Happiness depends upon ourselves.....
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2550
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
24 มิถุนายน 2550
 
All Blogs
 
เสน่ห์......หัวหิน

16-17/06/2007

วันนึงได้นั่งคุยกับเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยว่าไม่ได้ไปเที่ยวกันซักพักแล้วนะ ก็เลยเป็นเหตุให้เกิดทริปหัวหินในครั้งนี้เกิดขึ้น ความจริงหัวหินเป็นที่ที่พวกเราผูกพันอยู่พอสมควร เพราะทริปแรกที่เคยไปเที่ยวด้วยกันมาตอนปีหนึ่ง ก็คือการนั่งรถทัวร์มานอนเล่นที่หัวหินนี่แหล่ะ ซึ่งหัวหินในวันนั้นกับวันนี้ มีการเปลี่ยนแปลงไปมากมาย แต่สิ่งนึงที่เราว่าไม่เคยเปลี่ยนเลยก็คือ หัวหินมีเสน่ห์เสมอสำหรับพวกเรา

คราวนี้นัดกันไปนัดกันมา มีสมาชิกร่วมทริปเป็นสาวงาม 5 คน โดยเราและเพื่อนอีก 2 คนได้ขับรถล่วงหน้าไปแวะเที่ยวกันก่อน ส่วนอีก 2 คนจะนั่งรถตู้ตามไปสมทบ เนื่องจาก 1 ใน 2 นั้นมีภารกิจสำคัญคือการไปเรียนภาษาเกาหลีในตอนเช้า.....(แหล่งข่าวเล่าว่า she ต้องการดูหนังเกาหลีให้ได้อรรถรสมากขึ้นเลยลงทุนไปเรียนซะเลย)

พวกเราที่เดินทางกันตอนเช้า ก็กะจะขับรถแวะเที่ยวระหว่างทางไปเรื่อยๆ โดยที่จุดหมายแรกของพวกเราก็คือการไปไหว้หลวงปู่ทวดกันที่ วัดห้วยมงคล วัดนี้เราผ่านไปผ่านมาหลายครั้งแล้วเวลาขับรถไปเยี่ยมย่าที่ตรัง คราวนี้ได้ฤกษ์ซะที และก็ได้หมายมั่นปั้นมือไว้แล้วด้วยว่าจะไปเช่าหลวงปู่ทวดมาไว้ที่รถซักองค์

ไปถึงที่วัดเราก็จะเห็นองค์หลวงปู่ทวดที่เค้าบอกว่าใหญ่ที่สุดในโลกเด่นเป็นสง่ามากค่ะ



สำหรับหลวงปู่ทวดนั้น ท่านเป็นพระที่มีคนนับถือมาก โดยเฉพาะชาวใต้ ปกติแล้วถ้าจะไปไหว้หลวงปู่ทวด ครอบครัวเราจะต้องไปกันที่วัดช้างให้ จังหวัดปัตตานี แต่เนื่องจากพักหลังมามีเหตุการณ์ไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้เราไม่ได้ไปที่วัดช้างให้กันอีกเลย

สำหรับครอบครัวเรา เรามีความเชื่อกันว่า หลวงปู่ทวดจะช่วยให้เดินทางปลอดภัย ปกติเราจะเป็นคนที่ไม่ได้ห้อยพระ แต่ถ้ามีการเดินทางไกล หรือต้องไปค้างคืนต่างจังหวัด เราก็จะพกหลวงปู่ทวดไปด้วยตลอด



วันที่ไป ฟ้าสีฟ้าจัด แม้ว่าจะมีเมฆมากซะหน่อย แต่ก็ทำให้ฟ้าดูสวยดีไปอีกแบบ



หลังจากที่พวกเราขึ้นไปไหว้พระกันแล้ว เราก็เดินไปตรงที่บูชาวัตถุมงคลของวัดกัน คนเยอะมากๆ เลย แต่ช่วงนี้กระแสของจตุคามมาแรง เค้าเลยมาเช่าจตุคามกันค่ะ ตรงอาคารนี้ก็จะมีจุดให้ทำบุญต่างๆ แบบต่างๆ ด้วยนะคะ ใครอยากทำบุญปล่อยโค- กระบือ ก็สามารถทำได้ค่ะ ส่วนเราก็ได้หลวงปู่ทวดมาไว้ที่รถ 1 องค์และก็บูชาไปเผื่อรถของน้องสาวอีก 1 องค์ด้วย



ออกจากวัดกันแบบอิ่มอกอิ่มใจ แต่ท้องเริ่มหิว พวกเราความเห็นเป็นไปในทางเดียวกันว่า หาส้มตำกินกันดีกว่า..... ขับรถหาร้านหน้าตาน่าทานมาเรื่อยๆ ก็มาได้กินกันที่ ร้านบ้านอีสาน อยู่แถวๆ หน้าค่ายนเรศวร เค้าจัดร้านได้ดูไม่เลวทีเดียว แถมมีโปรโมชั่น Pepsi 1 บาทด้วยนะ ไม่ว่าขวดขนาดไหนก็ 1 บาท ไอ้เราก็ไอ้ประเภทกลัวถูกหลอกก็เลยถามโน่นถามนี่ตลอด ว่า ถ้ากินไม่หมดปรับมั้ย น้ำแข็งถังละเท่าไร เรียกว่าระแวงไปหมด แต่ทางร้านเค้าก็ไม่ได้มี trick อะไรนะ สบายใจได้ แต่ก็ยังแอบสงสัยอยู่ดี ว่าแล้วไม่ขาดทุนเหรอเพราะหันไปทางไหนมีแต่คนสั่ง Pepsi ลิตร ขวดละ 1 บาททั้งนั้นเลยอ่ะ ส่วนอาหารไม่ทันได้ถ่ายมาอีกแล้ว เพราะหิวกัน มัวแต่ถือกล้องสงสัยจะไม่ทัน.....

อิ่มปุ๊บก็มีแรงเที่ยวต่อ พวกเราไปเดินเล่นกันที่ พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน เป็นพระที่นั่งที่รัชกาลที่ 6 ท่านสร้างไว้เพื่อตากอากาศ และเป็นวังที่ท่านได้ใช้เวลากับพระชายาที่ท่านรัก โห... โรแมนติกซะไม่มี พระที่นั่งนี้อยู่ในบริเวณค่ายพระราม 6 นะคะ วันที่ไปคนไม่เยอะเท่าไหร่ เสียค่าเข้ากันคนละ 30 บาท เดินกันคุ้มเลยหล่ะ

เข้ามาปุ๊บ ก็จะได้เจอกับอาคารแสดงประวัติการสร้าง บูรณะซ่อมแซมที่นี่ พร้อมทั้งมีรูปถ่ายราชนิกุลในยุคก่อนๆ น่าสนใจดีค่ะ ที่อาคารนี้เราได้เห็นแผนผังความสัมพันธ์ของบรรดาราชวงศ์ที่สืบเนื่องมาจาก ร.5 ทำให้ได้รู้ว่าท่านใดเป็นบุตร ธิดาของท่านใดบ้าง เกี่ยวข้องกันอย่างไร พอเอามาปะติดปะต่อกับความรู้เก่าอันน้อยนิด ก็ทำให้เข้าใจที่มาที่ไปของแต่ละท่านมากขึ้นค่ะ



ออกจากอาคารแสดงประวัติ เราก็มาเดินเล่นกันรอบๆ พระที่นั่งฯ กัน คนไม่เยอะมาก เดินกำลังสบายๆ เลย อากาศก็ดี ฟ้าใส น่าถ่ายรูปมากๆ



ตรงนี้เป็นทางลงไปสรงน้ำ (ทะเล) ของเจ้านายฝ่ายในค่ะ เป็นสะพานทอดออกมาจากตัวอาคารหลัก



ลีลาวดีกับทะเล กลายเป็นของคู่กันแบบขาดไม่ได้ไปซะแล้ว



พอขึ้นไปเดินชมด้านบนอาคาร ในแต่ละห้องก็จะมีเฟอร์นิเจอร์โบราณให้ได้ชมกัน บางห้องก็จะมีรูปถ่ายสมัยก่อนๆ เล่าเรื่องราวต่างๆ กันไป น่าสนใจมากค่ะ อย่างห้องนี้ เค้าจะบอกว่าในสมัยก่อนการแต่งกายของหญิงชาววัง จะต้องมีการจับคู่ผ้าแถบกับผ้านุ่งตามวัน เห็นปุ๊บนึกถึงตอนเด็กๆ ที่เคยดูเรื่องสี่แผ่นดินเลย ทำให้รู้สึกว่าผู้หญิงสมัยก่อนเนี่ย เค้าดูประณีตในการใช้ชีวิตดี ใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ดีเนอะ

การจับคู่สีของผ้าแถบกับผ้านุ่งตามแบบสาวชาววังจะเป็นแบบนี้ค่ะ



ตัวอาคารจะมีห้องต่างๆ มากมายเลยนะคะ แล้วแต่ละส่วนก็จะเชื่อมกันด้วยทางเดินไม้ยกสูง นับเป็นพระที่นั่งที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครจริงๆ ค่ะ

มุมนี้มองไปจากอาคารจะเห็นทะเลงามๆ อยู่เบื้องหน้าด้วยนะคะ



เดินชมห้องต่างๆ จนครบทุกห้อง พวกเราก็มานั่งเล่น ถ่ายรูปเล่นกันตรงลานน้ำพุ ซึ่งน่าจะเพิ่งสร้างใหม่ เพราะมาคราวก่อน ยังไม่มีเลย ตรงนี้เค้าจะทำเป็นสวนกลมๆ มีม้านั่งเก๋ๆ ล้อมรอบน้ำพุอยู่ บรรยากาศดีทีเดียว



ก่อนจะกลับ พวกเราแวะอุดหนุนเครื่องดื่มสมุนไพรเย็นๆ กันคนละแก้ว เราเองได้ลองชิมน้ำอัญชัญ สีชมพูม่วงๆ สวยดี รสชาติเปรี้ยวนิดๆ อร่อยดีเหมือนกัน

ก่อนจะออกจากพระที่นั่งฯ ก็บ่ายแก่แล้ว เราเลยลองโทรเช็คเพื่อนสาว 2 คน ที่นั่งรถตู้ตามมาว่าอยู่ที่ไหนกันแล้ว ก็ได้ความว่าใกล้จะถึงแล้วเหมือนกัน เราเลยจะรอรับเพื่อนก่อนแล้วค่อยเข้าที่พักพร้อมกันเลยทีเดียว ระหว่างรอก็ขอไปสำรวจร้านข้าวเหนียวมะม่วงชื่อกระฉ่อนของหัวหินกันซะหน่อย เผื่อจะติดไม้ติดมือไปกินเล่นกัน..... ใช่แล้วค่ะ เราจะไปตามล่าหา ข้าวเหนียวมะม่วงป้าเจือ กัน จากข้อมูลที่หามา ร้านนี้จะอยู่ตรงหน้าทางเข้าโรงแรม Hilton พอดิบพอดี (โรงแรมนี้เมื่อก่อนตอนมาพักกับที่บ้านสมัยเด็กๆ เค้าจะชื่อว่าโรงแรมเมเลียนะคะ ) ซึ่งนับว่าการจะไปซื้อข้าวเหนียวที่ร้านป้าเจือเนี่ย จะต้องใช้ความพยายามพอสมควร เนื่องจาก เราต้องขับรถเข้าซอยแคบๆ สลับซับซ้อนพอสมควรกว่าจะถึงร้านของป้าเจือ ซึ่งภายหลังมาคุยกันว่า ไอ้ทางที่เรามาเนี่ย ไม่รู้ถูกหรือเปล่า ดูมันมายากจัง แต่ปรากฏว่า พอไปถึงร้าน ข้าวเหนียวหมดไปนานแล้ว เซ็งเลย พอดีมีป้าคนนึงท่าทางใจดี นั่งอยู่ด้านหน้าร้านไม่รู้ว่าใช่ป้าเจือหรือเปล่า แกบอกว่า ให้มาใหม่พรุ่งนี้นะจ๊ะ ....... เราก็เลยต้องเก็บความอยากไว้ก่อน ไว้มาสะสางกันพรุ่งนี้อีกที

พอรับเพื่อนอีก 2 คนเสร็จ ก็ไปเข้าที่พักกันก่อน คราวนี้เราได้ใช้บริการของ โรงแรมมินิเทล ที่ได้ข้อมูลมาจากห้อง Blue Planet เราทั้ง 5 คนสุมหัวกันอยู่ในห้อง suite ซึ่งราคาก็เป็นที่น่าพอใจ สภาพห้องก็ OK ดูสะอาด ปลอดภัยดีค่ะ

สภาพห้องนอนเป็นเช่นนี้ เตียงนุ่มน่าสบายเชียว



มีบริเวณของห้องนั่งเล่นไว้ดูทีวีแยกออกมาด้วยนะ แอบรกเล็กน้อย แต่โซฟานั่งสบายสุดๆ



ล้างหน้าล้างตากันเสร็จ ว่าจะไปเดินเล่นริมทะเล แต่ท้องฟ้าไม่ค่อยเป็นใจ ทำท่าเหมือนฝนจะตกซะงั้น พวกเราเลยเปลี่ยนแผนไปหาอะไรกินกันก่อนดีกว่า พอฝนหยุดก็ค่อยไปตะลุยตลาดหัวหินกัน

มื้อเย็นวันนั้น เราฝากท้องกันที่ร้าน ไข่มุกซีฟูดส์ ก็เป็นร้านอาหารทะเลร้านดังที่เราจดมาจากรายการอะไรซักอย่างเนี่ยแหล่ะ แต่พอทานกันแล้ว ทุกคนลงความเห็นว่า ทั้งรสชาติ ราคา การบริการ........ไม่ผ่านค่ะ

อิ่มจานหลัก ฝนก็หยุดพอดี ก็ได้เวลาตะลุยตลาดหัวหินกันแล้ว เราเป็นอะไรไม่รู้มาหัวหินกี่ครั้งก็ต้องไปเดินตลาด เหมือนถ้าไม่ไปมันจะผิดกฎการมาเที่ยวหัวหินซะงั้น

พวกเราจะไปหาขนมกินกันค่ะ เดินไปเดินมา ก็มาลงเอยกันที่ร้านไอติมกะทิเจ้าดัง ....ร้านเจ๊นิไอศกรีม คนต่อคิวรอซื้อกันยาวมากๆๆ ต้องพิสูจน์กันซะหน่อยแล้ว ว่าจะเด็ดขนาดไหน



ไอศกรีมกะทิของที่นี่ หอมหวานอร่อยมากๆ เลยนะคะ แล้วที่ทำให้อร่อยยิ่งขึ้นก็คงเป็นบรรดาเครื่องเคียงต่างๆ เราได้ลองสั่งกล้วยเชื่อมเป็นเครื่องเคียง เพิ่งรู้นะเนี่ย ว่าเข้ากันดีอย่างไม่น่าเชื่อกับไอศกรีมกะทิ ร้านนี้พวกเราทุกคนประทับใจ ไม่ผิดหวังค่ะ แนะนำนะคะ ผ่านไปลองแวะกินกันดู

พวกเราเดินเล่นซื้อขนมกันพักใหญ่ ก็ได้เวลากลับห้อง และเป็นเวลาที่ทุกคนรอคอย เพราะเราจะกลับไปเมาส์แตกกันค่ะ ..... นับเป็นการคุยกันประสาผู้หญิงที่สนุกมากๆ หลักๆ ก็หนีไม่พ้นการระลึกความหลังสมัยยังสาวของพวกเรา และที่ขาดไม่ได้ ก็คือการพูดถึงเพื่อนๆ คนอื่นๆ ที่ไม่ได้มาด้วย ซึ่งแถวบ้านเรียกให้ง่ายจะเรียกว่า “นินทา” เพื่อนๆ กันอย่างเมามันนั่นแหล่ะค่ะ คุยกันไปกันมาก็ค้นพบสถิติที่น่าตกใจ ว่าเพื่อนๆ สาวๆ ในรุ่นพวกเราเหลือที่โสดสนิทกันอยู่ไม่กี่คน และ 5 คนในนั้น ก็มารวมตัวอยู่ด้วยกันในทริปนี้แหล่ะค่ะ หลงคิดว่ายังเหลือกันอีกเยอะ ที่ไหนได้ หันไปหันมา มีแต่พวกเราแล้วนี่หว่า ......... ......... ไม่เป็นไรเนอะ เพราะถ้ายังคงความโสดกันได้ตลอดรอดฝั่ง แก่ตัวไปเราจะไปหาซื้อที่อยู่ด้วยกันค่ะ

เช้าวันต่อมา เราตื่นกันตามสบายๆ แล้วลงไปเดินเล่นกันที่ชายหาดค่ะ ตั้งแต่มาเท้าเพิ่งโดนน้ำทะเลก็ตอนนี้แหล่ะ บรรยากาศทะเลหัวหินตอนเช้าอากาศดีมากค่ะ



ตรงชายหาดเห็นมีซากปลาดาวตัวเล็กๆ เยอะแยะเลย เอาดาวบนดินมาฝากละกันนะคะ



เดินเล่น ถ่ายรูปกันพักใหญ่ ก็มาทานอาหารเช้า ซึ่งรวมอยู่ในราคาห้องอยู่แล้วกัน รูปนี้ระหว่างรออาหาร เพื่อนๆ กำลังดูรูปที่ถ่ายๆ กันมา ท่าทางสนุกเชียว



เสร็จจากอาหารเช้าอันน้อยนิด พวกเราเก็บข้าวเก็บของ แล้วก็ check out กันเลย เพราะเรากะจะไปแวะเที่ยวระหว่างทางกันต่อ แล้วอีกอย่างไม่อยากกลับกันเย็นมาก กลัวเจอรถติดตอนขาเข้ากรุงเทพฯ ด้วยหน่ะคะ

ออกจากโรงแรมมานิดเดียว พวกเราแวะร้านขนมของฝากตามลายแทงที่หามา ร้านนี้ขายขนมไทยๆ ชื่อ ร้านแม่เก็บ แว่วมาว่าแม่เก็บเจ้าของขนมเนี่ยเค้าเคยไปเรียนทำขนมมาจากในวังเชียวนะคะ ขนมที่มีก็เป็นพวก หม้อแกง บ้าบิ่น เผือกกวน ข้าวเหนียวกะทิ รสชาติดีเชียวค่ะ ไม่หวานเกิน แต่ที่แปลกและไม่ค่อยเห็นก็คือ ขนมข้าวฟ่าง เรามีโอกาสได้ชิมแบบไม่ได้เสียตังค์ซื้อเองเพราะเพื่อนเค้าลืมขนมไว้ที่รถเรา บอกได้เลยค่ะว่า อร่อยดีทีเดียว ไปคราวหน้าซื้อกลับบ้านแน่นอนค่ะ

ร้านขนมแม่เก็บ คนเยอะเหมือนกัน



ขับมาอีกซักหน่อย แถวๆ ตลาดหัวหิน ก็ต้องไปตามล่าหาร้านขนมร้านนึง เพราะคุณแม่ของเราเองเค้าย้ำนักย้ำหนา ว่าต้องแวะซื้อขนมเทียนกลับบ้านให้เค้าด้วย เอาตั้ง 100 อัน เพราะแม่จะเอาไปฝากเพื่อนๆ ที่ทำงานด้วย วนกันอยู่พักนึง ก็เจอร้านจนได้ ร้านนี้ชื่อ ร้านแม่นงนุช เค้าจะขายขนมไทยๆ เหมือนกัน แล้วที่ดังก็จะมี ขนมเทียน กับ ข้าวเหนียวมะม่วง หลังจากซื้อขนมเทียนให้แม่แล้ว ก็เลยกระซิบเพื่อนว่า เราลองสั่งข้าวเหนียวมะม่วงไปชุดนึง ดีกว่า จะได้เอาไว้เทียบกับร้านป้าเจือ ดูซิว่าร้านไหนจะเด็ดกว่ากัน

ออกจากร้านนี้ เราก็ต้องไปสะสางความอยากที่ค้างมาจากเมื่อวานที่ร้านข้าวเหนียวมะม่วงป้าเจือกันก่อน ขับรถทะลุซอยเล็กซอยน้อย จนไปถึงหน้าร้านป้าเจือ ก็พบว่ามีคนยืนอยู่ประมาณนึง ลงไปเตรียมจะสั่งข้าวเหนียวซะหน่อย ก็ได้รับข่าวร้าย เพราะตอนนี้ข้าวเหนียวหมด ถ้าอยากกิน ก็ต้องรออีกประมาณครึ่งชั่วโมง หันมองหน้าเพื่อนๆ เป็นเชิงปรึกษาว่าเอาไงดี อยากกินก็อยากกิน แต่ต้องรอตั้งครึ่งชั่วโมง จะไปทำอะไรกันดีหล่ะ ..........

มองหน้ากันไปมา ก็ต้องยอมแพ้ คงไม่รอดีกว่า........ “ป้าเจือขา มาหัวหินคราวหน้า หนูไม่ยอมพลาดแน่ค่ะป้า” แต่ท่าทางของป้าเค้าคงเด็ดจริงๆ หน่ะแหล่ะ เพราะคนที่ไปที่ร้านพร้อมๆ กับเรา ทุกคนเค้ายอมรอกันหมดเลยทั้งคนไทย ทั้งฝรั่ง มีแต่พวกเราแหล่ะที่ไม่รอ “คราวหน้าหนูจะต้องมากินให้ได้ค่ะ ป้า”

เดินคอตกกลับมาที่รถ เพื่อนที่นั่งอยู่ทีรถบอกว่าอาการแต่ละคนดูเสียใจกันมากๆ บางคนบอกว่า มันเหมือน Ent ไม่ติดเลยอ่ะ เพราะถ้าจะมากินอีกที อาจต้องรอถึงปีหน้าแหน่ะ ......... เฮ้อ......อยากกิน อยากกิน

ผิดหวังจากร้านป้าเจือ เราก็มุ่งตรงไปร้านอาหารทะเลเจ้าประจำของพวกเราที่ชายหาดชะอำ ร้านนี้พวกเราติดใจมาตั้งแต่สมัยมารับน้อง และกินกันมาเรื่อย เรียกได้ว่าทุกครั้งที่มาหัวหิน ก่อนกลับต้องแวะมากินที่ร้านนี้ตลอด ร้านนี้ชื่อ ร้านภูมิ ค่ะ อยู่ตรงชายหาดชะอำเลย



วิวหาดชะอำ มองออกมาจากร้านภูมิค่ะ



ที่ร้านนี้ อาหารทะเลเค้าสด อร่อย แถมมาเร็วอีกต่างหาก มากันกี่ครั้งไม่เคยผิดหวังในเรื่องของความอร่อย ราคาก็สบายกระเป๋าด้วยนะคะ เป็นอีกร้านที่ขอแนะนำค่ะ

ที่สุดท้ายที่แวะเที่ยวกัน ก็คือที่ พระราชวังบ้านปืน ที่อยู่ในตัวเมืองเพชรบุรี วังนี้ก็อยู่ในค่ายทหาร ค่ายรามราชนิเวศน์ค่ะ ช่วงที่ไป คนน้อยดีค่ะ



ที่นี่จะเสียค่าเข้าชม คนละ 20 บาท เราก็จะได้เข้าไปชมความสวยงามแบบยุโรปของวังแห่งนี้กันแล้วค่ะ ด้านในก็จะจัดแสดงห้องต่างๆ สวยงามดีค่ะ แต่ภายในค่อนข้างมืดนะคะ ใครอยากถ่ายรูปให้สวยๆ คงต้องเอาขาตั้งกล้องไปด้วยนะคะ

ห้องเสวยพระกระยาหาร



เอกลักษณ์อีกอย่างของที่นี่คือ สวนน้ำพุที่ถูกล้อมรอบโดยตัววัง นี่ขนาดไม่ได้เปิดน้ำพุนะคะ ยังสวยเลยค่ะ พวกเราถ่ายรูปกันตรงนี้ไปเยอะเชียว



เดินมาเรื่อยๆ ก็จะเจอกับมุมบันไดหินอ่อนสวยๆ ที่มีตุ๊กตาหินประดับอยู่ มุมสุดฮิตของที่นี่



ลวดลายสวยๆ ภายในวังบ้านปืน



ชมความงามของที่นี่กันพักนึง ก็ถึงเวลากลับบ้านกันแล้วค่ะ ออกมาก็หันไปเก็บภาพบางมุมของที่นี่กันอีกครั้ง



ออกจากที่นี่ก็มุ่งตรงเข้ากรุงเทพกันเลย นับเป็นการใช้เวลาสุดสัปดาห์ที่มีความสุขมากๆ ทีเดียวสำหรับพวกเรา มาเที่ยวกันแบบใกล้ๆ มาง่ายๆ ได้ใช้เวลากับเพื่อนๆ แค่คุยกัน หัวเราะกัน ก็คุ้มแล้วค่ะ

ขอทิ้งท้ายด้วยภาพหมู่ของเพื่อนสาวที่ไปเที่ยวด้วยกันมา เราสนุกมากนะที่ได้ไปเที่ยวกับพวกแก วันหลังไปเที่ยวกันอีกนะ



บ๊าย บาย เจอกันทริปหน้านะคะ




Create Date : 24 มิถุนายน 2550
Last Update : 24 มิถุนายน 2550 2:56:21 น. 12 comments
Counter : 3500 Pageviews.

 
เห้นด้วยคร่ะที่ว่าหัวหินไม่เคยเสื่อมมนต์ขลังจีงๆ แม้หลายสิ่งหลายอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปมาก แต่ไปทีไร..ก็ยังหลงใหลได้ทุกที (เพิ่งกลับจากหัวหินไม่นานนี้เช่นกัน ไปเป็นครั้งที่เท่าไรแร้วมะรู้ก้อยังไปได้อยู่นั่น :-) )


โดย: floral_flory วันที่: 24 มิถุนายน 2550 เวลา:8:00:57 น.  

 

*** สวัสดีคะ แวะมาเยี่ยมในวันหยุด มีความสุขมาก ๆ นะคะ ***



โดย: หน่อยอิง วันที่: 24 มิถุนายน 2550 เวลา:11:26:20 น.  

 
มารายงานตัวเจ้าค่ะ


โดย: polo IP: 124.120.94.107 วันที่: 24 มิถุนายน 2550 เวลา:21:55:57 น.  

 
มีแต่เรื่องกินและกินนะทริปนี้
ชอบรูปพระราชวังบ้านปืนมาก ถ่ายออกมาแล้วสวยจิง ๆ


โดย: iowatrumpet IP: 125.24.47.106 วันที่: 25 มิถุนายน 2550 เวลา:12:41:28 น.  

 
น่าอิจฉา ไปเที่ยวกันตามประสาคน โ_ด
Elephants from Thailand บัง วัง มิดเลย


โดย: 3803333 IP: 124.121.141.90 วันที่: 25 มิถุนายน 2550 เวลา:21:15:03 น.  

 
ตามมาเที่ยวครับ


โดย: พิกกี้เม้าส์ วันที่: 26 มิถุนายน 2550 เวลา:0:08:59 น.  

 
เห็นเพื่อนๆ ไปเที่ยวกันแล้วน่าสนุกเน้อ


โดย: น้องเหมียว IP: 125.24.0.3 วันที่: 26 มิถุนายน 2550 เวลา:18:35:28 น.  

 
เราก็ไปหัวหินมานะ เมื่ออาทิตย์ก่อนเอง แต่ไม่ได้ไปเที่ยวเยอะแบบคุณเอ้หรอกคะ ส่วนใหญ่จะกินอาหารซะมากกว่า

แม้จะเป็นทริปที่เร่งรีบไป-กลับอยู่สักหน่อย แต่ก็ถือว่าประทับใจเหมือนกันคะ


โดย: แตงโม IP: 58.9.143.225 วันที่: 26 มิถุนายน 2550 เวลา:20:26:44 น.  

 
. . .ตามมาเที่ยวหัวหินคร๊าบ ผมชอบภาพถ่ายบนลานของหลวงปู่ทวดที่ท้องฟ้ามีเมฆเยอะๆนะสวยดี ดูแล้วสบายตา ชอบๆๆ


โดย: B.B.P. (boybangplee ) วันที่: 3 กรกฎาคม 2550 เวลา:9:16:13 น.  

 
โอ้โห น่าสนุกจัง ไปกันหลายคนดี หวหินหน่ะ ถิ่นของผมเลยนะ คราวหน้าจะไปล่ะก็ จะแนะนำที่เที่ยวให้...รูปสุดท้ายอ่ะ..แหม..แก้วยืนโพสซะ นางแบบอายเลย


โดย: เพ้ง IP: 125.25.46.64 วันที่: 24 เมษายน 2551 เวลา:22:25:33 น.  

 
สวยมากๆเลยค่า

ปิดเทอมจาไปตอนนี้ดแล้วน้าคะปิดหลายเดือนแล้ว

หลวงปู่องค์ใหญ่เด่นเป็นสง่ามาก


โดย: อาโป IP: 125.25.137.129 วันที่: 5 เมษายน 2552 เวลา:17:46:38 น.  

 
สวยมากเลยค่ะ


โดย: ทิพย์ IP: 192.168.212.36, 61.7.147.232 วันที่: 5 เมษายน 2553 เวลา:9:07:24 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Snoopy in BKK
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ก็แค่อยากจะเล่าสู่กันฟัง ....
Friends' blogs
[Add Snoopy in BKK's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.