตัวบ้าง หากทำทุกอย่างมากจนเกินไปเพื่อความสุขของตนเอง ทุกอย่างก็จะขาดความสมดุลย์ และเมื่อนั้นเอง เราก็จะพบกับภัยพิบัตอย่างร้ายแรง"

 

โดย: ตงเหลงฉ่า IP: 58.9.32.16 3 พฤศจิกายน 2550 11:00:16 น.  

 

แวะมาเยี่ยมและเฝ้าบ้านให้ค่ะ

ป่านนี้คุณซอร์บอนน์ทำอะไรอยู่น๊า

เดินทางกลับฝรั่งเศสยังคะ

ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพนะคะ

 

โดย: janeko 3 พฤศจิกายน 2550 20:50:28 น.  

 

มาอ่านสาระ ทะเลสาป Date Sea

ทึ่ง กะมหัศจรรย์ของธรรมชาติ ที่นี่ ของเมกาก็มีคล้ายๆที่นี่อยู่ในรัฐยูท่าห์ แต่ Salt Lake มีขนาดเล็กกว่าที่นี่ แถมปริมาณน้ำลดลงอย่างน่าใจหาย

ต้องหันมาช่วยกันใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างประหยัด ก่อนจะไม่เหลือให้คนรุ่นหลัง

 

โดย: Farm Girl in High Sierra 4 พฤศจิกายน 2550 5:19:32 น.  

 





สวัสดีตอนหลังเที่ยงคืนของ เนเธอร์แลนด์ นะจ้า


ยามที่เราต้องห่างไกลกัน
ขอแค่ความ คิดถึง ห่วงใย
ตลอดเวลาอย่าได้แปรผัน
ขอแค่ความผูกพันมีให้กันเท่านั้นพอ



** ขอให้มีความสุขและสุขภาพแข็งแรงนะจ้า **

 

โดย: จอมแก่นแสนซน 4 พฤศจิกายน 2550 7:25:45 น.  

 

สวัสดีค่ะ คุณซอร์บอนน์
ต่างคนต่างเงียบหายด้วยงานยุ่งกันนะคะ
ขอบคุณมากเลยค่ะ
อ่านแล้วได้ความรู้ติดสมองไปด้วยจริงๆ
ยาวมากแต่ก็อ่านหมดนะคะ

 

โดย: ยิปซีสีน้ำเงิน 4 พฤศจิกายน 2550 21:16:10 น.  

 





สวัสดีตอนค่ำของ เนเธอร์แลนด์ นะจ้า


ฝากความคิดถึงไว้ในบทกลอน
ฝากความห่วงหาไว้ในบล็อกแก๊งค์
ฝากความอาทรไว้ในบล็อกเธอ
ฝากความรู้สึกทั้งใจให้แด่เธอ



** ขอให้มีความสุขมากๆนะจ้า **

 

โดย: จอมแก่นแสนซน 6 พฤศจิกายน 2550 0:51:12 น.  

 



 

โดย: doctorbird 6 พฤศจิกายน 2550 1:36:47 น.  

 

เป็นบล๊อกที่เปี่ยมด้วยสาระ สมเป็น
บล๊อกนักวิชาการเลยค่ะ ..

ข้อมูลนี้เป็นอุทาหรณ์อย่างดี ให้ผู้คนในทุกมุมโลก
ได้ย้อนกลับไปมองทรัพยากรธรรมชาติ
ในถิ่นฐานบ้านเมืองของตนเอง และเกิดสำนึก
ที่จะร่วมกันลุกขึ้นมาปกปักรักษาเอาไว้
ให้ชนรุ่นหลังของเราได้ใช้ประโยชน์ต่อไป

อยากให้ข้อมูลข่าวสารเช่นนี้ได้เผยแพร่
สู่มวลชนทั่วทุกส่วนภาคในโลกที่จะมีส่วน
ได้รับผลกระทบที่คล้ายกันนี้ ให้พวกเขาได้มีส่วน
ได้รับข่าวสารเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง
เหมือนดังคลื่นในทะเลที่ซัดสู่ฝั่งอยู่ตลอดเวลา
ทั้งนี้เพื่อสร้างความเข้าใจ และจิตสำนึก
ในการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติร่วมกัน เพื่อที่
จะทำให้ความเจริญเติบโตและความเจริญก้าวหน้า
สามารถจะก้าวคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อมได้ ..

 

โดย: ป้าติ๋ว (nature-delight ) 6 พฤศจิกายน 2550 15:09:04 น.  

 

ไม่รู้ว่าถึงตอนนี้เเล้ว จะใช้คำว่าสายเกินเเก้รึเปล่า โลกเราคล้ายๆเข้าขั้นเป็นเกิดเนื้อร้ายหรือมะเร็งไปเเล้ว ยากที่จะเยียวยา เเต่ก็คงดีกว่าไม่เริ่มอะไรกันเลยคะ เห็นบทความเเบบนี้เเล้วจิตใต้สำนึกบังเกิดจริงๆ ขอบคุณค่ะ

 

โดย: พรฟ้า (พรฟ้า ) 7 พฤศจิกายน 2550 18:31:49 น.  

 

มาอยู่ยามเฝ้าบ้านให้คุณซอร์บอนน์ค่ะ

กลับมายังค๊า???

 

โดย: janeko 7 พฤศจิกายน 2550 21:06:36 น.  

 





สวัสดีตอนสี่ทุ่มของ เนเธอร์แลนด์ นะจ้า


จอมแก่น เอา อาหารเช้า
มาเสริฟให้จ้า
ทานแล้วจะได้มีแรงทำงานตอนเช้านะจ้า



** ขอให้มีความสุขกับการทำงานนะจ้า **

 

โดย: จอมแก่นแสนซน 9 พฤศจิกายน 2550 4:41:07 น.  

 

สวัสดีครับเพื่อนๆทุกท่าน ขอบคุณนะครับที่เข้ามาเฝ้าบ้านให้ยามไม่อยู่ครับ มีเพื่อนบ้านดีๆแบบนี้ ไม่ต้องกลัวขโมยแล้วเน้ออออออ เอ่อ ยังอยู่เมืองไทยครับ และไปหาพ่อแม่ที่ ตจว วันนี้เข้า กทม เลยแวะมาเข้าบล็อคทักทายกันนิดนึงครับ เอาไว้ให้หายคิดถึง เดี๋ยววันเสาร์นี้ก็ขึ้นเครื่องกลับแล้วครับ ก็คงจะเข้ามาอยู่บ้านได้แล้ว และก็คงจะเข้ามาทักทายได้บ่อยเหมือนเคย จะกลับแวะไปเยี่ยมบ้านของเพื่อนๆเช่นเคยนะครับ

 

โดย: ซอร์บอนน์ (ซอร์บอนน์ ) 9 พฤศจิกายน 2550 8:13:44 น.  

 

เดินทางปลอดภัยนะคะ คุณซอร์บอนน์

 

โดย: ยิปซีสีน้ำเงิน 9 พฤศจิกายน 2550 10:30:36 น.  

 

ทะเลสาบแห่งความตาย อีกเรื่องราวหนึ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน ภาพประกอบสวยมากๆเลยค่ะ คุณซอร์บอนน์ไปเที่ยวเมืองไทยนานกี่สัปดาห์คะ ไปเที่ยวไหนบ้าง เมืองไทยวันนี้วันเสาร์แล้ว คุณซอร์บอนนคงกำลังเตรียมตัวเดินทางกลับ เดินทางโดยสวัสดิภาพนะคะ

 

โดย: ปูขาเก เซมารู 11 พฤศจิกายน 2550 7:45:09 น.  

 

เป็นบทความที่มีประโยชน์มากค่ะ

 

โดย: Tiwanon48 11 พฤศจิกายน 2550 12:08:26 น.  

 

มีประโยชน์เช่นกันครับ...

 

โดย: zeda 18 พฤศจิกายน 2550 19:09:34 น.  

 

ตามมาเยี่ยมบล็อกค่ะ โอ้โฮ สาระความรู้มากมายจริง ๆ ได้อ่านความเห็นแล้วถึงรู้ว่าเป็นชาวพุทธตัวจริง นับถือ นับถือ

 

โดย: goldengift 9 ธันวาคม 2550 16:14:31 น.  

 



สุขสันต์วันคล้ายวันเกิดนะครับ

บังเอิญจำชื่อเจ้าของ blog ได้ แล้วก็บัง้อิญเห็นทางหน้าเวปแจ้งว่าตรงกับวันคล้ายวันเกิดครับ

"มีความสุขกับทุกวันครับ"

 

โดย: redPoTatO 20 กุมภาพันธ์ 2551 9:35:19 น.  

 

เรื่องราว ดนตรี ชวนฝัน
ทำให้วัน ของฉัน นั้นสดใส
เริงรื่น ชื่นชม สมฤทัย
โลกกว้าง ทางไกล ไม่เหงาเลย
มีเพื่อน มากมาย ในโลกนี้
ต่างมี ไมตรี ลีลา เผย
เผื่อแผ่ แบ่งปัน เปรียบเปรย
แม้จะ ไม่เคย รู้จักกัน

 

โดย: ปานอรุณ IP: 124.120.26.52 12 มิถุนายน 2551 10:05:24 น.  

 

ได้อ่านเรื่องทะเลทราบนี้แล้ว รู้สึกว่าอยากไปสัมผัสหรือยืนอยู่จุดนั้นจัง

 

โดย: ปลาปีกหัก IP: 202.12.73.19 15 มิถุนายน 2551 13:12:37 น.  

 

ได้เห็นทะเลสาบแบบนี้แล้วอยากไปเห็นกับตาจังค่ะ

 

โดย: เด็กดีที่หาความรู้ IP: 125.25.149.183 29 มิถุนายน 2551 9:28:13 น.  

 

นับถือจริงๆครับ ไปถ่ายภาพที่น่าเหลือเชื่อมากๆมาให้เราดูกันถ้าผมได้ไปที่นั้นผมจะถ่ายภาพมาด้วยนะครับ

 

โดย: ข้าน้อยนับถือ IP: 125.25.149.183 29 มิถุนายน 2551 9:34:06 น.  

 

สวัสดี คุณซอร์บอนน์ เข้ามาทักทายตามประสาคนไม่ได้เล่น blog ซะนานค่ะ ภาพยังสวยเหมือนเดิม มีความสุขมากๆ นะคะ กับปีใหม่นี้

 

โดย: ละไม La maii 27 ธันวาคม 2551 8:52:11 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ซอร์บอนน์
Location :
Paris Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ผมเป็นคนที่รักการแต่งบ้านและทำสวนเป็นชีวิตจิตใจ เพราะสิ่งเหล่านี้ทำให้เราคลายเหงาไปได้มาก ยามเมื่ออยู่ไกลบ้านและมีโอกาสได้ดูรูปภาพเหล่านี้ ก็ทำให้รู้สึกเหมือนได้อยู่บ้านอีกครั้ง ผมยังชอบเดินทางท่องเที่ยวเพื่อค้นหาประสบการณ์ใหม่ๆ ทำให้วิสัยทัศน์กว้างขึ้น
Friends' blogs
[Add ซอร์บอนน์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.