|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
นิ่วเหมือนกัน แต่ไม่ใช่โรคเดียวกัน
เพิ่งเข้าใจว่านิ่วในกระเพาะปัสสาวะเป็นคนละโรคกับนิ่วในไต
ขอเล่าต่อจากบล็อกที่แล้วนะจ๊ะ ที่ว่าโรคนิ่วไม่ได้เกิดจากการดื่มน้ำ แต่เกิดการกินอาหารไม่ถูกหลักและไม่ถูกส่วน เลยทำให้ร่างกายเราสร้างก้อนนิ่วขึ้นมาและไปอุดตันตามอวัยวะส่วนต่างๆ อ้อ..นิดนึงที่เราสนใจเรื่องโรคนี้มากมายนักก็เพราะตระกูลเราล้วนแต่มีแต่คนเป็นโรคนิ่ว และโรคเกี่ยวกับกระเพาะปัสสาวะ รวมทั้งเราด้วย ใครไม่เป็นถือว่าผ่าเหล่า
⇔ โรคนิ่วนี่มันมีกี่ชนิดและเกิดได้ที่ไหนบ้าง? โรคนิ่วนั้นมีอยู่ด้วยกันสองชนิด คือ 1) นิ่วในถุงน้ำดี และ 2) นิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ ได้แก่ นิ่วในไต นิ่วในท่อไต นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ และนิ่วในท่อปัสสาวะ ซึ่งนิ่วทั้งสองประเภทนี้มีความแตกต่างกันทั้งในส่วนประกอบ สาเหตุ รวมทั้งการดูแลรักษา แต่ที่เรียกว่านิ่วเหมือนกัน อันนี้คงเป็นเพราะว่า ลักษณะที่เห็นนั้น เป็นก้อนคล้ายหินเหมือนกัน เพราะฉะนั้น เวลาคนที่ว่าเป็น โรคนิ่ว จึงต้องรู้ว่า เป็นนิ่วที่ไหน ซึ่งในบล็อกนี้จะพูดถึงเฉพาะนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะเท่านั้นนะจ๊ะ
⇔ เบื้องต้นเกี่ยวกับระบบทางเดินปัสสาวะ ทางเดินปัสสาวะของคนเรานั้น แบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนบนกับส่วนล่าง ¤ ส่วนบน ก็มีไตและท่อไต ¤ ส่วนล่าง ก็มี กระเพาะปัสสาวะ และท่อทางเดินปัสสาวะ
⇔ นิ่วในทางเดินปัสสาวะจึงแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ ก) นิ่วในไตและท่อไต กับ ข) นิ่วในกระเพาะปัสสาวะและท่อทางเดินปัสสาวะ
จะว่าไปแล้วโรคนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ เป็นโรคที่ดึกดำบรรพ์ทีเดียว เพราะมีรายงานพบนิ่วในกระเพาะปัสสาวะในโครงกระดูกศพมัมมี่ของประเทศอียิปต์ มัมมี่ตัวนั้นเข้าใจว่าเป็นเด็กชายอายุประมาณ 16 ปี ซึ่งตายมาแล้วประมาณ 7,000 ปี
⇔แล้วชายกับหญิง ใครเป็นนิ่วมากกว่ากัน นิ่วในไต หญิงชายเป็นได้เหมือนกัน แต่ในอัตราส่วนชายเป็นมากกว่า แต่นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ หรือท่อปัสสาวะ พบในชาย 8 ถึง 10 คนต่อหญิง 1 คน น่าจะเป็นเพราะว่า ท่อปัสสาวะในผู้ชาย ยาวกว่าและคดเคี้ยวกว่า ส่วนของหญิงนั้นสั้นและตรงกว่า หญิงจึงถ่ายออกได้ง่ายกว่า ส่วนชายมักออกยาก จึงมีโอกาสทำให้ตะกอนนิ่วติดในทางเดินปัสสาวะได้ง่าย
⇔ ทำไมนิ่วในไตและนิ่วในกระเพาะปัสสาวะจึงไม่ใช่โรคเดียวกันก็ด้วยเหตุผลที่ว่า 1.ลักษณะของการเกิดโรคนิ่วนั้น นิ่วในไตมีอยู่ทั่วโลกในปัจจุบัน แต่นิ่วในกระเพาะปัสสาวะมีอยู่ในประเทศแถบตะวันออกกลางและเอเชีย 2. นิ่วในไตจะเกิดในผู้ใหญ่เกือบทั้งหมด นิ่วในกระเพาะปัสสาวะครึ่งหนึ่งเกิดในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี กลายเป็นโรคเด็กเสียมากกว่า
3. โรคนิ่วในกระเพาะปัสสาวะมักเกิดกับประชาชนที่มีฐานะยากจนหรือในชนบทเป็นส่วนมาก ในประเทศไทยมีมากในภาคอีสาน กับภาคเหนือ แต่ภาคกลางและภาคใต้พบน้อยเต็มที
⇔คนละโรคแล้วทำไมชื่อนิ่วเหมือนกัน อันนี้คงเป็นเพราะว่าลักษณะเป็นก้อนคล้ายหินเหมือนกันจึงใช้เรียกชื่อเหมือนกันว่า นิ่ว มันน่าแปลกเนาะ...ก้อนหินมันเกิดขึ้นในร่างกายของคน
⇔จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นโรคนิ่วในไตหรือในทางเดินปัสสาวะ อาการที่จะกล่าวนี้จะเป็นมากหรือเป็นน้อยขึ้นกับระยะเวลาและขนาดของนิ่วที่เป็นแยกออกดังนี้จ้ะ
¤ ¤ นิ่วในไต และในท่อไต พบได้ที่กลีบไตหรือกรวยไต ขนาดเล็กเท่าเม็ดถั่วหรืออาจโตมาก และแตกแขนงเป็นกิ่งหรือเหมือนเขากวาง พบได้ตลอดความยาวของท่อไต ตั้งแต่ 2 - 3 ม.ม. จนถึง 1 - 2 ซ.ม. ซึ่งไม่ใช่เล็กๆเลยนะนั่น อาการของนิ่วในไต จะปวดเอวด้านหลัง(ตำแหน่งของไต) เวลาที่ก้อนนิ่วมันหลุดมาอยู่ในท่อไต จะปวดรุนแรง เหงื่อตก เกิดเป็นพักๆ ปัสสาวะอาจมีเลือด/เป็นสีน้ำล้างเนื้อร่วมด้วยได้ การเกิดนิ่วในไตยังไม่รู้แน่ชัด ทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือ กำลังให้ความสนใจเรื่องนี้มาก เพราะคนของเขาเป็นกันเยอะ เท่าที่ศึกษาค้นคว้าพบคือถ้าไตอักเสบเพราะโรคติดเชื้อจากแบคทีเรีย อาจทำให้เกิดนิ่วได้ ถ้ามีกรดยูริคสูงในเลือด(โดยเฉพาะคนที่เป็นโรคเก๊าท์ ) ก็อาจทำให้เกิดโรคนี้ได้ และถ้าคนที่อยู่ในที่ๆร้อนมากและดื่มน้ำไม่เพียงพอ อัตราการเกิดค่อนข้างสูง และเป็นไปได้ว่ากินโปรตีนจากเนื้อสัตว์มากเกินไป อาจทำให้เกิดได้
¤ ¤ นิ่วในกระเพาะปัสสาวะและท่อทางเดินปัสสาวะ พบได้ในขนาดเล็กเท่าเม็ดถั่วจนถึง 1 - 2 กิโลกรัม อาการ จะปวดท้องแถวๆเอวหรือสีข้าง ปวดบิดหรือปวดแน่นเป็นระยะ ๆ รุนแรง ในบางคนปวดร้าวมาที่ท้องน้อย อัณฑะ หรือต้นขาด้วย เพราะก้อนนิ่วอุดตันทำให้น้ำปัสสาวะคั่งอยู่ในท่อ ส่งผลให้ท่อไตโป่งพอง ไตบวม คลื่นไส้ อาเจียน หน้ามืด ใจสั่นจะเป็นลม ปัสสาวะจะขัด ถ่ายเจ็บ ไม่สะดวก กะปริดกะปรอยห รือออกเป็นหยดขุ่นขาวเหมือนมีผงแป้งอยู่ บางครั้งมีเลือด/สีน้ำล้างเนื้อ และอาจมีกรวดทรายปนออกมากับฉี่ ถ้านิ่วไปอุดท่อฉี่ก็จะทำให้เกิดอาการอยากฉี่อยู่ตลอดเวลา แต่ก็ฉี่ไม่ออก สาเหตุ เกิดจากได้รับสารฟอสเฟตน้อย ซึ่งสารนี้ช่วยสร้างสาร ไพโรฟอสเฟต ซึ่งขับออกมาทางฉี่ ทำให้ฉี่ไม่ตกตะกอน หรือการได้รับสารออกซาเลทซึ่งมีอยู่ในผักบางชนิดมากเกินไป มีวิจัยพบว่าภายใน 24-48 ชั่วโมง หลังจากเด็กหรือแม่เด็กก็ตาม กินผักที่มีออกซาเลทเข้าไป ฉี่จะขุ่นข้น และแม่ที่ให้นมลูกอยู่ เมื่อกินผักดังกล่าวแล้วตรวจฉี่ ปรากฏว่าลูกที่กินนมแม่ในฉี่มีสารออกซาเลทออกมาด้วย มีรายงานเคยพบเด็กอายุเพียง 3 อาทิตย์เท่านั้น มีนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ⇔แล้วเราจะหนีห่างจากโรคนิ่วพวกนี้ได้อย่างไร นิ่วในไต เรายังไม่รู้สาเหตุแน่ชัด แต่การป้องกันที่ควรจะเป็นและเท่าที่ทำได้ คือ 1. ดูแลสุขภาพให้สมบูรณ์ และดื่มน้ำให้มาก 2. กินอาหารให้ถูกส่วน ไม่ควรกินอาหารโปรตีนจากสัตว์มากเกินไปหรือน้อยเกินไป 3.ไม่ควรกินอาหารที่มีสารออกซาเลทสูง เช่น ในผักหรือผลไม้บางอย่างหรืออาหารที่มีกรดยูริคสูง ได้แก่ เครื่องในสัตว์ เนื้อสัตว์ปีก มากเกินไป
นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ 1.ควรดื่มน้ำให้พอเพียง อย่าให้ร่างกายขาดน้ำ ถ้าเป็นเด็กทารก กินนมแม่เยอะๆก็พอแล้ว 2. ควรกินอาหารให้ถูกต้อง+ถูกส่วน พวกเนื้อ นม ไข่ และถั่ว ซึ่งมีสารฟอสเฟตสูง 3. อย่ากินผักที่มีสารออกซาเลทสูงเป็นประจำ เช่น พวกผักใบเขียวหรือมีกลิ่นเหม็นเขียวจัดๆ ผักปลัง ผักโขม ผักกระโดน ผักเสม็ด ผักติ้ว กระหล่ำปลีดิบๆ ฯลฯ การลวกหรือนึ่งให้สุกก่อนจะช่วยได้
⇔แล้วถ้าเป็นแล้วจะทำอย่างไร นิ่วในไต ถ้าตรวจพบในระยะต้นๆหรือเพิ่งเริ่มตกตะกอน ทางแพทย์อาจแนะนำให้ดื่มน้ำมากๆเพื่อให้นิ่วไม่ตกตะกอน หรืออาจใช้ยาบางอย่างร่วมด้วย แต่หากนิ่วแข็งตัวเป็นก้อนแล้ว ก็คงต้องใช้วิธีผ่าตัดอย่างเดียว
นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ นั้นถ้ายังเป็นก้อนเล็กๆ แล้วมันเคลื่อนอยู่เรื่อย แพทย์ก็อาจจะแนะนำให้กินน้ำมากๆให้มันเคลื่อนหลุดออกมาได้ ถ้าไม่เจ็บปวดมากเกินไป หรืออาจให้กินเกลือฟอสเฟตช่วยในขณะที่นิ่วยังไม่จับตัวเป็นก้อน หรือถ้าก้อนไม่ใหญ่นักก็ใช้เครื่องใส่เข้าไปตามท่อฉี่และคนให้ก้อนนิ่วแตก แต่ถ้าใหญ่ก็มีวิธีเดียวคือผ่าตัดออก
สมุนไพรหญ้าหนวดแมว
⇔ สมุนไพรไทยที่มีสารช่วยยับยั้งการก่อนิ่ว/ขับปัสสาวะ กระเจี๊ยบแดง,หญ้าหนวดแมว,หญ้าถอดปล้อง,ไมยราบ,เหง้าสับปะรด,ลูกเดือย,ต้นโด่มิรู้ล้ม,ผักกาดน้ำ,หญ้าพันงู,มะเฟือง,ผักกูด,เปลือกต้นมะรุม,เปลือกต้นตีนเป็ด ฯลฯ บางอย่างหน้าตาเป็นไงมิรู้เนอะ แล้วจะไปหาได้ที่ไหนก็มึนตึ๊บ..เอาว่ารู้ไว้ก่อนละกันเนาะ
กระเจี๊ยบแดง
⇔ภาพปิดท้ายข้างล่าง (ไม่เกี่ยวกับเรื่องในบล็อกนี้นะจ๊ะ)เป็นภาพก้อนนิ่วในถุงน้ำดีที่หมอผ่าตัดออกมา นับเป็นสถิติใหม่ในการผ่านิ่วผ่านกล้อง เจอนิ่วในถุงน้ำดีคุณป้าคำฟอง ดวงสมศรี อายุ 53 ปีจากหนองคาย เยอะสุดถึง 920 เม็ด มากที่สุดในโลก โดยใช้เวลาผ่าแค่ 17 นาที ฝีมือแพทย์ไทย รพ.ยุพราชท่าบ่อ จ.นองคาย (จากUUBON.com โพสต์ไว้เมื่อ 11 สิงหา 2552) อูย..อยู่ได้ไงเนี่ยก้อนนิ่วเยอะแยะเป็นกระบุงโกยเลย
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล Google, Thaigoodview.com , รามาคลินิกด็อดคอม และ มูลนิธิหมอชาวบ้าน ไว้ ณ ที่นี้ค่า และขอบคุณเพื่อนๆที่แวะเข้ามาอ่านนะจ๊ะ ยาวและออกแนววิชาการไปหน่อย อ่านผ่านๆก็ไม่ว่ากันจ้า
Create Date : 13 พฤษภาคม 2553 |
Last Update : 13 พฤษภาคม 2553 21:08:31 น. |
|
15 comments
|
Counter : 5461 Pageviews. |
|
|
|
โดย: nuyza_za วันที่: 13 พฤษภาคม 2553 เวลา:20:27:39 น. |
|
|
|
โดย: ลูกหมู IP: 68.191.155.13 วันที่: 13 พฤษภาคม 2553 เวลา:21:13:58 น. |
|
|
|
โดย: ค๊อปเตอร์ใบไม้ (arlendil ) วันที่: 13 พฤษภาคม 2553 เวลา:22:16:19 น. |
|
|
|
โดย: grippini วันที่: 14 พฤษภาคม 2553 เวลา:1:04:04 น. |
|
|
|
โดย: curry (curry ) วันที่: 14 พฤษภาคม 2553 เวลา:3:08:28 น. |
|
|
|
โดย: By ~ BeLovE วันที่: 14 พฤษภาคม 2553 เวลา:10:50:52 น. |
|
|
|
โดย: ผัสสะ วันที่: 14 พฤษภาคม 2553 เวลา:12:56:17 น. |
|
|
|
โดย: ป้าโซ วันที่: 14 พฤษภาคม 2553 เวลา:15:14:34 น. |
|
|
|
โดย: By ~ BeLovE วันที่: 14 พฤษภาคม 2553 เวลา:16:07:09 น. |
|
|
|
โดย: cengorn วันที่: 14 พฤษภาคม 2553 เวลา:17:01:39 น. |
|
|
|
โดย: อาคุงกล่อง วันที่: 14 พฤษภาคม 2553 เวลา:18:23:14 น. |
|
|
|
โดย: เจ้าสายของพี่ตาเองจ้า :) (amonrat35 ) วันที่: 15 พฤษภาคม 2553 เวลา:4:06:48 น. |
|
|
|
โดย: แหม่ม IP: 160.1.10.171, 58.8.172.141 วันที่: 24 พฤษภาคม 2553 เวลา:17:04:45 น. |
|
|
|
โดย: น. กล้วยไม้ (น. กล้วยไม้ ) วันที่: 4 มิถุนายน 2553 เวลา:17:16:22 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กาญจนบุรี Norway
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]
|
| | | |
มิตรดี มีเพียงหนึ่ง ถึงจะน้อย ยังดีกว่า มิตรร้อย คอยคิดริษยา เหมือนเกลือหนึ่ง กำน้อย ด้อยราคา ยังดีกว่า น้ำเค็ม เต็มทะเล
...เป็นคนใจดี ที่ไม่เรื่องมาก แต่มากเรื่อง 555
| | | | |
|
|
|
|
|
|
|