โอม สมรัชนะ Thai Crew วิ่งโร่ แจ้งความสถานีตำรวจกลางกรุงเมืองStockholm ,Sweden สองวันก่อนกลับไทย...
โอม สมรัชนะ Thai Crew วิ่งโร่ แจ้งความสถานีตำรวจกลางกรุงเมืองStockholm ,Sweden สองวันก่อนกลับไทย...
เหลืออีกสองวันจะบินกลับเมืองไทย วันที่ 16 กรกฎาคม เรือเข้าจอดที่เมืองสต๊อกโฮม ประเทศสวีเดนตอน 7 โมงเช้า และเรือจะออกเวลาบ่ายสองโมง ตอนเช้าผมทำงานเป็น "ผู้ชายขายน้ำ" ขายน้ำขวดเพื่อให้ผู้โดยสารซื้อออกไปดื่มข้างนอก หลังจากนั้นก็พักเพื่อเตรียมไวน์ เทสติ้ง (การทดลองชิมไวน์ที่มาจากหลายประเทศ) ก็เลยเช่าจักรยาน ซึี่งเป็นสวัสดิการของลูกเรือ สามารถเช่าในราคา วันละ 2 เหรียญ "Andrea Could you please keep one bike for me ?" ผมบอกกับเจ้าหน้าที่ Crew Agent เพื่อขอเช่ารถจักรยาน " Ok I 'll keep for you on the side " แอนเดรีย มาจากประเทศโปรตุเกสบอกผมว่าเธอจะเก็บรถจักรยานไว้ให้ละกัน เพราะว่า จกย.เป็นที่ชื่นชอบของลูกเรือที่จะเช่าไปปั่นไปข้างนอก หากจองช้าก็หมดสิทธิ์
ผมปั่นออกไปข้างนอกอย่างมีความสุข แม้กระเป๋าที่จะต้องเตรียมก่อนกลับเมืองไทยก็ยังไม่ได้เก็บซักที อยู่มาเก้าเดือนกว่า หาเวลาจัดยังไม่ได้ จนสองคืนสุดท้ายก่อนกลับค่อยมาจัดอย่างยุ่งเลยล่ะครับ
ด้วยเวลาที่ออกไป เก้าโมงเช้า บรรยากาศสดชื่น ท้องฟ้าปิด อากาศเย็น ๆ 17 องศาเซลเซียส ปั่นไปแวะ Sea Farers Center ซึี่งเป็นคลับที่มีไว้ให้บริการลูกเรือ อยู่ใจกลางตัวเมืองหลวงของประเทศสวีเดนใกล้ ๆ กับท่าเรือที่เรือจอด ตั้งใจจะแวะเอาโน๊ตบุ๊ค ไปต่อเน็ตซักหน่อยเพราะว่าไม่ได้นำไปต่อเน็ตมานานมาก ส่วนมากออกไปก็ใช้ไอโฟนต่อเน็ตอย่างเดียว เพราะสะดวกและไม่ต้องแบกโน๊ตบุ๊คทำให้หนักและเป็นภาระในการท่องเที่ยว
ผมเช็คเมล์และติดต่อจองตั๋วเครื่องบิน จาก กรุงเทพฯ สู่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย โดยให้จอยเพื่อนรักจองให้ คาดว่าใช้เวลาแค่ไม่ถึงสองชั่วโมง 12.07 นาที ออกจาก Seamen Club ลงมาที่เอารถจักรยานจอด ซึ่งเป็นหน้าโรงแรม ติดถนนสายหลัก ย่านธุรกิจ
ภาพที่เห็นคือ ความว่างเปล่า มีแต่สายคล้องล็อกรถสีเขียว ทิ้งไว้เป็นที่ระทึก ผมหยิบสายเขียวที่ล็อกรถไว้มาดู สายเหล็กที่โดนตัดขาดด้วยของมีคมกริบ ตอนนั้น คำถามแรกที่ถามตัวเองว่า "ใครเอารถ...กู ...ไปวะ" ความรู้สึกต่อไป คือ ... "ผมต้องมีความรับผิดชอบ" ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต้องรับผิดชอบ แม้กระทั่งการจ่ายค่าเสียหาย
เดินเข้าไปถามเจ้าหน้าที่โรงแรม ซึ่งเห็นมีรูปสัญลักษณ์ "กล้องวงจรปิด" อยู่รอบ ๆ คาดว่าพวกเค้าคงจะช่วยได้
"Did you see anyone took my bicycle over there ?" คำตอบที่ได้คือ ไม่เห็น แต่ตอนนั้น มีลูกค้าของโรงแรม หลายคนได้รับรู้และได้ยิน ประโยคที่ผมถาม หลายคนแสดงความเสียใจ
ผมก็เลยรบกวนให้เจ้าหน้าที่หน้าฟร้อนท์ของโรงแรม ถามว่าเป็นไปได้มั้ยที่จะติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ พวกเธอทั้งหลายก็ยุ่งอยู่กับการเช็คอินและเช็คเอ้าท์ของลูกค้า
ผมระลึกได้ว่า ด้วยเวลาที่เหลือไม่ถึงชั่วโมงที่ต้องกลับเรือสำราญ เพราะลูกเรือ ต้องขึ้นเรือบ่ายโมง ผู้โดยสารขึ้นเรือบ่ายโมงครึ่ง เรือจะออกจากท่าเรือบ่ายสองโมง ก็เลยได้สติ คิดถึง Seamen Club ที่พวกเค้าน่าจะช่วยเหลือได้ ก็เลยรีบกลับไป เดินไปไม่ถึงยี่สิบเก้า วิ่งโร่ขอความช่วยเหลือ ว่าจะติดต่อตำรวจอย่างไร Elisabeth (เจ้าหน้าที่ที่ทำงานพาร์ทไทม์ช่วงซัมเมอร์) รีบค้นหาเบอร์โทร และ สถานีตำรวจที่ใกล้ที่สุด เธออาสาขับรถไปส่งผม เพราะครั้นจะรอให้ตำรวจมาที่เกิดเหตุ คงจะยาก ก็แค่รถจักรยานของนักท่องเที่ยวคันเดียว
ฝนเริ่มปรอย ๆ บรรยากาศท้องฟ้ามืดมน
"Do you know I feel sorry for my lost bike but at least think in the positive ... My life still safe that should be alright " "ก็รู้สึกเสียใจที่มันหายไป แต่อย่างน้อยก็คิดว่า ชีวิตนี้ปลอดภัยก็ไม่เป็นไรหรอก" ผมพูดกับเอลิซาเบธ ขณะที่รถกำลังติดไฟแดง เพื่อจะมุ่งหน้าไปสถานีตำรวจ
พูดยังไม่ทันเปลี่ยนเรื่อง พอรถออกไปแป๊บเดียว ก็เห็นผู้หญิง นอนล้มอยู่ถนนข้าง ๆ เลนปั่นจักรยาน พร้อมกับผู้ชายที่ช่วยพยุงเธอ เพราะจักรยานเธอล้ม ดีที่ใส่หมวกกันน็อก
พอไปถึงสถานีตำรวจ ซึ่ง Mr.Oscar ทราบชื่อภายหลัง ได้บริการ และช่วยเหลืออย่างดี เค้าถามถึงเหตุการณ์ และ สิ่งที่ผมต้องการก็คือ ใบแจ้งความ เพื่อนำไปยื่นให้กับเจ้าหน้าที่บนเรือสำราญที่เช่าจักรยานมา
แต่ข้อมูลที่ผมยังไม่ทราบหลายอย่าง เค้าก็เลยแนะนำให้โทรกลับมารายงานวันรุ่งขึ้นได้ ซึ่งเรือก็ลอยอยู่กลางทะเล แต่สามารถโทรติดต่อได้่เช่นกัน
ล่าสุด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ส่งใบหลักฐานการแจ้งความพร้อมรายละเอียด ส่งไปให้เรือสำราญ
ผมถาม Andrea ว่าจะต้องจ่ายค่าเสียหายทั้งหมดเท่าไหร่ เธอตอบผมว่า ไม่ต้องกังวลหรอก เพราะมันเป็นเหตุสุดวิสัย ไม่ต้องจ่ายอะไรเลย เงินประกัน 10 เหรียญที่ผมวางไว้ เธอก็ยังเอาคืนให้ผม แต่ผมบอกว่า ขอไม่รับ เอาเป็นค่าติดต่อและโทรศัพท์ดีกว่า
หัวหน้าของผม ชาวอิตาเลี่ยน เค้าบอกว่าเห็นผมปั่นจักรยานออกไปข้างนอก เค้าก็กำลังคิดเหมือนกันว่า วันนี้จะปั่นจักรยานออกไปดีมั้ย เพราะเค้ารู้ว่าผมเป็นนักปั่นตัวยง แทบจะทุกท่าเรือจะเห็นผมปั่นจักรยานออกไปบ่อยครั้ง
ตอนเย็นหลังเกิดเหตุ หัวหน้าได้พูดกับกัปตัน ซึ่งเป็นชาวอิตาเลี่ยนเหมือนกัน บอกว่า คนนี้หล่ะที่โดนลักจักรยาน กัปตันก็ถามสารทุกข์ ว่าคนร้ายเอาไปยังไง
บ่ายโมงตรงผมกลับสู่เรือสำราญ รีบแต่งชุดทำงานสูทสีดำ เปิดดูเพจเจอร์ มีหลายคนเพจตามหา ทั้งหัวหน้าและลูกน้องคนที่จัดโต๊ะไวน์ เทสติ้งเกือบสิบกว่า มิสคอล รีบไปรายงานหัวหน้าที่ออฟฟิศ ถึงเหตุที่เกิดขึ้น แป๊บเดียวข่าวกระจายทั่วลำเรือ เป็น Talk of the ship
The show must go on ทั้ง ๆ ที่ยังครุ่นคิดเรื่องรถจักรยานหาย ภายในหนึ่งชั่วโมงหลังเกิดเหตุต้อง ปั้นหน้ายิ้มต้อนรับ ผู้โดยสารที่มาชิมไวน์เกือบสองร้อยกว่าคนที่ผมต้องต้อนรับและเช็คอินหน้าประตู บอกกับตัวเองเสมอว่า "ขอให้มีสติ อยู่กับปัจจุบัน ในตอนนั้น ให้รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร" เพราะการเช็คอินหน้าประตู และต้อนรับผู้โดยสารสำคัญมาก หากสติไม่อยู่กับตัว ก็อาจจะทำให้เช็คอินผิด เพราะลูกค้าจะต้องบอกเบอร์ห้องที่จองไว้ และ นามสกุล ที่ถูกต้อง
เป็นอีกหนึ่งวันที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด และ ตอนนั้นบอกกับตัวเองเสมอว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นขอให้มีสติ ความตกใจเกิดขึ้นในชั่วขณะ พอตั้งสติได้จึงรีบติดต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อหาหลักฐาน มิเช่นนั้น ทางเรือสำราญ ก็อาจจะไม่เชื่อ ทำให้เราต้องจ่ายค่าเสียหาย ซึีงรถจักรยานคันใหม่นั้น ราคาคิดเป็นเงินไทย หมื่นห้าพันบาท 500 เหรียญดอลล่าห์
เหตุการณ์นี้ทำให้ผมนึกถึง หลานสาวที่โดนขโมยรถมิร่า ที่จอดหน้าหอในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เมื่อปีก่อน หลังจากพูดคุยกับElisabeth เธอบอกว่า รถจักรยานของเธอก็โดนขโมยเหมือนกัน ทำให้เธอกลุ้มและเสียใจเป็นวีคสองวีคเลย ที่สำคัญมันเป็นบททดสอบ ถึงความรับผิดชอบ และ การตั้งสติ ได้ดีว่าหากเกิดเหตุเยี่ยงนี้จะทำอย่างไร
ประสบการณ์ของเด็กชายบ้านนอกคอกนาคนหนึ่ง ใครจะไปรู้ว่า ครั้งหนึ่งในชีวิต ได้วิ่งโร่แจ้งความ ณ สถานีตำรวจกลางกรุงสต๊อกโฮม เมืองหลวงของประเทศสวีเดน
"ขโมยคงลำบากยากเข็ญ ถึงกับต้องทำอย่างนี้ พวกเค้าคงไม่รู้จักศีลธรรม และความรับผิดชอบ การเอาใจเขามาใส่ใจเราเป็นอย่างไร ผมได้แต่หวังว่าคงไม่เกิดขึ้นกับใครบ่อยนักและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้นั้น มันเป็นเหมือนบทเรียนและ บททดสอบถึง การไม่ยึดติด และการทำใจ ตั้งสติ คิดหาการแก้ไข เรื่องร้าย ๆ ก็ผ่านไปได้ด้วยดี และโชคดีที่มีหลายคนยื่นมามาช่วย ต้องขอขอบคุณ Special thanks to Seamen Club ,Crew Agent on the ship and Stockholm Police"
ขอบคุณที่อุตส่าห์อ่านจนจบ และ ขอบคุณสำหรับการติดตาม รวมทั้งทุกข้อความที่เป็นห่วงเป็นใยซึี่งกันและกัน โอม สมรัชนะ ลูกเรือไทยในต่างแดน ณ พักรบ และพักร้อน อยู่เมืองไทยสองเดือนครับ
เจอกันเมื่อชาติต้องการครับพี่น้อง...
Next contract === I am world cruise .. Join the ship in the end of September in Venice ,Italy Ft.Lauderdale -USA,Aruba,Santa Marta,Panama Canal,Puerto Quepos,San Diego-USA,Kauai,Honolulu,Pago Pago,Dravuni Island,Auckland,Fjordland National Park,Bumio,Sydney,Cairine,Guam,Iwo Jima,Tokyo,Hiroshima,Busan,Shanghai,Hong Kong,Hochi Minh City,Bangkok,Phuket ,Singapore,Mumbai,Chennai,Dubai,Oman,Jordan,Egypt,Croatia,Venice-Italy and so on by OHM Moonsai Thai Crew.
Create Date : 21 กรกฎาคม 2554 |
Last Update : 21 กรกฎาคม 2554 17:04:49 น. |
|
1 comments
|
Counter : 1756 Pageviews. |
|
|
|