เจาะลึก กลูเตน-ปลอดกลูเตน แบบไหนดีต่อสุขภาพเราจริง ๆ
ประโยชน์ของกลูเตน คือ เป็นตัวช่วยให้ขนมปังฟูขึ้น และเนื้อนุ่ม นอกจากนี้ กลูเตนในข้าวสาลียังอุดมไปด้วยโปรตีนถึง 23 กรัมต่อข้าวสาลีประมาณ ¼ ถ้วย ซึ่งมากกว่าเนื้อวัว เนื้อปลา และเนื้อไก่ประมาณ 85 กรัมอีกด้วย
กลูเตนจะส่งผลเสียกับ "ผู้ที่แพ้กลูเตน" โดยมีอาการคล้ายกับคนที่แพ้นมวัว แม้กินเพียงเล็กน้อย ก็ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพได้ ทำให้เกิดโรคลำไส้อักเสบ ท้องอืด ท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน มีอาการชาตามแขนและขา
สำหรับความเชื่อในการเลือกรับประทาน "อาหารปลอดกลูเตน" (Gluten-free) จะส่งผลดีต่อสุขภาพจริงหรือไม่
นักโภชนาการชำนาญการพิเศษ อธิบายว่า การเลือกกินอาหารที่ไม่มีกลูเตน ไม่ได้ทำให้ผอมหรือสุขภาพดี สำหรับคนไทยอาจจะยังไม่ค่อยรู้จักกลูเตนกันมากนัก แต่ในต่างประเทศมีประชากรที่แพ้กลูเตนมากมาย ผลิตภัณฑ์ปลอดกลูเตน จึงได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ รวมทัั้งผลิตภัณฑ์ฟาสต์ฟู้ด และเบเกอรี่ ก็ออกผลิตภัณฑ์อาหารที่ไม่มีกลูเตนมาเพื่อเอาใจผู้บริโภค ซึ่งแท้จริงการรับประทานอาหารฟาสต์ฟู้ด หรือเบเกอรี ก็มีความเสี่ยงต่อสุขภาพในเรื่องของไขมัน โซเดียม ความหวานที่มีปริมาณสูงอยู่แล้ว
"กลูเตนเป็นเพียงโปรตีนชนิดหนึ่ง ที่ไม่เป็นอันตรายสำหรับคนทั่วไป เพียงแต่ต้องรับประทานอย่างพอเหมาะ นอกจากผู้ที่มีอาการแพ้กลูเตน หรือโรคความผิดปกติในช่องท้องจากการที่กลูเตนไปขัดขวางการดูดซึมอาหาร ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่ที่บริโภคข้าวเป็นอาหารหลัก ก็มีโอกาสเกิดโรคดังกล่าวน้อย"
เจาะลึก กลูเตน-ปลอดกลูเตน แบบไหนดีต่อสุขภาพเราจริง ๆ
ทั้งนี้ การอ่านฉลากก่อนซื้อ ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้ได้รับสารอาหารตรงตามความต้องการ เนื่องจากฉลากอาหารเป็นแหล่งข้อมูลพื้นฐานที่จะบอกว่าอาหารนั้นผลิตที่ใด มีส่วนประกอบอะไร มีการปรุง การเก็บรักษาอย่างไร ผลิตหรือหมดอายุเมื่อใด มีการใช้สารหรือวัตถุเจือปนชนิดใด รวมถึงมีคำเตือนที่ควรระวัง และได้รับอนุญาตหรือผ่านการตรวจสอบจาก อย.หรือไม่ โดยดูจากเครื่องหมาย อย. ซึ่งมีเลขสารระบบอาหาร 13 หลัก อยู่ภายในกรอบเครื่องหมาย อย.จะช่วยให้เราดูแลสุขภาพได้อย่างเหมาะสม
นอกจากนี้ สุพิศ ยังแนะนำวิธีการตรวจสอบฉลากโภชนาการก่อนการเลือกซื้อ ดังนี้
1. ตรวจดูว่าปริมาณพลังงานต่อ 1 หน่วยบริโภคเท่าไร
2. ตรวจดูว่าปริมาณไขมันและไขมันอิ่มตัวมีเท่าไร ในแต่ละวันเราควรได้รับไขมันอิ่มตัวไม่เกิน 20 กรัมต่อวัน เนื่องจากไขมันอิ่มตัวเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้คอเลสเตอรอลในร่างกายสูงขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจ
3. ตรวจดูว่ามีปริมาณน้ำตาลเท่าไร ในแต่ละวันเราควรบริโภคน้ำตาลไม่เกิน 24 กรัม หรือประมาณ 6 ช้อนชา น้ำตาลที่ได้รับเกินกว่าที่ต้องการจะถูกเปลี่ยนเป็นไขมันสะสมทำให้เป็นโรคอ้วน และส่งผลให้เกิดโรคอื่น ๆ ตามมา เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด
4. ตรวจดูว่ามีปริมาณเกลือ (โซเดียม) ในแต่ละวันเราควรได้รับโซเดียมไม่เกิน 2300 มิลลิกรัม การได้รับโซเดียมมากเกินไปเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคไต และโรคความดันโลหิตสูง
"อาหารที่ไม่ผ่านการแปรรูป เป็นอาหารที่ปลอดกลูเตนโดยธรรมชาติอยู่แล้ว เช่น ผลไม้และผักสด ปลา ไก่ เนื้อไร้มัน ถั่วชนิดต่าง ๆ ถั่วลันเตา ข้าวกล้อง ผลิตภัณฑ์จากนมไขมันต่ำ ถั่วเปลือกแข็ง เมล็ดพืชต่าง ๆ น้ำมันมะกอก เช่นนี้แล้ว การเลือกรับประทานอาหารให้พอดี ถูกหลักอนามัย และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพียงเท่านี้สุขภาพร่างกายก็จะแข็งแรงสมวัยได้" คุณสุพิศ กล่าวทิ้งท้าย
Create Date : 26 มีนาคม 2558 |
Last Update : 26 มีนาคม 2558 19:43:40 น. |
|
0 comments
|
Counter : 937 Pageviews. |
|
|