เขียนระบายความในใจ เพื่อ"แม่" โดย โอม สมรัชนะ(ลูกเรือไทยและลูกของแม่ที่เชียงราย) ขอบอกรักแม่ให้โลกรู้ทีเห๊อะ.ขอบคุณทุกท่านที่เข้าอ่านค๊าบบบ(เขียนสดจากโครเอเซีย )
เขียนระบายความในใจ เพื่อ"แม่" โดย โอม สมรัชนะ(ลูกเรือไทยและลูกของแม่ที่เชียงราย) ครั้งแรกที่คุณไม่เคยอ่านที่ไหนมาก่อน ขอหนึี่งไลค์เพื่อกำลังใจให้แม่ผมครับ... เขียนไปน้ำตาซึมไป ในวันที่ไกลแม่..
ทำไมผมถึงเขียนระบายความในใจนี้เหรอครับ เมื่อวานซืนเรือจอดที่เวนิซ ผมได้ท่องเน็ตและเห็นหัวข้อ เขียนระบายความในใจบอกแม่ จึงได้แรงบันดาลใจจากการที่เข้าเว็บพันทิป และได้อ่านการรณรงค์การเขียนระบายความในใจเพื่อแม่ ปกติผมไม่ค่อยได้เขียนอะไรมากมาย อันเนื่องมาจากต้องทำงานทุกวันไม่มีวันหยุด วันละสิบกว่าชั่วโมง เวลาจะหายใจยาว ๆแทบจะไม่มี แต่วันนี้ อดใจไม่ไหวเลยเปิดคอม เปิดใจระบายให้เพื่อนพ้องน้องพี่ทุกคนได้อ่านกันอย่างทั่วถึง ขอบคุณทุกกำลังใจและทุกการติดตามด้วยครับ ขอเขียนระบายความในใจว่า......
แม่ผู้ให้กำเนิดผม.... วันที่เก้า เดือนเก้า หลังจากแม่ฟังข่าววิทยุเวลาเก้าโมงกว่า ๆ พ่อกุลีกุจอรีบต้มน้ำร้อน แล้วก็วิ่งไปเรียกหมอตำแยมาทำคลอดที่บ้านไม้หลังเก่า เสาต้นเท่าถังน้ำมัน เป็นบ้านไม้ ผมคลอดที่ช่องไม้ในห้องนอนแม่ อุแว๊ ๆ !!!! ยายข้างบ้านบอกว่า เมื่อกี้ยังนั่งคุยกันอยู่ดี ๆ กลับไปบ้านแป๊บเดียว ก็คลอดผม "ลืมตาดูโลก" 9 กันยา 2518 ณ บ้านเลขที่ 98 เด็กชายตัวน้อยๆ
กว่าแม่จะเลี่้ยงผมโตมาได้... พอหนึี่งขวบเกิดอาการ น่าเป็นห่วง ท้องร่วง ตัวซีด แม่และพ่อพากันนั่งเกวียนจากบ้านทุ่งยั้ง ต.ผางาม อ.เวียงชัย จ.เชียงราย เพื่อจะดั้นด้นไปหาหมอที่ในตัวเมือง ซึี่งต้องผ่านป่า ทุ่งนา ที่เต็มไปด้วยสารพัดสัตว์ดุร้ายนานาชนิด เสือ สิง กระทิงแรด ยังมีให้เห็นในสมัยย้อนไป 2518 แต่เพื่อชีวิตของลูกชายตัวน้อย ๆ ลูกชายคนเล็กของพ่อและแม่ ไม่ว่าจะไกลแค่ไหน พ่อและแม่ฟันฝ่าพาผมไปรักษาตัวให้หายจนได้ พอโตขึ้นมาหน่อย แม่บอกว่า ผมเลี้ยงง่ายเหลือเกิน อุ้มไปนั่งที่ไหนก็นั่งอยู่ตรงนั้น ไม่กระดุกกระดิก จนแม่คิดว่าผมนั่งสมาธิ เอ้ยไม่ใช่ครับ แม่เข้าใจว่า ผมคงเป็นเด็กพิเศษหรือไม่ก็เป็นโรคเอ๋อ เพราะแม่ไม่ได้ฝากครรภ์ เคยไปพบหมอ แม่บอกว่าแม่อายุเกือบจะสี่สิบแล้วมีลูกจะอันตรายหรือไม่ จะพิการหรือเปล่า สารพัดห่วงแสนห่วง หากไม่สมประกอบก็แล้วแต่หมอจะให้แท้งหรืออยู่ต่อไป บังเอิญความดันทุรังจะลืมตาดูโลกของผมมันแรงกล้า พุ่งออกมาจนได้ แม่บอกว่าผมเป็นคนเลี้ยงง่าย บางมื้อทานไข่ต้ม หรือ ข้าวเหนียวปาดนมข้นหวาน ขาวข้นหวานมัน ก็อยู่ได้
พอถึงวัยเรียน แม่ส่งผมเรียน ร.ร.รัฐบาล คำว่าอนุบาลต้น อนุบาลสองลืมไปได้เลยครับ แม่ไม่รู้จัก เริ่มเรียนก็ปอหนึี่ง ..."หนูจำได้ครูสอนปอหนึี่ง" (เพลงของพิมพา พรศิริ) เดินไปโรงเรียนแค่ข้ามสี่ห้าหลังคาเรือน ตั้งใจเรียนมว๊ากกกกก แต่รอ วัน เดือน ปี โดยเฉพาะวันศุกร์ ที่หอประชุมจะสวดมนต์ยาวแสนยาว ทรมานนั่งนานอยากกลับบ้าน อยากให้ถึงวันเสาร์ อาทิตย์ไวๆ แต่ที่จำได้เสมออีกหนึี่งเรื่องประทับใจคือ ตอนเปิดเทอมใหม่ มีสมุด "ห้ามขาย" ปกสีน้ำตาล ด้านหลัง เป็นยาเสพติด หัวกะโหลกไขว้ ได้กลิ่นกระดาษใหม่แล้วดีใจยิ่งนัก มิหนำซ้ำ เรียนฟรี รัฐบาลสนับสนุนเต็มที่ รักเรียนจนได้เกรดสี่ทุกวิชาบังคับ วันที่เรียนจบ ผู้ปกครองทุกคนมาร่วมแสดงความยินดี "สอนลูกจะไดปะล้ำปะเหลือ ได้เกรดสี่หมดเลย ข๋อยปะโทะ" (สอนลูกยังไงเหรอ ถึงได้เกรดสี่หมดเลย อิจฉาจริง) เสียงของชาวบ้านชมแม่ ผมได้ยินแล้วแอบดีใจและภูมิใจที่มีคนมาชมแม่ของผม ช่วงวันแม่ ที่โรงเรียน แม้แม่จะไม่ค่อยว่างเพราะต้องทำอาหาร ของหวานขายตลาด แม่ก็จะมาร่วมพิธี "ผมก้มกราบเท้าแม่" น้ำตาไหลรินอาบแก้มอย่างไม่อายใคร แม้จะจำได้ว่าปีแรกก็เขิน ๆ ปีต่อไปมั่นใจ ...ร้องแน่ ร้องให้เต็มที่ไปเลย อายทำไม ผมแอบเห็นแม่น้ำตาซึมเหมือนกันครับ จำภาพนั้นได้เสมอแม้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน
แม่หวังให้ลูกได้เรียนสูงๆ.... แม่บอกผมเสมอว่า แม่ไม่มีเงินส่งเสียให้ลูกเรียนสูงๆได้ ขอให้ลูกตั้งใจเรียน และ เรียนให้สูงๆ จะได้ไม่ยากจนเหมือนแม่และพ่อ ผมถูกส่งให้ไปเรียน ม.ต้น กับพี่สาวที่ อ.แม่จัน ร.ร.แม่จันวิทยาคม ตื่นแต่เช้าตีสี่กว่าตีห้า ช่วยทำงานขายของ เลี้ยงหมู หุงข้าว แล้วก็นั่งรถไปเรียน อยู่ได้ปีกว่าๆ คิดถึงบ้านและอยากมาอยู่กับพ่อและแม่ พอดีมีโรงเรียนขยายโอกาสการศึกษา จัดตั้งใหม่ ร.ร. ดอนศิลาผางามวิทยาคม เป็นโรงเรียนประจำตำบล จึงย้ายมาเรียนต่อ ที่นี่ .. ด้วยการปั่นจักรยานไปโรงเรียน วันละ 20 กิโลเมตร ช่วงหน้าฝน ผ้าคลุมกระเป๋า ยังเอาไม่อยู่ ฤดูกาลเปลี่ยนไปหน้าหนาว ขนคิ้ว ขนหน้าแข้งเปรียบดังเกล็ดหิมะปกคลุม อากาศหนาวสั่น ปั่นไปโรงเรียน เรียนเป็นรุ่นที่สองมีอาคารเดียว พออยู่มอสามได้เป็นรองประธาน ภูมิใจที่ได้(เป็นนักร้อง)นำเพลง ชาติไทย ...ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทยฯ พอจบมอต้น ครูแนะแนวเขียนหนังสือส่งไปโรงเรียนตัวเมือง ดำรงราษฎร์สงเคราะห์ จ.เชียงราย ได้ทุนจากหลายธนาคาร ห้าง ร้าน เทอมละ 600 บาท ดีใจและไม่เคยลืมพระคุณเลย ไปอยู่กับอาจารย์ที่บ้านพัก ด้วยความรักและคิดถึง จึงขอเดินรถไปกลับ เพื่อจะได้มาอยู่กับแม่และพ่อ ทางโรงเรียนมีโครงการหารายได้ระหว่างเรียน รักงานขาย (แต่ไม่เคยคิดจะขายตัวและหัวใจ เหมือนคำสบประมาทของคนอื่นที่มองชาวเหนือชอบขายตัว) ขายลูกชิ้น แม่ตื่นแต่เช้าช่วยทอดลูกชิ้น และทำน้ำจิ้ม ผมหิ้วใส่ถุงไปขายให้เพื่อน ๆ ในห้องเรียน พอมีรายได้จ่ายค่าเทอม ค่ารถ และค่าเล่าเรียน ได้รับความเมตตาจากครูอาจารย์ทุกท่าน เรื่องถึงข่าว นสพ.ไทยรัฐ เขียนประกาศลงหน้าการศึกษา ถ่ายรูปคู่กับผู้อำนวยการและครูประจำห้อง ลง นสพ. แม่ดีใจ เก็บหนังสือพิมพ์เล่มนั้นไว้อย่างดี พอเรียนจบมอปลาย จึงส่งตัวเองไปเรียน มหาวิทยาลัยประชาชน รามคำแหง ณ มหานคร คิดแต่ว่าอยากทำงานราชการ จึงเลือกเรียนคณะรัฐศาสตร์ จนจบปริญญาตรี ภายในสามปี และได้รับทุนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพฯ เรียนฟรีตลอดหลักสูตร
อยากทำงานอะไรหรือลูก ... แม่เคยถามผมว่าโตขึ้นลูกอยากทำงานอะไร ผมบอกแม่ว่า ผมไม่รู้ว่าอาชีพอะไร แต่ไม่อยากทำนา เพราะหุ่นไม่ให้ ใจก็ไม่รัก อีกอย่างรู้แต่ว่าอยากหาเงินมาทดแทนบุญคุณแม่ ที่เลี้ยงผมมา ผมอยากให้แม่สบาย เพราะแม่ทำนา หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน มีเงินกินอยู่แต่ไม่พอเก็บ แม่ก็เลยบอกผมว่า "ลูกทำงานอะไรก็ได้ ขอให้ลูกของแม่เป็นคนดี" วันนี้ผมจับพลัดจับผลูทำอาชีพ "บ๋อยอินเตอร์" อาชีพที่หลายคนไม่เคยอยากให้ลูกตัวเองทำงานอย่างนี้ เพราะ "เด็กเสิร์ฟ"ในสายตาและความคิดของคนไทย ไม่มีอะไรดี แต่บังเอิญผมติดดีกรี เป็น "เด็กเสิร์ฟอินเตอร์" จึงเลือกที่จะพิสูจน์ให้แม่รู้ว่า ลูกของแม่ทำงานสุจริต มีรายได้พอที่จะเลี้ยงแม่
ตอบแทนแม่ด้วยเงินจากน้ำพักน้ำแรง และลำแข้งของลูกชาย.... พอทำงานด้วยเรียนด้วย โดยเลือกเป็น "บ๋อย" ที่โรงแรมในกรุงเทพฯ เพื่อเอารายได้ส่งตัวเองเรียนมหาวิทยาลัยรามคำแหง เก็บทิปจากลูกค้าไว้ใช้จ่าย เอาเงินเดือนสี่พันกว่าบาทส่งให้แม่ หัวใจพองโตที่เกิดความรับผิดชอบได้แสดงให้เห็นว่า ผมจะทำให้ได้ โดยรับปากพ่อก่อนที่พ่อจะจากพวกเราไป "ผมจะดูแลแม่ ผู้หญิงที่พ่อรักและใช้ชีวิตอยู่ด้วยจนวินาทีสุดท้ายครับ" เรียนจบรามคำแหง จึงแข็งแกร่ง เริ่มโกอินเตอร์ไปเป็น "ขี้ข้า ข้ามแดน" ทำได้สองสามปี จึงปลูกบ้านหลังเล็ก ๆ และ ถอยรถเก๋งป้ายแดง ซื้อด้วยเงินสด ปลูกบ้านเงินสดให้แม่ "สร้าง ศรีวรรณ บ้านนี้ให้ ใจรักเอย" คำกลอนที่แต่งให้แม่ท่อนสุดท้าย หลังจากนั้นก็ใช้บัญชีเดียวกันกับแม่ โดยส่งเงินกลับมาไทยแลนด์ตลอด เดือนละหลายหมื่นบาท บางเดือนได้แสนกว่า สมัยที่ค่าเงินบาทลอยตัวลิบลิ่ว แต่แม่ไม่เคยเอาเงินใช้เลย เพราะแม่เป็นคนประหยัดมากถึงมากที่สุด จนอยู่ขั้นประเภทขี้เหนียวเรียกแม่
ลบคำประมาท นินทาของชาวบ้าน.... ชาวบ้านหลายคนชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้าน พอเห็นปลูกบ้าน ซื้อรถเก๋งให้แม่ แทบทุกคนต่างครหานินทา คิดว่าลูกชายคนเล็กไปขายตัวอยู่่ต่างแดน เป็นแฟนฝรั่งดั้งขอ จึงประกาศให้โลกรู้ว่า ลูกชายคนเล็กของแม่ไปทำงานตัวเป็นเกลียว หัวเป็นน็อต เป็น "มือเสิร์ฟทีมชาติไทย" ทำงานทุกวันไม่มีวันหยุด จึงได้ไอเดียเจิด คิดขีดๆเขียนๆหนังสือแชร์ประสบการณ์ให้ชาวโลกได้รับรู้ แม่เคยเปิดทีวีเห็นข่าวที่เค้ากล่าวถึงหนังสือเล่มล่าสุดของลูกชายในทีวี แม่ดีใจมาก แม้แมกกาซีนบางเล่มที่ผมเคยเขียนบทความ แม่จะเก็บไว้เป็นอย่างดี หากแขกไปใครมาแม่จะเป็นคนไปหยิบหนังสือและรูปภาพมาให้ดู เพราะแม่เชื่อว่าลูกของแม่ทำได้
แม่ผู้ให้อภัยลูกเสมอ... ตอนเป็นเด็กบ่อยครั้งที่ไม่เข้าใจแม่ ทะเลาะกับแม่ แต่แม่ก็จะมาง้อและชี้เหตุและผลเสมอ แม้โตเป็นวัยรุ่นก็มักจะคิดว่าแม่มายุ่งเรื่องของเด็กแนวมากเกินไป แม่เคยวิ่งเอาห่อข้าวตามให้จนแม่แทบล้ม เพราะแม่กลัวว่าผมจะหิว ผมจำได้ว่ามันคือข้าวเหนียว หมูย่างที่ตอนนั้นคิดแต่ว่าไม่เอาๆ อายเขาไม่อยากห่อไป แต่สุดท้ายกินข้าวเหนียว หมูปิ้งพร้อมน้ำตาที่คิดถึงแม่ หากแม่ไม่วิ่งตามเอาให้ ผมคงจะหิวโซ "เอาไปเต๊อะ ๆๆๆ เดี๋ยวจะหิว" พอ โตขึ้นอีกหน่อย ก็มักจะบอกแม่ว่า แม่ไม่ต้องห่วง "แม่..อย่าเยอะ " แต่ตอนนี้รู้แล้วว่า เวลาที่ไม่สบายไม่มีใครจะห่วงเราได้มากเท่าแม่ ทุกครั้งที่ทำผิดพลาด เอาแต่ใจตัวเอง แม่จะให้อภัยเสมอมา หัวใจของแม่ยิ่งใหญ่เหลือเกินครับ
เพลงที่ฟังแล้วคิดถึงแม่.... หลายเพลงที่เกี่ยวกับแม่ ที่ผมฟังทีไร น้ำตาแทบจะไหลทุกทีอย่าง "ค่าน้ำนม" เรียกน้ำคลอเบ้าตาได้ตลอดกาล ชอบท่อนนี้มากที่สุด "หยดหนึี่งน้ำนมกิน ทดแทนไม่สิ้นพระคุณแม่เอย" เพราะค่าน้ำนมของแม่ จึงทำให้ผมคิดจะมีชีวิตและต่อสู้อยู่เพื่อแม่ เพลง แม่ ของเสก โลโซ "คิดถึงแม่ขึ้นมาน้ำตามันก็ไหล อยากกลับไปซบลงที่ตรงตักแม่ ในอ้อมกอดรักจริงที่เที่ยงแท้ ในอกแม่สุขเกินใคร" ได้ใจเกินร้อย หรือเพลง แม่ ของ ปู พงษ์สิทธิ์ "กี่วันคืนจะผ่านไป กี่ฤดูจะผ่านมา แม่ก็ยังเฝ้าคอยให้ลูกกลับ ...." ไม่ว่าจะอยู่ที่หนไหนตำบลใด ฟังแล้วอยากจะกลับมาหาแม่ ณ บัดดล หรือเพลงอมตะอย่าง "อิ่มอุ่น" ของคุณศุ บุญเลี้ยง "ให้เจ้าเป็นเด็กดี ให้เจ้ามีพลัง ให้เจ้าเป็นความหวังของแม่ต่อไป ... ใช่เพียงอ่ิมท้อง ที่ลูกร่ำร้องเพราะต้องการไออุ่น อุ่นไอรัก อุ่นละมุน ขอน้ำนมอุ่นจากอกให้ลูกดื่มกิน" เป็นเพลงที่ลูกคนไหนไม่เคยได้ยิน คงขาดคุณสมบัติลูกที่ดีไปได้ แม้แต่เพลงใหม่อย่าง "ผู้หญิงที่ดีที่สุด" ของ ใบมิ้นท์ เรียกน้ำตาจากหลายคนรวมทั้งผมเองที่เคยฟังครั้งแรกตอนอยู่่ต่างแดน "จะขอกราบเท้าแม่... ผู้หญิงที่ดีที่สุด ไม่เคยเรียกร้องอะไร แค่ขอให้เราได้อยู่รอดปลอดภัย จิตใจยังสวย ยังงดงาม แม้กาลเวลาจะผ่านพ้นไป รอยยิ้มก็ยังเหมือนเดิม สายตาก็ยังเป็นห่วง อ้อมแขนก็ยังอบอุ่นเหมือนเคย" และอีกหลาย ๆ เพลงที่สะท้อนให้เห็นถึงความรัก ความห่วงใย สายใยระหว่างแม่กับลูกที่แยกจากกันเสียไม่ได้ ยังไง วันแม่ปีนี้ขอแนะนำเพลงที่ผมกล่าวมารับรองคุณฟังแล้วจะร้อง(ไห้)ตามได้ดีทีเดียว
จากแม่ไปไกลคนละซีกโลก....
"ไปเต๊อะบ่าหล้า ไปเพื่ออนาคต บ่าต้องห่วงแม่ แม่มีแต่จะแก่เฒ่า บ่าหล้าไปทำงานเก็บเงินเยอะ ๆ ชีวิตจะได้สบาย" ผมจำประโยคที่แม่บอกผมเสมอ ในวันที่ลาแม่เพื่อไปทำงานเป็น "ขี้้ข้า ข้ามแดน" อาชีพลูกเรือสำราญ ทำงานบริการบนเรือหรูระดับโลก แค่ลาแม่ไปเรียนมหาวิทยาลัย จากเชียงรายไปกรุงเทพฯ คิดว่ายากแล้วพอเจอเหตุการณ์เหมือนละครที่เครื่องบินทะยานสู่ฟ้า แล้วจะได้กลับมาหาแม่อีกเมื่อไหร่ไม่รู้ ย้อนไปเมื่อสมัยสิบกว่าปีที่ผ่านมา อินเตอร์เน็ต การสื่อสารทางโทรศัพท์ยังไม่ไฮเทคเหมือนสมัยนี้ ติดต่อคนทางบ้านที ลำบากแสนเข็ญ ส่งจดหมายกลับมาหาแม่ หนึี่งเดือนกว่าจะถึง หนึี่งเดือนแม่ตอบกลับ ได้แต่ไหว้พระ วิงวอน ขอพรให้พระคุ้มครองแม่ของผม ที่เธออุดมไปด้วยสารพัดโรคเสี่ยงสี่ชนิด จากคนปกติจะมีห้าโรคเสี่ยงต่อชีวิต แม่ของผมกวาดเรียบไปแล้วสี่ เหลือโรคเดียวที่ไม่เป็น แม่มีกำลังใจดีจากลูก ๆ แม้ผมจะอยู่ไกล แต่ส่งใจไหว้พระก่อนนอนทุกวัน ด้วยแรงอฐิษฐาน ให้พระคุ้มครองแม่ บ่อยครั้งที่แม่รอด นาทีชีวิตมาได้อย่างอัศจรรย์ บ่อยครั้งที่แม่ไม่รู้สึกตัว แม่บอกว่ายังไม่อยากจะไป อยากเห็นความสำเร็จของลูกๆหลาน ๆ ปีล่่าสุด 2554 ผมต้องกราบลาแม่ เพื่อไปทำงานต่างแดน ในวันที่แม่ยังนอนรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล เพราะผมเป็นคนขับรถโดยถูกผู้หญิงที่เมาแล้วขับ พุ่งเข้าชนรถเราอย่างแรง รถคันแรกที่ผมซื้อเป็นของขวัญให้แม่ พังยับเยิน ภาพที่เห็นแม่หายใจผงาบๆ เลือดเต็มหน้า รถกระเด็นเกือบจะตกแม่น้ำ สองแม่ลูก นึกทีไรน้ำตาผมไหลทุกครั้ง แต่ด้วยคุณความดีที่แม่มี ร่วมกับผม เรารอดจากอุบัติเหตุครั้งนั้น แม้แม่จะรักษาตัวนานอย่างทรมาน แต่ผมไม่เป็นอะไรนอกจากแผลถลอกที่หน้าผาก พร้อมฝังแก้วสามแก้ว แก้วทั้งสามเริ่มหลุดออกมาพร้อมกับแผลที่แห้ง ตอนมาลงเรือสำราญที่อิตาลี่ วันหนึี่งที่โรงพยาบาลเชียงราย ผมก้มกราบเท้าแม่ แม้จะกลั้นน้ำตาและความรู้สึกไว้ไม่ไหว แต่ก็ต้องตัดใจ ก้าวออกจากห้องไป เพื่อไปทำงาน บินไปไกลคนละซีกโลก เพื่อไปทำหน้าที่ ผ้าซิ่นที่แม่เคยใส่นำติดมาเพื่อเป็นเหมือนตัวแทน และกำลังใจมหาศาลในวันที่ต้องห่างไกล
เพื่อนของผมหลายคนถามผมว่า ทำไมบางเรื่องถึงไม่ยอมบอกแม่ บางครั้งหลายเรื่องที่ผมจะไม่บอกแม่ เพราะไม่อยากให้แม่เป็นห่วง เพราะผมและพี่ ๆ รู้ว่า หากแม่รู้แล้ว แม่คงไม่สบายใจ เกรงจะมีผลต่อโรคความดัน และ โรคหัวใจของแม่ ผมบอกพี่ๆว่า "เราจะรักษาหัวใจของแม่ ที่เลี้ยงเรามาอย่างดีที่สุด และรักษาชีวิตของแม่ให้อยู่กับเราตราบนานแสนนาน" ผมขอบอกแม่แต่เรื่องดีๆ ให้แม่ได้สบายใจในวัยบั้นปลายของชีวิตดีกว่า
อีกไม่กี่วันผมจะบินกลับมาเมืองไทย ในช่วงวันเข้าพรรษาและมากราบแม่ในวันแม่แห่งชาติของเมืองไทย (เพลง)เดือนเพ็ญ ...ของแม่ .."ไม่นานลูกที่จากลา จะไปซบหน้าแทบอกแม่เอย" ความรู้สึกที่อยากจะเขียนบรรยาย คงน้อยไปสำหรับทุกอย่างที่ผมมี เพราะหากวันนั้นไม่มีแม่ ก็คงไม่มีผมในวันนี้ ผมจึงบอกตัวเองเสมอว่า แม่คือพระในบ้านของผม ที่ผมจะบูชา เคารพรักและเชิดชู ทุกลมหายใจเข้าออก วันนี้แม่อายุเกือบจะแปดสิบปี ขอให้แม่รับรู้ไว้เสมอว่า ไม่ว่าวัน เดือน ปี จะผ่านไป ไม่มีอะไรจะพรากผมและแม่ไปได้ แม่จะอยู่ในดวงใจของผม ที่แม่เป็นผู้สร้างและหล่อหลอมดวงใจดวงน้อย ๆ นี้ให้เติบใหญ่ ก้าวไกลไปในโลกกว่้าง ไปเยือนมากว่า 76 ประเทศ แต่ดวงใจน้อย ๆ ดวงนี้ที่แม่ได้สร้างความรู้สึก และคนๆหนึี่งที่เกิดมา เพื่อที่จะเป็นคนดี ตามคำสอนของแม่ เพราะแม่คือแม่แบบที่ดีของผมตลอดกาล "ผมรักแม่ของผมมากครับ" หวังไว้เป็นอย่างยิ่งว่า คนที่อ่านจบแล้ว คงได้มีโอกาสมอบความรัก และชื่นชูพลังความรักระหว่างคุณกับแม่ วันแม่ปีนี้และวันต่อๆ ไปขอได้ตอบแทนพระคุณของแม่ ไม่ว่าแม่จะอยู่ที่ไหนในตอนนี้ ผมเชื่อว่าแม่ของคุณจะอยู่กับคุณเสมอ อานิสงฆ์จะส่งให้คุณมีความสุข ความเจริญอย่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง
โอม สมรัชนะ ขอสนับสนุนทุกคนให้รักแม่ ... เกินร้อยครับ... (เขียนสด ๆ บนเรือสำราญ เวลาตีสาม ของวันที่ 25 กรกฎาคม 2555) @ Croatia LIVE ปล. แอบเขียนต่างแดน เขียนไปน้ำตาซึมไป ไม่อยากบอกเลยนะเนี่ย ...
Create Date : 25 กรกฎาคม 2555 |
|
36 comments |
Last Update : 25 กรกฎาคม 2555 9:29:10 น. |
Counter : 4270 Pageviews. |
|
|
|
9.29 it's time that I posted.
เรียนเชิญ เพื่อนพ้อง น้องพี่ และแฟนคลับของโอม สมรัชนะ
โหวต ... "กิจกรรม บอกรักแม่ให้โลกรู้ " ที่บล๊อกพันทิป
ขออนุญาตฝาก ๆ หน่อยครับ
สำหรับคนรักแม่ "สุขสันต์วันแม่ล่วงหน้านะคับ"
โอมจะลัดฟ้า มากราบแม่ที่เมืองไทย วันแม่จะอยู่กับแม่ที่เชียงราย
พร้อม นำแมกกาซีน ไปมอบให้น้อง ๆ ที่โรงเรียนเก่า เพื่ออุปถัมภ์แมกกาซีนให้น้องอ่าน ...
ขอบคุณทุกท่านที่กดไลค์ และ ไปกดโหวตที่บล๊อกตามลิ้งค์นี้ครับผม //www.sochana9.bloggang.com
โอม ณ โครเอเซีย
if u like my article please visit my link to hit VOTE for my story ..
Thank you so much !!!
with love ,
OHM Thai CREW in Croatia