วิกฤต Covid-19 กับการแก้ปัญหาของบริษัทเอกชนที่ฉันทำงาน
ห่างหายการเขียนบล็อคไปนาน หลังจากที่ล่าสุดเข้ามาเขียนบันทึกไว้ว่าย้ายมาทำงานใกล้บ้านที่บริษัทแห่งหนึ่งในปริมลฑล ปัจจุบันทำงานมาได้ 1 ปีกับอีกเกือบๆ 6 เดือน
จนถึงปัจจุบันในปี 2020 เกิดวิกฤตที่หลายๆคนก็ทราบกันดี นั่นก็คือเชื้อ Covid-19
หลายๆบริษัทที่อยู่ในตัวเมืองกรุงเทพ ห้างเอยอะไรเอยก็ทยอยปิดชั่วคราวกันไปแล้ว
หรือหลายๆที่ก็ Work from home กันแล้ว ส่วนบริษัทที่อยู่ปริมณฑลอย่างเราๆ
จะเป็นอะไรไปซะได้ นอกจาก ..
ทำงานตามปกติจ้า 146
เห็นใน Social media มีหลายคนพูดถึงว่าทำไมยังมีคนออกมาข้างนอก
ทำไมไม่อยู่บ้านไม่รับผิดชอบต่อส่วนรวม เราก็อยากเป็นส่วนหนึ่งที่จะออกมาบอกว่า
บริษัทเรายังคงทำงานตามปกติ เราจะหยุดได้ยังไง ต้องบอกไว้ก่อนว่าบริษัทเราพนักงานรายวันรวมรายเดือนแล้วเกือบๆ 3,000 คนค่ะ ใช่ค่ะ เกือบๆ 3,000 123
แต่เวลาทำงานจริงแล้ว พนักงานรายวันจะเข้ากะแบ่งครึ่ง
ฉะนั้นที่มาทำงานจริงๆจะเหลือประมาณ 1500 คนโดยประมาณ
เอาจริงๆจำนวนคนเท่านี้ที่ต้องมาทำงานที่เดียวกันมันก็ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ
อีกทั้งนั่งรถบริษัท ทำงานในห้องแอร์ทั้งหมด เราไม่มีทางรู้เลยว่าก่อน/หลังที่เค้าขึ้นรถบริษัทนั้น
เค้าเดินผ่านตรงไหนบ้าง ผ่านใครบ้าง แล้ว Protect ตัวเองดีพอหรือไม่
แต่เราจะมาบอกว่าวิธีการที่บริษัทเราทำเพื่อป้องกัน Covid-19 คืออะไร เพื่อให้ทุกคนพอจะเข้าในมนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ ที่ยังต้องออกมาทำงานตามปกติทุกวันบ้างซักนิดก็ยังดี

1. ทุกคนต้องใส่ Mask ไม่ว่าจะเป็น Fabric mask, Surgical mask หรือจะสู้ไหวไปเป็น N95 ก็บ่ยั่น ถึงขั้นตามไปถ่ายรูุปที่โรงอาหารว่าใครไม่ใส่ไปกินข้าว รวมทั้งไม่ให้เราจ่ายเงินถึงมือแม่ค้าขายข้าว แต่เวลาทอนเงิน ก็ทอนกับมืออยู่ดี (อิหยังนิ) 126
2. ตรวจวันอุณหภูมิร่างกาย ตอนสแกนนิ้วเข้าทำงาน ก็คือจะมียามยืนถือที่วัดคอยวัดทุกคนที่เข้าไปสแกนนิ้วที่ Head office ย้ำค่ะ แค่ Head office มันไม่เพียงพอที่จะคัดกรองเลยค่ะ เพราะบางคนมาสแกนนิ้วที่ตึกส่วน Factory ทำให้ไม่ครอบคลุมเลย แต่ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นสแกนตอนขับรถเข้าโรงงานตอนเช้าแทนค่ะ แล้วรถแอร์เย็นๆ มือของยามยื่นมาวัดที่หน้าผาก และใช่ค่ะ
ตัวเรา 34 องศาค่ะ ป่วยตายแย่แล้ววววว 144
3. เราอยู่ในส่วนของ Production ทำให้เราต้องมาทำงาน ในเมื่อหัวหน้าไม่อนุมัติให้เรา WFH เค้าเลยใช้เป็นให้เวลาพักจาก 1 ชม. เหลือครึ่ง ชม. แทนค่ะ แล้วให้เลิกงาน 4 โมงเย็น

นี่คือมาตราการเกือบทั้งหมดที่เราเห็นได้หลักๆของบริษัทกับการให้พนักงานมาทำงานตามปกติ นอกจากมีแอลกอฮอลล์ที่เดินไกลๆจะมีซักอันให้กด และส่งอีเมล์ให้พนักงานดูแลตัวเองแล้วนั้น
นอกจากนี้ก็ไม่มีอะไรแล้วค่ะ เราก็ทำได้แค่ดูแลตัวเองในส่วนของเราให้ดี
พยายามใส่หน้ากากตลอดเวลาเพื่อป้องกันตัวเอง เพราะถ้าบริษัทไม่ได้ให้เราหยุด
เราจะหยุดได้ยังไงแล้วถ้าหยุดด้วยตัวเองก็คือ Leave without pay รายได้มันก็หายไป
อันนี้ต้องยอมรับว่ามันเป็นปัญหาหลักเพราะต่างคนก็ต่างมีภาระส่วนตัว
หลายๆใกล้ๆเราให้สลับวันกันมาทำงาน ส่วน Management บริษัทเรากลับให้คำตอบได้แค่ว่า "เวลามาทำงานยังไม่ค่อยอยากทำเลย ทำที่บ้านจะทำงานกันหรอ ?" 
ค่ะ.. 143 เราก็ได้แต่ก้มหน้าทำงานกันต่อไปในเมื่อมี Mindset แบบนี้ที่จะสนใจ Output ของงานมากกว่าสุขภาพของพนักงาน ที่เขียนมาทั้งหมดแค่อยากให้หลายๆคนที่อาจจะคิดว่าทำไมยังมีคนออกมาเหมือนใช้ชีวิตปกติ จริงๆแล้วเราไม่อยากเลยค่ะ แต่เราทำอะไรไม่ได้ แล้วเค้าก็ไม่ได้เห็นใจเรา และก็ต้องทำงานกันต่อไปค่ะ
ตัวเราไม่ได้มีปัญหากับการลดการจ่ายเงินเดือนเหลือ 80% นะคะ ในเมื่อมันจำเป็น 
หรือจะให้มาทำงานวันเว้นวันหรืออะไรก็ตามแต่แล้วจ่ายน้อยลงนิดนึง ส่วนตัวก็ว่าแฟร์ดีค่ะ
ถึงบรรดารายจ่ายจะคอขวดไปบ้าง แต่ก็ต้องเห็นใจกันเพราะช่วงนี้ที่ไหนก็ลำบาก

ทั้งนี้ขอให้กำลังใจพี่ๆเพื่อนๆหรือน้องที่ยังคงต้องไปทำงานในช่วงเวลาแบบนี้ว่า เราจะผ่านมันไปด้วยกันค่ะ หมั่นล้างมือ ใส่หน้ากาก ใช้แอลกอฮอลล์ถ้าหาเองไม่ได้ก็พยายามกดของบริษัทให้บ่อยที่สุดค่ะ เราต้องรอดดดดดดด 118


ปล. บันทึกถึง Covid-19 #1 นังทัวเด !!



Create Date : 13 เมษายน 2563
Last Update : 14 เมษายน 2563 15:29:01 น.
Counter : 772 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

viesnowki
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



เมษายน 2563

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30