สมรัชนะ( นายแบก(อาหาร) - นักเขี่ย(หนังสือ) - นักท่องเที่ยว(ยามเมื่อว่าง) -ฝากพ็อกเก็ตบุ๊คเรื่องโหด มันส์ ฮา ประสาลูกเรือ(สำราญ)วางแผงแล้วทั่วไทย-The3 pocket book is in all leading bookstores in Thailand soon.ฮาวทู ผสมประสบการณ์ลูกเรือไทยในต่างแดน แสนฮา สุดมันส์ เศร้า เคล้าน้ำตา ประสาลูกเรือ โดย สมรัชนะ มูลสาย...
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2549
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
31 สิงหาคม 2549
 
All Blogs
 
บันทึกประจำวัน จากต่างแดน รวมลอยล่องท่องเรือ(สำราญ) ที่ยุโรป..2005 By สมรัชนะ ณ ยุโรป

18 VENICE ตารางทำงาน หกโมงเช้า ถึงเก้าโมง เป็นการเสิร์ฟอาหารเช้าก่อนที่แขกจะกลับบ้าน....
พอเสิร์ฟเสร็จ ออกไปเล่นเน็ต ที่ร้านข้างนอก ท่าเรือ ...กลับมาทำงาน รอบ 11 โมงเช้าแทบไม่ทัน
คราวนี้ต้อง ทำหน้าที่ยืนที่แกงค์เวย์ หรือประตู ทางขึ้นลง เข้าออก ของเรือ เหมือนงวงช้างที่ต่อกับตัวอาคาร กับเรือ ... ใส่ชุดสูทสีเขียวครีม ใส่ถุงมือ ยืนกล่าวต้อนรับ ..แขกใหม่ ...
“Good morning Welcome aboard….! Have a nice vacation” สารพัด ประโยค ที่ถูกกล่าวเพื่อสร้างความประทับใจ และต้อนรับอย่างอบอุ่น ......
19 VENICE ,Italy วันนี้ผมทำงานเสิร์ฟ ดินเนอร์ รอบแรก มีแขกแค่สองคน เพราะว่าเรือจอดค้างคืนที่นี่ ...แขกก็ออกไปเที่ยวในเมือง ซึ่งไม่ไกลนัก นั่งเรือไปไม่เกิน 15 นาที เพราะเมืองเวนิส นี้ต้องเดินทางโดยเรือเท่านั้น หรือเดิน เพราะจะไม่มีถนนให้รถเข้าไปได้ ..จึงกลายเป็นเมืองลอยน้ำ ที่โรแมนติกมากที่สุดในโลก (เค้าว่างั้นหนะ)
ส่วนรอบสอง ....ไม่มีแขกเลย ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเหมือนคราวที่แล้ว แต่ว่าต้องรอการประชุมพนักงานที่ทำงานรอบเช้า ที่ Horizon court ที่ชั้น 14 ของเรือ กะว่าจะไม่ออกไปเที่ยวแล้วหละ แต่เพื่อนซี้เจ้ากรรม (กอล์ฟ) ขอร้อง ...ช่วงคุณเพื่อนขอร้อง เราก็ต้องขอไปเหมือนกัน ...ไม่เป็นไร หลับวันอื่นได้ ...บอกเพื่อนว่าไม่ไปนานนะ ... เรือบริการแขกและลูกเรือ รอบสุดท้ายออกจาก เซ้นท์ มาร์โก้ เที่ยงคืนครึ่ง ...เราออกจากท่าเรือที่เรือจอดก็ห้าทุ่มต้น ๆ แล้วหละ ครับ หนึ่งชั่วโมงแห่งความสุข ขอให้ได้ออกไปดูเดือนดูดาว คืนวันพระจันทร์เต็มดวง เดินกินลม ชมวิว ช่วงเดือนเต็มดวงที่เวนิส ให้นก กา อิจฉาเล่น ๆ ....ไม่ผิดหวัง ครับ ...เราใช้เวลาอย่างมีค่านั้น เดินรอบ ๆ ใจกลางเมืองที่เค้าเรียกว่า จตุรัส เซ้นท์ มาร์โก้ หรือ เซ้นท์ มาร์ค (ซึ่งถ้าใครมาเวนิสแล้วไม่ได้มาที่นี่ ถือว่ามาไม่ถึงเมืองเวนิส ....ที่ตรงนี้จะอยู่ติดวัง ของ ดุ๊ค (Duke) หรือว่าขุนนางชั้นสูงของชาวอิตาลี่ ซึ่งมีสะพานที่เชื่อมต่อคุก สร้างความแตกต่างได้อย่างเด่นชัด เพราะเป็นสะพานตำนาน รัก วิวาห์เหาะ เหมือนกับ พวกคนรับใช้ กับเจ้านายในสมัยก่อนของคนไทย ที่ลักลอบนัดเจอกัน ไปหา กันตามใจรักและแรงกล้า แรงปราถนา .... สะพานนี้จึงมีตำนาน ที่คนทั่วโลก รวมทั้งพี่ไทย หลาย ๆ คนต้องมาถ่ายรูปที่นี่... ด้านหน้า จะมีเรือ คอนโดลา จอดเรียงราย เหมือนเป็นอู่ จอดพักเรือด่วนเจ้าพระยา บ้านเรา ....เพราะมันดึกสงัดขนาดนี้ไม่มีใครมาใช้บริการแล้ว หลังเที่ยงคืนก็ปิดทำการ ..... เดินไป ชมวิวไป เม้าท์แตกกับเพื่อนตามประสา ของคนอยู่ริมฝั่งชล แสงจันทร์ กระทบกับคลื่น ทะเล ที่เวนิส ทำให้อดนึกถึง คืนวันลอยกระทง ไม่ได้...เหตุไหน กระทงอย่างเราต้องหลงทางมาอยู่ถึงที่นี่ได้ ....เฮ้อ...ใครจะไปรู้ว่า จากเด็กดอยใจดี ที่อยู่หลังเขา จะได้มีโอกาสมาเดินเล่น ชมจันทร์ ชมเมือง เล่น ๆ ที่เวนิส ได้....
ตามฝั่งของเมืองเต็มไปด้วยร้านอาหาร ที่เริ่มปิดร้าน และนักท่องเที่ยวที่ยังคงเยอะหนาตา มาจากทุกมุมโลก (สังเกตุได้จากเสียงภาษาที่เค้าคุยกัน ) ร้านอาหาร น่านั่งคลอเคลีย เคล้า เสียงลม เสียงคลื่นกระทบฝั่ง ...เราเดินเลาะตามฝั่งไปเรื่อย ๆ ด้วยความที่คิดว่าที่นี่เหมือนบ้าน ที่สองของเรา จึงพากันใส่โสร่ง ...เอ้ย ไม่ใช่สิ...เป็นกางเกง ทะเล ขาก๊วย เสื้อยืด ดูดี แต่ไม่มียี่ห้อ ..ออกไปกัน ..สร้างความตื่นตาตื่นใจ ให้กับผู้พบเห็นไม่น้อย ...อายใครซะที่ไหน หละ ครับ ของดีมีให้คนดู ไม่ได้อวด แต่ทำแล้วไม่ผิดกาละ เทศะ ก็ทำ ๆ ไปเหอะ ครับ ฝรั่งเค้ายังใส่กางเกง ขาสั้น ผ้าน้อยผืน บาง ๆ ปิดอก ปิดบั้นท้าย ใส่จี สตริง อวดกันไม่มีใครมาจับ...นับประสาอะไร กับกางเกงขาก๊วย สวย ๆ ของเรานำเข้าโด๊ยตรงจากไทย ...อิ อิ ...
พอเดินเพลิน เกินห้ามใจ มองดูเวลาแล้ว จำเป็นต้องจาก ต้องมาลงเรือด่วนขบวน(ลำ) สุดท้าย คราวนี้ ต่อให้นักกีฬา เหรียญทองก็เหรียญทองเหอะ วิ่งกันอย่างเมามันส์ ...ข้ามสะพาน ที่เวนิส จนนับไม่ได้ ระยะทาง ประมาณ จากสยาม ไป เวิล์ด เทรด ...ช่วงวิ่งสู้ฟัด ...กัดฟัน มัน ๆ กลัวจะตกเรือ ...ไม่งั้นก็ต้องเหมาเรือ ราคาไม่แพงเท่าไหร่ แค่ร้อยกว่ายูโร (แค่นี้ ประชดนะเนี่ย) หรือว่าเลือกที่จะเดินกลับก็ได้ แต่อาจทำให้เป็นบุญหลงได้ เพราะว่าทุกซอกทุกมุม สร้างมาอย่างเมหือนกัน จนจำไม่ได้ …ใช้เวลาเดินกลับเรือ หนึ่งชั่วโมง ..โดยประมาณ ...จากคนที่เคยทำกันมาแล้วววววว เพราะว่าตกเรือ ....
สุดท้ายเราก็ทำได้ ทันเวลา ...แถมมีเวลา ยืนหอบ บนเรือ อีกห้านาที ดีเลย์ก่อนเรือออก รอบสุดท้ายของคืนนี้จึงมีแต่ พนักงาน จากหน้าฟร้อนท์ (เพอร์เซอร์) สี่คน และพี่ไทยสองคน ยืนบนเรือ ให้ลมโกรก พริ้ม ปลิว ปลายผมเล่น ๆ พร้อมกับชมเดือน ชมดาว ยืนเหงาเศร้าและเป็นสุข ร้องรำ ฮำเพลง กันตามประสาคน บ้า ๆ บอ ๆ ทำให้ได้เห็น บ้านเมืองของเวนิสอย่างสำราญนัก...ด้วยการบริการของสองหนุ่มชาวเวนิส อย่างเป็นกันเอง ....
พอกลับมาที่เรือแล้ว จึงตั้งใจจะต่อเน็ต ที่ได้สัญญาณจาก ไว-ไฟ ทำให้ต่อเน็ตได้ฟรีไม่มีเสียตังค์ แชทกับเพื่อนที่เมืองไทย เป็นเวลาหกโมงเช้า แต่ที่เวนิส ตีหนึ่งซึ่งอยู่คนละมุมโลก ก็เห็นกันได้ อย่างอัศจรรย์นัก ...(ยังจำได้ ไหม ใคร กันหนอที่คอยแชทกับผมวันนั้น ยังจำได้ไหม จำได้รึปล่าวววว....)
ฝากลม วอนดาว กล่าวคำว่า ...คิดถึง และห่วงยัย .... เพื่อนพ้อง น้องพี่ และคนรักของข้า ที่เมืองไทย ...ไม่นานลูกที่จากมา จะมาซบหน้าแทบอกแม่เอย...

20 AT SEA เช้าวันนี้ตื่นทำงานด้วยความสดใส เพราะว่าเมื่อคืนหลับแต่หัวค่ำ แค่ตีหนึ่ง จริง ๆ แล้วเที่ยงคืนแต่ว่า ต้องปรับเปลี่ยนเวลา an hour forwards จึงเสียเวลาไป เช้าวันนี้พระอาทิตย์ โผล่ขึ้นมาจากผืนน้ำ เป็นสีแดง ทอง อร่ามอย่างสวยงามมากที่สุด ในรอบปี เท่าที่เคยเห็น....แดงยิ่งกว่าเอ๊กยอร์ค จากไข่ไก่พันธ์ดีของโลกซะอีกหนะ.... ผมทำงาน ตีห้า สี่สิบห้า ถึง 11 โมงเช้า เพราะว่าวันนี้ต้อง เสิร์ฟ ไวน์ เทสติ้ง ซึ่งเป็นการชิมไวน์ ที่มาจากแต่ละประเทศ ของผู้โดยสาร เป็นตารางการทำงานเฉพาะ waiter เท่านั้น ซึ่งก็มี เด็กเสิร์ฟ และ แก่ ๆ เสิร์ฟ มาจากหลายประเทศ ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงาน ที่มาจาก โปแลนด์ โรมาเนีย โปรตุเกตุ ฮังการี่ อิตาลี่ ฟิลิปปินส์ เม็กซิโก บัลกาเรีย ลิธูเนีย เซ้าท์ แอฟริกา ออสเตรีย และหนึ่งเดียวที่มาจากไทย คือผมครับ เพราะว่า คนไทยมี waiter ที่เรือลำนี้ หกคน แต่คนอื่นทำงานรอบอื่นกัน ส่วนที่เหลือ ก็เป็น ผู้ช่วยเด็กเสิร์ฟ หนะครับ ....การเสิร์ฟไวน์ นี้ นั้นต้องรินแก้ว พอทดลองจิบไวน์ อย่างดูดี มีชาติตระกูล ไม่ได้ ดื่มเพื่อลืมเธอ นะครับ ....ซึ่งมีการบรรยายจากผู้เชี่ยวชาญของไวน์แต่ละขวดที่มาจากทุกที่ทั่วโลก ....พอรินแล้ว ก็ถือขวดโชว์ เหมือนเป็นการแสดงสินค้า ยังไง ยังงั้นอะ ...อิ อิ .... อย่างงี้เข้าข่ายเป็น พริตตี้ หรือนายแบบได้มะ ...แบบว่า โลกมันเศร้าหนะ ....
พอกลางคืน คืนนี้เป็นวันแต่งตัว formal night ผมมีผู้โดยสารไม่กี่คน จึงสบาย คืนนี้เป็นการเสิร์ฟอาหาร และชมการแต่งตัวของลูกค้า ใครจะแต่งตัวได้หรูเริ่ด ประเสิร์ฐศรีแค่ไหน ก็ประชันกันงานนี้หละ ครับ แต่ก่อนที่ท่านทั้งหลายจะมาทานอาหารดินเนอร์ได้ต้องไปถ่ายรูป ไป งานกัปตัน คอร์คเทล ปาร์ตี้ ที่ห้องลอบบี้ กัปตันจะประกาศ ต้อนรับ ผู้โดยสาร และรายงานว่า มีผู้โดยสารมาจากประเทศอะไร กันบ้าง มีกิจกรรมอะไร บนเรือ และลูกเรือ มาจากไหน แนะนำเจ้าหน้าที่ระดับหัวหน้า ตำแหน่งต่าง ๆ ให้ ผู้โดยสารได้รู้จักกันมากขึ้น ....
ผมมีลูกค้าอยู่ ครอบครัวหนึ่ง พึ่งมาเรือครั้งแรก เป็นคนอเมริกัน เค้าบอกผมตรง ๆ ว่า “ อย่าว่าอย่าง งั้น อย่างงี้เลยนะ คือว่า พวกเราไม่เคย กินอาหาร ที่เรือ ขอลองชิมทุกอย่างได้มั้ย” “โอ้ย พระเจ้า ...กล้าขอออกอย่างนี้ ทำไมจะไม่ได้หละ ครับ” ทางรายการของเราก็จะจัดให้ โชคดีที่มีแขกไม่เยอะ จึงมีเวลาบริการขบวนการ “มาเพื่อแดก” ได้อย่างดี เสิร์ฟไป บ่นไป หนะครับ แต่รับหน้ายิ้ม พิมพ์ใจ เข้าไว้ ขอโทษ โคตรเรื่องมาก ขอพิเศษไอ้นั่น ไอ้ นี่ ไม่ใส่อย่างนั้นอย่าง นี้ ร้อยแปดคำถาม ๆๆๆๆๆๆ คนไม่รู้จะหาคำตอบได้ สั่งอาหารมาแล้ว ไม่ชอบขอ ชิมอย่างอื่นอีกดีกว่า ..โอ๊ย สารพัดจ้าว ...(จ้าวปัญหา) ....ไม่ให้หลั่งน้ำโห (โมโห) ได้งัยหละครับ แต่ดี อย่างคือเค้าฟังภาษาไทยไม่ได้ ไง ครับ อย่างนี้ต้องเจอ ..ด่า....หาทางระบายเข้าไป สิ ...เข้าใจซะที่ไหน หละ ไม่ได้อยากสวมวิญญาณ ตัวร้าย....แต่บางทีมันก็เกินไป เกินห้ามใจได้หละ ครับ ...ลูกน้องผม งี้ ....หัวเราะ ใหญ่ เลย ด่าแขกเสร็จ พอหันไปหาแขก ตอแหล ...ยิ้มระรื่น เหมือนไม่มีอะไร เกิดขึ้น ....ทำให้รู้ว่าเราผ่านโรงเรียนจบเอก การแสดงมาได้อย่างมืออาชีพ ....ประกอบกับ ภาควิชาการตอแหล เป็นวิชาโท โอ้ พระเจ้า ถึงคราวที่ต้องงัดมาใช้นอก มหา’ลัย ชีวิตได้ดีนักแล ....
พอถึงก่อนการทานของหวาน ต้องมีการร้องเพลง ฉลองวันเกิด และวัน anniversary ครบรอบ 16 ปีแห่งความหลัง ...ทั้งรักทั้งชัง กันอย่างชื่นมื่น ....ผมก็แกล้งทำเป็นถามว่าครบรอบกี่ปี .... “ อ๋อ หมาดำ (madame)...ครบรอบ ซิกซ์ ตีน เหรอครับ...” “Oh ! M’am How many years on your anniversary …..wowwww ! sixteen years ! Congratulation ! ” ( ตอนที่สนทนาก็ใส่เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ แบบ สไตล์อังกฤษ ดัดจริตจะก้าน นิด ๆ ...จึงจะได้อารมณ์ และแสดงถึงความเอาอกเอาใจ และ จริงใจ แต่ความจริงข้างใน จิงโจ้นัก.....ความจริง ต้องอ่าน ซิกซ์ ทีน แต่เรียกทับศัพท์ไทย ว่า ซิกซ์ตีน แปลตามความเข้าใจเราได้ว่า ครบรอบ หก ตีน หนะ อิ อิ)
พอทานของหวานที่ขนมาให้ ยิ่งกว่าจัดโต๊ะบุฟเฟต์จีนให้ลิงที่ลพบุรี หมดแค่นั้นหละ ...อยากคุยกับเรา ... “เออ มูน (ชื่อที่ผมใช้ทำมาหากินที่เมืองนอก คือ มูนสาย แต่บางครั้งเพื่อความสั้น ง่ายได้ใจความ ก็จะบอกให้แขกเรียกว่า มูน (พระจันทร์) เฉย ๆ อย่าอย่าตามนามสกุล จริง มูลสาย หละ ... แปลออกมาไม่งามนัก .. แต่ก็แทบจะทุกครูซก็จะมีแขกถามเสมอว่า มูนสาย แปลว่าอะไร ...เฮ้อ...จะให้ตอบตามตรง หรือ ตอบแบบบัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น ดีหละ... ) คือว่าพวกเรา มีงบประมาณจำกัดหนะ คงไม่ได้ซื้อทัวร์ไปเที่ยวกับเรือ ... เธอช่วยแนะนำ พวกเราหน่อย สิ ....พรุ่งนี้ เรือจอดที่กรุงเอเธนส์ เราจะไปเที่ยวที่ไหน อย่างไร ...” ด้วยความที่เกิดความสงสาร ที่คุณท่านกล้า ถาม ผมก็กล้าตอบ ..... จึงแนะนำให้ ไปนั่งรถไฟ ค่าตั๋วรถไฟ ไม่ถึง หนึ่งยูโร ...คราวนี้ดี อก ดีใจกันใหญ่ เลย ...นึก ๆ ดูแล้วผมก็เกิดความสงสารในความตรงของเค้า จึงให้ข้อมูล บริการประทับจิต ดั่งมิตรประทับใจ ... ยิ่งกว่าเรารักคุณเท่าฟ้าซะอีก .....
กลับมาห้อง รีบเอาซีดี ที่ระลึก เป็นภาพของเมืองไทย แต่ละภาค พร้อมเสียงเพลงไทยบรรเลง ไปให้ มิแชล ผู้ช่วยผู้จัดการช่างถ่ายรูปประจำเรือ ซึ่ง จีบ ๆ เธอว่าอยากได้รูปที่ช่างภาพไปถ่าย แต่ละเมือง เป็นการขออนุญาต ลิขสิทธิ์ เพื่อที่จะทำหนังสือ เล่มต่อไป อีกหนึ่งโครงการคุณภาพที่ได้แต่ฝันไปก่อน ส่วนจะเป็นเรื่องอะไร นั้น ไม่อยากบอกเลยว่า....เป็นการเสิร์ฟไป - เที่ยวไป ในแต่ละเมือง ..
21 Athens ,Greece เข้างานเช้า เลิกงานสิบเอ็ดโมง จึงเพลีย ง่วงนอนเป็นอย่างมาก ...เพราะว่ากลางคืนไม่หลับไม่นอน ... กะว่าจะไม่ออกไปข้างนอกแล้วหละ แต่ว่า นึกขึ้นได้ว่านัดเพื่อนคนที่นี่ไว้ จึงงีบหลับสองชั่วโมง ออกไปข้างนอก ก็บ่ายโมงแล้วครับ ..
เพื่อนคนชาวกรีซ ชื่อ จอห์น และ พอล เป็นคนฟินแลนด์ แต่มาอยู่ กรีซ ยี่สิบกว่าปีแล้ว จึงพูดกรีซได้ชัดเจน พอล ทำงานให้บริษัทปริ้นเซส เป็นกราวด์แต่เราเป็น คนครึ่งบกครึ่งน้ำ ...(จะขึ้นปกก็ตอนที่เรือจอด พอได้เวลาเรือออกต้องลงกลางน้ำ ลอยลำอยู่ทะเล) ..... ได้พอลนี่หละ เป็น คนช่วยแปล ให้จอห์น เค้าพูดไม่ค่อยชัดแต่ก็เป็นเพื่อนที่ดีกันได้ ....เค้าจะแนะนำหลาย ๆ เรื่อง ...ที่เกี่ยวกับกรีซ ...(ประมาณว่าเก็บข้อมูลไว้เป็นหลักฐาน)..... กว่าจะกลับมาเรือก็บ่ายสามกว่า ๆ เผลองีบ ไปจนถึงห้าโมงต้น ๆ แล้วไปทำงาน ...เพราะทุกเย็นต้องประชุม ก่อนทำงานห้าโมงครึ่ง จึงไปทานข้าวเย็น...หลังจากนั้นก็บริการแขก จนถึงสี่ทุ่มครึ่งหรือแล้วแต่แขกจะออกจากห้องอาหาร...
วันนี้เหนื่อยเพราะว่าออกไปข้างนอก และไม่ได้นอนอย่างเต็มที่ตอนกลางคืน ...รวมกับอากาศข้างนอกร้อน เหมือนเผาผี ...คนงานกรรมกรในห้องแอร์อย่างเรา ก็ออกจะบอบบาง เจอแดดที ก็ละลาย เอาให้ได้...
แต่ครูซนี้ ผมไม่มีแขกเยอะ ทำงานสบาย ๆ จึงให้โอกาส ผู้ ช่วยได้ฝึกการรับออร์เดอร์และเทคแคร์ แขก ... “ช่วยบริการ หน่อยนะ วันนี้เวตเตอร์เหนื่อย ....แต่จะยืนดูอยู่ห่าง ๆ” .....เป็นการเทรนไปในตัว เก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปในตัวด้วย...... แขกรอบแรก สิบหก คน รอบสอง เจ็ดคน จากปกติต้องบริการ สิบแปด ถึง ยี่สิบคนเป็นธรรมดา
แขกรอบแรก มีครอบครัวโต๊ะ สามคน ...มีน้อง Courtney อายุ ห้าขวบ พูดเก้ง เก่ง ๆ เธอชอบวาดรูป ทุกเย็นผมจะต้องให้เธอวาดรูปแล้วเอาให้ผมไว้เป็นที่ระลึกทุกครั้ง .....เธอมาจาก เมืองผู้ดี ลอนดอน อังกฤษ ...ส่วนอีกโต๊ะ หนึ่ง มีน้อง Ronny เป็นชาวแคนาดา มาจาก โตรอนโต พูดจนลิงหลับ เธอมากับคุณแม่สองคน นั่งโต๊ะแปด คน แชร์ร่วมกับอเมริกัน และอังกฤษ .. (ไม่ได้ถามมหนะว่า ... “หนู แล้วพ่อหนูหละไม่มาเที่ยวด้วยเหรอ” .... เดี๋ยวเค้าจะหาว่าเสือก ...แต่ก็อยากรู้อยู่นะ ครับ เพราะว่า นอ้งรอนนี่ เป็นเหมือนคนเอเชีย แต่คุณแม่ เงี้ยะ ผิวสี หมึกเลยหละครับ....) เห็นมั้ย ครับถึงแม้ผมไม่ใช่นางงามแต่ผมก็รักเด็กนะครับ...อิ อิ ..
พอเสร็จงานก็กินข้าวเย็นอีกรอบแต่คราวนี้จะไม่กินหนัก เพราะว่าต้องรีบนอน ตื่นทำงานแต่เช้า ตีห้า ..โอ๊ย ...ดีนะที่ไม่ต้อง เจอกับสภาพรถติด ตื่นแต่เช้า แย่งรถกัน อัดแน่นเป็นปลากระป๋อง ... กลับมาห้อง เปิดเพลงเบา ๆ แล้วจึงหลับไปโดยไม่รู้ตัว ...ตื่นมาอีกทีก็เงียบกริบ สะดุ้งตื่นตอนที่รูมเมท เข้ามาห้อง เพราะว่ารูมเมทผมเค้าชอบไปปาร์ตี้ห้องเพื่อน อีกกลุ่ม .... ส่วนผม ถ้าทำงานรอบเช้าจะไม่ค่อย รับงานสังคมมากนัก เกรงว่าหน้าจะไม่เด้ง ..เวลาเสิร์ฟแขกไม่อยากให้สภาพออกมาเหมือนศพเดินได้ ต้องสดใส แม้นจะง่วงแสนก็ตาม ...
22 Kusadasi ,Turkey เข้างานตีห้า ..ลืมตาอ้าปากได้ อีกสิบนาทีจะตีห้า ...ตั้งใจให้ปลุกเวลานี้หละ ครับ สิบนาที ออนดิวตี้ได้ทัน ... น้ำไม่อาบหรอกเพราะอาบตอนกลางคืนแล้ว นอนห้องแอร์เย็น ออกอย่างเงี้ยะ เอาเหงื่อที่ไหนมา...
หน้าที่ผมรอบนี้คือ คอยเติมนม โยเกิร์ต และทำความสะอาดรอบๆ บุฟเฟต์ จึงไม่ซีเรียสอะไร วุ่นวายนัก ...ทำงานใส่หมวก สีขาวเหมือนพญาแบ เอ้ย ..พยาบาล ..ใส่ ถุงมือพลาสติก เหมือนหมอ...พร้อมทำการผ่า และตัด... เช็ดให้สะอาด แต่ก็ไม่ได้มีอะไร เลอะ งานเบา ๆ ไม่ต้องใช้หม๋อง... ก็จะสนุกกับการพูดคุย และนินทา แขก กับเพื่อน ชาวเม็กซิกัน โรมาเนีย ออสเตรีย และกุ๊ก ส่วนมากมาจากชาวเกาะ ฟิลิปปินส์ อินเดีย โรมาเนีย อิตาลี่....
วันนี้เราเลิกก่อน สิบโมงครึ่ง จึงรีบหิ้ว โน๊ตบุ๊ก ออกไปต่อเน็ต ที่ร้านข้างนอก เมือง กุ๊ดซาดาซี่ เมืองที่เมื่อ ครูซที่แล้วต้องยกเลิกการมาจอดที่นี่ อันเนื่องมาจากเรื่องของความปลอดภัย .... เพราะเมื่อเดือนที่แล้ว มีการบอม ระเบิด ที่หน้า ท่าเรือ ซึ่งระเบิดถูกวางไว้รถชัทเติ้ล บัส ข่าวลง ซีเอ็นเอ็น รายงานว่าตายไปห้าศพ โอ๊ย....น่ากลัวแต๊ แต๊ ...แต่คราวนี้ไหง มาได้หละ...ก็เห็นเค้าบอกว่า ข่าวกรอง สร้างความมั่นใจให้ด้วยการจัดงาน ฟอร์มูลล่า วัน ที่เมืองตุรกี .... ประกาศให้ทั่วโลกรู้ว่าไม่น่ากลัว นะ ....มา มะ มา เที่ยวกัน เถอะ ...
เรือต้องออก ตอนบ่ายโมง ลูกเรือต้อง ขึ้นเรือ ตอนเที่ยงตรง ก่อนผู้โดยสาร เสมอ หลังจากผมแชทเสร็จ อีก เจ็ดนาที จะ เที่ยงตรง ได้เวลาของผมละสิ เข้ามาที่อาคารดิวตี้ ฟรี และเทอรมินอลบิวดิ้ง ... พระเจ้า ...เกิดอะไร ขึ้นอีกแล้วเหรอ คราวนี้ไม่ใช่ไทยมุงแต่เป็นฝรั่งหลายชาติมุง ครับ ...ภาวนาว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้น ...ก็พวกท่านเล่น มุงกราว มองไม่เห็นทิศ เห็นทาง ...นึกว่า ใครถูกบอม...ที่ไหนได้ ...รอจะเข้าอาคารและการเอ็กซเรย์ ก่อนเข้าอาคารผู้โดยสาร แหม....ไม่เข้าแถวกันเล้ย...แต่กระนั้นก็ตามเหอะ ..ผมก็เดินตรง โชว์บัตรที่ เซ็คคิวริตี้ ชาวตุรกี ว่าเป็นพนักงานจึงเข้ามาอย่างง่าย .... พอมาถึงงวงช้างที่ต่อ บันไดเข้าเรือ ก็แถวยาวอีก ...จึงเดินตรงไปที่หน้ายามของเรือเป็นชาวอินโดนีเซีย บอกว่าลูกเรือ นะ ครับ (ไม่บอกก็รู้ เพราะรู้จักกันดี ก็เคยทำงานตอนต้อนรับผู้โดยสารขึ้นเครื่อง เอ้ย ...ลงเรือ ตอนวันแรกของครูซ ที่ผู้โดยสารมาจอย์นเรือ หนะ )
ต้องขอโทษหลาย ๆ คนที่ไม่มีเวลาแชทมากเป็นการส่วนตัวเพราะว่าทุกครั้งที่ผมต่อเน็ตผมจะ ต้องโหลด ข้อมูล รูปภาพ ส่งเมล์ ตอบเมล์ และส่งงาน...รวมทั้ง ไซน์ อิน เอ็ม เอส เอ็น และ เว็บอื่นด้วย จึงมีเพื่อนใหม่ เข้ามาคุยด้วยจนแทบตอบ สนทนากันไม่ทัน หวังว่าคงไม่ว่ากันนะครับ...ขอบคุณสำหรับทุกเสียง ทุกสาย และทุกกำลังใจ ผ่านมาทางบันทึก ไดอารี่เล่มแดงนี้ละกัน ....(พิมพ์วันนี้)
หมายเหตุ .หลายคนบ่นบอกว่า อ่านไดอารี่เล่มแดง แล้วไม่มีข้อมูลแต่ละเมือง บอกให้รู้หน่อยเหรอ ว่าเป็นมา อย่างไร ผู้คน บ้านเมือง ..สารพัดแบบไหน ...ผมก็ขอเรียนว่า ..ข้อมูล และรูปภาพหนะ มีเยอะ เป็นภูเขาเหล่ากอง แต่ไม่มีเวลา ที่จะถ่ายทอด ออกมาได้ ณ ตอนนี้ และไม่ได้เป็นการเขียนหนังสือเล่มสองนะครับ ขอบคุณที่หลายคนรอ เล่มสองจะออกมาแนวไหน อยากให้ออกมา แบบ ร่านบนเรือ หรือ ท่องเที่ยว ผมขอพิจารณาก่อนนะครับ เพราะว่าไม่รู้เล่มแรก ที่ออกมาขายได้หรือเปล่า พิมพ์รอบแรกหมดหรือเปล่าไม่รู้ อิ อิ ...ที่สำคัญตอนนี้ยังไม่มี ค่ายสำนักพิมพ์ไหน สนใจ เลยติดต่อมาเลย อะ ครับ..
23 Istunbul ,Turkey อีกสิบห้านาที เที่ยงคืน ไม่รู้ว่าเธอไปอยู่ไหน...ผมหนะอยู่ที่ห้อง ละครับ วันนี้เพื่อนชวนไปเที่ยว crew bar เพราะว่าเค้ามีงาน อคูสติก เล่นกันสด ๆ แต่ผมไม่อยากไปเพราะว่าต้องตื่นทำงานแต่เช้า ตีห้า สี่สิบห้า ... อะ นะ... จึงกลับมาห้อง เบิร์น ซีดี ให้เพื่อน ที่ไปถ่ายรูปแต่ละเมือง ....
ตอนเช้าทำงานที่บุฟเฟต์ บนชั้น 14 ของเรือ ได้เห็นตอนเรือ เข้ามาเทียบท่าจอดที่เมืองหลวงของประเทศตุรกี อย่างสง่า สวยงาม .... ช่วงชั่วโมงเร่ง รีบ ผู้โดยสารแต่ละคน แหกตาตื่นกันมา รับทานอาหารเช้ากันเยอะแยะ ... เหมือนกับใครเอา ก้อนหินไป หา รังผึ้งให้แตก บินว่อน กัน ...หน้ามืด ตาลาย ....ผมอยู่ในบุฟเฟต์ (ซึ่ง เวตเตอร์ จะถูกจัดให้อยู่บริการข้างใน ส่วน ผู้ช่วยเวตเตอร์ จะเคลียร์ จานอยู่ที่โต๊ะอาหารข้างนอก) มองเห็นสภาพแล้ว ...จึงทำให้นึกว่า อันที่จริงคนเราเนี่ยก็ไม่ต่างไปจาก สัตว์ ที่กำลังโหยหาย ช่วงที่หิว ๆ อะไร ๆ ก็เอายัดเข้าปากได้ ...ผมเห็นหญิงร่างใหญ่ ใจมั่นอยู่คนหนึ่ง ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นชาวเม็กซิโก หรือไม่ก็สเปน ประมาณนั้น เพราะสังเกตุได้จากรูปร่างหน้าตา และการแต่งหน้า ที่เข้มได้จิต ... เธอ ใช้ความพยายาม ในการกระชาก เบคอน อย่างได้อารมณ์ เหมือนเสือกำลังสะบัดซากสัตย์ หรือ เหยี่ยวจิก กินเหยื่อ อย่างไม่ปราณี ...ทำให้เกิดความปลง และได้ขอ้คิดอย่างไม่รู้ตัว ...
สักพักหนึ่ง มีน้องผู้ชาย ร้องเรียกหา พ่อ..... “ Dady dady” เรียกเอาอยู่นั่นหละ ...ส่วนคุณพ่อของน้องหนู ก็มัวแต่จดจ้องมองหาอาหาร ไม่ยอมตอบรับซักที ผมจึง ต้องตอบรับแทน .... “ yes !” เพื่อนร่วมงาน ชาวโรมาเนีย และเม็กซิกัน หัวเราะ กันลั่นห้อง หาว่าผมเป็นพ่อของเด็ก ... เรื่องไม่จบแค่นั้นครับ ...มีน้องหญิงตัวเล็ก ๆ เรียกหาแม่ ...เข้าใจว่าเกิดมาเป็นบุญหลง หนะครับ เดินวน หาอาหาร ไม่รู้ว่าคุณแม่ของหนู อยู่ที่ไหน .... ร้องเรียก อีกแล้ว.... “ mom mom mom” ร้องตั้งนาน..... “ yes ! ”ผม ตอบกลับ.... เอาอีกหละ สิ คราวนี้ ต้องยอมเป็นแม่บุญธรรมให้น้องหนู ชั่วคราว .... สรุปว่าเด็กทั้งสองคน ทำหน้าตาเหวอ หวา ใครกันหว่า มาเป็นพ่อ และแม่ของเค้า ...ไอ้ เรา ละ ขำกลิ้ง ...
เรื่องไม่มีอยู่แค่นั้น ..การทำงานตอนเช้าต้องหาอะไร มาบรรเทาความง่วง เหงา หาวนอน ..เพราะผมเป็นคนไม่ดื่มกาแฟ ประมาณว่า ไม่ดื่ม ไม่ขี้เมา แต่เอาอย่างเดียว ...(อันหมายถึงเอาการเอางาน อย่างเดียวหนะครับ เอ้ออออ ..คิดมากไปได้ คนเรา นะ..) บางที เช็ดถู ไป ไม่มีอะไร ทำ เดินเล่น ...ร้องรำ ฮำเพลง ..ทั้งไทย สากล จนแขกบางท่านก็ สาระแน ..ร่วมแจมด้วย จึงเกิดโครงการ ร้องรำ ทำเพลง เต้นกัน ให้มัน ๆ ตอนเช้า ๆ... อิ อิ แค่นี้ก็ไม่ง่วงแล้ว ต่อให้ทำอะไร กลางคืนจะหนัก มากขนาดไหน มา ก็ตาม
เรือ่งเล่าใน ไลน์บุฟเฟต์ไม่หมด แค่นี้ พนักงานที่นี่ มีทั้งชายและหญิง หรือแม้แต่เพศอย่างว่า ...ช่วงที่ ทีใคร ทีมัน จะมีแขก มาทานอาหาร บางคนก็มีดี แล้วอยากจะโชว์ไง ครับ ...นุ่งผ้าขาวใยบาง ยังกะใยบัว ใส่กางเกงใน จีสตริง ซะ ...อะ นะ .. ทำให้ พนักงานชาย ได้อารมย์กำหนัด ฟัด ฟันกับเจ้าน้องของเค้า ไม่ให้ตื่นแต่เช้ามาทำงาน... ยิ่งเจอชายที่ลามก จกเปรต ... ประเภทเก๋า ...โก๋หลังวัง....เดินเข้าประชิด............ทักทายอย่างเป็นมิตรแต่จิตใจ ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว.... คิดการณ์ไกล เอามาใช้เรื่องนี้ไม่ดีนักแล..
ส่วนสิ่งที่น่ามองของเพื่อนเพศพิเศษอย่างว่าก็...มีมาให้ลุ้นเหมือนกัน .... เพราะ ชายฝรั่งบางท่านนั้น หาได้ใส่กางเกงใน เหมือนบ้านเราไม่ แค่บ๊อกเซอร์ ตัวเดียว ก็ออกมากินข้าวได้ แต่บางที เจ้าน้องชายของเค้าก็จัง....(จะ ไร หรือใคร แล้วแต่จะว่ากัน) ดันออกมาลืมตา ดูโลกแต่เช้า ชี้หน้า ด่า ไม่ว่าหน้าไหน มองไกล ๆ นึกว่าป้อมกระสุนใหญ่ พร้อมยิง ...ทำให้ สาว ๆ ที่เป็นพนักงาน ตาโต โม้ เม้าท์กันสุดฤทธิ์ ... เฮ้อ...

ยังคงอยู่ประเทศ ตุรกี อยู่ครับ ก่อนที่จะไป กรีซ พรุ่งนี้ ... “ เฮ้ย ...ยังอยู่ตุรกีอีกเหรอ วันนี้ เมือ่วานก็อยู่ตุรกี”คำถามที่เพื่อนแชท คุยกันวันนี้ ... แม่นแล้ว สู๋... แต่มันต่างเมืองกันหนะครับ เพราะเมือ่วานเรือออก ตอนบ่ายโมง มุ่งตรงมาเมืองหลวง ที่นี่ ....บางทีเพื่อนถามว่า แล้ววัน ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ จันทร์ จะอยู่ที่ไหน ผมต้องตอบว่าไม่รู้หรอก จำไม่ได้ถ้าไม่ได้ดู ตาราง บางทีผมยังจำไม่ได้เลย ว่าเมื่อวันซืน ไปยืนอยู่ประเทศอะไร มา...อิ อิ (น้อง ๆ พวกดาว หนะครับ....ดาวน์ ซินโดรม มั้ง)
วันนี้แขกน้อย สงสัยคงเหนื่อยจากการเที่ยว เมือง อิสตัลบูล กันทั้งวัน เรือมาจอดที่นี่ตั้งแต่เช้า และ ออกจากท่าเรือ หกโมงเย็น ... เสิร์ฟรอบแรก สิบคน รอบสอง ไม่ค่อยมีแขกอยู่แล้ว คือทุกคืนจะเสิร์ฟ แค่ เจ็ดคน ...จึงให้ลูกน้องวาดลวดลายไปซะส่วนมาก ผมก็ใช้ชีวิตนายแบก คอยมองดู อยู่ ห่าง ๆ เม้าท์แตก กับแขกบ้าง ...โคตร จี้เลยครับ ...อันที่จริงแล้วเค้าบอกว่าเวลากินอะไร มีอาหาร หรืออะไรก็ตามอยู่เต็มปาก ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ อย่า อ้าปาก ให้เค้าเห็นลิ้นไก่ ...วันนี้แขกประจำ ก็อยากจะคุยด้วย ในขณะที่กำลังกินอาหาร ผมก้ไม่มายด์ เพราะไม่ยุ่ง อยู่แล้ว .....คุยเข้าไปสิครับ ...แต่ ขอโทษ คุณพระช่วย ...เศษอาหาร (คาดว่าน่าจะมาจาก spinach หรือว่าผักขม สีเขียวปี๋ )...คาอยู่ ซอกเหงือกและฟัน....แหม.. แฟนเค้าก็ไม่ยอมบอกกันเล้ย ประทานโทษนะครับ เป็นผู้หญิงที่สวยงาม แต่ว่าเจออย่างนี้แล้วราคา ก็ตกได้อย่างไม่บันยะ บันยัง... พี่น้องแหม่มน่าจะเอา หมากฝรั่งมาแจก บ้าง เผื่ออะไร ๆ จะได้ดีขึ้น ประกาศให้ผมรู้ว่าเธอจบมาจากเกษตรศาสตร์ สารพัด ผัก ติดฟันสุด ๆ .... เพราะฉะนั้นเวลาจะอ้าปาก คุยอะไร ในวงสนทนาการกินอาหาร พึงสังวรไว้นิดก็จะไม่เสียหลาย ....หรือไม่อย่างน้อย คนใกล้ชิดก็น่าจะบอกกันบ้าง...
วันนี้นัดเพื่อน ๆ ว่าจะไปเที่ยวกัน แต่ว่าผมง่วง มาก หลังจากที่กลับมาจากแชท และเล่นเน็ต ที่ร้านหน้า terminal จึงต้องยกเลิก ไว้วันหน้าค่อยว่ากันใหม่.... วันนี้มีเพื่อนหลาย ๆ เข้ามาแชทด้วย ทั้งคนไทย ที่อยู่ญี่ปุ่น เพื่อนที่เชียงราย กรุงเทพ และอาจารย์เก่าที่เคยสอนตั้งแต่เรียน ไฮสคูล ณ เมืองเชียงราย อาจารย์ทราบข่าวจากการลงในเว็บ ...ผมรู้สึกตื้นตันใจ และเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้ร่วมสนทนาด้วย .....ส่วนเพื่อน ๆ หลายคนที่ถาม แต่ละคำถามตอบไม่ทันก็อย่าว่ากันนะครับ แล้วผมจะส่งเมล์หา ถ้ามีเวลา และ แน่นอน คุณอาจจะได้รับเมล์นี้ เป็นระยะ ๆ (ถ้าหากไม่อยากจะรับเมล์ นี้กรุณาบอกได้นะครับ)
เพื่อนที่พักร้อนอยู่อังกฤษ ถ้ากลับมาเมื่อไหร่ แล้วเราค่อยเจอกัน ที่ร้านข้าวต้มคนจนที่สะพานฟาย หรือ ควาย ดี ๆ นี่เองครับ ....ร้านนั้นหนะ อะ ร้อย อะ ร่อย ไปกินกันทีไร ได้เรื่องทุก ที เรื่องกินไม่เท่าไหร่ แต่เรื่อง มัน ๆ เม้าท์กระจาย ได้รสดี ออก เนาะ...เคยชวนเพื่อน ใหม่ ที่รู้จักไปกินกันแต่ไม่มีใครกล้าไป ... เอาเป็นว่าตัดสินใจได้เมื่อไหร่ว่าจะไปกินกัน รอผมกลับมาเมืองไทย เดือนเมษา หน้าร้อนก่อนนะครับ.....
เพื่อนรัก อีกคนที่อยู่แอล เอ และ ฟลอริด้า ขอให้พักร้อนให้สนุกนะครับ คิดถึงเป็นที่สุด ...อยากให้มาถ่ายรูปให้อีก จะได้ลงหนังสืออีกไง ...ถ้ามีโอกาสไปเที่ยวบาร์ ที่ซาน ฟรานซิสโก นะ บาร์นี้ ปีที่แล้วโดม ปกรณ์ ลัม เค้าเป็นดี เจ อยู่หนะ ...
ส่วนเพื่อน ที่พักร้อนจากการทำงานเรือ ที่อยู่เมืองไทย ตอนนี้ ต้องขอขอบคุณเป็นพิเศษที่เช็คเรตติ้ง และ ช่วยกันโปรโมทหนังสือให้....มีอยู่คนหนึ่งไป ซื้อหนังสือของผม “เสิร์ฟสำราญ สวรรค์บนเรือ” ซื้อแจกเพื่อน พี่ น้อง จนคนขายถามว่า .... “ซื้อไปทำอะไร เยอะแยะมากมาย คะ ?” เพื่อนผมตอบอย่างไม่คิด ว่า “อ๋อ .... คือที่บ้านน้ำท่วมหนะ กะว่าจะซื้อไปถมที่ ...อิ อิ ...เปล่าหรอก ซื้อไว้เป็นที่ระลึก เพราะรู้จักกับคนเขียน ...” เพื่อนผมเล่าให้ฟังต่ออีกว่า ...กระนั้นน้องเค้าก็ยังไม่เชื่อ ว่าแล้วตอนนี้ คนเขียนเค้าไม่อยู่เมืองไทย จริงเหรอ โธ่ น้องเอ้ย ..พี่หนะ มาทำงานเป็นควายอยู่เมืองนอก ไม่ได้หรูเริด อะไร เหมือนที่คิดหรอกนะครับ.... จะโกหกกันทำไม... โกหก แล้วได้อะไร สู้โกเจ็ด แปด เก้า สิบ ให้ ก้าวหน้าไปเป็นโกอินเตอร์ ไม่ดีกว่าเหรอ ...อิ อิ.. ซึ่งก็คงจะเหมือนกับคำถามที่หลายคนสงสัยว่า ... “ จริงเหรอ ที่อยู่ต่างประเทศ แล้วทำไม เวลาแชทเป็นภาษาไทยได้ อะ” ต้องเรียนตามตรงว่าเอา โน๊ตบุ๊กส่วนตัวมาด้วยหนะครับ ... เด็กเสิร์ฟที่นี่ เค้าพกโน๊ตบุ๊ก กันคนละเครื่องเป็นว่าเล่น เวลาต่อเน็ตทีก็ส่งสัญญาณ ผ่านทางภาพ ไลฟ์ แคมกันให้เห็น ๆ ...ผมไม่ค่อยเอากล้องมาด้วย เพราะว่าเกรงว่าคนที่แชทด้วยจะ ขวัญกระเจิง ..ยามเมื่อได้มีบุญหนุนนำให้เราได้มาเจอะ เจอกัน ...เกรงว่าฉันและเธอพบกันแล้วจะไม่เป็นสุข เหมือนดังรอคอย....(ขอบคุณ เพลง แต่ปางก่อน).... อิ อิ....
ขอบคุณเพื่อนคนสนิทอีกคนที่ อุตสาห์ เข้าไปโพสในเว็บ ตั้งกระทู้ ให้ ...คราวนี้ผมเชื่อแล้วครับที่เพื่อนคนนี้เค้าบอกว่าไปหาซื้อหนังสือผม ที่มาบุญครอง เค้าบอกว่าหมด ชั่วคราว เค้าจึงไปซื้อที่ฝั่งธน ฯ คราวนี้หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ...ขนาดหนังสือออกมาใหม่ เอาไว้ซ่อนหลบมุมออกอย่างนั้น เห็นแต่สัน ไม่มีหนังสือตัวอย่าง โชว์ ...เพื่อนผมจึงถาม พนักงานขาย ...ว่ารู้จักหนังสือเล่มนี้มั้ย ... เด็กขายหนังสือบอกว่า ... “อ๋อ เป็นกองอยู่ตรงนั้น ค่ะ หนูพึ่งหยิบเอามาอ่านนี้ หนะ ...จึงไม่ได้เอาไปตั้งโชว์เป็นตัวอย่าง ...” ส่วนที่สาขา รังสิต มีเพื่อนตั้งแต่เรียน มอ ปลาย ด้วยกัน เธอไปหาหนังสือผม เพราะหลังจากที่รอคอยว่าเมื่อไหร่จะคลอด ออกมาวางแผง ซัก ที่โปรโมทแล้ว โปรโมทอีก....และแล้ว วันนี้ที่รอคอย ... ก็มาถึง ช่วงเพื่อน ช่วยเพื่อน ...ผู้หญิงคนนั้นชื่อ อ้อ ....เธอจึงหลอกเด็กขายหนังสือว่า “อ้าว....ทำไม เอามาวางไว้หลบมุม อย่างงี้หละ ..คุณน้องไม่รู้เหรอ คะ ว่าที่ตัวเมือง มหานคร เค้า วางเป็นหนังสือแนะนำ และ หนังสือขายดี...” อันที่จริงไม่ได้เป็นขายดี ขายเลวอะไร หรอกครับ.... จน ณ บัดนี้หนังสือเล่มนี้ของผมก็วางไว้อย่างเด่นเป็นสง่า และ ถูกล็อคเป็นหนังสือขายดี ไป โดยไม่รู้ตัว ...อิ อิ..
ส่วนเพื่อนคนเก่ง เธอคือผู้จัดการส่วนตัวผม และคอยเป็นปากและเสียงให้ (น ส เกศรา ผู้ซึ่งแปลหนังสือ ดีท็อก ยัวร์ ไลฟ์ ที่พึ่งวางแผง เมื่อวาน ) ....ตอนนี้ต้องบินไปทำงานที่อินเดีย ห้าวัน ใครจะติดต่ออะไร รอแป๊บนะครับ เรื่องซีดี ที่จะเอามาให้เกด รอก่อนละกัน นะ ครับไก่...
เพื่อนอีกคน ฝากซื้อของ จึงบอกว่า แล้วจะดูให้นะ แต่ไม่รับปาก เพราะว่า เกรงว่าถ้าซื้อกลับมาไทยเยอะ จะขนมาไม่ไหว เพราะบินจากยุโรป ถ้าน้ำหนักเกินเค้า ชาร์จ กิโลกรัม ละ เก้าร้อยบาทหนะครับ ...สรุปราคา จะแพงกว่าของหรือ ของจะแพงกว่ากัน ...แต่จะทำอย่างดีที่สุดนะ ถ้าทำได้ ..ไม่ไดขี้เกียจหรอก แต่...มีแต่ด้วยนะ....แต่ว่าต้องดูความเหมาะสมด้วยนะครับ....
ได้รับอีเมล์ จากเพื่อน ๆ หลายคน ทั้งเพื่อนใหม่ และเพื่อนเก่า และ พี่ บอ กอ ....ขอบคุณสำหรับคำ ติ และ ชม ....เป็นปลื้มนะครับ เราทำงานกันอย่างดีที่สุดแล้ว ....ส่วนผลจะออกมาอย่างไร .. ปล่อยไปตามลมเลย ..ทำดีที่สุดแล้ว...
ได้เวลานอนหลับเอาแรงแล้วหละ ครับ ...พรุ่งนี้ ค่อยว่ากัน ... จะได้ตื่นมาอรุณสวัสดิ์เจ้าเพื่อนเกลอแต่ไก่โห่ ... และที่สำคัญ นัดเพื่อนไว้ว่า จะไป หาดสวาท หาดสวรรค์ คืออะไรหนะ เหรอครับ..................................ติดตามตอนต่อไป................เร็ว ๆ นี้ ( อิ อิ )

24 Mykonos ,Greece ทำงานเช้า เลิกงาน ก็ทานข้าว แล้วเข้าทรง หลับไหล ไป แต่ก็หลับได้ ยาก ...เพราะมีเพื่อน โทรมาคุยด้วยที่ห้อง คนเดียวไม่ว่า ดันโทรมากัน สองสามคน ..จึงจำเป็นต้องยกหู โทรศัพท์ไว้ พักเครื่องก่อน ไม่งั้น ..ไม่หลับไม่นอนแน่แท้... ทำให้อดไม่ได้ที่จะแอบเปิดเพลง คุณหม๋อคะ...หนูนอนไม่ค่อยจะหลับ.. แล้วข่มตานอนหลับตอนเที่ยงวัน แสก ๆ นี่หละ แต่พอเข้าห้องนอนของผม ปิดไฟ ใส่กลอน.. มันก็มืดสนิทหละ ครับ....หลับไปสองชั่วโมง ...
เพื่อนโทรมาปลุกตอนบ่ายสองโมงรีบออกไปเที่ยวหาด ... เริ่มต้นที่นั่งรถชัทเทิ้ลบัส เข้าเมือง ราคา สองเหรียญ สำหรับ crew สามเหรียญ สำหรับผู้โดยสารเรือ ... แล้วเราก็ไปเดิน เล่น และถ่ายรูป ที่ในเมือง เมืองนี้สวยงามเป็นยิ่งนัก เพราะทุกอาคาร บ้านเรือน จะเป็นบ้านและร้านหลังเล็ก ๆ ที่ทาด้วยสีขาว และหน้าต่าง บานประตูเป็นสีฟ้า หรือสีน้ำเงิน ...ผมเคยถามเจ้าหน้าที่โรงแรมแห่งหนึ่งที่นี่เค้าบอกว่าเป็นกฏหมาย มาตั้งแต่ สี่ร้อยปีแล้ว .... เกาะนี้ มีร้านค้า ขายของแบรนด์ เนม เยอะแยะมากมาย จึงทำให้เป็นเกาะที่ดึงดูด นักท่องเที่ยวจากทางยุโรป มาเที่ยวเยอะแยะมากมาย ทั้งแบบแบ็คแพ็ค พักบังกะโล โมเต็ล โรงแรม ที่มีความสูงไม่เกินสามชั้น...แบบอาคารเตี้ย ๆ แต่สวยงาม มีสไตล์ อย่างได้เอกลักษณ์ ..(แล้วจะส่งรูปมาให้ดู บ้างหากมีเวลา เด้อ...)
ไม่สงสัยเหรอ ครับว่าไปหาด อะไร มา ที่เรือจอดนั้นก็มีหาด ที่ลูกเรือ และแขกเดินไปถึงได้ ..แต่คราวนี้เป็นการไปหาดที่ธรรมดา แต่ไม่ธรรมดา รับรองไม่ใช่หาดเถ้าถี.. ที่มีเกลื่อนเมือง หรอก ครับ ...ผมเคยเขียนคราวที่แล้วที่บอกว่าเมืองนี้ มีหาดเปลือยอย่างเป็นทางการด้วย.. คราวนี้ วันว่างของเรา ...อาย และ กลัวซะที่ไหน หละครับ ...ทำตัวเหมือนเด็กนอก หนะ...เที่ยวไป มั่นใจ ได้ประสบการณ์.... ทางทีมงานของเรา...( พูดเว้อร์ เว่อร์ เนอะ จริงๆ ไปกันสองคนเอง) จึงตรงไปดู ...เอ้า...จัดให้....
เดินผ่านตัวเมืองเพื่อที่จะไปสถานีรถเมล์ อย่านึกถึงรถเมล์ บ้านเรานะครับ เพราะรถเมล์ที่นี่เค้า มีระดับ เหมือนกับรถโค้ช หนะครับ รถเข้า- ออกเป็นเวลา ทุก ๆ สิบห้านาที ราคาอยู่ที่ หนึ่งยูโร ตลอดสาย หาซื้อตั๋วได้ที่ร้านค้า ทั่วไป และต้องให้ตั๋วก่อนขึ้นรถ ...สังเกตุว่า ไม่มีจอดกลางทางเลย หนะ ...ทุกคนนั่งตรงไปยัง Paradise Beach ซึ่งเป็นหาดสวาท หาดสวรรค์ ใช้เวลาเดินทางประมาณ สี่สิบนาที จึงถึงที่หมาย ... ด้วยเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัด .. เราใช้เวลาที่นั่นอย่างมีค่า ในการเดินสำรวจ ทางทัศนียภาพและ หลาย ๆ ภาพที่ได้พบเห็น ...จึงฟันธงไปว่า ไม่อลังการ และส่วนตัวเหมือนหาดเปลือยที่แถบทะเล แคริบเบี้ยน เพราะคนเยอะมาก สตรีเพศจึงได้แต่เปลือย ปทุมถัน อันเป็นของรักของพวกเธอ มีตั้งแต่สาวซำน้อย สาวรุ่น และหญิงวัยดึก ส่วนผู้ชาย ที่กล้าเปลือยก็เป็นรุ่น คุณ อา คุณลุง ห้อยโตงตาง อย่างมีอิสระภาพ ... แต่คนวัยรุ่นส่วนมากก็แค่ โชว์ท่อนบน นุ่งกางเกง บิกินี่ รัดติ้ว ...ซ๊า....
ผมลงเล่นว่ายน้ำ และดูปะการังอย่างมีความสุข ก่อนที่จะตามหาเพื่อนที่ร่วมเดินทางมาด้วยกัน ...หาเท่าไหร่ก้ไม่เจอไม่รู้ มุดทรายอยู่แถวไหน พอผมกลับมาที่เราเอาเสื้อผ้าเก็บไว้ ปรากฏว่าของหายไปแล้ว แสดงว่าเพื่อนเค้าคงกลับไปแล้วหละ เพราะนัดกัน สี่โมงต้นๆ นี่ ปาเข้าไป สี่โมงครึ่งแล้ว จึงนั่งรถเมล์กลับคนเดียว กลับมาถึงเรือ ห้าโมงห้า นาที รีบอาบน้ำ แล้วไปประชุม ก่อนการทำงาน ...
พรุ่งนี้เข้างานสาย ได้กำไร หนึ่งวัน เพราะเป็นวันที่อยู่ทะเล ทั้งวันก่อนจะเข้าประเทศอิตาลี่ ...(พิมพ์ครั้งล่าสุดเมื่อ 25/02/48 ๒๕/๐๒/๔๘ ๑๕:๐๘ น.)
25 at sea วันนี้ เป็นวันหลับ เดือนหลับ และ ปีหลับครับ เพราะ ว่าทำงานตอน เจ็ดโมงครึ่ง ถึง สิบเอ็ดโมงครึ่ง แล้วทานข้าวเที่ยง ...หลังจากอ่านจดหมายจากเพื่อนรัก ที่ได้รับ อีเมล์ ส่งมาจากเมืองไทย ผ่านทางเรือ ที่เค้าปริ้นออกมาให้ ..จึงหลับเป็นเจ้าชายนิทรา อุษาพาสวาท ยกหูโทรศัพท์ออก เกรงว่าจะมีใครโทรมา อิ อิ ... หลับตั้งแต่ เที่ยงวัน ยัน ห้าโมงเย็น .... แล้วตื่นไปทำงาน ...ตื่นมา จึงสดชื่นอย่างนี้หละครับ..อิ อิ ...

ช่วงเวลากลางคืน ประมาณสองทุ่ม เรือได้แล่นผ่าน กลางรองเท้าบูท ของอิตาลี่ซึ่งเป็นเหมือนช่วงแคบ ระหว่าง ซิซีลี่ ที่เป็นเกาะใหญ่ที่สุดของอิตาลี่ และแผ่นดินใหญ่ ทำให้มองเห็นวิว ทิวทัศน์อย่างสวยงาม ก่อนที่ความมืดจะเข้ามา ... แล้วผมก็ทำงานเสิร์ฟรอบ สอง ต่อไป...
คืนนี้ one hour back,time change เพราะเวลาที่อิตาลี่ และ กรีซไม่เท่ากัน หนะครับ...
ที่ บาร์ของพนักงานได้มีการ จัด Slave auction เป็นการขายทาส ประมูลราคา รายได้ส่วนหนึ่งมอบให้กับ Unicef เพื่อการรณรงค์และ ช่วยเหลือ ผุ้ประสบภัย ไม่น่าเชื่อว่า นาย และ นางทาส แต่ละคนจะ ใจถึงยอมพลีกาย มอบให้คนที่ซื้อประมูลได้ ...
ถามเพื่อนว่า ถ้าซื้อไปแล้วจะทำอะไรก็ได้เป็นเวลา 12 ชั่วโมง แม้กระทั่งการร่วมเพศ .. ทำให้นึกถึงสมัยที่มีทาส ในอดีตของเมืองไทย ... ผมรู้จัก แครอรีน สาวฝรั่งเศส เธอเข้าร่วมการเป็นนางทาส ครั้งนี้ด้วย ซึ่งผู้ที่ประมูลซื้อไปนั้นเป็น ผู้ช่วยเวตเตอร์ ชาวฮังการี่ ที่กล้าซื้อไปราคา สองร้อยกว่า เหรียญ ...และต่อมา มีหนุ่ม utility bar หรือ คนเตรียมจัดของ ขนของให้บาร์ มาจาก บัลกาเรีย หุ่นเร้าใจ และทรมานใจสาว ๆ ใส่เสื้อบางเป็นตาข่าย นุ่งกางเกง รัด โชว์จีสตริง ถูกหัวหน้าผม เป็นชาวเกย์ จากอิตาลี่ ซื้อไปในราคา สามร้อยเหรียญ ...ใครอยากรู้บ้างว่าคืนนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับ ทาสเหล่านั้น คงจะหนีไม่พ้นเรื่องบนเตียง ....เอ้อ............. ไม่ยักกะทราบว่า ที่เมืองนอก นี้ก็มี สาวกดีแทคเหมือนกัน ...เพราะว่า ..........ง่ายสำหรับคุณ..... แล้วโอเรนจ์ (ทาสเหล่านั้น) จะอนาคตสดใส ต่อไปหรือไม่.. อยากจะรู้ให้ไฉไล อย่างตะหงิด ๆ มั้ยหละ....
รายงานล่าสุด จากการร่วมทำบุญ จากการประมูลทาสทั้งหลายเหล่านั้น ทำให้ รวบรวมเงินเป็นจำนวน 7310 เหรียญ ร่วมบริจาคให้กับยูนิเซฟ ...สำหรับคนใจบุญ ร่วมกันทั้งหลายครับ เออ...อย่างนี้ก็มีด้วย แฮะ ...แต่ก็น่าชื่นชมที่เค้าทำเพื่อการกุศลหนะครับ..
Good night from all of us here>> Moonsai as your host.
26 Naples,Italy วันนี้ต้องมาแชท และ เน็ต รวมทั้งตั้งใจว่าจะโทรศัพท์คุยกับแม่หญิง ที่บ้านเชียงราย เพราะว่าค่าโทรที่อิตาลี่ ถูกกว่าหนะครับ ห้ายูโร โทรได้ร้อยหกสิบนาที ...นาทีละไม่ถึงสองบาท ถ้าโทรจากตุรกี ห้ายูโร โทรได้ครึ่งชั่วโมง ถ้าใช้บัตรจากเรือ โทรระบบแซทเทิ้ลไลท์ สิบเหรียญ โทรได้ สามสิบเอ็ด นาที แต่ว่าต้อง ทำใจ เพราะ ว่าสัญญาณ จะดีเลย์ เหมือนส่งสัญญาณผ่านดาวเทียม ถ่ายทอดสด ที่ต้องดีเลย์ จึงทำให้ สนทนาไม่ได้อารมย์ ...เอาเท่าไหร่.. ใจจริงอยากโทรมาหา ...แทบทุกคน แต่ว่า ไม่ค่อยมีเวลาหนะครับ...เข้าใจนะเพื่อน ๆ ’

ตั้งใจว่าจะไปเที่ยว pompei เมืองที่ถูกภูเขาไฟ ทำลายไปเมื่อหลายร้อยปี ที่แล้ว...แต่เกรงจะไม่มีแรง แสงแดดร้อนจัดจ้าน เพื่อนอีกคนก็ชวนไปดูหนังข้างนอกด้วย...แล้วจะเขียนมาอัพเดทใหม่ละกันนะครับ.

ส่วนหนึ่งที่ตอบจดหมาย ของแฟนหนังสือ ที่ส่งมาถามกัน ... ช่วงสมรัชนะ ตอบจดหมาย ..แข่งกันกับ คอลัมน์เสพสม บ่อมิสม..หรือเอาเป็น ศาลาคนเศร้า ดีกว่ามั้ง ไม่ดีหรอก แซดเกินไป ...เลียนแบบใครทำไม ..เป็นตัวเราหนะ ดีที่สุด ครับ....
“ถามมา แล้วจะ ตอบไป.......................โดย(มือ)โปรเสิร์ฟ โอม สมรัชนะ”
.สวัสดีครับ
ผมได้รับเมล์ ของคุณนานแล้วแต่ว่ามัวแต่ยุ่ง ๆ กับงานและการท่องเที่ยว จึงไม่ค่อยมีเวลาตอบเป็นการส่วนตัว เพราะว่าผมทำงานอยู่ที่เรือ ถึงแม้ว่าเรือจะจอดแทบทุกวันแต่ว่าก็ขึ้นอยู่กับตารางการทำงาน หรือ บางทีมีเวลาว่างแต่ก็ไม่ได้ไปร้านเน็ต เพราะว่าติดออกไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ แต่ทุกขอ้ความ ทุกเมล์ผมจะเซฟไว้ เสมอ แล้วถ้ามีโอกาสจะตอบในคราวต่อไป อย่าว่ากันละกันนะครับ .....ไม่หล่อ ไม่เริด ไม่รวย แต่คิวก็ไม่ค่อยว่าง ...อิ อิ อู้ เล่นก๋า อย่ามองกันในแง่ลบหละครับ....
ขอขอบคุณเป็นการส่วนตัวที่ได้ส่งเมล์มาคุยและให้กำลังใจ ผมนะครับ
27 Civitavecchia ,Rome นอนหลับทั้งวัน ตื่นตอน บ่ายสามเล่น คอม แล้วไปทำงานตอนเย็น .....
28 Livorno Florence Pisa ไม่ออกไปไหน เข้า ตีห้า หนะครับ หลับ เกือบไปทำงาน สาย ห้าโมงครึ่ง โชคดีที่หัวหน้าประชุมกันนานกว่าปกติ ...ไม่งั้นต้องสาย มากกว่าห้านาทีแน่ เลย เรา ...ไม่ได้สายแค่ผมคนเดียวนะ ...เพื่อนร่วมห้องก็ลืมตั้งนาฬิกาปลุกกัน ....
29 Marseille ,France จะแชทและ เข้าเน็ต วันนี้นะครับถ้าเห็นกันที่ เอ็ม ก็เข้ามาทักกันหน่อย ละกัน .... เวลาที่ฝรั่งเศส เที่ยงถ้าเป็นเมืองไทย ก็คงจะ สี่โมงเย็น
วันนี้ได้เข้ามา ที่ seamen club ที่ติดกับเรือที่จอด มีทางเดินเป็นงวงช้างต่อไปตัวอาคาร ระหว่างทางเดินได้เห็นฝูง ปลา เล็ก ใหญ่ เวียนว่าย ไป มา ส่วนตัวแล้วผมเป็นคนที่ชอบเลี้ยงปลามาก ๆ จึงเพลิน ใจ และหายเหนื่อยได้ไม่น้อย ที่ได้เห็นฝูงมัจฉา พากันแหวกว่าย และ จิกกินสาหร่าย อย่างเพลินใจ ยืนคุยกับเพื่อนชาวโปรตุเกตุ ที่เคยออกไปข้างนอกกันประจำ ตามร้านเน็ต เค้าชวนดูปลา อย่างเพลิน ๆ จนแอบเผลอ ทำให้ ปลง ๆ และบ่นกับตัวเองว่า บางครั้งคนเราไม่จำเป็นต้อง มีอะไร มากมาย ให้เป็นกฏเกณฑ์หลายอย่างที่ตั้งไว้ ทำให้ต้องทำทุกอย่างเพื่อจะได้สิ่งนั้นมา โดยไม่คำนึงถึงว่าการได้มานั้นมันบริสุทธิ์ หรือ สุจริตวิธี หรือไม่ ทำไม ปลาเหล่านั้นไม่มีอะไร ซักอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า อาภรณ์ น้ำหอม เครื่องประดับ ไม่มีแม้แต่ สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ หรือว่ายศถา บรรดาศักดิ์ ชาติตระกูล ศักดินา .... แต่พวก มันก็อยู่อย่างมีความสุขกันได้ .... แล้วเราหละ...วันนี้ นึกอยากเป็นปลา ...อย่างตะหงิด ๆ (ไม่ได้อยากเป็นหม่อมลูกกบ ลูกเขียดนะครับ)
ผมแชท และเล่นเน็ต โหลดภาพ และสารพัด งานที่ทำกับคอมพิวเตอร์ 3 ชั่วโมง ไม่มีหยุด และรอน้องชายที่นัดกันไว้ ว่าจะออกไปในเมือง ด้วยกัน ...แต่ก็ไม่รู้ว่าพูดจากัน เข้าใจหรือเปล่าไม่รู้ บอกว่านัดที่อาคาร ดันไปตามหาเรา ที่อาคารเหมือนกัน แต่เป็นอาคาร ในเมือง Marseille ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ เป็นอันดับสองรอง จาก Paris แล้วจะเจอกันมั้ยเนี่ย....
จึงกลับมานอนหลับเพราะทำงานแต่เช้า ...แชท กันจนมึน ไปข้างหนึ่ง....รอบนี้ สามช่า ไว้วันหน้าค่อยว่ากัน ..
คืนนี้เป็นวันส่งแขก คืนสุดท้ายของเรา ..ที่จะได้เจอ แขก ที่เสิร์ฟมาตั้ง 12 วัน ถึงเวลาแล้วที่ท่านทั้งหลายจะได้เวลากลับสู่มาตภูมิ เอ้ย...แล้วเราจะพาเค้ากลับบ้าน...อิ อิ...
หลังเลิกงาน มีการสั่งลา เพื่อนสนิท ที่ชื่อ ...เจี๊ยบ คนที่พึ่งรู้จักกันได้ไม่ถึงสองเดือน แต่เราก็สนิทสนม กลมเกลียวกันเหมือนคบกันมา สิบห้าปี ...เจี๊ยบจะกลับเมืองไทยละนะ ...ไปพักร้อน ... อยากจะบอกว่าคิดถึงเพื่อนคนนี้มาก ...เพราะว่าไม่ได้เค้าตอนที่ผมเข้าประกวด หนุ่ม – สาว บนเรือ แกรนด์ ก็คงจะไม่ได้ตำแหน่ง รองอันดับหนึ่งมาครองได้ หรอก ...(ใครอยากดู ติดต่อได้ที่เกศรา ผู้จัดการส่วนตัว ที่เมืองไทย ได้นะครับ แผ่นได้ส่งถึงเธอที่เมืองไทยแล้ว )..
แล้วเราจะกลับมาพบกันอีกนะ ทั้งเจี๊ยบ และ ปิยะ...
30 AUGUST 05 ........Barcelona SPAIN ส่งแขกเก่ากลับบ้าน รับแขกใหม่ขึ้นเรือ เป็นการเริ่มต้นอีกครูซ ...
วันนี้นรก แตกหรือว่า สวรรค์แกล้ง รึ เปล่า ตารางทำงาน เริ่มต้นที่ ตี 4 คอยปลุกผี เอ้ย ..รับแขก ที่ตื่นมารับประทานอาหาร ที่บนบุฟเฟต์ ชั้น 14 ของเรือ
ทำงานแต่เช้า ไม่มีใครตื่นมามากมาย จะมีก็แต่ เด็กใจแตก ไม่ยอมหลับยอมนอน ตั้งแต่เมื่อคืน อยู่กันเป็นกลุ่ม ๆ ในสภาพที่ดูไม่ได้ ผมต้องแหกตาตื่น มาดูสภาพของพวกเด็กเหล่านี้ ทำให้ไม่อยากมีลูก ...(อันที่จริงชาตินี้ก็คงไม่มีปัญญาจะมี หรอก ใคร๊ เค้าจะมาเอาผม อะ ถ้าจะคิดตามความเป็นจริง ) ยืนคิดได้ไม่นานจึงเห็น คุณพ่อ ของน้องหนูมาตาม พร้อมกับสวด คุณลูกแต่เช้าตรู่ ...แหม ...ก็เล่นไม่หลับไม่นอน หายไปทั้งคืน อย่างงี้...ไม่แรดก็ร่าน หละ ครับ...อายุยังไม่บรรลุนิติภาวะ(นา) เล้ย ...
เพื่อน ต่างชาติหลายคนพยายามจะเข้ามาหยอก และเล่นด้วยแต่ผมไม่มีอารมย์ ก็คนง่วง ๆ วินาทีนั้นอะไร ก็เอาไม่อยู่แล้วหละครับ...กว่าจะตื่นได้ทั้งกายและวิญญาณ ก็ต้องออกไปสูดอากาศ บนดาดฟ้า ของเรือ มองดูตัวเมือง บาร์เซโลน่า แล้วอรุณสวัสดิ์ก็เริ่มต้นเช้าวันใหม่ ....(อีกแล้ว) ....
เลิกงาน 10 โมงเช้า ส่งเพื่อนสนิท ชื่อปิยะ หรือ เปี๊ยะ กลับเมืองไทย กว่าจะได้เข้านอนก็เกือบเที่ยง ตื่นนอนตอน บ่ายกว่า ๆ เพื่อจะออกไปทานอาหารข้างนอก ...ออกไปคราวนี้ ผมไม่ได้ตั้งใจ ไปเที่ยว ...ออกไปคนเดียว ไม่ได้ไปตามหา คนที่ห่างไกล ...ไม่อยากให้เหมือนการไปหารักแท้ในวันหรือคืนที่หลอกลวง...
แค่อยากไปนั่งจิบดื่ม และทานอาหารที่บาร์เล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่ บาร์เซโลน่า เล่น ๆ แค่นั้นเอง ...เพื่อน ๆ แต่ละคน ส่วนมากก็ไปตั้งแต่เช้า ...คราวนี้ก็ถึงเวลาต้องบินเดี่ยวอีกแล้วครับ....กลัวซะที่ไหน หละครับ... เกิดมามั่น ... (อันหมายถึงเป็นคนมั่นคงหนะครับ)
ผมเดินเล่นอย่างไม่คิดอะไร ไปตามทาง ตามถนนคนเดิน และ ช้อปปิ้ง เหมือนแถว ๆ สยาม บ้านเรา...ผมเคยมาเมื่อคราวที่แล้ว กับเพื่อนภาคแรกที่นั่งแท็กซี่แต่คราวนี้...ผมนั่งรถชัทเทิ้ลบัส มาลงที่ตัวเมือง ประมาณ สิบนาที...
การอยู่คนเดียว บางครั้งก็ทำให้เราได้คิดว่า เรามีเวลาได้ค้นพบตัวเองมากขึ้น ......ผมนั่งจิบดื่มไม่นานก็มีเพื่อนใหม่ เข้ามาทักทาย และทำความรู้จัก ..... ทำให้เราได้มีวิสัยทัศน์มากกว่า ผมไม่กลัวที่จะเจอ และพบเพื่อนใหม่ แต่ผมเลือกที่จะพบ และคบคนมากกว่า หนะครับ....
ผมสนุก และสำราญที่ได้พบปะเพื่อนใหม่ที่บาร์แห่งนี้ ทำให้เราได้เรียนรู้อะไร ๆ หลายอย่างในโลกนี้ที่เราอาจจะยังไม่รู้ได้อีกเยอะ...แค่นี้ก็คุ้ม กับการที่ได้ออกมาคนเดียวในวันว่าง ๆ แบบนี้หละครับ....
กว่าจะกลับก็ปาเข้าไป เกือบห้าโมง แต่คราวนี้รถไม่ติดเหมือนภาคแรก เพราะว่าถึงเวลา ที่ผู้โดยสารขึ้นเรือเป็นส่วนมากแล้ว... ผมนั่งรถไม่ถึงห้านาทีก็ถึงเรือที่จอด พอเห็นเป็นลาง ๆ จากในเมืองแล้วครับ...
วันนี้เหนื่อยมาก แต่เหนื่อยอย่างมีความสุข จนบอกไม่ถูก ...อิ อิ ....
31 Marseille FRANCE
ผมน่าจะได้ทำงานรอบบ่ายนะครับ แต่ไม่รู้โผออกมาอย่างไรไม่รู้ต้องทำให้ ทำงานในห้อง dining room เสิร์ฟ เช้า เสิร์ฟ บ่าย และเสิร์ฟเย็น แต่ก็พอมีเวลาพัก วันหยุดบ้าง ประเดิมวันแรกก้ได้วันหยุด ที่เมืองนี้ เมืองที่ใหญ่อันดับสองรองจาก ปารีส ...

ผมบอกกับเพื่อน ๆ ว่าจะตามไปหลังจากที่ได้เข้าเน็ต ก่อน จึงนัดกันที่ร้านอาหาร เอเซีย ในเมือง ....ด้วยความที่เราไม่เคยไป แต่เพื่อนก็เอาแผนที่ไว้ให้ ...ไม่เป็นผล เพราะว่าเมืองนี้ ใหญ่มาก ๆ พอ ๆ กับกรุงเทพ แล้วจะเดินตามหาเจอมั้ยครับ...ไม่อะ ..
เพื่อนหลายคนจะรู้ดีว่าถ้าผมได้เข้าร้านเน็ตแล้ว ก็ยากที่จะไปไหนได้ รอไปเหอะ ..
ไปในเมือง นั่งรถไป เกือบครึ่งชั่วโมง อากาศร้อนมาก เพราะว่าเป็นหน้าร้อนของที่นี่ ...ผมรู้ว่าป่านนี้เพื่อนคงไม่รอ แล้วหละ กว่าจะออกมาได้ก็ปาเข้าไป เกือบบ่ายสองโมง หลายร้านก็คงปิดพัก กันไปแล้ว จึงเดินไป ตามเส้นทางของเรา บ้าง ....
มหานคร ที่มีผู้คนมาก ย่อมวุ่นวาย และไม่ค่อยสะอาด มากนัก ในสายตาผม ....อึ ของหมาและแมว มีเกลื่อน ตามซอกซอย ..ผมไปเที่ยวโบสถ์ และในเมืองไม่นานนักจึงกลับกะว่าจะมา งีบหลับพักผ่อนเอาแรง ก่อนทำงานตอนเย็น ...
จึงทานสลัดไก่ ที่ร้านเล็ก ๆ นั่งเก้าอี้ ใกล้ กับถนน คนเดิน อย่างได้บรรยากาศ ที่มีร้าน เก๋ ๆ อย่างนี้เกลื่อนเมือง นั่งทานสลัด กินลม ชมวิว (ชมคน บ้างบางครา) แค่นี้ก็พอแล้วหละครับ...
กลับมาเรือ เกิดอาการปวดหัว อย่างไม่ตั้งตัว อาจจะเป็นเพราะอากาศ ร้อนหรือไม่ก็นอนพักผ่อนไม่เพียงพอ ...เป็นได้ ...(เป็นคนวินิจฉัยโรคให้ตัวเองพร้อม...)
ทำงานตอนเย็น อย่างไม่พร้อม แต่ก็โชคดี ที่ไม่มีแขก มากนัก ที่โต๊ะของผม จึงขอหัวหน้ากลับก่อนสี่ทุ่ม .. ทานกุ้งมังกร เสร็จ เกิดการคลื่นใส้ อาเจียนที่ห้องนอน ...จึงทอดร่างของตัวเอง ลงบนเตียงแล้วหลับ ตั้งแต่ สี่ทุ่มต้น ๆ ถึง หกโมงกว่า ๆ อาการนี้ไม่ได้มีสาเหตุมาจาก อาหารเป็นพิษแต่ว่า ..ร่างกายไม่ได้พักผ่อน เพียงพอ มัวแต่ออกไปเที่ยว เที่ยว และเที่ยวแล้วก็ทำงานหนัก วันละ ไม่ต่ำกว่า สิบกว่าชั่วโมง...
พอพักผ่อนเต็มที่แล้ว.. ...คราวนี้ อาการปวดหัว ตัวร้อนหายเป็นปลิดทิ้ง ...แม่เคยบอกผมเสมอว่า ... “อย่าลืมดูแลตัวเองให้ดีนะลูก” ผมลืมหนะครับแม่...วันหน้าจะดูแลตัวเองให้มากกว่านี้ นะครับ....




Create Date : 31 สิงหาคม 2549
Last Update : 31 สิงหาคม 2549 0:29:02 น. 1 comments
Counter : 739 Pageviews.

 
ภาพสวย ท่าสวยนะจ๊ะเนี้ย


เดินทางโชคดีนะค่ะ


โดย: ying (takom ) วันที่: 31 สิงหาคม 2549 เวลา:3:18:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

sochana9
Location :
New York United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




โอม (สมรัชนะ) ทำงานเรือสำราญ ที่อเมริกา และยุโรป ปีหนึ่งจะมาพักร้อนที่เมืองไทย สองเดือน
เจ้าของหนังสือ-เสิร์ฟสำราญสวรรค์บนเรือ,บ๋อยอินเตอร์เม้าท์เรือสำราญ และเล่มใหม่เดือนนี้ .. ชีวิต..."เรือสำราญ" ฝากด้วยขอรับ... เรื่อง how to จากประสบการณ์งานเรือสำราญ...


"นักเสิร์ฟมือโปร โกอินเตอร์ รายได้เป็นแสน ท่องเที่ยวฟรี ทั่วโลก "

ติดตามได้..

ฮักจากใจ๋แต๊ ๆ หนา คนเชียงราย เหนือสุดยอดในสยาม ...งามด้วยน้ำใจ๋

ปัจจุบันทำงานเรือสำราญ อยู่ยุโรป และนิวยอร์กครับ..



Parents strongly cautioned
รัก คงเดิมและเพิ่มอนึ่งคิดถึงพอสังเขป
สมรัชนะ ณ มหานครนิวยอร์ก ครับ..
นักเขี่ย นายแบก และนักท่องเที่ยวอิสระ
Moonsai Somratchana
the waiter and the author,Cabin 3270
The Crown Princess
c/o Cruiselink II,ltd.
676 A 9 th Avenue
Box 238
New York ,New York.
U.S.A. 10036








หนังสือเล่มสาม เรื่อง โหด มันส์ ฮา ประสาลูกเรือ(สำราญ) โดย__สมรัชนะ มูลสาย เปิดตัวที่ร้านนายอินทร์ สยามพารากอน ชั้นสาม วันที่ 09 Oct 09 @ 1.30 pm. ฮาวทู ผสมประสบการณ์สุดมันส์ แสนฮา และชีวิตลูกเรือสำราญเป็นอย่างไรพลาดไม่ได้ ต้นเดือนตุลา เจอกันทุกแผงทั่วไทย 09 09 09 is my Birthday !!!
On vacation in Thailand July 4 - Oct 12 ,2009
Thanks for reading . Have a nice day ! Copyright 2009 @ by Somratchana Moonsai Reproduction, either in whole or in part, is forbidden without written permission from Somratchana Moonsai. บทความ เรื่องเล่า และภาพ ที่ลงในบล๊อกของ “สมรัชนะ”ขอสงวนลิขสิทธิ์ตามกฏหมาย นอกจากจะได้รับอนุญาตจาก “สมรัชนะ” เท่านั้น...

@Copyright 2009 by Somratchana Moonsai . All rights reserved . Reprint rights must be granted by Somratchana Moonsai . Write me or request reprint permission by e-mail.


งานเขียนทุกชิ้นที่ปรากฏในเวบไซด์แห่งนี้ เป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบทประพันธ์นั้นๆ แต่เพียงผู้เดียว ห้ามกระทำการดัดแปลง แก้ไข หรือแอบอ้างไปเป็นผลงานของตน โดยไม่มีการอ้างถึงเจ้าของลิขสิทธิ์หากผู้ใดมีความประสงค์จะนำข้อมูลดังกล่าวออกเผยแพร่ ตีพิมพ์ หรือ นำไปใช้เพื่อประโยชน์อื่นใด โปรดติดต่อเจ้าของบทประพันธ์โดยตรง- all rights reserved By Somratchana Moonsai



sochana99@hotmail.com , moonsai2000@yahoo.com

thanks for visiting my Blog !!!! OHM Somratchana
   
Somratchana Moonsai

สร้างลิงค์ของโปรไฟล์ในแบบที่เป็นตัวคุณเอง
Friends' blogs
[Add sochana9's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.