:: Diet Diary [ บันทึกจากหลานถึงคุณย่า ] วันที่ 9-11 ::

ไปค้างบ้านย่ามาค่ะ เลยไม่ได้มาอัพบล็อคเลย
ขอพูดถึงคุณย่าสักนิด ท่านเป็นแม่ค้าขนมเก่า ทำอาหารและขนมไทยอร่อยมาก วันตรุษจีนทีไรออเดอร์ขนมเทียน ขนนมเข่งมาเป็นสิบๆ เจ้า จนท่านต้องเลิกรับทำเพราะเหนื่อย ทำไม่ไหว
ย่าอยู่กับปู่ค่ะ ปู่เคยล้มหัวฟาดพื้น ทำให้หลงๆ ลืมๆ ก็มีย่านี่แหละค่ะที่คอยดูแล
มันแย่ตรงที่ว่าบ้านของเรากับย่าไม่ได้อยู่ไกลกันเลย แต่หลังจากที่ขึ้น ม.ปลาย เราก็แทบไม่ได้ไปหาท่านเลย
จนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พ่อบอกว่าย่าเป็นโรคซึมเศร้า เวลาเดินก็ใจลอยจนหกล้ม
เรารีบโทรไปหาลูกพี่ลูกน้องอีกสองคน นัดกันไปค้างบ้านย่า
ครั้งแรกที่เห็นย่าก็ดูปกติดี ยิ้มหัวเราะกับเราและลูกพี่ลูกน้องเป็นปกติ
เรายังอยู่ในช่วงลดน้ำหนักอยู่ ก็ตั้งใจว่าจะกินน้อยๆ คืออยู่ในโปรแกรมเหมือนเดิม
ตื่นเช้ามา ย่าจัดแจงเตรียมทำซุปเนื้อของโปรดของเรา และกระดูกหมูทอดเต้าเจี้ยวของโปรดของน้อง
เราเห็นก็ตั้งใจไว้ละว่าจะกินเนื้อแค่นิดหน่อยพอ เพราะกำลังควบคุมน้ำหนักอยู่
จนกระทั่งเราเข้าครัวไปเห็น ย่ากำลังตักซุปเนื้อจากหม้อใส่ชาม
... มือที่ถือทัพพีสั่นมากๆ จนน้ำซุปกระฉอกออกมา
เราโทรไปหาพ่อเพราะเป็นห่วง พ่อก็บอกว่า
"กินเยอะๆ นะ รู้มั้ยตอนพ่อไปหาย่าเดือนก่อน ย่าเล่าให้ฟังว่าเข้าครัวไปแล้วไปยืนเหม่อ ไม่รู้จะทำกับข้าวอะไร เหมือนกับว่าแกอยู่กับปู่สองคนแล้วปู่ก็พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง แกก็เลยเหงา"
มื้อนั้นเรากับลูกพี่ลูกน้องกินกันไม่อั้นเลยเพราะจะเอาใจย่า (แต่อร่อยมากด้วยแหละ ) ระหว่างกินแอบเหลือบไปเห็นมือย่าที่จับช้อนสั่นมากๆ เราก็แอบกินข้าวทั้งน้ำตา
กินกันจะอื่มแล้ว ย่าบอก
"ไม่เห็นกินเนื้อเลย กินกันแค่นี้เองเหรอ"
เรากับพี่น้องรีบบอก ตักมาอีกเลยย่า เอามาอีก
สองวันที่เราไปค้างบ้านย่า ไม่ว่าย่าจะเรียกให้กินอะไร เราไม่ปฏิเสธ (เพราะอยากกินด้วยแหละ) ย่าทำมาสารพัด ซุปเนื้อ กระดูกหมูทอดเต้าเจี้ยว ปลาทอดน้ำปลา หมี่ผัด ข้าวเหนียวมะม่วง (คิดแล้วแอบหิว ^^)
ตอนเย็นวันนี้ ช่วงที่เราจะกลับบ้าน ได้ยินย่าพูดหลายครั้งว่า "เดี๋ยวสงกรานต์ก็มากันอีก" "เดี๋ยวก็มาทำบุญกันอีก" เหมือนย่าจะย้ำกับตัวเองว่าเดี๋ยวก็ได้เจอหลานอีก
ก่อนกลับเราเดินไปไหว้ย่า แต่ย่าจับมือเราไว้ด้วยมือสั่นๆ นั่นแหละ แล้วก็บอกว่า
"ขอย่ากอดทีนะ"
แล้วย่าก็ดึงเราเข้าไปกอด ตอนนั้นเราก็อึ้งๆ เพราะไม่เคยกอดย่าเลย แล้วย่าก็ไม่เคยพูดอะไรแบบนี้ด้วยเพราะว่าย่าเป็นคนที่ดูขรึมๆ หน่อย
เราก็กอดย่าแล้วก็แอบน้ำตาคลอนิดหนึ่ง
เราเดินลงมาจากบ้าน ได้ยินย่าพูดว่า "บ้านเงียบอีกแล้ว"
ตอนกำลังจะขึ้นรถพ่อ ย่ารีบเดินมา ยื่นถุงใส่สัปะรดให้
เรากลับมาบ้าน แต่กลับคิดถึงอีกบ้านนึงมากกว่า
คิดถึงตอนเด็กๆ ที่ลูกพี่ลูกน้องเจ็ดคนอยู่กันเต็มบ้านย่า วิ่งเล่นกันจนโดนย่าเอ็ด แต่ตอนเย็นก็จะหายโกรธย่าเพราะกับข้าวอร่อยๆ ของย่า ตอนป่วยก็ได้ย่าพาขึ้นสามล้อไปโรงพยาบาล
ต่อไปนี้จะให้เวลากับย่ามากขึ้น เพราะรู้ว่าเวลาที่จะได้อยู่กับย่ามันน้อยลงไปทุกที
ต่อไปนี้จะไปกินข้าวบ้านย่าบ่อยๆ ต่อให้ต้องอ้วนขึ้นเป็นสิบโลก็จะไม่แคร์ เพราะกับข้าวของย่าคงมีให้กินอีกไม่นาน
แล้วก็จะกอดย่าบ่อยๆ ด้วย
.....................................................................................
ประวัติการกิน 2 วันที่ผ่านมา
เช้า + กลางวัน :ข้าว 1 ทัพพี , ไก่ทอด 2 น่อง (น่องเล็กน้า~)
เย็น : ข้าว 1 ทัพพี , ปีกไก่ต้มยำ 2 ปีก
.................
เช้า : ข้าว 1 ทัพพี , ปลาทอด
กลางวัน : มะม่วงสุก
เย็น : ข้าว 1 ทัพพี (พูนนะ 55) ,ซุปเนื้อ ,กระดูกหมูทอดเต้าเจี้ยว
.................
เช้า : ข้าว 1 ทัพพี , ซุปเนื้อ, หมี่ผัด, กระดูกหมูทอด
กลางวัน : มักกะโรนีผัดกุ้ง
เย็น : ซุปเนื้อ


ปล. ปรากฏว่าน้ำหนักไม่ขึ้นค่ะ จากตอนแรก 57 ครึ่ง ตอนนี้ 57 ถ้วน .00 เลย ล่ะค้า ~

Create Date : 26 มีนาคม 2553		3 comments
Last Update : 26 มีนาคม 2553 21:44:04 น.
Counter : 421 Pageviews.
Share Tweet