เดินสายกลาง..ไม่อ้างว้าง..ไม่วุ่นวาย
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2553
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
13 พฤษภาคม 2553
 
All Blogs
 
นิ่วเหมือนกัน แต่ไม่ใช่โรคเดียวกัน

เพิ่งเข้าใจว่านิ่วในกระเพาะปัสสาวะเป็นคนละโรคกับนิ่วในไต



ขอเล่าต่อจากบล็อกที่แล้วนะจ๊ะ ที่ว่าโรคนิ่วไม่ได้เกิดจากการดื่มน้ำ แต่เกิดการกินอาหารไม่ถูกหลักและไม่ถูกส่วน เลยทำให้ร่างกายเราสร้างก้อนนิ่วขึ้นมาและไปอุดตันตามอวัยวะส่วนต่างๆ อ้อ..นิดนึงที่เราสนใจเรื่องโรคนี้มากมายนักก็เพราะตระกูลเราล้วนแต่มีแต่คนเป็นโรคนิ่ว และโรคเกี่ยวกับกระเพาะปัสสาวะ รวมทั้งเราด้วย ใครไม่เป็นถือว่าผ่าเหล่า



โรคนิ่วนี่มันมีกี่ชนิดและเกิดได้ที่ไหนบ้าง?
โรคนิ่วนั้นมีอยู่ด้วยกันสองชนิด คือ
1) นิ่วในถุงน้ำดี และ
2) นิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ ได้แก่ นิ่วในไต นิ่วในท่อไต นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ และนิ่วในท่อปัสสาวะ
ซึ่งนิ่วทั้งสองประเภทนี้มีความแตกต่างกันทั้งในส่วนประกอบ สาเหตุ รวมทั้งการดูแลรักษา แต่ที่เรียกว่านิ่วเหมือนกัน อันนี้คงเป็นเพราะว่า ลักษณะที่เห็นนั้น เป็นก้อนคล้ายหินเหมือนกัน เพราะฉะนั้น เวลาคนที่ว่าเป็น โรคนิ่ว จึงต้องรู้ว่า เป็นนิ่วที่ไหน ซึ่งในบล็อกนี้จะพูดถึงเฉพาะนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะเท่านั้นนะจ๊ะ

เบื้องต้นเกี่ยวกับระบบทางเดินปัสสาวะ
ทางเดินปัสสาวะของคนเรานั้น แบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนบนกับส่วนล่าง
¤ ส่วนบน ก็มีไตและท่อไต
¤ ส่วนล่าง ก็มี กระเพาะปัสสาวะ และท่อทางเดินปัสสาวะ



นิ่วในทางเดินปัสสาวะจึงแบ่งออกเป็น 2 ชนิด
คือ ก) นิ่วในไตและท่อไต กับ ข) นิ่วในกระเพาะปัสสาวะและท่อทางเดินปัสสาวะ


จะว่าไปแล้วโรคนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ เป็นโรคที่ดึกดำบรรพ์ทีเดียว เพราะมีรายงานพบนิ่วในกระเพาะปัสสาวะในโครงกระดูกศพมัมมี่ของประเทศอียิปต์ มัมมี่ตัวนั้นเข้าใจว่าเป็นเด็กชายอายุประมาณ 16 ปี ซึ่งตายมาแล้วประมาณ 7,000 ปี




แล้วชายกับหญิง ใครเป็นนิ่วมากกว่ากัน นิ่วในไต หญิงชายเป็นได้เหมือนกัน แต่ในอัตราส่วนชายเป็นมากกว่า แต่นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ หรือท่อปัสสาวะ พบในชาย 8 ถึง 10 คนต่อหญิง 1 คน น่าจะเป็นเพราะว่า ท่อปัสสาวะในผู้ชาย ยาวกว่าและคดเคี้ยวกว่า ส่วนของหญิงนั้นสั้นและตรงกว่า หญิงจึงถ่ายออกได้ง่ายกว่า ส่วนชายมักออกยาก จึงมีโอกาสทำให้ตะกอนนิ่วติดในทางเดินปัสสาวะได้ง่าย




ทำไมนิ่วในไตและนิ่วในกระเพาะปัสสาวะจึงไม่ใช่โรคเดียวกันก็ด้วยเหตุผลที่ว่า
1.ลักษณะของการเกิดโรคนิ่วนั้น นิ่วในไตมีอยู่ทั่วโลกในปัจจุบัน แต่นิ่วในกระเพาะปัสสาวะมีอยู่ในประเทศแถบตะวันออกกลางและเอเชีย
2. นิ่วในไตจะเกิดในผู้ใหญ่เกือบทั้งหมด นิ่วในกระเพาะปัสสาวะครึ่งหนึ่งเกิดในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี กลายเป็นโรคเด็กเสียมากกว่า

3. โรคนิ่วในกระเพาะปัสสาวะมักเกิดกับประชาชนที่มีฐานะยากจนหรือในชนบทเป็นส่วนมาก ในประเทศไทยมีมากในภาคอีสาน กับภาคเหนือ แต่ภาคกลางและภาคใต้พบน้อยเต็มที

คนละโรคแล้วทำไมชื่อนิ่วเหมือนกัน อันนี้คงเป็นเพราะว่าลักษณะเป็นก้อนคล้ายหินเหมือนกันจึงใช้เรียกชื่อเหมือนกันว่า นิ่ว มันน่าแปลกเนาะ...ก้อนหินมันเกิดขึ้นในร่างกายของคน

จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นโรคนิ่วในไตหรือในทางเดินปัสสาวะ
อาการที่จะกล่าวนี้จะเป็นมากหรือเป็นน้อยขึ้นกับระยะเวลาและขนาดของนิ่วที่เป็นแยกออกดังนี้จ้ะ




¤ ¤ นิ่วในไต และในท่อไต
พบได้ที่กลีบไตหรือกรวยไต ขนาดเล็กเท่าเม็ดถั่วหรืออาจโตมาก และแตกแขนงเป็นกิ่งหรือเหมือนเขากวาง พบได้ตลอดความยาวของท่อไต ตั้งแต่ 2 - 3 ม.ม. จนถึง 1 - 2 ซ.ม. ซึ่งไม่ใช่เล็กๆเลยนะนั่น
อาการของนิ่วในไต จะปวดเอวด้านหลัง(ตำแหน่งของไต) เวลาที่ก้อนนิ่วมันหลุดมาอยู่ในท่อไต จะปวดรุนแรง เหงื่อตก เกิดเป็นพักๆ ปัสสาวะอาจมีเลือด/เป็นสีน้ำล้างเนื้อร่วมด้วยได้
การเกิดนิ่วในไตยังไม่รู้แน่ชัด ทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือ กำลังให้ความสนใจเรื่องนี้มาก เพราะคนของเขาเป็นกันเยอะ เท่าที่ศึกษาค้นคว้าพบคือถ้าไตอักเสบเพราะโรคติดเชื้อจากแบคทีเรีย อาจทำให้เกิดนิ่วได้ ถ้ามีกรดยูริคสูงในเลือด(โดยเฉพาะคนที่เป็นโรคเก๊าท์ ) ก็อาจทำให้เกิดโรคนี้ได้ และถ้าคนที่อยู่ในที่ๆร้อนมากและดื่มน้ำไม่เพียงพอ อัตราการเกิดค่อนข้างสูง และเป็นไปได้ว่ากินโปรตีนจากเนื้อสัตว์มากเกินไป อาจทำให้เกิดได้




¤ ¤ นิ่วในกระเพาะปัสสาวะและท่อทางเดินปัสสาวะ พบได้ในขนาดเล็กเท่าเม็ดถั่วจนถึง 1 - 2 กิโลกรัม
อาการ จะปวดท้องแถวๆเอวหรือสีข้าง ปวดบิดหรือปวดแน่นเป็นระยะ ๆ รุนแรง ในบางคนปวดร้าวมาที่ท้องน้อย อัณฑะ หรือต้นขาด้วย เพราะก้อนนิ่วอุดตันทำให้น้ำปัสสาวะคั่งอยู่ในท่อ ส่งผลให้ท่อไตโป่งพอง ไตบวม คลื่นไส้ อาเจียน หน้ามืด ใจสั่นจะเป็นลม ปัสสาวะจะขัด ถ่ายเจ็บ ไม่สะดวก กะปริดกะปรอยห รือออกเป็นหยดขุ่นขาวเหมือนมีผงแป้งอยู่ บางครั้งมีเลือด/สีน้ำล้างเนื้อ และอาจมีกรวดทรายปนออกมากับฉี่ ถ้านิ่วไปอุดท่อฉี่ก็จะทำให้เกิดอาการอยากฉี่อยู่ตลอดเวลา แต่ก็ฉี่ไม่ออก
สาเหตุ เกิดจากได้รับสารฟอสเฟตน้อย ซึ่งสารนี้ช่วยสร้างสาร “ไพโรฟอสเฟต” ซึ่งขับออกมาทางฉี่ ทำให้ฉี่ไม่ตกตะกอน หรือการได้รับสารออกซาเลทซึ่งมีอยู่ในผักบางชนิดมากเกินไป มีวิจัยพบว่าภายใน 24-48 ชั่วโมง หลังจากเด็กหรือแม่เด็กก็ตาม กินผักที่มีออกซาเลทเข้าไป ฉี่จะขุ่นข้น และแม่ที่ให้นมลูกอยู่ เมื่อกินผักดังกล่าวแล้วตรวจฉี่ ปรากฏว่าลูกที่กินนมแม่ในฉี่มีสารออกซาเลทออกมาด้วย มีรายงานเคยพบเด็กอายุเพียง 3 อาทิตย์เท่านั้น มีนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ


แล้วเราจะหนีห่างจากโรคนิ่วพวกนี้ได้อย่างไร
นิ่วในไต เรายังไม่รู้สาเหตุแน่ชัด แต่การป้องกันที่ควรจะเป็นและเท่าที่ทำได้ คือ
1. ดูแลสุขภาพให้สมบูรณ์ และดื่มน้ำให้มาก
2. กินอาหารให้ถูกส่วน ไม่ควรกินอาหารโปรตีนจากสัตว์มากเกินไปหรือน้อยเกินไป
3.ไม่ควรกินอาหารที่มีสารออกซาเลทสูง เช่น ในผักหรือผลไม้บางอย่างหรืออาหารที่มีกรดยูริคสูง ได้แก่ เครื่องในสัตว์ เนื้อสัตว์ปีก มากเกินไป



นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
1.ควรดื่มน้ำให้พอเพียง อย่าให้ร่างกายขาดน้ำ ถ้าเป็นเด็กทารก กินนมแม่เยอะๆก็พอแล้ว
2. ควรกินอาหารให้ถูกต้อง+ถูกส่วน พวกเนื้อ นม ไข่ และถั่ว ซึ่งมีสารฟอสเฟตสูง
3. อย่ากินผักที่มีสารออกซาเลทสูงเป็นประจำ เช่น พวกผักใบเขียวหรือมีกลิ่นเหม็นเขียวจัดๆ ผักปลัง ผักโขม ผักกระโดน ผักเสม็ด ผักติ้ว กระหล่ำปลีดิบๆ ฯลฯ การลวกหรือนึ่งให้สุกก่อนจะช่วยได้



แล้วถ้าเป็นแล้วจะทำอย่างไร
นิ่วในไต ถ้าตรวจพบในระยะต้นๆหรือเพิ่งเริ่มตกตะกอน ทางแพทย์อาจแนะนำให้ดื่มน้ำมากๆเพื่อให้นิ่วไม่ตกตะกอน หรืออาจใช้ยาบางอย่างร่วมด้วย แต่หากนิ่วแข็งตัวเป็นก้อนแล้ว ก็คงต้องใช้วิธีผ่าตัดอย่างเดียว

นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ นั้นถ้ายังเป็นก้อนเล็กๆ แล้วมันเคลื่อนอยู่เรื่อย แพทย์ก็อาจจะแนะนำให้กินน้ำมากๆให้มันเคลื่อนหลุดออกมาได้ ถ้าไม่เจ็บปวดมากเกินไป หรืออาจให้กินเกลือฟอสเฟตช่วยในขณะที่นิ่วยังไม่จับตัวเป็นก้อน หรือถ้าก้อนไม่ใหญ่นักก็ใช้เครื่องใส่เข้าไปตามท่อฉี่และคนให้ก้อนนิ่วแตก แต่ถ้าใหญ่ก็มีวิธีเดียวคือผ่าตัดออก



สมุนไพรหญ้าหนวดแมว

⇔ สมุนไพรไทยที่มีสารช่วยยับยั้งการก่อนิ่ว/ขับปัสสาวะ
กระเจี๊ยบแดง,หญ้าหนวดแมว,หญ้าถอดปล้อง,ไมยราบ,เหง้าสับปะรด,ลูกเดือย,ต้นโด่มิรู้ล้ม,ผักกาดน้ำ,หญ้าพันงู,มะเฟือง,ผักกูด,เปลือกต้นมะรุม,เปลือกต้นตีนเป็ด ฯลฯ บางอย่างหน้าตาเป็นไงมิรู้เนอะ แล้วจะไปหาได้ที่ไหนก็มึนตึ๊บ..เอาว่ารู้ไว้ก่อนละกันเนาะ


กระเจี๊ยบแดง




⇔ภาพปิดท้ายข้างล่าง (ไม่เกี่ยวกับเรื่องในบล็อกนี้นะจ๊ะ)เป็นภาพก้อนนิ่วในถุงน้ำดีที่หมอผ่าตัดออกมา นับเป็นสถิติใหม่ในการผ่านิ่วผ่านกล้อง เจอนิ่วในถุงน้ำดีคุณป้าคำฟอง ดวงสมศรี อายุ 53 ปีจากหนองคาย เยอะสุดถึง 920 เม็ด มากที่สุดในโลก โดยใช้เวลาผ่าแค่ 17 นาที ฝีมือแพทย์ไทย รพ.ยุพราชท่าบ่อ จ.นองคาย (จากUUBON.com โพสต์ไว้เมื่อ 11 สิงหา 2552) อูย..อยู่ได้ไงเนี่ยก้อนนิ่วเยอะแยะเป็นกระบุงโกยเลย



ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล Google, Thaigoodview.com , รามาคลินิกด็อดคอม และ มูลนิธิหมอชาวบ้าน ไว้ ณ ที่นี้ค่า และขอบคุณเพื่อนๆที่แวะเข้ามาอ่านนะจ๊ะ ยาวและออกแนววิชาการไปหน่อย อ่านผ่านๆก็ไม่ว่ากันจ้า





Create Date : 13 พฤษภาคม 2553
Last Update : 13 พฤษภาคม 2553 21:08:31 น. 15 comments
Counter : 5461 Pageviews.

 
ทักทายยามเย็น ทานข้าวให้อร่อยนะคะ ^^


โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว วันที่: 13 พฤษภาคม 2553 เวลา:20:07:53 น.  

 


โดย: nuyza_za วันที่: 13 พฤษภาคม 2553 เวลา:20:27:39 น.  

 
น้องเราเดี่ยวนี่เข้าเกี่ยวกับวิชาการแบบจริงจังเสียแล้ว พี่คงต้องนั่งหาเวลาอ่านให้ถ่องแท้เสียหน่อยเพราะแก่แล้วสมองมันช้าน่ะ

ป.ล. เฮ้ยทำไม่เหมือนป้า่โซเลยฝะ ทำอะไรผิดหรือเปล่าเนี่นะเรา เค้าห้า่มใส่อีำโม้อีกและ เพราะไม่ใช่สมาชิก อัพเดทอะไรกันจ้าเนี่ยะ บอกพี่มี่งฮี่


โดย: ลูกหมู IP: 68.191.155.13 วันที่: 13 พฤษภาคม 2553 เวลา:21:13:58 น.  

 
ขอบคุณที่แวะไปตอบให้นะค่ะ....
มาบลอกบ้านนี้ได้ความรู้ติดตัวไปเพียบเลย อิอิ

ยังไงก็จะแวะมาเก็บเกี่ยวความรุ้อีกนะค่ะ


อ้อ.. ยินดีที่ได้รุ้จักค่ะ


โดย: ค๊อปเตอร์ใบไม้ (arlendil ) วันที่: 13 พฤษภาคม 2553 เวลา:22:16:19 น.  

 
อ่านแล้วได้ความรู้จริงๆ เลยค่ะ..สามีของเพื่อนกิ๊ฟเค้าเป็นถึงกับต้องหยุดงานเลยค่ะเพราะปวดมากๆ


โดย: grippini วันที่: 14 พฤษภาคม 2553 เวลา:1:04:04 น.  

 
ทักทายยามดึกคะ แต่ที่นี่กลางวันเฮอ เฮอ ยังไม่นอนหรอคะ ขอบคุณที่เข้าไปเยี่ยมบล๊อคคะ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ


โดย: curry (curry ) วันที่: 14 พฤษภาคม 2553 เวลา:3:08:28 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่ตา
เข้ามาก็เจอความรู้ดีๆเลย ขอบคุณความรู้ดีๆนะคะ
ภาพสุดท้ายนี่ไม่น่าเชื่อนะคะ ว่าจะอยู่ในร่างกายของคนเพียงคนเดียว...น่ากลัวจัง


โดย: By ~ BeLovE วันที่: 14 พฤษภาคม 2553 เวลา:10:50:52 น.  

 
สวัสดีครับ คุณเกลือหนึ่งกำน้อย ว่าแต่ทำไมต้องไปกำเกลือด้วยหละครับ....

ขอบคุณนะครับที่แวะไปเยี่ยมเยียนที่บล็อคผม ยังไงก็เข้ามาบ่อยๆนะครับ....


โดย: ผัสสะ วันที่: 14 พฤษภาคม 2553 เวลา:12:56:17 น.  

 
โอ้.. บล็อกสาระ

นั่งอ่านเอาความรู้เข้าขะหมองอย่างเพลินๆ ขยันหาข้อมูลจริงนะยัยตา..

แล้วก็นะ.. บล็อกอิฉันน่ะ เขียนให้เห็นใจ ออกจะเศร้าปานนั้นไฉนจึงฮาน้ำลายเต็มบล็อกอิฉันเช่นนั้นยะคะ?

ยัยลูกหมูกินยาแก้ปวดผิดหรือเปล่าหว่า? เข้ามาเม้นท์แบบไม่ล็อกอิน แล้วโวยว่าใส่อีโมไม่ได้?


โดย: ป้าโซ วันที่: 14 พฤษภาคม 2553 เวลา:15:14:34 น.  

 
ก๊อกๆๆ อิอิ...
แวะมาอีกแล้ว แวะเข้ามาชวนพี่ตากับสตีเว่นไปกินโกโก้ปั่นจ้า
คิดว่าเมนูนี้ เจ้าหนุ่มสตีเว่นน่าจะถูกใจนะคะ


โดย: By ~ BeLovE วันที่: 14 พฤษภาคม 2553 เวลา:16:07:09 น.  

 
โอพี่ตา upblogเร็วจัง วันก่อนขอโทษนะคะมาสายไปหน่อยคะ ว่าจะเอาน้ำมันมะพร้าวทำเองมาให้ดูนะคะ แต่ช่วงนี้งานเข้าก็เลยไม่ได้เข้ามาวันนี้มาต่อ จำได้ว่าพี่ตาเคยเล่าเรื่องนิ่วให้ฟังมาแล้วครั้งหนึ่งใช่ไหมคะวันนี้น่าจะเป็นภาค 2ใช่ไหมคะ ขอบคุณข้อมูลดีๆนะคะแต่ทางที่ดีไม่เป็นทุกประเภทเลย ดีกว่า


โดย: cengorn วันที่: 14 พฤษภาคม 2553 เวลา:17:01:39 น.  

 

มาเยี่ยมชม มาทักทายครับ

เพิ่งจะรู้ว่าโรคนิ่วมันน่ากลัวแบบนี้เองครับ

อิอิ


โดย: อาคุงกล่อง วันที่: 14 พฤษภาคม 2553 เวลา:18:23:14 น.  

 
แวะมานัทตาค่ะ พี่ตา


คิดถึงนะค่ะ สายหายหน้าหายตาไปนมยาน นานนม อิอิ ขอโทษทีนะค่ะ
แล้วด้วยจะมาหาใหม่น๊า
หลับฝันดี นะค่ะ จุ๊บๆเจ้าชายตัวน้อยให้ด้วยเน้อ




โดย: เจ้าสายของพี่ตาเองจ้า :) (amonrat35 ) วันที่: 15 พฤษภาคม 2553 เวลา:4:06:48 น.  

 
เรื่องดีมีประโยชน์ เอามาลงให้อ่านบ่อยๆ นะจ๊ะ


โดย: แหม่ม IP: 160.1.10.171, 58.8.172.141 วันที่: 24 พฤษภาคม 2553 เวลา:17:04:45 น.  

 
มีประโยชน์มากค่ะ


โดย: น. กล้วยไม้ (น. กล้วยไม้ ) วันที่: 4 มิถุนายน 2553 เวลา:17:16:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เกลือหนึ่งกำน้อย
Location :
กาญจนบุรี Norway

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]







มิตรดี มีเพียงหนึ่ง ถึงจะน้อย
ยังดีกว่า มิตรร้อย คอยคิดริษยา
เหมือนเกลือหนึ่ง กำน้อย ด้อยราคา
ยังดีกว่า น้ำเค็ม เต็มทะเล

...เป็นคนใจดี ที่ไม่เรื่องมาก แต่มากเรื่อง 555




Friends' blogs
[Add เกลือหนึ่งกำน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.