Group Blog
 
 
สิงหาคม 2548
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
3 สิงหาคม 2548
 
All Blogs
 
งานชิ้นแรกของเจ้าซาตานน้อย

“อย่าทำอย่างนั้น...” หนูกระซิบข้างใบหูขณะที่เขากำลังลุกจากเบาะนั่งแล้วแทรกกายคล้ายแหวกว่ายระหว่างช่องว่างอันน้อยนิดของผู้คนที่แน่นขนัดภายในรถประจำทาง ที่เอียงข้างด้วยน้ำหนักรวมของเหล่ามนุษย์ชายหญิงเพื่อออกมายืนอยู่หน้าประตูรถและกดกริ่ง ดวงตาเขาเหล่มองคุณป้าร่างอ้วนที่ปากซีดเหงื่อโทรมหน้า ถือของพะรุงพะรังคนนั้น

เมื่อรถจอดข้างป้าย หนูก็บินถลาลงตามเขามาอย่างไม่ยากเย็นนัก รู้สึกเคืองขุ่นใจอยู่ไม่น้อย เพราะก่อนที่รถจะขยับออก คุณป้าคนนั้นก็นั่งลงตรงที่นั่งของเขา

“อีกตั้ง 3 ป้ายแน่ะ รีบลงทำไม” หนูบินไปกระซิบ เขาแสยะยิ้มหันมามองหนูด้วยสายตาเย็นชา
"สงสารป้าแก" เป็นคำตอบที่แย่เสียจริง... หนูถอนหายใจบินตามเขาไปติด ๆ

เขากำลังจะตายในอีกไม่ช้านี้ 2 เดือนแล้วที่หนูเฝ้าสังเกตและติดตามพฤติกรรมของเขา มนุษย์ผู้นี้ ที่ใคร ๆ ก็เรียกเขาว่า "พล" พลเป็นชายหนุ่มผิวดำแดง แต่งกายในชุดนักศึกษาที่ดูสะอาดสะอ้าน ใคร ๆ ก็ว่าเขาเป็นคนหน้าตาดี แต่หนูก็แยกไม่ค่อยออกนักหรอก ว่าแบบไหนเรียกว่าเข้าท่า คงต้องศึกษาพฤติกรรมของมนุษย์อยู่อีกนานทีเดียว

หนูไม่ค่อยชอบที่นี่เลย อยากจะทำหน้าที่ให้จบ ๆ ไปซะ จะได้ไปนอนเกลือกเขม่าภูเขาไฟอันอ่อนนุ่มของหนูเสียที ปกติแล้วหนูอยู่ในอีกที่หนึ่ง เป็นดินแดนอันอบอุ่นและร้อนรุ่มไปด้วยหินหลอมเหลว มีไฟโลกันตร์อุ่น ๆ ปะทุ ที่นั่นอบอวลและอุดมไปด้วยความทุกข์ทรมานของเหล่าวิญญาณบาปอันรื่นรมย์ แต่แล้วเมื่อหลายวันก่อนความสงบของหนูก็ถูกทำลายลง เมื่อพี่ของหนูตนหนึ่งยื่นความประสงค์ที่จะพักร้อน เพราะท้อกับการต่อสู้กับสิ่งที่สิงอยู่ในจิตใจของมนุษย์ผู้นี้ ปกติแล้วหนูมักจะบ่ายเบี่ยงเสมอ แต่ครั้งนี้เห็นจะบอกปัดไม่ได้เสียแล้ว ด้วยคำว่าหน้าที่ พวกเราแต่ละตนต่างมีหน้าที่ที่จะต้องจับจองมนุษย์เพื่อแย่งกันสะสมกิเลสในจิตใจพวกนั้นให้เบนไปตามวิถีแห่งพวกเรา ซึ่งมันก็ถึงเวลาที่หนูจำเป็นต้องออกโรงเสียที เดือดร้อนหนูจนได้...

หนูนึกโทษความอ่อนแอของมนุษย์ ที่ถูกพวกเราครอบงำง่ายเกินไปจนจำนวนของพวกเรามีไม่เพียงพอต่อประชากรมนุษย์ ปัญหานี้เกิดขึ้นมานานนับตั้งแต่ที่มนุษย์สร้างสิ่งเร้าต่าง ๆ เพื่อสนองความต้องการของตัวเอง พวกหนูแทบจะไม่ต้องทำอะไรเลยนอกจากกระซิบให้พวกเขาสนองมันและเข้าสิง แค่นี้พวกเขาก็ดิ้นไม่หลุด หลังจากนั้นพวกเราเพียงแค่นั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ในร่าง รอให้สิ้นอายุไข ก็จะได้ดวงวิญญาณแสนหวานดั่งลูกกวาดมากิน ยิ่งพวกมนุษย์สนองต่อสิ่งเร้าที่ชื่อว่า “กิเลส” มากเท่าใด รสชาติของดวงวิญญาณยิ่งอร่อยเลิศมากขึ้นเท่านั้น

นี่แหละมนุษย์ หากไม่มีสิ่งใดให้ยึดเหนี่ยวจิตใจไว้ เขาก็จะกลายเป็นกลางพอตายไปก็จะ เร่ร่อนเวียนว่ายในวัฏสงสารไม่รู้จบ วิญญาณพวกนี้จืดชืดไร้รสหวาน พวกที่หลุดรอดจากพวกหนูไปได้ ไม่ได้หมายความว่าเขาเหล่านั้นจะถูก “มัน” เข้าสิง เพียงแต่พวกหนูมีไม่พอที่จะเข้าไปหาต่างหาก

ต่างจาก “พล” มนุษย์เพศผู้คนนี้ที่หนูเฝ้าติดตาม หนูเข้าใจแล้วว่าทำไมพี่ของหนูจึงต้องลาพักร้อน เขาคงหมดความพยายามที่จะโน้มน้าวจิตใจมนุษย์ผู้นี้ ซึ่งมี “มัน” ที่แข็งแกร่งสิงสู่อยู่นั่นเอง

ก่อนที่เขาจะตายในอีก 4 วันนี้ หนูจะเอา “มัน” ออกมาและยึดร่างนี้แทนได้ไหม นั่นคือปัญหาและงานของหนู ถ้าทำได้ ก็เท่ากับประกาศว่าหนูชนะมัน ชนะสิ่งที่หนูเกลียด ชนะเจ้าพวกเทวา เจ้าทูตแห่งสวรรค์ที่มีจำนวนอันน้อยนิดที่คอยขัดขวางพวกเรา ชนะกับสิ่งที่พวกหนูต่อสู้มาเนิ่นนานนับตั้งแต่เอกภพนี้ถูกสร้างขึ้น หากทำได้หนูจะได้กลับนรกไปนอนเสียที

จากการเฝ้าสังเกตทำให้หนูรู้ว่า พลเป็นมนุษย์ที่จัดได้ว่า เป็นสุดยอดแห่งคนดี ที่หาใครเสมอเหมือน เขามีจิตใจที่งดงามโดยแท้จริง มันก็ไม่ง่ายนัก สำหรับมดงานที่ไร้ประสบการณ์อย่างหนู นี่หาก “มัน” ในร่างของพลมีความแข็งแกร่งมากละก็ พอเขาสิ้นอายุไข เขาก็จะได้ไปสวรรค์ กลายเป็นทูตสวรรค์ที่แข็งแกร่ง ซึ่งมันไม่ดีแน่ หากบุคคลนี้เป็นปรปักษ์กับพวกเรา หนูต้องเอาเขาลงนรกอย่างเดียวเท่านั้น

แล้วหนูจะทำอย่างไร ? มันต้องมีช่องให้เจาะสิน่า...
...
ในที่สุดพลก็เดินกลับมาถึงหอพักห้องเล็ก ๆ ที่มีเขาพักอยู่เพียงลำพัง ขณะที่เขากำลังอาบน้ำ เสียงเจ้าเครื่องมือสื่อสารเครื่องเล็กก็ดังขึ้น เขารีบออกมารับสายทั้งที่บนหัวยังเต็มไปด้วยฟองสีขาว หนูเห็นสัดส่วนของเขาถนัด พลเป็นคนที่มีร่างกายกำยำ มีกล้ามเนื้อที่ดี พลังวิญญาณของเขาก็ดีมากด้วย หากหนูเปลี่ยนมันมาเป็นวัตถุดิบแล้วบ่มด้วยกิเลสชั้นดี ใส่คาวโลกีย์เป็นส่วนผสม คลุกเคล้ากับอบายมุขชั้นเลิศเข้าไปด้วยละก็ รสชาติของวิญญาณดวงนี้คงจะหวานมันอย่างหาที่ติไม่ได้เลยเชียว

“วะ... ว่างครับ ทำไมเหรอ” สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นแดงเรื่อเมื่อทราบว่าปลายสายเป็นใคร
“หกโมงเย็น... วันนี้เหรอ เอ่อ!... ดะ...ได้สิ” เขาพูดพลางยิ้มให้กับวัตถุสื่อสารนั่น มืออีกข้างลูบจัดทรงผมให้เข้าที่ทั้งที่มันเต็มไปด้วยฟองอย่างลืมตัว นี่ก็เป็นอีกหนึ่งพฤติกรรมแปลก ๆ ของมนุษย์ที่หนูไม่ทราบว่าเขาสื่อถึงอะไร

“อะไรเหรอ ๆ ๆ บอกหน่อยสิ” หนูบินวนรอบตัวเขา แต่พลไม่ตอบ เขาวางเจ้าวัตถุนั่นแล้วกระโดดโลดเต้นวิ่งเข้าห้องน้ำไป ครู่เดียวเขาก็นุ่งผ้าเช็ดตัวเดินออกมาจัดห้องที่เรียบร้อยและสะอาดอยู่แล้วให้เข้าที่เข้าทางเข้าไปอีก นัยน์ตาเขาจับจ้องแต่นาฬิกาข้างฝา

มันช่างเป็นพฤติกรรมที่ขัดจากปกติวิสัยของเขา ซึ่งหนูก็พอรู้ว่าเพราะอะไร...

พลมีคนที่เขาหลงรักอยู่คนหนึ่ง เธอชื่อนีร์ นีร์เรียนอยู่ห้องเดียวกับเขาในมหาวิทยาลัย เธอคงเป็นผู้หญิงที่หน้าตาดีมาก ๆ ที่หนูรู้เพราะมีเหล่ามนุษย์เพศผู้มากมายเข้ามาทักทายเธอ ซึ่งในจิตใจของพวกนั้น ต่างก็มีเพื่อน ๆ พี่ ๆ ของหนูสิงสู่อยู่แทบทุกคน ทำให้รู้ว่ามนุษย์พวกนั้นหวังอะไรในตัวเธอ

แต่เธอมีคนรักอยู่แล้ว คนรักของนีร์ก็คือเพื่อนสนิทของพล หนูรู้ว่าเขาอาการไม่ค่อยดีนัก เมื่อเขาเห็นนีร์อยู่กับเพื่อนของเขา แต่พักนี้ ท่าทีของนีร์ดูเหมือนว่าจะมีใจให้พล ด้วยอะไรหนูก็ไม่อาจทราบได้ หรือจะเป็นเพราะมัน

เลยเวลานัดมา 5 นาที ในที่สุดเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น พลรีบลุกขึ้นไปเปิด เขาตะลึงกับภาพหญิงสาวตรงหน้าอยู่เนิ่นนาน...
“ขอโทษทีนะคะ เดินหาห้องอยู่นานเลย” นีร์ หญิงสาวในชุดกระโปรงสั้นเสื้อแขนกุดปล่อยผมยาวสลวยรับกับลิปสติกสีชมพูอ่อนดูสดใส ในมือถือหนังสือ 2-3 เล่มยื่นให้เขา

“มองอะไรเล่าเขินนะ” เขาได้สติ รีบก้มหน้าที่แดงเรื่อพร้อมกับรับหนังสือแล้วเดินมาที่โต๊ะเล็ก ๆ

เมื่อผู้หญิงคนนี้เดินเข้ามาในประตู หนูก็เข้าใจอะไร ๆ ได้แจ่มแจ้ง ทุกสิ่งทุกอย่างกระจ่างแจ่มชัดแล้ว หนูรู้แล้วว่าทำไมเธอถึงมีใจให้กับพล

“ล็อคประตู ๆ ๆ แล้วปล้ำเลย” หนูบินไปรอบ ๆ ตัวพลด้วยความดีใจ ซึ่งเขาไม่ได้สนใจหนูเลย เพราะจิตใจและสายตาเขาจับจ้องแต่เธอ นั่นไม่เป็นปัญหาสำหรับหนู กลับประกาศให้รู้ว่าโอกาสของหนูใกล้เข้ามาแล้ว

“แคลคูลัสเหรอที่อยากให้สอนน่ะ”
“อืมม์” นีร์พยักหน้า แล้วนั่งลงตรงปลายเตียง สาดสายตาไปรอบ ๆ ห้อง
“ห้องสะอาดจัง” เธอเอียงคอยิ้มเก๋ ๆ ให้ นั่นยิ่งทำให้เขาแสดงท่าทางเขินอายเข้าไปใหญ่

พลเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำมารินใส่แก้ว หนูไม่ละความพยายาม รีบบินไปกระซิบข้างใบหูของเขาทันที
“ใส่ยานอนหลับเลย” เขาทำตาเขียวใส่ จิตใจที่แท้จริงของเขาตะคอกใส่หนูยกใหญ่
“อย่ามาบ้าน่า...ไม่มีโว้ย” นั่นเป็นเสียงจากความนึกคิดของเขาจริง ๆ อย่างน้อย ตอนนี้ “มัน” ที่อยู่ในจิตเขาก็ยังไม่ทำหน้าที่ครอบงำเขา แต่เดี๋ยวคงไม่นานหรอก

เขาเดินมานั่งตรงเก้าอี้ที่มีอยู่ตัวเดียวในห้อง กางหนังสือบนโต๊ะ แล้วเขยิบเก้าอี้เข้ามาชิดใกล้เธอ พูดคุยถึงเรื่องในหนังสืออย่างขะมักเขม้น
“จากสมการ y = 2x + 6 หาระยะตัดแกน X ให้ y = 0 จะได้ 2 x = -6 , x = -3 กราฟตัดแกน X ที่จุด (-3 , 0) ระยะตัดแกน X เป็น -3” พลก้มหน้าก้มตาสอนเธอด้วยความประหม่า แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ค่อยสนใจกับสิ่งที่เขาบอกสักเท่าไหร่ เขาจึงถามบางอย่างกับเธอ

“ทำไมนีร์มาคนเดียวล่ะ ทีแรกนึกว่าจะพาเพื่อนมาด้วย หรือนีร์น่าจะบอกพลตั้งแต่ตอนอยู่ที่ ม. นะ จะได้ไม่ต้องมาที่นี่... ลำบากเปล่า ๆ” เขาหันไปบอกเธอที่จ้องหน้าเขาอยู่นานแล้ว เมื่อพลรู้ตัวว่าถูกจ้องอยู่ เขารีบหลบสายตาเธอ
“ โง่เอ้ย! พูดออกมาได้ โง่ ๆ ๆ ๆ ๆ” หนูรีบร้องตะโกนเสียงแปร๋นบอกเขา
“แล้วเต้ล่ะ” เขาเอ่ยชื่อเพื่อนของเขาซึ่งเป็นคนรักของเธอ เธอเบิกตาโพลงก่อนจะก้มหน้าลง
“ไม่มีเขาอีกแล้ว...” เธอเม้มปากเบือนหน้าพูดอะไรไม่ออก ดวงตาฉายแววเศร้าในทันทีคล้ายกับเก็บงำความทุกข์โศกอะไรบางอย่าง เธอเงียบอยู่นาน ในที่สุดก็เหมือนจะตัดสินใจอะไรได้
“เจ๋งเป้ง!” หนูร้องตะโกนด้วยความดีใจ

“พลชอบเรารึเปล่า” เธอเอื้อมมือไปปิดหนังสือใช้นัยน์ตาเศร้าคู่นั้นจ้องมองเขาอีกครั้ง หนูกระพือปีกผับ ๆ ยิ้มร่า...
“เอ่อ!...” เขาตกตะลึงกับคำถามของเธอ แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไรไปมากกว่านี้ นีร์ก็สวมกอดเบา ๆ ที่เอวเขา แล้วเงยริมฝีปากประทับจูบที่ปากของเขา
“นีร์!” เขาตกใจกับสิ่งที่เธอทำ
“ช่างเถอะ... แต่เราชอบพลนะ รักเลยละ” เสียงของเธอสั่น... นั่นปะไร... นั่นปะไร... หวั่นไหวเข้าไว้เจ้าพลเอ๋ย...
“เราไม่เหลือใคร อย่าทิ้งเราไปนะ” จิตใจเธอกำลังหวั่นไหวนั่นเอง คงจะเกิดอะไรขึ้นสักอย่างระหว่างเธอ กับเพื่อนของพล
“นีร์เป็นอะไรหรือเปล่า มีปัญหาอะไรบอกพลนะ” เขาลูบผมที่ยาวสลวยของเธอ เธอไม่ตอบเขา แต่กอดเขาแน่นขึ้นจนอกเธอแนบชิดอกเขา เธอยังไม่ละความพยายาม บรรจงจูบที่คอ ใบหน้า และที่ปากของพลพัลวัน

เมื่อเห็นอย่างนั้นหนูไม่รอช้า รีบบินไปยืนรออยู่บนศีรษะของพล รอให้ช่องมิติดำมืดแห่งความชั่วร้ายเปิดอ้าออก เฝ้าคอยให้มันกว้างพอที่จะให้หนูหย่อนร่างลงไปอยู่ในตัวเขา

พลใช้มือที่สั่นเทาเชิดคางของหญิงสาวขึ้น ด้วยความกล้า ๆ กลัว ๆ ... หนูว่าเขากำลังสับสน แต่ด้วยความรักอันมากมายที่มีต่อเธอ อาจทำให้เขาไม่ทำในสิ่งที่หนูต้องการก็ได้... อาจจะ...

“รออะไรอยู่ล่ะ” หนูบอกเขาเสียงเข้ม... หนูรีบสร้างลูกไฟโลกันตร์ไว้ในมือ มันอัดแน่นด้วยแก๊สสีดำบริสุทธิ์ หนูใช้ปากสูดเอาลูกไฟสีม่วงนั่นเข้ามาอมไว้ในปากและพ่นไปยังกลางกระหม่อมของพล
ได้ผล... ม่านมิติสีดำที่หัวของเขาเริ่มแยกออกเป็นช่องเล็ก ๆ แล้ว มีบางสิ่งที่เป็นด้านมืดเกิดขึ้นกับเขาแล้ว...
“เห็นฤทธิ์ของไฟราคะแล้วหรือยังล่ะ” หนูกระหยิ่มในใจ

มันไม่ง่ายอย่างนั้น ทันทีที่มีสิ่งแปลกปลอมที่ไม่บริสุทธิ์กล้ำกรายเข้ามา ร่างของพลก็เปล่งลำแสงออร่าสีขาวเพื่อจะกลืนกลบช่องมิติสีดำช่องเล็ก ๆ ของหนูทันที
“อย่าทำอย่างนั้น มันไม่ใช่วิสัยของลูกผู้ชาย” เจ้าเทวาในจิตใจเขาร้องเตือนสติ พลสะดุดกึกทันที... นี่คงเตรียมท่ารออยู่แล้วละสิ

อย่าได้ย่ามใจนัก หนูรีบสร้างไฟราคะอีกดวงขึ้นแล้วยัดใส่เข้าไปในช่องมิติสีดำกลางกระหม่อมเขาทันที

“โอ้วว์! ท่านลูซิเฟอร์ท่านเทวทัตช่วย!” หนูอุทานออกมาอย่างอดกลั้น เส้นยาแดงผ่าแปด... ลำแสงออร่าสีขาวของเจ้าเทวากลบช่องมิติสีดำหายวับไปกับตา แต่มันก็ยังช้ากว่าดวงไฟสีม่วงที่ถูกกลืนเข้าไปในร่างของเขา

“วะฮ่า ๆ ๆ ๆ สำเร็จ” สีหน้าของพลเปลี่ยนเป็นเคลิบเคลิ้มอันเกิดจากฤทธิ์ของลูกไฟไปเผาจิตใจที่กำลังอ่อนแอ

ได้ผล ม่านออร่าสีขาวพลันจางหาย พลพลิกร่างของนีร์ให้นอนราบกับเตียง บรรจงซุกไซร้ซอกคอสนองตอบเธอ ไม่นาน เสื้อผ้าส่วนบนของเธอและเขาก็หลุดออก พลค่อย ๆ เลื่อนหน้าของตัวเองมาอยู่ระหว่างปทุมถันของนีร์ หนูกระพือปีกบินมารอที่ศีรษะของเขาอีกครั้ง ช่องมิติที่หัวของเขาเปิดกว้างเสียจนหนูเกือบจะมุดเข้าไปได้อยู่แล้ว

“หยุด!” เป็นเสียงเข้ม ๆ ของ “มัน” เจ้าเทวาที่สถิตอยู่ในใจเขา
“พรึ่บ!” ดั่งฝันค้างกลางลาวา ควันไฟลอยออกจากหูของพล นั่นหมายความว่าลูกไฟราคะของหนูถูกทำลายลง
“พล เจ้าเห็นใช่ไหม ระหว่างหน้าของเจ้านั่น” เจ้าเทวาเน้นคำฟังดูหนักแน่น
“เจ้าจะทำได้ลงคอหรือ สิ่งนั้นเป็นสิ่งเดียวกับสิ่งที่เลี้ยงเจ้ามานะ เจ้าดื่มกินสิ่งนั้น ได้ไออุ่นจากสิ่งนั้นจากแม่ของเจ้า แล้วเจ้ายังจะทำได้ลงคอหรือ และนี่หากข้าไม่เตือนเจ้า เจ้าคงจะเลยเถิดรุกล้ำสิ่งที่คลอดเจ้าออกมาด้วยความเจ็บปวดด้วยหรือไร” พลเงยหน้าขึ้นเหมือนได้สติ
“รอช้าอะไรอยู่เล่า แกคิดว่าโอกาสแบบนี้หาได้ง่าย ๆ รึ” หนูร้องตะโกนกลอกหูเสียงแข็งเหมือนกัน
“หากแกไม่รีบยัดเยียดความเป็นชายให้กับเธอซะในตอนนี้ มีชายอื่นอีกมากมายที่พร้อมจะยัดเยียดให้ แล้วเมื่อถึงตอนนั้น แกจะทนได้เหรอ”
“แกรักเธอใช่ไหมล่ะ เธอก็รักแกมากด้วยเช่นกัน เธอน่ารักใช่ไหมล่ะ เธอสวยใช่ไหมล่ะ” หนูพร่ำไม่หยุด พยายามหาสิ่งหักล้าง
“รีบจับจองเธอไว้สิ... ผู้หญิงน่ะ... สวยขนาดไหน ก็หนีไม่พ้นเจ้าโลกนี่หรอก” หนูกระโดดมายืนจังก้าอยู่บนขอบกางเกงของเขา ใช้นิ้ววนรอบสิ่งที่อยู่ภายในนั้น
“เจ้ากำลังทรยศเพื่อนรู้ไหม” เจ้าเทวายังไม่หยุด มันพยายามหาเหตุผลมาหักล้าง มันกับหนูเถียงกัน ผ่านคนกลางก็คือพล ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะได้เปรียบ พลลืมตาได้สติ จ้องมองนีร์ที่ขณะนี้ร่างกายของเธอไม่มีอาภรณ์ใด ๆ ปกปิด เขาดึงผ้าห่มคลุมไหล่เธอแล้วลุกขึ้นยืน
“แย่แล้ว!” หนูอุทานออกมา หนูกำลังจะแพ้หรือนี่ หนูควรทำอย่างไรดี

ขณะที่หนูคิดอะไรไม่ออก นีร์ก็ลุกนั่งคุกเข่าแล้วถอดกางเกงของเขาออก จัดการกับสิ่งที่อยู่ข้างในนั้น...

หนูไม่ต้องทำอะไรเลย ร่างของพลก็เปล่งม่านสีดำมืดคลุมร่างของเขาทันที ไฟราคะภายในร่างของพลลุกติดขึ้นมาทันที หนูเห็นปีกสีขาวหม่นโผล่ออกมาจากรูมิติกลางกระหม่อมของเขา
“โอ้ย! ร้อน” เจ้าเทวาโผล่หัวออกมา หนูไม่รอช้ารีบจุดไฟขึ้นอีก 2 ดวง และขว้างไปที่หัวของมัน
ไฟโลกันตร์ลุกโชติช่วงลามผลาญร่างของเจ้าเทวาในบัดดล มันดิ้นทุรนทุรายบินหนีและพยายามดับไฟ... สายไปแล้วหนอ ไฟนั่น มันน่ากลัวกว่าที่ใครคิดมากนัก เพราะมันจะไม่มีวันดับมอดลง จนกว่าจะเผาสิ่งที่มันลุกไหม้จนสิ้นซาก...

หนูชนะแล้ว

ช่องสีดำบนหัวของพลเปิดกว้างพอที่จะให้หนูเข้าไปสิงสู่ ซึ่งหนูก็ไม่รอช้า ทีนี้ก็เป็นเรื่องง่ายแล้วที่หนูจะทำอะไรกับร่างนี้ก็ได้
“มานี่ จะสอนให้รู้นะพล ว่าบทสังวาสที่แท้จริงที่ทำแล้วมีความสุขน่ะ เขาทำกันอย่างไร” ร่างของพลในการบังคับของหนูขยับเนิบนาบขนาบกับร่างของนีร์ไปตามจังหวะของตัญหา ต่อไปนี้ไม่มีสิ่งใดมาขวางหนูอีกแล้ว
...
4 วันผ่านไป ณ ที่หนูอยู่นี่คือทะเลสาบลาวาเลือดสีแดงสด อันเป็นสวนสาธารณะแห่งดินแดนนรกภูมิที่หนูอยู่ เขม่ากำมะถันจาง ๆ กลิ่นของมันเคล้าซากไหม้ของวิญญาณบาปที่ว่ายอยู่กลางทะเลสาบทำให้หนูรู้สึกสดชื่น หนูกำลังรอพี่คนหนึ่งอยู่อย่างเย็นใจเพราะไม่มีอะไรให้ทำอีกแล้ว วันนี้เป็นวันสิ้นอายุขัยของพล

นั่น... เขาบินมาโน้นแล้ว ในมือถือขวดไวน์ กับกล่องอะไรสักอย่างมาด้วย
“ว่างัย เจ้าตัวเล็ก รอนานไหม”
“ก็นานพอดู... นานจนไอ้พวกวิญญาณในลาวาเลือดนั่นถูกเผาจนละลายไปเกือบหมดแล้ว” หนูทอดสายตามองเหล่าวิญญาณบาปเหล่านั้นด้วยความสบายใจ
“โทษที เอ้า! ของฝาก” เขาโยนกล่องใบนั้นให้หนู ไม่รอช้า หนูรีบแกะออกทันที
“ว้าว! เค้กวานิลาไส้วิญญาณ” วิญญาณของใครเนี่ย
“ผลงานของแกน่ะแหละ เจ้าตัวเล็ก” พี่เขายิ้มเจ้าเล่ห์
“อ๋า! นี่สอดไส้วิญญาณของพลเหรอ แล้วให้หนูทำไมล่ะ” หนูเพ่งมองเจ้าเค้กหน้าตาประหลาดนี่ด้วยความตื่นเต้น
“พี่มีไวน์ชั้นดีอยู่แล้ว” เขายกขวดไวน์ขวดนั้นให้หนูดู... มันทำให้หนูประหลาดใจกับสิ่งที่อยู่ใน
“ดวงวิญญาณนีร์นี่ เธอสิ้นอายุไขแล้วเหรอ”
“ใช่แล้ว ตายพร้อมกัน โดนคนรักเก่ายิงตาย...ยิงตายทั้งคู่”
“ร้ายนะ พอสิงผู้ชายไม่ได้ ก็ไปสิงผู้หญิงแทน แล้วใช้เสน่ห์ของผู้หญิงมาทำให้ผู้ชายตบะแตก” ผู้ที่ทำให้นีร์เป็นคนร่านสวาทได้ไม่ใช่ใครที่ไหน นั่นก็คือพี่ของหนูคนนี้ คนที่บอกว่าจะไปพักร้อนนั่นเอง แท้ที่จริงแล้วเขาไปพักร้อนในร่างของนีร์
“สู้ตัวต่อตัวไม่ได้ ก็ต้องเล่นเป็นทีมสิ” เขายิ้ม
“แล้วนี่ไปทำอีท่าไหนล่ะ ถึงได้ไปครอบงำจิตใจของเจ้ามนุษย์เพศเมียคนนั้นได้”
“เธอผิดหวังเรื่องความรัก มนุษย์น่ะ หากตกอยู่ในสภาวะเศร้าโศกแล้วละก็ อะไร ๆ มันก็ง่าย มนุษย์เพศเมียคนนี้เป็นตัวอย่างที่ดี อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เจ้าเจาะจิตใจของเจ้ามนุษย์เพศผู้ผู้นั้นได้ง่าย ๆ อีกเหมือนกันนั่นก็คือ ความรักอีกนั่นแหละ... หากมนุษย์แปลค่าของมันไปในวิถีซาตาน มันก็ไม่มีอะไรยากที่จะควบคุม ” พี่ของหนูพูดพลางยิ้มแล้วกล่าวต่อ
“หากความโกรธ ความเกลียด ความริษยา นั่นเป็นวิถีที่ซาตานอย่างเรา ๆ ที่ใช้หลอกล่อมนุษย์แล้วละก็ เราก็ต้องรู้จักปรับเปลี่ยนและประยุกต์ใช้ สิ่งที่ชื่อว่าความรักด้วย ความรักน่ะ มันมีค่าเป็นกลาง มันพร้อมจะเอนเอียงไปยังวิถีแห่งเทวา หรือซาตานก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าใครจะฝีมือดีกว่ากัน หากเราสามารถปรับเปลี่ยนมันให้มาอยู่ในกำมือเราได้ เราก็จะเอาไอ้เจ้าก้อนความรักนั่นมาปั้นเป็นความโกรธ ความริษยา หรือตัณหา หรืออะไรก็ได้” เขาแยกเขี้ยวยิ้มอีกครั้ง
“แต่ก็เก่งใช่ย่อยนะ เจ้าตัวเล็ก ดีใจด้วยกับงานชิ้นแรก”
หนูค่อย ๆ บรรจงกัดเค้กวานิลาชิ้นนี้เข้าปากอย่างเอร็ดอร่อยพร้อม ๆ กับพี่ของหนูที่กระดกไวน์ในขวดทีเดียวจนหมดเกลี้ยง

ช่างเป็นวันที่ดีจริง ๆ เราสองตนหัวเราะสนองรับกับชัยชนะจนหนูคิดว่าเสียงของมันจะดังกึกก้องข้ามฝั่งทะเลสาบลาวาสีเพลิงแห่งนี้ ผ่านโลกมนุษย์ สะท้านไปถึงสวรรค์นู้นเลยเชียว...



Create Date : 03 สิงหาคม 2548
Last Update : 3 สิงหาคม 2548 23:50:00 น. 4 comments
Counter : 694 Pageviews.

 
เพิ่งรู้ว่ามีบล็ฮกนะนี่ เลยมาเยี่ยมสะหน่อย อิอิ


โดย: Tethys IP: 61.91.183.27 วันที่: 10 สิงหาคม 2548 เวลา:0:05:58 น.  

 
สองมือแม่โอบอุ้ม.................ด้วยรัก
ยามเกิดเฝ้าฟูมฟัก................ลูกน้อย
ลูกเติบใหญ่ประจักษ์..............คุณแม่
นานผ่านวันเคลื่อนคล้อย...........ลูกได้ทดแทน

สุขสันต์วันแม่ค่ะนายเจมีหนี้




โดย: รสา รสา วันที่: 12 สิงหาคม 2548 เวลา:19:54:50 น.  

 
คนเรา.......

มักจะเขียนในสิ่งที่จินตนาการ..............

ว่าแล้ว เฮาอ่าน ก็วิ่งผ่านโกยแน่บ.............ชิว


โดย: โตมิโต กูโชว์ดะ วันที่: 12 สิงหาคม 2548 เวลา:22:19:45 น.  

 


โดย: ศาลาไทย (salathai ) วันที่: 24 สิงหาคม 2548 เวลา:7:12:04 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมจ๊อด
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add สมจ๊อด's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.