DXIII Blog...... ON MY WAY!!!
|
|||
World 08/10/51 - ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงติดต่อกัน 5 วันทำการเมื่อคืนนี้ (7 ต.ค.) โดยร่วงลงมากกว่า 1,400 จุดแล้วในช่วง 5 วันที่ผ่านมาหรือเกือบ 13 % เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาในตลาดสินเชื่อและภาค การเงิน นอกจากนี้ นักลงทุนมองว่าการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใช้มาตรการช่วยเหลือสถาบันการเงิน ก็ยังไม่มากพอที่จะคลี่คลายวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ได้ ฮิวจ์ จอห์นสัน หัวหน้านักวิเคราะห์จาก Johnson Illington Advisors กล่าวว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กถูกคลื่นแรงขายกระหน่ำลงอย่างหนัก แม้มีรายงานว่า เฟดและกระทรวงการคลังสหรัฐ ซึ่งได้รับอำนาจภายใต้กฏหมายฟื้นฟูภาคการเงิน ประกาศมาตรการแก้ปัญหาวิกฤตการเงิน โดยระบุว่าอาจมีการปล่อยกู้แบบไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เพื่อปล่อยสินเชื่อเข้าไปในระบบอย่างต่อเนื่อง เฟดกล่าวว่าจะเริ่มจ่ายดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร และเพิ่มการปล่อยกู้แก่ธนาคารเป็น 900,000 ล้านดอลลาร์ภายในสิ้นปี เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง ขณะที่รมว.คลังได้ดึงนายนีล คัชคารี ผู้ช่วยรัฐมนตรีและอดีตผู้บริหารโกลด์แมนแซคส์ เป็นหัวหน้าสำนักงานสร้างเสถียรภาพการเงิน รวมถึงโครงการปลดเปลื้องสินทรัพย์ที่มีปัญหา ซึ่งก่อตั้งขึ้นตามกฏหมายฟื้นฟูภาคการเงิน นอกจากนั้น กระทรวงการคลังยังประกาศว่าจะแต่งตั้งผู้จัดการสินทรัพย์สำหรับโครง การฟื้นฟูภาคการเงิน ซึ่งรวมถึงผู้จัดการสินทรัพย์เพื่อการจดจำนองและหลักทรัพย์จดจำนอง ที่มีปัญหาที่สามารถซื้อจากบริษัทการเงิน - ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (7 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มบริษัทพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กดีดตัวขึ้นกว่า 2 ดอลลาร์ แต่หุ้นกลุ่มการเงินดิ่งลงเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ด้าน สินเชื่อ และหลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ประกาศลดอันดับเครดิตธนาคารรอยัล แบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์ - ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเอเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (7 ต.ค.) หลังจาก เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าพร้อมที่จะลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งท่าทีของประธานเฟดส่งผลให้นักลงทุนเทขายดอลลาร์สหรัฐ นักลงทุนเทขายดอลลาร์สหรัฐ หลังจากเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดได้แถลงต่อสภาคองเกรสเมื่อคืนนี้ว่า วิกฤตการณ์การเงินอาจยืดเยื้อยาวนานต่อไปอีกและจะยิ่งฉุดรั้ง เศรษฐกิจให้ชะลอตัวลง ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่าการแสดงความเห็นของเบอร์นันเก้ เป็นการส่งสัญญาณว่า เฟดพร้อมที่จะลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ ทั้งนี้ นักลงทุนเทขายดอลลาร์เพราะมองว่าหากเฟดลดอัตราดอกเบี้ยก็จะทำให้ ดอลลาร์มีมูลค่าน้อยลงและไม่น่าดึงดูดใจ ดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ แม้มีรายงานว่าเฟดและกระทรวงการคลังสหรัฐ ซึ่งได้รับอำนาจภายใต้กฏหมายฟื้นฟูภาคการเงิน ประกาศมาตรการแก้ปัญหาวิกฤตการเงิน โดยระบุว่าอาจมีการ "ปล่อยกู้แบบไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน" เพื่อปล่อยสินเชื่อเข้าไปในระบบอย่างต่อเนื่อง และเฟดจะเริ่มจ่ายดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร และเพิ่มการปล่อยกู้แก่ธนาคารเป็น 900,000 ล้านดอลลาร์ภายในสิ้นปี เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง ค่าเงินปอนด์แข็งแกร่งขึ้นหลังจากรัฐบาลอังกฤษประกาศว่าจะใช้มาตรการก ระตุ้นเศรษฐกิจและระบบการธนาคาร ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลงอย่างหนัก หลังจากธนาคารกลางออสเตรเลียประกาศลดอัตราดอกเบี้ย 1.0% สู่ระดับ 6.0% หลังจากที่ธนาคารกลางได้อัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบอีก 1.815 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือ 1.3 พันล้านดอลลาร์เมื่อวานนี้ - ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (7 ต.ค.) หลังจากราคาปรับตัวลงติดต่อกัน 4 วันทำการ โดยปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นมาจากการที่นักลงทุนเริ่มชะลอคำ สั่งขายและเริ่มจับตาดูว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลสหรัฐจะ สามารถสกัดกั้นการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจทั่วโลกได้หรือไม่ นักลงทุนจับตาดูความเคลื่อนไหวของกลุ่มโอเปค หลังจากนายกาโล่ ชีริโบกา รองประธานของกลุ่มโอเปคออกมาส่งสัญญาณว่าอาจมีการลดเพดานการผลิตน้ำมัน นายชีริโบกาออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้ว่า "ความผันผวนในตลาดการเงินทั่วโลกที่ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจะส่ง ผลกระทบต่อราคาน้ำมัน และการใช้น้ำมันในสหรัฐ ซึ่งจะเป็นแรงกดดันให้กลุ่มโอเปคต้องปรับเปลี่ยนการผลิตน้ำมันให้ สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น" "สภาคองเกรสสหรัฐไม่ได้ดำเนินการอย่างเพียงพอในการสร้างความ เชื่อมั่นให้กับสถาบันการเงินในสหรัฐ ถึงแม้ว่าสภาได้ผ่านความเห็นชอบในมาตรการแก้ไขวิกฤติการเงิน มูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์แล้วก็ตาม และขณะนี้กลุ่มโอเปคจะเริ่มประเมินสถานการณ์ในตลาดยุโรป ซึ่งหากการใช้น้ำมันยังลดลงอีก ก็มีแนวโน้มที่กลุ่มโอเปคจะต้องปรับเปลี่ยนนโยบายการผลิตน้ำมัน หลังตัดสินใจลดการผลิตวันละ 520,000 บาร์เรลในการประชุมเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา" นายชีริโบกากล่าว นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันซึ่งกระทรวงพลังงานสหรัฐ จะเปิดเผยในคืนวันพุธตามเวลาประเทศไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบอาจเพิ่มขึ้น 2.3 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นอาจลดลง 0.7 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินอาจเพิ่มขึ้น 1.0 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจเพิ่มขึ้น 6.0% - ราคาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 15.80 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (7 ต.ค.) โดยราคาเคลื่อนไหวเข้าใกล้ระดับ 900 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากนักลงทุนส่งคำสั่งซื้อเข้าหนุนอย่างต่อเนื่องเพราะมองว่าทองคำ เป็นการลงทุนที่ปลอดภัยในช่วงที่ตลาดหุ้นทรุดตัวลงอย่างหนักในขณะนี้ นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้ปัจจัยบวกจากค่าเงินดอลลาร์ที่ร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุล เงินหลักๆ หลังจากประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าจะลดอัตราดอกเบี้ย แมทท์ เซแมน หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัท LaSalle Futures ในเมืองชิคาโก กล่าวว่า "นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำอย่างต่อเนื่อง หลังจากแผนฟื้นฟูภาคการเงินมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์ไม่สามารถคลี่คลายความกังวลของนักลงทุนในตลาดหุ้น นิวยอร์กได้ นอกจากนี้ นักลงทุนในตลาดหุ้นยังไม่ให้น้ำหนักกับข่าวที่เฟดใช้มาตรการช่วย เหลือสถาบันการเงิน ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลง 508.39 จุด หรือ 5.11% แตะที่ 9,447.11 จุด ซึ่งการที่ดาวโจนส์ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 10,000 จุดถือว่าเข้าขั้นวิกฤตแล้ว" นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้รับแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์ร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุล เงินหลักๆ หลังจากเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดได้แถลงต่อสภาคองเกรสเมื่อคืนนี้ว่า วิกฤตการณ์การเงินอาจยืดเยื้อยาวนานต่อไปอีกและจะยิ่งฉุดรั้ง เศรษฐกิจให้ชะลอตัวลง ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่าการแสดงความเห็นของเบอร์นันเก้ เป็นการส่งสัญญาณว่า เฟดพร้อมที่จะลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ - นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) นายเฮนรี พอลสัน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ และนายฌอง คล้อด ทริเชต์ ประธานธนาคารกลางยุโรปอาจจะเข้ามาปลดล็อกการกู้ยืมเงินระหว่างแบงค์ เพื่อรับมือกับวิกฤตสินเชื่อที่กินเวลานานถึง 14 เดือน เมื่อวานนี้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐได้ออกมาส่งสัญญาณว่า กำลังจัดเตรียมมาตรการร่วมกับนายเฮนรี พอลสัน เพื่อทำให้ตลาดที่มีปัญหาเรื่องเงินกู้มีสภาพคล่อง ขณะที่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในยุโรปซึ่งหุ้นร่วงลงหนักที่สุดนับตั้ง แต่ปี 2530 อาจจะผลักดันให้รัฐบาลและธนาคารกลางประเทศๆต่างจับมือกันเพื่อช่วย เหลือสถาบันการเงินในภูมิภาค รวมทั้งการลดอัตราดอกเบี้ยลง ลู แครนดอลล์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของไรท์สัน ไอซีเอพี แอลแอลซี กล่าวว่า รัฐบาลจำเป็นต้องเริ่มคิดถึงเรื่องการใช้ยาแรงมากกว่านี้ได้แล้ว - แบงค์ ออฟ อเมริกา คอร์ป ซึ่งซื้อกิจการของเมอร์ริล ลินช์นั้น กำลังเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับเศรษฐกิจที่อ่อนตัวลงกว่าเดิม ด้วยการลดปริมาณการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนลงครึ่งหนึ่ง และเพิ่มปริมาณการขายหุ้นสามัญอย่างน้อย 1 หมื่นล้านดอลลาร์ แบงค์ ออฟ อเมริกา ได้ประกาศตัวเลขรายได้ประจำไตรมาส 3 แล้วเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนหน้านี้ ส่วนตัวเลขกำไรของธนาคารในไตรมาส 3 ลดลงถึง 68% แตะ 1.18 พันล้านดอลลาร์ หรือ 15 เซนต์ต่อหุ้น จากระดับ 3.7 พันล้านดอลลาร์ หรือ 82 เซนต์ในปีที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์ที่บลูมเบิร์กสำรวจความคิดเห็นได้คาดการณ์ว่า กำไรในไตรมาส 3 จะอยู่ที่ 61 เซนต์ต่อหุ้น - ที่ประชุมรัฐมนตรีคลังยุโรปยังไม่สามารถตกลงกันได้เรื่องการใช้มาตร การพยุงภาคการธนาคาร ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากผู้นำ ประเทศยุโรปให้คำมั่นสัญญาว่า จะทำทุกวิถีทางที่จะฟื้นฟูความเชื่อมั่นให้กลับคืนมา หลังจากตลาดหุ้นยุโรปดิ่งลงหนักสุดนับตั้งแต่พ.ศ.2530 นายฌอง-คล้อด จังเกอร์ รมว.คลังลักเซมเบิร์ก กล่าวว่า "เราทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าจะทำทุกวิถีทางที่จะหลีกเลี่ยงภาวะล่มสลาย ในระบบการเงิน เราจึงออกมาตรการปกป้องเงินฝากของประชาชนในยุโรป" ปีเตอร์ ดิ๊กซอน นักวิเคราะห์จาก Commerzbank AG กล่าวว่า "สิ่งที่ผมบอกได้ในเวลานี้ก็คือ รมว.คลังยุโรปต่างมีความคิดเห็นเป็นของตนเองและต่างก็อยากจะให้ ความคิดเห็นของตนเองได้รับการยอมรับ ผลการประชุมครั้งนี้ถือว่า 'คว้าน้ำเหลว' เพราะมีเพียงแต่การใช้นโยบายปกป้องเงินฝากของประชาชาน สถานการณ์ในเวลานี้ยังไม่ได้กระทบถึงผู้ฝากเงิน แต่ระบบการธนาคารต่างหากที่กำลังจะพังทั้งระบบ" สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน - ฌอง-คล้อด ทริเชต์ ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เชื่อว่า ภาวะตื่นตระหนกที่เกิดขึ้นในตลาดทั่วโลกขณะนี้ เกิดจากการประเมินความเสี่ยงที่สูงเกินความเป็นจริง พร้อมกับเรียกร้องให้นักลงทุนมีท่าทีสงบ โดยกล่าวว่า อีซีบีพร้อมที่จะอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ตลาดได้มากและได้นานเท่าที่ตลาดต้องการ "เราสามารถตอบสนองวิกฤตการณ์ได้ทันท่วงที และผมมองว่ามาตรการฟื้นฟูภาคการเงินเป็นแนวทางที่ถูกต้อง ชาติยุโรปกำลังดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อรับมือกับวิกฤตการณ์การเงิน หลังจากเกิดปัญหากับสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่อย่างฟอร์ติสและเด็กเซีย และผมเชื่อว่าประเทศในยุโรปจะร่วมมือกันมากขึ้น เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ไม่ให้ลุกลามออกไปในวงกว้าง" ทริเชต์กล่าว - สมาคมหอการค้าอังกฤษเรียกร้องให้ธนาคารกลางอังกฤษลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ให้อยู่ที่ระดับ 4.5% ในสัปดาห์นี้ หลังจากความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจของอังกฤษร่วงลงอย่างหนักในไตรมาสที่ 3 ผลการสำรวจความเชื่อมั่นทางธุรกิจของบริษัทเอกชนกว่า 5,100 แห่งพบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่มีการเริ่มรวบ รวมข้อมูลในปีพ.ศ.2532 ซึ่งดัชนีดังกล่าวเป็นมาตรวัดยอดขายในภาคบริการและการผลิต ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 90% ของกิจกรรมเศรษฐกิจโดยรวมของอังกฤษ ทั้งนี้ สมาคมหอการค้าอังกฤษ และสมาพันธ์อุตสาหกรรมอังกฤษซึ่งเป็น 2 หน่วยงานที่มีอิทธิพลที่สุดต่อความเคลื่อนไหวทางธุรกิจภายในประเทศ ต่างก็เรียกร้องให้ธนาคารกลางอังกฤษลดอัตราดอกเบี้ยมาตั้งแต่พ.ศ.2544 ขณะที่ธนาคารกลางอังกฤษประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ 5% มาตั้งแต่เดือนเม.ย. เพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อ นักวิเคราะห์ที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กสำรวจความคิดเห็น คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางอังกฤษจะลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.25% ในการประชุมวันที่ 9 ต.ค.นี้ - รัสเซียตกลงที่จะออกเงินกู้ให้กับธนาคารกลางไอซ์แลนด์เป็นวงเงิน 4 พันล้านยูโร (5.43 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในระยะเวลา 3-4 ปี โดยคิดอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่ 0.50% เพื่ออัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงิน เจ้าหน้าที่กำกับดูแลภาคการเงินของไอซ์แลนด์เปิดเผยในวันนี้ว่า ทางหน่วยงานได้เข้าซื้อกิจการธนาคาร Landsbanki Islands hf ซึ่งเป็นสถาบันปล่อยกู้รายใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของประเทศ หลังประสบปัญหาขาดสภาพคล่องอันเป็นผลสืบเนื่องจากวิกฤตการเงินโลก ขณะที่ธนาคาร Kaupthing Bank ซึ่งเป็นธนาคารยักษ์ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์กล่าวว่า ธนาคารกลางตกลงที่จะปล่อยเงินกู้ 500 ล้านยูโร - ไอซ์แลนด์ได้สั่งห้ามการซื้อขายหุ้นของธนาคารรายใหญ่ 6 แห่งของไอซ์แลนด์ และรับประกันเงินฝากของลูกค้า 100% ในขณะที่วิกฤตการเงินโลกได้ส่งผลกระทบกับประเทศเล็กๆแห่งนี้เข้า แล้ว โดยไอซ์แลนด์ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างหนักให้จัดทำแผนการรับมือ กับภาวะผันผวนทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ไอซ์แลนด์ได้รับผลกระทบจากวิกฤตสินเชื่อโลก เนื่องจากธนาคารของไอซ์แลนด์มีขนาดใหญ่ และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาไอซ์แลนด์ก็เป็นประเทศที่ได้รับ อานิสงส์จากเศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างคึกคัก - ธนาคารกลางฮ่องกงประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้มาตรฐานลง 1% สู่ระดับ 2.5% จากเดิมที่ระดับ 3.5% โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นการกู้ยืมในระบบธนาคารให้ราบรื่นอย่างต่อ เนื่องในช่วงเที่ศรษฐกิจฮ่องกงชะลอตัวลง การดำเนินการของธนาคารกลางฮ่องกงในวันนี้ เกิดขึ้นหลังจากธนาคารกลางออสเตรเลียประกาศลดอัตราดอกเบี้ย 1.0% สู่ระดับ 6.0% ภายหลังจากที่ธนาคารกลางได้อัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบอีก 1.815 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือ 1.3 พันล้านดอลลาร์เมื่อวานนี้ - ที่ประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่นประกาศคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมที่ 0.5% ในการประชุมวันนี้ (7) ท่ามกลางแนวโน้มที่ไม่แน่นอนเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกและญี่ปุ่น เมื่อพิจารณาจากความผันผวนทางการเงินที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ได้ออกรายงานคาดการณ์ภายหลังจากประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.5% ในการประชุมวันนี้ว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงมีแนวโน้ม "ซบเซา" มาซาอากิ ชิรากาว่า ผู้ว่าการบีโอเจกล่าวว่า "เศรษฐกิจญี่ปุ่นชะลอตัวลงอย่างมาก และคาดว่าจะชะลอตัวลงต่อไปอีกระยะหนึ่งเนื่องจากเศรษฐกิจโลกเริ่มถด ถอยลงอย่างชัดเจน เราคาดว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะยังคงมีแนวโน้มที่ซบเซาและไร้ทิศทาง แต่ก็เชื่อว่าเศรษฐกิจจะค่อยๆตัวขึ้น เนื่องจากราคาพลังงานลดลงบ้างแล้ว" ผู้สังเกตการณ์มองว่า การดำเนินการของแบงค์ชาติญี่ปุ่นนั้นช่วยคลี่คลายภาวะตึงตัวในตลาดสิน เชื่อในส่วนของธนาคารต่างประเทศ นอกจากนี้ บีโอเจยังได้เสริมสภาพคล่องในตลาด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในระบบการกู้ยืมในตลาดอินเตอร์แบงค์ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน - กระทรวงคลังญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของญี่ปุ่นในช่วงสิ้นสุดเดือนก.ย. ปรับตัวลดลง 851 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากปลายเดือนส.ค.สู่ระดับ 9.9589 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งยังทรงตัวอยู่ต่ำกว่าระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน เจ้าหน้าที่ของกระทรวงกล่าวว่า ตัวเลขที่ลดลงได้สกัดช่วงขาขึ้นของจำนวนเม็ดเงินในทุนสำรองที่อยู่ใน รูปพันธบัตรของสหรัฐ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยในประเทศที่ปรับตัวลดลง สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ทุนสำรองเงินต่างประเทศของญี่ปุ่นประกอบด้วย สินทรัพย์และเงินฝากในรูปสกุลเงินต่างประเทศ กองทุนของไอเอ็มเอฟ รวมถึงทองคำ ด้านข้อมูลกองทุนการเงินระหว่างประเทศระบุว่า ในช่วงสิ้นเดือนเม.ย. จีนเป็นประเทศที่มีทุนสำรองเงินต่างประเทศมากที่สุดในโลก ตามด้วยญี่ปุ่น รัสเซีย อินเดีย และไต้หวัน - เงินเยนอ่อนค่าลงจากระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีเมื่อเทียบกับเงินยูโร หลังจากที่วันนี้ธนาคารกลางออสเตรเลียปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับต่ำ สุดนับตั้งแต่ปี 2535 ซึ่งได้จุดกระแสคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางหลายแห่งจะพากันปรับลดดอกเบี้ยเพื่อคลี่คลายวิกฤตการณ์ในตลาดเงิน - ประธานาธิบดีลี เมียง บัค ของเกาหลีใต้ ได้แจ้งให้คณะรัฐมนตรีเกาหลีใต้ประสานงานกับภาคธุรกิจการเงินอย่าง แข็งขัน ด้วยการตรวจสอบสถานการณ์ทุกวัน ตลอดจนเตรียมความพร้อมด้านสินเชื่อ รวมทั้งประสานความร่วมมือกับจีนและญี่ปุ่น เพื่อรับมือกับวิกฤตการเงินโลก สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า นายลีได้กล่าวถึงวิธีการคลี่คลายความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตเศรษฐกิจว่า สถานการณ์ปัจจุบันนั้นแตกต่างจากวิกฤตการเงินในเอเชียเมื่อปี 2540 มาก ซึ่งเกาหลีใต้สามารถเอาตัวรอดจากวิกฤตการเงิน ด้วยการใช้มาตรการฟื้นฟูมูลค่า 5.7 หมื่นล้านดอลลาร์จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ผู้นำเกาหลีใต้กล่าวว่า ตอนนี้ต้องพยายามทำให้ประชาชนและนักลงทุนไม่ตื่นตระหนกไปกับวิกฤตจน เกินไป แม้ว่าการมองมุมบวกมากเกินไปจะเป็นเรื่องที่อันตรายด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ ตนเองจะเสนอให้มีการจัดประชุมสุดยอดกับญี่ปุ่นและจีนเพื่ออภิปราย เรื่องการรับมือกับวิกฤตการเงินโลก โดยจะผลักดันให้มีการทำข้อเสนอในระหว่างการประชุมสุดยอดเอเชีย-ยุ โรปในช่วง 24-25 ต.ค.ที่กรุงปักกิ่ง เนื่องจากทั้ง 3 ประเทศจะสามารถเอาตัวรอดจากวิกฤตการเงินได้หากร่วมมือกัน - ธนาคารกลางอินโดนีเซียประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เป็น 9.50% ในวันนี้ (7) หลังจากที่เงินเฟ้อเดือนก.ย.พุ่งสูงขึ้นถึง 12.14% - วันนี้ ธนาคารกลางออสเตรเลียประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลงเหลือ 6.0% การลดอัตราดอกเบี้ยครั้งล่าสุดมีขึ้นหลังจากธนาคารกลางออสเตรเลียได้ อัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบอีก 1.815 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือ 1.3 พันล้านดอลลาร์ในวันนี้ เพื่อคลี่คลายอัตรากู้ยืมในตลาดเงินที่อยู่ใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากธนาคารต่างๆได้เก็บเงินสดเอาไว้เพราะเป็นห่วงเรื่องการ ถดถอยของเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยมาตรฐานในอังกฤษ หรือ Libor ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่างธนาคารในรูปสกุลเงินดอลลาร์ระยะ เวลา 3 เดือนนั้น อยู่ใกล้กับระดับสูงในรอบ 9 เดือน ขณะที่ค่าสเปรด Libor-OIS ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินสดในกลุ่มแบงค์นั้น ขยายตัวขึ้นแตะระดับสูงเป็นประวัติการณ์ บลูมเบิร์กรายงาน อ้างอิงจาก //www.ryt9.com ข้อสังเกต 1. จากการที่ออสเตรเลียลดดอกเบี้ยนำร่องไปก่อน ทำให้ฮ่องกงลดตามนั้น คงต้องดูวันที่ 9 ต่อว่าอังกฤษจะลดดอกเบี้ยหรือไม่ ซึ่งถ้าลดก็มีความเป็นไปได้สูงว่าประเทศใหญ่ทั้งหลายน่าจะลดดอกเบี้ยลงตาม และนั่นจะเป็นการแสดงให้เห็นว่าแค่การอัดฉีดเม็ดเงินเข้าไปในระบบการเงินนั้น ยังไม่เพียงพอครับ แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ก็ต้องระวังว่าอังกฤษอาจจะไม่ลดดอกเบี้ยเนื่องจากข้อตกลงที่ทำไว้กับสหรัฐ ซึ่งนั้นน่าจะเป็นเหตุผลที่ญี่ปุ่นคงอัตราดอกเบี้ยไว้ครับ 2. ประเทศต่างๆรวมทั้งสหรัฐกำลังเสริมมาตรการต่างๆออกมาเพื่อแก้วิกฤต ซึ่งก็แสดงให้เห็นถึงรุนแรงของวิกฤตในครั้งนี้ครับ ---------------------------------------------------------------------------------- คำเตือน - ข้อมูลดังกล่าวผู้เขียนตั้งใจเก็บไว้สำหรับเตือนความจำ และประกอบการวิเคราะห์ของผู้เขียน ซึ่งข้อมูลดังกล่าวอาจมีข้อผิดพลาด คลาดเคลื่อน ไม่ครบถ้วน หรือไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ดังนั้นผู้เข้าเยี่ยมชมโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ขอบคุณครับ |
Death_13
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Group Blog All Blog
Friends Blog
Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |