รูปทรงภายนอกของเครื่อง 2DS เป็นทรง Bar Type ชิ้นเดียว ไม่ได้เป็นฝาพับแบบรุ่นพี่ อย่าง 3DS สำหรับคนที่กังวลว่าใช้ไปนานๆบานพับจะเสีย ปัญหาตรงนี้ก็หายไป โดยดีไซน์เป็นการไล่ระดับจากข้างบนลงมาข้างล่างด้วยความหนาจากมากไปน้อย และขนาดของเครื่องมีขนาดเท่ากับกล่องเกมพอดิบพอดีเลยละ และไม่ได้ใหญ่อย่างที่คิดในรูปตอนเปิดตัวครั้งแรก ช่องด้านบนเป็นที่ใส่ตลับเกม ,อินฟราเรดและช่องเสียบสายชาร์จ ด้านขวาเป็นช่องใส่ Memory Card และช่องเสียบปากกาไว้ทัชจอ ด้านซ้ายเป็นที่ปรับระดับเสียง โดยลำโพงให้มาตัวเดียวอยู่ซ้ายบนของจอ เป็นระบบเสียง Mono แต่ความดังของเสียงมากกว่า 3DS XL ด้านบนมีกล้องหน้าและกล้องหลัง 2 ตัว ความละเอียด 3 แสนพิกเซล ไว้ถ่ายภาพ , วิดิโอ 3D ได้ แต่ดูในเครื่อง 2DS จะไม่เห็นภาพ 3D

ด้านการจับกระชับมือ ถนัดมือโอเค ไม่ได้รู้สึกลำบากตอนเล่นแต่อย่างใด แต่วัสดุด้านข้างเป็นพลาสติกเวลาเล่นบางทีไปสัมผัสโดนจะก็จะได้ยินเสียงก๊อบแก๊บ ส่วนเรื่อง Circle Pad Pro ทาง Nintendo ยังไม่ประกาศว่าจะทำออกมาให้รุ่นนี้หรือไม่ แต่เกมโดยส่วนใหญ่แล้ว ไม่มีเกมไหนที่ไม่ใช้แล้วขาดไม่ได้จริงๆ อย่างเช่น Monster Hunter ก็ใช้ปุุ่มหันทิศทางในจอสัมผัสข้างล่างได้ และเกมเมอร์ฮาร์ดคอของเกมนี้ก็ไม่ค่อยใช้ Circle Pad Pro แต่อย่างใด เพราะทำให้จับลำบากขึ้น

ด้านการแสดงผลของภาพไม่มีความแตกต่างกับ 3DS ที่ปิดฟังชั่น 3D ออกไป และความละเอียดของจอก็เท่ากัน 

ถามว่า 2DS คุ้มค่ากับราคาหรือไม่กับการตัด 3D ออก บอกได้เลยว่าแค่เอามาเล่น Pokemon X,Y ก็คุ้มแล้ว เพราะราคาเครื่อง 4900-5200 + เกม 1400 บาท = 6,300-6,600 บาท ขณะที่ 3DS XL ตัวเครื่องอย่างเดียวราคา 7000-,7200 บาท และตัวเกมไม่ค่อยมีฉากที่แสดง 3D มากเท่าที่ควร และเปิดแล้ว Frame Rate ตกอีก เป็นในหลายๆเกม 

ดังนั้นขอสรุปว่าถ้างบไม่อั้นก็จัด 3DS XL ไปเลยครับ แต่ถ้าเอาความคุ้มค่า 2DS คือตำตอบครับ แต่แนะนำว่าถ้ารอได้ รอราคาในบ้านเราปรับลงมาที่ 4000-4500 ก่อนก็โอเคครับ

ข้อสังเกตุ

1.จอเล็กกว่า 3DXL แต่ความละเอียดเท่ากันจึงให้ความคมชัดที่ดีกว่า

2.เครื่องเป็นแบบ Bar Type ตัดปัญหาเรื่องบานพับไป แต่พกพาใส่กระเป๋ากางเกงได้ลำบาก

3.วัสดุเป็นพลาสติก เวลาจับโดนด้างข้างฝั่งปุ่มปรับระดับเสียงจะได้ยินเสียงก๊อบแก๊บ อาจเป็นเฉพาะเครื่องผม 

มีคำถามสงสัยอะไรเม้นไว้ได้เลยครับ