มกราคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
29 มกราคม 2553
 
 

ละคร เชลยศักดิ์ ตอนที่ 9

ตอนที่ 9
เมื่อพาน้องกลับถึงตึกม่อนผาหลวงแล้ว อลิสายังนั่งใจสั่นไม่หายกับเหตุการณ์เมื่อครู่ กระชับเสื้อแจ็กเกตแล้วนึกได้รีบถอดออก พอดีอติศักดิ์ถือเครื่องดื่มอุ่นๆมาให้ ถามว่าน้องยังไม่หายกลัวใช่ไหม
เธอไม่ตอบแต่กลับบ่นตัวเองว่าไม่น่าเป็นลมต่อหน้าโยธินเลย น่าขายหน้ามาก อติศักดิ์ถามว่าเธอไปคอกม้าทำไมดึกดื่นอย่างนั้น

"เออ...คือน้องอยากรู้น่ะค่ะว่านายโยธินจะจัดการยังไงกับเจ้าฟ้าลั่น"

ครั้นพี่ชายติงๆว่ารู้สึกน้องอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับนายโยธินเป็นพิเศษ เธอรีบแก้ตัวว่า

"ไม่จริงค่ะพี่ชาย น้องไปหานายโยธินก็เพื่อดูแลควบคุมให้เขาทำหน้าที่ให้ดีเท่านั้น พี่ชายเป็นคนมอบหน้าที่จัดการกับเชลยให้น้องเองนะคะ พี่ชายอย่าลืมสิคะ"

"พี่บอกให้น้องจัดการกับเชลยก็จริง แต่น้องก็ต้องรู้ว่าน้องสามารถทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหน น้องเป็นหญิง อย่าลืมสิ"

"นายโยธินทำอะไรน้องไม่ได้หรอกค่ะ แม้แต่คิดน้องก็ฆ่าเขาได้แล้ว"

"น้องก็อย่ามั่นใจในตัวเองเกินไป ระวังไว้บ้างก็ดี น้องอาจจะสามารถปกป้องตัวเองจากเงื้อมมือศัตรูได้ แต่แน่ใจหรือว่า น้องจะปกป้องตัวเองไม่ให้เสื่อมเสียชื่อเสียงได้"

คำเตือนของพี่ชายทำให้อลิสาเถียงไม่ออก

ooooooo

สีโบอยู่กับเจ้าขวัญฟ้าจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้น พอตื่นก็ซุกกอดเจ้าไว้อย่างหลงใหล ออดอ้อนว่าอยากจะหยุดเวลาไว้เพื่อได้กอดเจ้าอยู่อย่างนี้ตลอดไป

"เจ้าทำให้ข้ามีความสุขมาก เมียคนไหนๆในคุ้มหลวงก็ไม่เคยให้ความสุขกับข้าได้เท่าเจ้า แต่ข้าจะรับเจ้ากลับมาอยู่คุ้มหลวงเหมือนเดิม เจ้าแม่คงไม่ยอม"

สีโบเสนอว่าให้ซ่อนตนไว้ในห้องเพื่อจะได้ปรนนิบัติรับใช้เจ้าพี่อย่างใกล้ชิด เจ้าขวัญฟ้าบอกว่า ถ้าเช่นนั้นสีโบก็จะมีฐานะต่ำต้อยยิ่งกว่าเมียบ่าวเสียอีก กระนั้นสีโบก็ยินดีขอแต่ได้อยู่ใกล้เจ้าขวัญฟ้ายอดเสน่หาก็พอ

ขณะนั้นเอง อินทร์วิไลนำคนรับใช้ถือถาดอาหารเช้ามาเคาะประตูแล้วจะเปิดเข้าไป ปรากฏว่าประตูลงกลอนอยู่ จึงเคาะประตูอีกครั้งดังกว่าเก่าพลางส่งเสียงถาม

"เจ้าพี่เจ้า ตื่นหรือยังเจ้า น้องนำอาหารเช้ามาให้เจ้า"

อึดใจต่อมาเจ้าขวัญฟ้าก็มาเปิดประตูให้แล้วหันหลังเดินกลับเข้าไปในห้องอย่างไม่สนใจ

อินทร์วิไลให้คนรับใช้วางถาดอาหารแล้วให้ออกไป อินทร์วิไลจะเข้าปรนนิบัติ ถามว่าจะกินอาหารเช้าเลยไหม เจ้าขวัญฟ้าตอบอย่างไม่ยินดียินร้ายว่าเดี๋ยวกินจะบอก ให้ อินทร์วิไลออกไปได้แล้วไม่ต้องอยู่คอยรับใช้

อินทร์วิไลรู้สึกถึงความหมางเมินเข้าไปกอดอ้อนถามว่าตนทำอะไรให้โกรธหรือ ถ้าตนทำผิดพลาดไปก็โปรดได้อภัย จะตบตีก็ไม่ว่าแต่อย่าทำเย็นชากับตนอย่างนี้ ตนเจ็บปวดหัวใจเหลือเกินแล้ว ทั้งยังอ้อนว่า "เจ้าพี่จะให้น้องทำยังไงเจ้า ถึงจะแก้ไขความผิดพลาดที่น้องทำไป"

"เจ้าไปเกลี้ยกล่อมให้เจ้าแม่เลิกคิดจับพี่แต่งงานกับเจ้า แล้วพี่จะลองคิดดูเรื่องเจ้าอีกครั้งว่าควรให้โอกาสเจ้ารับใช้พี่ต่อไปหรือไม่"

อินทร์วิไลอ้างว่าเจ้าป้าไม่ฟังตนอยู่แล้ว ยิ่งเป็นเรื่องสำคัญอย่างนี้ด้วยยิ่งไม่ฟังแน่ เจ้าขวัญฟ้าจึงสรุปทันทีว่าตกลงว่าไม่ช่วยใช่ไหม ถ้าเช่นนั้นก็ออกไปได้เลย แต่อินทร์วิไลยังตื๊ออ้างว่าเจ้าป้าสั่งให้ตนมาดูแลเจ้าพี่ ตนต้องทำตามคำสั่ง ของเจ้าป้า

"ไม่ได้ยินที่พูดเหรอ ออกไปได้แล้ว!" เจ้าขวัญฟ้าเกรี้ยวกราดขึ้นมา อินทร์วิไลทำไขสือเห็นผ้าห่มกองอยู่ที่พื้นจึงเดินไปก้มหยิบ เกือบเห็นเท้าของสีโบที่ยืนแอบอยู่หลังม่าน เจ้าขวัญฟ้าตกใจรีบตวาด "อินทร์วิไล!" ทำให้อินทร์วิไลชะงักหันมองเจ้าขวัญฟ้า แต่ยังจะเดินไปเปิดผ้าม่านที่สีโบซ่อนอยู่ คราวนี้เจ้าขวัญฟ้าปราดเข้ากระชากตัวอินทร์วิไลออกมา ตะคอกไล่

"ออกไป ออกไปได้แล้ว แล้วก็ไม่ต้องเข้ามาในห้องนี้อีก!"

พูดแล้วลากอินทร์วิไลเหวี่ยงออกนอกห้อง ปิดประตูปัง

ooooooo

อินทร์วิไลไปร้องไห้อยู่กับเจ้าแม่ เจ้าแม่ปลอบโยนว่าเจ้าขวัญฟ้าอาจจะหงุดหงิดที่ไม่ได้ไปพบอลิสาเลยพาลใส่ คงไม่ได้คิดจะไล่อินทร์วิไลจริงจังหรอก

"เจ้าพี่ไม่ยอมให้ข้าเจ้าไปปรนนิบัติรับใช้แล้วนะเจ้า แล้ว อย่างนี้ข้าเจ้าจะทำให้เจ้าพี่ใจอ่อนยอมแต่งงานด้วยได้ยังไงเจ้า"

"ตอนนี้เราก็ต้องรอให้ขวัญฟ้าใจเย็นลงก่อน เรื่องแบบนี้เราต้องดูจังหวะให้ดี"

"ข้าเจ้ากลัวว่า ในระหว่างที่รอนี่ เจ้าพี่จะเรียกหานังเล็กๆ ในคุ้มหลวงไปรับใช้แทนข้าเจ้า"

"เจ้าไม่ต้องห่วง แม่จะสั่งห้ามนังเล็กๆทุกคนเข้ามาในคุ้มหลวงไปรับใช้ ขวัญฟ้าจะต้องทุรนทุรายเพราะคิดถึงรสเสน่หาของเจ้า ทีนี้ก็ใช้เสน่ห์ยวนใจของเจ้ามัดขวัญฟ้าให้ดิ้นไม่หลุดให้ได้"

อินทร์วิไลเขินอายแต่หัวใจเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นในมารยาของตัวเอง

ooooooo

สีโบยังออดอ้อนฉอเลาะอยากให้เจ้าขวัญฟ้าอยู่กับตนอย่างนี้ทั้งวันทั้งคืน แต่เจ้าบอกว่าเป็นไปไม่ได้เดี๋ยวใครๆจะสงสัยเพราะเจ้าเองก็มีงานต้องไปทำ

สีโบยังใช้มารยาความอ่อนหวานเลียบเคียงถามใจเจ้าขวัญฟ้าที่ให้กับอินทร์วิไล แล้วก็สะใจเมื่อรู้ว่าเจ้าจัดระดับอินทร์วิไลไว้ไม่ต่างกับตน

"อย่างนี้จันทร์แก้วค่อยโล่งใจหน่อยเจ้า จันทร์แก้วอยากให้เจ้าพี่มีแต่ความสุข ได้สมหวังในความรักที่เจ้าพี่เลือกคุณหญิงอลิสาเป็นคู่ครองเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว"

เจ้าขวัญฟ้าแปลกใจที่สีโบรู้เรื่องนี้ด้วย สีโบบอกว่าเรื่องนี้โจษจันกันไปทั่วเชียงรัฐแล้ว ทั้งยังแสดงความยินดีสนับสนุนว่า

"จันทร์แก้วยินดีกับเจ้าพี่จริงๆที่มีคู่รักที่งามสง่า มีชาติตระกูล ฐานะร่ำรวย คุณหญิงอลิสาเหมาะสมกับเจ้าพี่

ทุกอย่าง" พูดพลางโผเข้ากอดเจ้าขวัญฟ้าบีบน้ำตาพูด "จันทร์แก้วจะขอเอาใจช่วยให้เจ้าพี่ได้แต่งงานกับคุณหญิงอลิสานะเจ้า แล้วเมื่อถึงเวลานั้น จันทร์แก้วก็หวังว่าเจ้าพี่จะไม่ลืมจันทร์แก้วเมียบ่าวที่รับใช้เจ้าพี่อย่างสุดหัวใจคนนี้"

"ข้าจะไม่ลืมเจ้าแน่นอน เจ้าจะได้อยู่กับข้าไปอีกนานแสนนาน"

"จันทร์แก้ววาสนาน้อย ได้เป็นถึงเมียบ่าวก็นับว่าเป็นบุญของจันทร์แก้วแล้วเจ้า"

พลางสีโบทรุดลงกราบเท้าเจ้าขวัญฟ้า เจ้าดึงตัวสีโบขึ้นไปกอดไว้อย่างเสน่หา

ooooooo

ที่ม่อนผาหลวง เช้านี้อลิสาหยิบกระดิ่งขึ้นมาสั่น หนานมีเดินเข้ามา อลิสาไม่ทันหันดูก็ร้องถาม

"สีโบ เห็นอานนท์ไหม"

จึงรู้ว่าเป็นหนานมี ถามว่าเมื่อไรสีโบจะกลับ หนานมีเอง ก็ไม่รู้และไม่มีใครรู้เพราะสีโบไม่ได้ส่งข่าวกลับมาเลย อลิสาจึงสั่งหนานมีให้ไปตามอานนท์มา หนานมียังไม่ทันไปอานนท์ก็เข้ามา

อานนท์ถามอย่างตื่นเต้นว่า เมื่อคืนคุณพี่เจอเสือ

จริงๆหรือ เป็นเสือตัวเดิมที่เคยเจอในป่าหรือเปล่า มันกลับมาแก้แค้นคุณพี่หรือเปล่า พอถูกดุว่าเสือที่ไหนจะตามแก้แค้นคน อานนท์ก็เปลี่ยนเป็นถามว่า

"คุณโยธินไปช่วยคุณพี่ทันได้ยังไงครับ คุณโยธินเป็นคนยิงมันใช่ไหมครับ ยิงถูกมันหรือเปล่าครับ ถ้ายิงถูกมันบาดเจ็บ คืนนี้มันต้องกลับมาอีกแน่ๆ ผมจะได้ไปคอยดักดูมัน"

"นายโยธินแค่ยิงขู่มันเฉยๆ แล้วมันก็หนีไป" พอเห็นอานนท์อ้าปากจะถามต่อ อลิสาขัดขึ้นว่า "ห้ามถามอะไรอีก พี่ไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้แล้ว นี่อานนท์ ช่วยเอาแจ็กเกตนี่ไปคืนครูของเธอหน่อย"

อานนท์บอกว่าตนถูกกักบริเวณอยู่ อลิสาบอกว่าตนอนุญาตให้ออกไปได้ชั่วคราว แต่ทำธุระเสร็จให้รีบกลับมาอย่าเถลไถลไปเที่ยวเล่นที่อื่นต่อ

"ครับผม" อานนท์ดีใจรับแจ็กเกตแล้วเกิดสงสัยขึ้นมาอีกถามว่า "แล้วแจ็กเกตของคุณโยธินมาอยู่กับคุณพี่ได้ยังไงครับนี่"

"ไม่ต้องถามอะไรมาก พี่สั่งให้ทำอะไรก็รีบไปทำสิ หรือจะให้พี่ใช้คนอื่นแทนเธอ"

อานนท์วิ่งตื๋อไปทันทีกลัวอลิสาจะเปลี่ยนใจ พออานนท์

วิ่งไป อลิสาก็กลับมาวุ่นวายใจเรื่องโยธินอีก

ooooooo

โยธินจูงฟ้าลั่นเดินเล่นไปจนถึงขอนไม้ที่เจ้า ฟ้าลั่นสลัดอติศักดิ์ตกจากหลัง แล้วมันก็ไม่ยอมเดินต่อ พอดีอานนท์วิ่งมาร้องเรียก บอกว่าคุณพี่ให้เอาเสื้อแจ็กเกตมาคืน แล้วบ่นว่าเมื่อคืนตนไม่น่านอนแต่หัวค่ำเลย ไม่อย่างนั้นก็ได้เห็นโยธินปราบเสือแน่ๆ

โยธินบอกว่าตนไม่ได้เก่งกาจสามารถอะไรหรอกแค่โชคดีที่หยิบปืนไปด้วยเท่านั้น ถ้าไม่มีปืนตนก็อาจกลายเป็นอาหารของเสือไปเหมือนกัน

"ไปเจอกับเสือซึ่งๆหน้าอย่างนั้น คงน่ากลัวมากเลยใช่ไหมครับ โชคดีนะครับที่คุณโยธินไปช่วยคุณพี่อลิสาได้ทัน"

"แล้วคุณพี่ของคุณเป็นยังไงบ้างล่ะครับ" โยธินหลุดปากถาม

"ก็คงยังไม่หายกลัวมังครับ บอกว่าไม่อยากพูดถึงเรื่องเสืออีก ปกติคุณพี่เป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งจะตาย ไม่เคยกลัวอะไรง่ายๆ นี่กลัวจนเป็นลมไป แสดงว่าต้องกลัวเอามากๆ" อานนท์คุยเจื้อยแจ้ว

"ใครไม่เจอเข้ากับตัวเองก็คงไม่รู้หรอกครับว่ามันน่ากลัวแค่ไหน"

"คุณพี่อลิสาต่อให้เก่งกล้าแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องให้ผู้ชายอย่างเราคอยปกป้องอยู่ดีใช่ไหมครับคุณโยธิน" อานนท์ถาม มองหน้าโยธินอย่างเชื่อถือศรัทธา

โยธินยิ้มๆ เริ่มรู้สึกและเห็นถึงอีกแง่มุมหนึ่งที่เป็นผู้หญิงของอลิสา...

ooooooo
จู่ๆเฒ่าเหมยก็บอกโยธินว่า อติศักดิ์ให้มาเชิญเขาไปร่วมโต๊ะอาหารเย็นบนตึกใหญ่ โยธินไม่เชื่อหูตัวเอง ไม่เชื่อหูเฒ่าเหมยด้วย ถามว่าฟังผิดหรือเปล่า
เมื่อเฒ่าเหมยยืนยัน โยธินถามว่าเนื่องในโอกาสอะไร เฒ่าเหมยไม่รู้อีก รู้แต่ว่าที่ม่อนผาหลวงนี้มีธรรมเนียมปฏิบัติ ในเรื่องการรับประทานอาหารเย็นคือ ต้องแต่งตัวดีหน่อย
"ฉันก็ไม่ได้เตรียมชุดดีๆมาเสียด้วย ใครจะคิดล่ะว่า ฉันจะมีโอกาสได้ร่วมโต๊ะรับประทานอาหารกับสันตติวงศ์ ถือว่าเป็นเกียรติเหลือเกิน" พูดแล้วโยธินยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ตรงข้ามกับคำพูดสิ้นเชิง
ตกเย็น โยธินไปถึงโถงที่ตึกม่อนผาหลวง อานนท์เหมือนคอยทีอยู่แล้ว พอเห็นเขามาถึงก็ร้องอย่างดีอกดีใจ จัดแจงเจ้ากี้เจ้าการเชิญเขาไปนั่งโต๊ะ แถมยังบ่นว่า
"คุณพี่น่าจะเชิญคุณโยธินมาร่วมโต๊ะอาหารกับเรานานแล้วนะครับ ไม่น่าจะเพิ่งมานึกได้ตอนนี้ อ้อ...ถอดแจ็กเกตให้ผมเถอะครับ ทำตัวตามสบายนะครับ คิดซะว่านี่เป็นบ้านคุณโยธิน"
อติศักดิ์เดินเข้ามายิ้มขำๆกับท่าทางตื่นเต้นกุลีกุจอเจ้ากี้เจ้าการของอานนท์ พูดหยอกว่า
"แกนี่ใช้ได้ทีเดียวนะอานนท์ ทำหน้าที่เจ้าบ้านได้ คล่องแคล่ว ต้อนรับแขกได้อย่างอบอุ่นเป็นกันเอง อย่างนี้คุณโยธินคงสบายใจพอที่จะอยู่เป็นแขกของเรานานๆหน่อย" แล้วเดินไปทักโยธิน "ขอบคุณนะครับที่มาตามคำเชิญของผม ผมคิดว่าคุณจะไม่ยอมมาซะแล้ว"
โยธินพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่าตนมีสิทธิ์ปฏิเสธด้วยหรือ อติศักดิ์จึงพูดให้ผ่อนคลายว่าวันนี้เราลืมเรื่องฐานะของเขากันสักวันก็แล้วกัน พูดให้เกียรติว่า
"วันนี้ผมเชิญคุณมาในฐานะของแขกม่อนผาหลวง"
อานนท์เจ้ากี้เจ้าการอีกแล้ว ขออนุญาตพาโยธินเดินชมรอบๆ
"ก็เอาสิ คุณโยธินจะได้เห็นว่าตึกม่อนผาหลวงนั้น โอ่อ่าสวยงามขนาดไหน"
โยธินฟังอติศักดิ์บรรยายความโอ่อ่าของตึกม่อนผาหลวง แต่พอสายตาเหลือบเห็นอลิสาเดินลงมา แม้หูจะยังฟังแต่ใจ ไม่อยู่แล้ว เขามองอลิสาที่เดินลงมาในชุดสวยจนไม่วางตา
อานนท์ร้องบอกอติศักดิ์ว่าคุณพี่อลิสาลงมาแล้ว อติศักดิ์ หยุดพูดหันไปมองที่บันได เอ่ยชมว่า วันนี้น้องหญิงสวยจริงๆอานนท์ทักว่า "ดูเหมือนคุณพี่จะแต่งตัวสวยกว่าทุกวันนะครับ" ทำเอาอลิสาดุว่าพูดมากจริงๆ ทำเสียงอุบอิบว่า "พี่ก็แต่งตัวอย่างนี้ทุกวันแหละ"
"ไปที่โต๊ะอาหารกันเลยดีกว่า เชิญครับคุณโยธิน" อติศักดิ์เอ่ย
โยธินผายมือให้อลิสาไปก่อน เธอก้มหัวนิดเดียวแล้วเดินไป อติศักดิ์เดินตาม อานนท์เลยฉวยมือโยธินเดินปิดท้ายไปด้วยกัน
ooooooo
ระหว่างทานอาหาร อานนท์ชมว่าอร่อยจัง... อร่อยที่สุด ถามโยธินว่าอาหารอร่อยไหม โยธินบอกว่าอร่อย อติศักดิ์เลยขัดคออานนท์ว่า ถามแขกแขกก็ต้องตอบตามมารยาทว่าอร่อยสิ แล้วหันไปถามอลิสาว่าจริงไหมน้องหญิง
อลิสายิ้มไม่ยอมตอบ แต่อานนท์ตอบแทนโยธินว่า "ผมเชื่อว่าคุณโยธินไม่โกหกหรอกครับ คุณโยธินทราบไหมครับว่าใครเป็นคนทำอาหารมื้อนี้" พอโยธินนิ่งและอลิสาถลึงตาปราม อานนท์ให้โยธินทาย เขาทายว่าอากู๋ทำ "ไม่ใช่ครับ อาหารมื้อนี้ เป็นฝีมือของคุณพี่อลิสาครับ" อานนท์ทำท่าอวดเต็มที่
โยธินฟังแล้วทึ่งเพราะอร่อยสมราคาคุยของอานนท์
จริงๆ อานนท์ยังยุให้อลิสาเข้าครัวทำอาหารทุกวัน ไม่น่าจะทำเฉพาะมื้อพิเศษมื้อนี้มื้อเดียวเลย
อานนท์ยิ่งชมยิ่งพูดก็ทำให้อลิสายิ่งรู้สึกอึดอัดวางหน้าไม่ถูก ปรามอานนท์ว่า
"นี่ไม่ใช่มื้อพิเศษอะไร แล้วพี่ก็ไม่ได้ตั้งใจทำให้ใครเป็นพิเศษ เข้าใจเอาไว้ด้วย"
ปรามอานนท์แล้วอลิสาเร่งให้รีบกินเร็วๆ จะได้จบมื้อค่ำ เสียที อติศักดิ์ชวนว่าเดี๋ยวเราไปดื่มกาแฟต่อที่ห้องนั่งเล่นกัน พูดกับโยธินว่า
"ผมได้แผ่นเสียงใหม่ๆมาหลายแผ่นทีเดียว มีแผ่นเสียงจากอังกฤษด้วย คุณน่าจะสนใจ"
อลิสาชำเลืองมองพี่ชายอย่างไม่เห็นด้วยแต่พูดไม่ออก โยธินเห็นยิ้มอย่างรู้ทันความคิดของเธอ
ระหว่างฟังเพลง อานนท์ยังคุยจ้อชวนโยธินพรุ่งนี้มาร่วมโต๊ะอาหารเย็นกันอีก พูดอย่างมีความสุขว่า "มีคุณโยธินอยู่ด้วย ผมกินอาหารได้อร่อยขึ้นเป็นกอง"
"แกกินอาหารอร่อย แต่คุณโยธินอาจจะกินไม่อร่อยก็ได้ ผมพูดถูกไหมครับคุณโยธิน"
"ผมกินอาหารไม่รู้รสมานานแล้วล่ะครับ ทุกวันนี้ผมกินอาหารเพื่อประทังชีวิตไปเท่านั้น"
อานนท์ยังคุยจ้อชวนโยธินมาหาตนบ้าง เพราะตนยังออกไปไหนไม่ได้ทั้งเบื่อทั้งเหงา อติศักดิ์บอกว่าอีกสองสามวัน ก็พ้นโทษแล้ว แต่ตอนนี้ไปนอนได้แล้ว อานนท์ปฏิบัติตาม ทันทีอย่างว่าง่าย อติศักดิ์จึงหันมาหยิบห่อแผ่นเสียงเลือกให้ โยธินดู ถามว่าชอบฟังเพลงแนวไหน โยธินตอบอย่างไร้อารมณ์ ว่าตนฟังได้ทุกแนว ไม่ได้ชอบแนวไหนเฉพาะเจาะจง
"แต่ก็น่าจะมีเพลงที่ชอบเป็นพิเศษนะครับ เพลงที่ฟังแล้วทำให้ต้องคิดถึงใครบางคนทันทีอย่างเพลงนี้..." ว่าแล้ว อติศักดิ์ก็เปิดแผ่นเสียงเพลงบรรเลงให้ฟัง
โยธินฟังแล้วทำให้คิดถึงภิรมยามาก ส่วนอลิสาทำเป็นนั่งอ่านหนังสือเหมือนไม่สนใจ แต่แอบช้อนสายตามองเขาอยู่บ่อยๆ คอยเงี่ยหูฟังว่าเขาจะพูดอะไรหลังจากฟังเพลง เมื่อยังเงียบ อติศักดิ์ถามว่า
"ไงครับ ฟังเพลงนี้จะต้องทำให้คุณคิดถึงคู่รักของคุณแน่ คุณคงจะคิดถึงคุณภิรมยามากสินะครับ ผมนี่บาปจริงๆเลย นะครับ ที่ไปพรากคู่รักที่รักกันมากให้ต้องจากกัน"
โยธินเหลือบมองอติศักดิ์อ่านใจทะลุว่าเขาจงใจมีเจตนา เลยเอ่ยขอตัว
"ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ ขอบคุณสำหรับอาหารเย็น และขอบคุณคุณชายที่พยายามจะเป็นเจ้าบ้านที่ดี แต่ความพยายาม ของคุณชายดูจะไม่เป็นผล เพราะสุดท้ายคุณชายก็อดไม่ได้ที่จะแสดงตัวตนของตัวเองออกมา ก็นั่นแหละครับ เราเป็นศัตรูกันและคงเป็นจนวันตาย ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ราตรีสวัสดิ์ครับ"
พูดเสร็จโยธินลุกเดินออกไปทันที อติศักดิ์หัวเราะเบาๆ อย่างสมใจ ส่วนอลิสาวางหนังสือเดินไปหาพี่ชาย ถามอย่างขัดใจว่า
"พี่ชาย ทำไมไปยอมให้นายนั่นว่าพี่ชายอยู่ฝ่ายเดียวล่ะคะ พี่ชายอุตส่าห์ทำดีด้วย แต่กลับมาพูดใส่หน้าพี่ชายอย่างนี้ พี่ชายน่าจะตอกกลับให้รู้สำนึกไปเลย"
"นายโยธินก็พูดถูกนะ จะใส่หน้ากากทำดีกันไปทำไม ในเมื่อสันตติวงศ์กับอัศวรัชคงต้องเป็นศัตรูกันตลอดไป"
"น้องบอกพี่ชายแล้วว่าอย่าเชิญนายนั่นมา เห็นไหมคะ ว่านายนั่นได้ใจจนกล้าพูดจาอวดดีถึงในบ้านเรา"
"พี่เชิญเขามาเพื่อน้องหญิงนะ ตกลงว่าเราเชิญเขามา เสียเวลาเปล่าใช่ไหม"
อลิสารู้ความหมายของพี่ชาย เหลือบมองแจ็กเกตของโยธินที่ยังแขวนอยู่ บอกพี่ชายว่า
"ไม่เสียเวลาเปล่าหรอกค่ะ น้องจะจัดการเรื่องที่ค้างคาใจให้จบในวันนี้"
พูดแล้วอลิสาไปคว้าเสื้อแจ็กเกตของโยธินเดินอ้าวไป อย่างเอาเรื่อง
ooooooo
โยธินเดินออกจากตึกแล้วสะท้านลมหนาวจนต้องกอดอก นึกได้ว่าลืมแจ็กเกตไว้จึงย้อนจะกลับไปเอา แต่พอหันกลับก็เจออลิสาถือแจ็กเกตตามมาส่งให้ เขารับพลางขอบคุณแล้วจะเดินต่อ ถูกอลิสาเรียกไว้
"เดี๋ยว อย่าเพิ่งไป ฉันยังไม่ได้ขอบใจนายเลยที่ช่วยชีวิตฉันไว้ ขอบใจนะ"
"ไม่เป็นไรครับ ผมก็แค่ทำตามหน้าที่"
"ทำตามหน้าที่?" อลิสาหัวเราะเยาะถามว่า "หน้าที่ของเชลยที่ต้องคอยปกป้องเจ้านายหรือ"
"หน้าที่ของมนุษย์ที่พึงปฏิบัติต่อมนุษย์ด้วยกันครับ หน้าที่ของมนุษย์ที่ต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ผมพูดไปคุณหญิงก็คงไม่เข้าใจ เพราะคุณหญิงวางตัวเองไว้อยู่เหนือใครๆ ถ้าหากว่าไม่ได้อยู่ในฐานะเสมอกัน คุณหญิงก็คงไม่เห็นว่าเป็นมนุษย์เหมือนกัน" แม้น้ำเสียงโยธินจะราบเรียบ แต่คำพูดนั้นเชือดเฉือนเจ็บแสบนัก
"จะกล่าวหาฉันมากเกินไปแล้วนะนายโยธิน ฉันไม่เคยทำตัวเหนือใคร ไม่เคยแบ่งแยกคนโดยดูที่ฐานะ ฉันดูที่คุณงาม ความดีของคน ใครทำดีให้ฉันก็ทำดีตอบแทนเสมอ แล้วนี่นายต้องการอะไรตอบแทนล่ะที่ช่วยชีวิตฉันไว้"
"ชีวิตของคุณหญิงมีค่าเท่าไหร่ล่ะครับ"
"นายพูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง นายต้องการอะไรจากฉัน อย่าคิดนะว่าชีวิตของนายจะมีค่าเท่าชีวิตฉัน ฉันไม่ยอมให้นายฉวยโอกาสนี้หาประโยชน์ใส่ตัวเองหรอก" ครั้นโยธินย้อนถามว่าเธอคิดว่าเขาต้องการอะไรตอบแทน อลิสาก็พูดแทนใจเขาว่า "นายต้องการอิสรภาพใช่ไหมล่ะ ไม่มีทางหรอก ฉันไม่มีวันให้อิสรภาพแก่นายง่ายๆ นายยังชดใช้หนี้กรรมที่อัศวรัชก่อไว้ไม่ถึงครึ่งเลยด้วยซ้ำ"
"ผมก็คิดว่าคุณหญิงต้องตอบแบบนี้ ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมก็ไม่ต้องการอะไรตอบแทนอยู่แล้ว ผมรู้อยู่แล้วว่า สันตติวงศ์ไม่เคยมีคุณธรรมอยู่แล้ว แล้วจะรู้จักตอบแทนบุญคุณ คนได้ยังไง..."
พูดเสร็จ โยธินเดินออกไปอย่างไม่แยแส อลิสาโกรธ จนตัวชาแต่ทำอะไรเขาไม่ได้ นอกจากยืนกำมือแน่นคุมแค้นอยู่ตรงนั้น
เมื่อโยธินกลับถึงทับหน้า เขาดูตุ๊กตาไม้รูปทหารที่แกะวางไว้เรียงรายนับสิบตัวตั้งอยู่เคียงข้างรูปถ่ายของภิรมยา เขาเข้าไปนั่งที่โต๊ะ มองรูปถ่ายแล้วลงมือเขียนจดหมาย...
จดหมายที่เขียนถึงภิรมยานั้น พรรณนาความรักความคิดถึงเธอทุกลมหายใจ ติดที่ภารกิจยังไม่เสร็จสิ้น เมื่อเสร็จภารกิจเมื่อไรจะรีบกลับไปหาเธอทันที เขาเขียนลงไปอย่างกดดันว่า "แค่ปีเดียวเท่านั้นเราก็จะได้พบกันแล้ว" ครั้นอ่านทวนเขากลับตัดประโยคนี้ทิ้ง พึมพำกับตัวเองอย่างเจ็บปวดว่า
"ภิรมยา ผมอยากบอกความจริงกับคุณจริงๆ แต่ผมก็ยังไม่พร้อม..."
ในที่สุด โยธินก็เก็บกระดาษเขียนจดหมายแผ่นนั้นไว้อย่างขมขื่นใจ
ooooooo
ฝ่ายเจ้าขวัญฟ้าที่ซ่อนสีโบไว้ในห้อง สั่งคนรับใช้ให้จัดสำรับอาหารเช้ามาสองที่ทุกวัน และให้จัดเสื้อผ้าสำหรับแม่หญิงมาให้สองสามชุดด้วย คนใช้ รับคำสั่งออกไปงงๆ ในขณะที่สีโบดีใจถึงกับโผเข้ากอดเจ้าขวัญฟ้าไว้ เอ่ยอย่างตื้นตันใจว่า "เจ้าพี่กรุณาต่อจันทร์แก้วนัก"
"เจ้าดีต่อข้า แล้วจะไม่ให้ข้าตอบแทนเจ้าได้ยังไง"
ฟังเจ้าขวัญฟ้าแล้ว สีโบยิ้มอย่างมั่นใจว่า ตนเป็นต่ออินทร์วิไลอยู่หลายขุม
แต่เมื่ออินทร์วิไลรู้ว่าเจ้าขวัญฟ้าสั่งอาหารและเสื้อผ้า แม่หญิง ก็ระแวงว่าเจ้าต้องมีผู้หญิงอื่นแน่ ดังนั้นเมื่อนำคนใช้ เอาอาหารและเสื้อผ้าไปให้ตามคำสั่ง อินทร์วิไลสอดส่ายสายตามองหาไปทั่วห้องก็ไม่เจอ แต่ขณะกำลังโล่งใจอยู่นั่นเอง เสียงสีโบก็ถามขึ้นว่า
"กำลังหาใครอยู่หรือ อินทร์วิไล"
เป็นเรื่องทันที! อินทร์วิไลคาดคั้นถามว่าสีโบเข้ามาอยู่ในห้องนี้ได้อย่างไร เจ้าพี่รู้หรือไม่ สีโบตอบอย่างเป็นต่อว่า ถ้าไม่รู้เจ้าพี่จะสั่งอาหารและเสื้อผ้ามาให้หรือ อินทร์วิไลด่าสีโบว่าถูกเฉดหัวออกไปแล้วยังหน้าด้านกลับมาอีก
สีโบเถียงฉอดๆว่าตนไม่ได้ถูกเฉดหัวแต่ออกไปเอง เพราะอินทร์วิไลสอพลอแม่หลวงให้บีบบังคับจนตนทนอยู่ไม่ได้ ด่าอินทร์วิไลว่า เธอต่างหากที่หน้าด้าน หน้าด้านแย่งผัวตน
อินทร์วิไลโต้ว่าเจ้าขวัญฟ้าเป็นผัวตนต่างหาก ตอนหายไปจากคุ้มหลวงเจ้าพี่ก็ไม่เคยแม้แต่จะถามถึง เหยียดหยามว่า
"ทีนี้เจ้าคงรู้ตัวแล้วว่าเจ้าอยู่ในฐานะอะไร อย่างเจ้าเป็นได้แค่นางบำเรอเท่านั้นแหละ"
"แล้วเจ้าล่ะนังอินทร์วิไล เจ้าพี่ยกย่องเจ้าเป็นเมียรึเปล่า ได้ยินว่าเจ้าพี่นอนกกกอดเจ้าอยู่ไม่กี่คืนก็เขี่ยเจ้าทิ้งแล้วไม่ใช่รึ เจ้าก็เป็นได้แค่นางบำเรอเหมือนกับข้านั่นแหละ แต่ข้ายังเหนือชั้นกว่าเจ้า เพราะตอนนี้ข้าได้รับใช้เจ้าพี่บนเตียง ส่วนเจ้าก็รับใช้เป็นขี้ข้าไปก่อนก็แล้วกัน"
อินทร์วิไลฉุนขาดพุ่งตบสีโบ ถูกสีโบตบกลับจนหน้าหัน ทั้งคู่จิกตบกันนัวเนียด่ากันแบบไม่มีใครยอมใคร จนเจ้าขวัญฟ้าออกจากห้องน้ำมาเจอ ตวาดให้หยุดก็ไม่มีใครฟัง จึงเข้าไปกระชากอินทร์วิไลออกจากสีโบเหวี่ยงไปกองกับพื้น จ้องเขม็งด้วยความโกรธ
"เจ้าพี่..." อินทร์วิไลครางออกมาอย่างเจ็บปวดใจ ส่วนสีโบแสยะยิ้มอย่างแสนจะสะใจ!
ooooooo
เมื่ออินทร์วิไลไปฟ้องเจ้าแม่ เจ้าแม่โกรธมาก ด่าสีโบว่าบังอาจนัก เป็นแค่เมียบ่าวกล้าดีอย่างไรมาตบเมียเอกอย่างอินทร์วิไล
อินทร์วิไลบีบน้ำตาเป็นเผาเต่าคร่ำครวญว่าเจ้าพี่ให้ท้ายสีโบ อย่าว่าแต่จะมองตนเป็นเมียเอกเลย ตอนนี้เจ้าพี่ ไม่เห็นตนเป็นเมียเสียด้วยซ้ำ เพราะให้สีโบไปรับใช้แทนอย่างเต็มตัวแล้ว ฟ้องอย่างแค้นใจว่า
"ที่ร้ายกว่านั้นคือ ข้าเจ้าไม่ได้ทำงานรับใช้เจ้าพี่คนเดียว แต่ต้องทำงานรับใช้นังจันทร์แก้วด้วยสิเจ้า เจ้าป้าเจ้า ถ้าข้าเจ้า ต้องทำงานเป็นบ่าวรับใช้นางบำเรออย่างนังจันทร์แก้ว ขอข้าเจ้ากลับมาเป็นนางข้าหลวงรับใช้เจ้าป้าอย่างเดิมดีกว่าเจ้า" อินทร์วิไลโผเข้ากอดขาเจ้าแม่ร้องไห้น่าเวทนา
"ไม่ต้องร้องไห้ ยังไงเจ้าก็ยังเป็นเมียขวัญฟ้าอยู่ และอีกไม่นานเจ้าก็จะได้เป็นเมียเอก เป็นลูกสะใภ้ของแม่ เรื่องนังจันทร์แก้วให้เป็นหน้าที่ของแม่จัดการกับมันเอง แม่เคยกำจัดมันไปแล้วครั้งนึง จะกำจัดมันอีกสักครั้งมันจะยากอะไร"
เจ้าแม่พูดอย่างมั่นใจ จนอินทร์วิไลมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
ooooooo
เมื่ออินทร์วิไลออกจากห้องไปแล้ว สีโบอ้อนเจ้าขวัญฟ้าต้องลงโทษอินทร์วิไลให้ตนด้วย เจ้าดุว่าสีโบหาเรื่องใส่ตัวเอง ถ้าไม่ออกมาอินทร์วิไลจะรู้ ได้อย่างไร สีโบโกหกว่าตนพยายามหลบแต่อินทร์วิไลก็ค้นห้องจนเจอ หึงจนขึ้นสมองเข้าตบตีตน ไม่ฟังคำชี้แจงอะไรเลย แล้วโอดครวญว่าตนเจ็บไปทั้งตัวแล้ว
ทันใดนั้นเอง เจ้าแม่มาถึงเปิดประตูผลัวะเข้ามาตวาดเรียก "นังจันทร์แก้ว"
สีโบเล่นบทใหม่รีบหมอบกราบขอโทษที่มาแล้วไม่ได้ไปกราบเท้าแม่หลวง เจ้าแม่ไม่ฟังเสียงไล่ให้ไสหัวออกไปจากคุ้มหลวงเดี๋ยวนี้ เพราะหนีไปจากคุ้มหลวงกับผู้ชายทำให้ขวัญฟ้าเสื่อมเสียเกียรติ แล้วยังจะหน้าด้านกลับมาอีก ถามว่าจะออกไปดีๆหรือจะให้ยามจับโยนออกไป
สีโบโต้ว่าตนจำต้องหนีไป เพราะแม่หลวงบีบให้ต้องหนี เพื่อให้อินทร์วิไลที่เป็นหลานแม่หลวงมาแทนที่ เจ้าแม่ไม่ฟังเสียง อ้างว่าสีโบหนีไปจะมีผัวสักกี่คนแล้วก็ไม่รู้ ถ้าเจ้าขวัญฟ้ารับมาเป็นเมียอีกก็โง่เต็มทีแล้ว จิกผมสีโบขึ้นมาตบ จนสีโบ
ต้องกระถดไปเกาะขาเจ้าขวัญฟ้าไว้
เจ้าขวัญฟ้าประคองสีโบให้ยืนขึ้น พูดกับเจ้าแม่อย่างแข็งข้อว่า
"แต่ลูกจะรับจันทร์แก้วมารับใช้เหมือนเดิม"
กลายเป็นแม่ลูกโต้เถียงกันอย่างรุนแรง เจ้าแม่ไม่อนุญาต ให้สีโบอยู่ เฉดหัวออกไปเดี๋ยวนี้ เจ้าขวัญฟ้ายื่นคำขาดเช่นกันว่า ถ้าสีโบไปตนก็จะไปด้วย จะไม่อยู่ที่คุ้มหลวงนี่อีกต่อไปแล้ว
เจ้าแม่อึ้งตะลึงงัน คิดไม่ถึงว่าเจ้าขวัญฟ้าจะกล้าแข็งข้อ ถึงขนาดนี้
ooooooo
เมื่อเจ้าแม่กับเจ้าขวัญฟ้ามีปัญหาต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน จึงร้อนถึงเจ้าพ่อต้องมาจัดการ เจ้าพ่อถามเจ้าขวัญฟ้าว่าตัดสินใจแน่แล้วหรือ เจ้าขวัญฟ้ายืนยันหนักแน่นคำเดิม เจ้าพ่อจึงหันถามเจ้าแม่ว่าจะไม่ยอมอ่อนข้อให้ลูกเลยหรือ
"ถ้าเป็นเรื่องอื่นข้าเจ้าก็คงจะพอยอมหลับหูหลับตาตามใจลูก แต่เรื่องนี้มันผิดธรรมเนียมประเพณี ผู้หญิงคนไหน ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมียเจ้าเมียนาย ไม่มีสิทธิ์ออกจากคุ้มหลวงโดยไม่ได้รับอนุญาต ใครที่ก้าวออกไปแล้วก็ถือว่าเป็นผู้หญิงที่ด่างพร้อยมีมลทิน จะกลับมาอยู่ในคุ้มหลวงไม่ได้เป็นอันขาด" เจ้าแม่ยืนกราน
แม่ลูกยังตอบโต้กันอย่างรุนแรง เจ้าขวัญฟ้าเชื่อว่าสีโบไม่ได้ทำอะไรด่างพร้อย เจ้าแม่พาลกระแชงว่าเจ้าขวัญฟ้า ไม่เห็นความดีของแม่ ยอมผิดธรรมเนียมเพราะผู้หญิงไพร่
คนเดียว ถ้าอยากได้ผู้หญิงมาบำรุงบำเรอมากนักก็จะจัดให้ "แต่ต้องไม่ใช่นังจันทร์แก้ว"
แต่เจ้าขวัญฟ้ายืนกระต่ายขาเดียวว่าต้องการจันทร์แก้วคนเดียว ถ้าผิดธรรมเนียมประเพณีนักก็จะพาจันทร์แก้วไปอยู่ที่อื่นกัน เจ้าแม่จะได้สบายใจ
แม่ลูกเถียงกันจนเจ้าพ่อต้องหย่าศึก ตัดสินให้สีโบอยู่รับใช้เจ้าขวัญฟ้าต่อไป เจ้าแม่รับไม่ได้แต่ถูกเจ้าพ่อตัดบทว่า
"เจ้าก็อย่าเคร่งครัดกับธรรมเนียมประเพณีนักเลย เรื่องไหนที่ผ่อนปรนได้ก็ควรจะผ่อนปรน เดี๋ยวเรื่องเล็กก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่"
เจ้าแม่มีเงื่อนไขใหม่ว่า ถ้าเช่นนั้นก็ต้องให้อินทร์วิไลกลับไปรับใช้ตามเดิม เจ้าขวัญฟ้าไม่ยอม แต่ถ้าตนต้องการเมื่อไรก็จะเรียกใช้เอง
"ไม่ได้! แม่ต้องการให้อินทร์วิไลคอยรับใช้ลูกอีกคน" เจ้าแม่ยื่นคำขาด
เจ้าพ่อตัดสินว่าถ้าอย่างนี้ก็แบ่งกันคนละวันก็แล้วกัน เจ้าแม่แย้งอีกว่าอินทร์วิไลมีฐานะเหนือกว่าจันทร์แก้ว
"คำตัดสินของข้าถือเป็นคำขาด เป็นอันว่ายุติเรื่องนี้ ได้แล้ว" เจ้าพ่อตัดบท
เจ้าแม่ต้องเงียบ เจ้าขวัญฟ้าก็พอใจ แต่อินทร์วิไลกับสีโบยังจิกจ้องกันอย่างไม่ยอมแพ้
ooooooo
ที่ม่อนผาหลวง โยธินปลอบขวัญใกล้ชิดเจ้าฟ้าลั่น จนมันสยบ เขาบอกหนานเมืองว่าคิดว่าเจ้าฟ้าลั่นพร้อมแล้ววันนี้จะเอาไปทดลองขี่ดู พลางลูบหัวเจ้าฟ้าลั่น เบาๆ บอกมันว่า
"พร้อมแล้วนะ ฉันจะขึ้นขี่เจ้าล่ะ"
โยธินขึ้นหลังม้าแล้วค่อยๆบังคับให้เดินออกไปช้าๆ หนานเมืองมองลุ้นกลัวเขาจะถูกสะบัดตกลงมาอีก ครู่หนึ่ง เจ้าฟ้าลั่นค่อยๆย่างเหยาะๆ แล้วเร็วขึ้น...เร็วขึ้น จนเป็นวิ่งออกไป
ครู่หนึ่งอานนท์ก็วิ่งโร่มาที่คอกม้า ร้องเรียกโยธินมาแต่ไกล อลิสากับอติศักดิ์เดินตามมา
"เจ้านี่พอพ้นโทษไม่ต้องถูกกักบริเวณแล้ว ก็บินปร๋อเหมือนปล่อยนกออกจากกรงเลยทีเดียว" อติศักดิ์มองอานนท์ขำๆ
เมื่อวิ่งไปถึงคอกม้า รู้จากคนงานว่าโยธินพาเจ้าฟ้าลั่น
ออกไป อติศักดิ์คาดว่าคงพาออกเดิน แต่คนงานบอกว่าโยธินจะลองขี่เจ้าฟ้าลั่นดู อลิสาฟังแล้วยิ้มเยาะว่าวันนี้เราจะได้ดูคนเก่งตกม้ากันอีกแล้ว แต่อานนท์เชื่อว่าโยธินปราบเจ้าฟ้าลั่นได้แน่ ไม่เชื่อคอยดูกัน
"เจ้าอานนท์นี่เชื่อมั่นในตัวครูของมันเหลือเกิน"
อติศักดิ์มองอานนท์ขำๆ
"เดี๋ยวอานนท์ก็จะได้เห็นกับตาว่านายโยธินไม่ได้เก่งวิเศษวิโสมาจากไหน น้องหวังแต่ว่าคราวนี้คงไม่ตกม้าจนแข้งขาหักให้เราต้องเดือดร้อนไปด้วยก็แล้วกัน" อลิสายังเหยียดเย้ยตามเคย
แต่ความจริงก็ทำให้อลิสาต้องทึ่ง เมื่อโยธินปราบเจ้าฟ้าลั่นได้จริงๆ เขาขี่มันรอบๆเนินแล้วพาย่างเหยาะกลับมา
"คุณโยธินทำได้แล้ว คุณโยธินปราบเจ้าฟ้าลั่นได้ราบคาบแล้ว" อานนท์กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ ส่วนหนานเมืองก็ชมอย่างยอมรับฝีมือว่าเก่งมากจริงๆ ตนเคยคิดว่าตัวเองเก่งเรื่องม้าที่สุดแล้ว แต่เมื่อเทียบกับโยธินตนเทียบไม่ติดเลย
เมื่อโยธินกลับมาถึง อติศักดิ์เข้าไปแสดงความยินดีที่ปราบเจ้าฟ้าลั่นได้ ชมว่าเขาเก่งจริงๆ ถามว่ามีอะไรที่เขาทำไม่ได้บ้างไหม อานนท์ชิงตอบว่าไม่มี โยธินทำได้ทุกอย่าง โยธินเก่งที่สุดในโลก
อลิสานิ่งเงียบไปนาน ถามขึ้นว่าอย่างนี้พี่ชายก็ขี่เจ้าฟ้าลั่นได้แล้วใช่ไหม พอโยธินบอกว่ายังไม่ได้ อลิสาก็สรุปทันทีว่าแสดงว่าเขายังปราบเจ้าฟ้าลั่นไม่ได้จริง ถ้าพี่ชายยังขี่ไม่ได้ก็ถือว่าเขายังทำงานไม่สำเร็จ
"ถ้าคุณชายอยากจะขี่เจ้าฟ้าลั่น คุณชายก็ต้องแสดงให้มันเห็นว่า คุณชายเป็นเพื่อนกับมันก่อน ให้มันแน่ใจว่า คุณชายจะไม่ปฏิบัติกับมันเหมือนมันเป็นแค่ทาสรับใช้เหมือนอย่างที่แล้วๆมา"
อลิสาขัดขึ้นว่าพูดอะไรไร้สาระ แต่อติศักดิ์บอกน้องว่า ให้ฟังเขาดูก่อน โยธินจึงพูดต่อ
"ม้ามันก็มีชีวิตจิตใจเหมือนคนนะครับ มันรับรู้ถึงความรู้สึกของเราได้ เจ้าฟ้าลั่นเริ่มพยศหลังจากที่ทำให้คุณชายตกม้า คุณชายจำได้ไหมครับว่า คุณชายทิ้งมันไว้ที่เนินเขา ไม่ได้สนใจไยดีมันเลย จากนั้นมันก็จะอาละวาดทุกครั้งที่คุณชายเข้าใกล้ มันไม่เชื่อใจคุณชายอีกต่อไป มันไม่รู้ว่า เมื่อไหร่คุณชายจะทิ้งมันอีก"
"แล้วผมจะต้องทำยังไง" อติศักดิ์ถามหลังจากอึ้งไปอึดใจ
"คุณชายก็ต้องทำให้มันเชื่อใจคุณชายอีกครั้ง ให้มันเชื่อว่า คุณชายเป็นเจ้าของที่รักและเอาใจใส่มัน ไม่ใช่เป็นแค่เจ้านายที่คอยแต่ใช้งานมัน คุณชายลองจูงมันออกไปเดินสักพักก่อนแล้วค่อยขี่มัน"
ฟังโยธินแนะนำ แล้วอติศักดิ์จูงเจ้าฟ้าลั่นออกไป อานนท์ กระโดดวิ่งตาม พูดเจื้อยแจ้วไปตลอดทางว่า "คุณพี่ต้องคุยกับมันด้วยนะครับ แล้วก็ต้องลูบหัว ลูบคอมัน ผมรู้ครับว่าต้องทำยังไง ผมเคยเห็นคุณโยธินทำ พูดกับมันสิครับคุณพี่"
อติศักดิ์จูงเจ้าฟ้าลั่นไปได้พักหนึ่งก็ทำตามที่อานนท์ บอก ครู่หนึ่งเขาก็สามารถขึ้นขี่มันได้ อานนท์ร้องเชียร์ด้วยความดีใจ หันมายกแม่โป้ให้โยธิน เขายิ้มให้อานนท์ ส่วนอลิสายังทำตีหน้าเฉยอยู่
ooooooo
อลิสาหาเรื่องตำหนิโยธินจนได้ว่าไม่สมควรพูดจาสั่งสอนพี่ชายตนอย่างนั้น ทีหลังจะพูดจาอะไรก็ให้รู้จักคิดเสียบ้าง ครั้นโยธินโต้ว่าดูเหมือนพี่ชายเธอจะไม่มีปัญหาอะไรกับคำพูดของตน อลิสาก็อ้างว่าเพราะพี่ชายใจดีเกินไป เขาอยู่ในฐานะเชลยของม่อน-ผาหลวงก็ควรทำตัวให้เหมาะสมกับฐานะ
"คุณหญิงก็ควรทำตัวให้เหมาะสมกับฐานะของตัวเองเหมือนกันนะครับ" โยธินสวนไปบ้าง
"พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง นายโยธิน!" อลิสาจิกเรียกชื่อเขา
"ทีหลัง ถ้าคุณหญิงมีธุระอะไรกับผมก็ควรจะสั่งให้คนมาตามผมไปพบ ไม่ควรลดตัวมาหาผมด้วยตัวเอง มันดูไม่งามนะครับ คุณหญิงยังทำตัวให้สมกับเป็นนายหญิงของม่อนผาหลวงไม่ได้เลย แล้วผมจะทำตัวเป็นเชลยที่ดีได้ยังไงล่ะครับ"
พูดเสร็จ โยธินโค้งให้นิดหนึ่งก่อนเดินผละไป ทิ้งให้อลิสาโกรธแทบตายอีกครั้ง
ซ้ำร้าย เมื่อเข้ามาที่ห้องนั่งเล่น เจ้านกแก้วในกรงยังส่งเสียงเจื้อยแจ้วว่า
"คุณโยธินเก่งจริงๆ คุณโยธินเก่งที่สุด"
อลิสาพาลโกรธนกแก้ว ปรามว่าสักวันจะทำให้นายแกพูดไม่ออกเลยทีเดียว อติศักดิ์เข้ามาได้ยินพอดีถามว่าอารมณ์เสียเรื่องอะไรอีกหรือ เธอฟ้องพี่ชายว่า
"นายโยธินพูดจาอวดดีเหมือนเคยน่ะสิคะ พอปราบเจ้าฟ้าลั่นได้หน่อยก็ลำพองใจ พอน้องตักเตือนให้รู้สำนึกว่าตัวเองยังมีฐานะเชลยของเราอยู่ เขาก็กลับพูดจายอกย้อนกวนโมโห น่าเอาแส้ฟาดปากนัก"
อติศักดิ์เห็นน้องสาวดุดันก็หัวเราะถามว่ารุนแรงเกินไปหรือเปล่า ติงๆว่าน้องไม่เคยเป็นคนที่โมโหร้ายอย่างนี้เลยนี่ อลิสาแก้เกี้ยวว่าเพราะโยธินไม่ยำเกรงตนเลยสักนิด
"แล้วน้องจะไปเต้นตามคำพูดของเขาทำไมล่ะ ถ้าสิ่งที่เขาพูดมันไม่จริง ก็ไม่ต้องไปฟัง หมู่นี้อารมณ์น้องขึ้นลงได้ง่ายเหลือเกิน น้องดูจะเปลี่ยนๆไปนะ ไม่ค่อยเหมือนน้องหญิง คนเดิมของพี่"
"น้องไม่ได้เปลี่ยนไปสักหน่อย น้องก็เป็นของน้องอย่างนี้แหละค่ะ พี่ชายคิดมากไปเองมากกว่า"
พูดแก้เกี้ยวกับพี่ชายไปอย่างนั้น แต่อลิสาเองคิดแล้วก็รู้สึกเหมือนกันว่าโยธินทำให้ตนเปลี่ยนไป
ooooooo
คืนนี้อติศักดิ์ก็มีเรื่องให้ต้องเสียหน้าอีก เมื่อเจออานนท์กำลังจะแอบหนีไปที่ลานหน้าบ้านพักคนงานที่กำลังมีการกินเลี้ยงบันเทิงกันอยู่ อานนท์บอกว่าเป็นงานเลี้ยงฉลองที่โยธินปราบเจ้าฟ้าลั่นได้ อติศักดิ์จึงไปด้วย
งานบันเทิงเงียบกริบไปหมดเมื่ออติศักดิ์ปรากฏตัว จนเขาต้องบอกว่าให้ทำตัวตามสบายไม่ต้องเกรงใจ บรรดาคนงานจึงกินดื่มเล่นเพลงกันต่อ
บรรดาคนงานพากันชื่นชมฝีมือขว้างมีดของโยธินที่ผ่านไปเมื่อครู่ว่าเยี่ยมจริงๆ อติศักดิ์เสนอว่าตนอยากลองบ้าง โยธินนิ่งไปอย่างไม่อยากแข่งด้วย แต่ในที่สุดก็ต้องทำตามความ ต้องการของอติศักดิ์
ครั้งแรกอติศักดิ์ขว้างมีดเกือบตรงกลางเป้า แต่โยธินขว้างไปปักใจกลางเป้าอย่างแม่นยำ แต่พอขว้างครั้งที่สอง อติศักดิ์ขว้างเข้ากลางเป้า แต่โยธินกลับขว้างไม่ตรงเป้า อติศักดิ์ รู้ว่าโยธินแกล้งผ่อนให้ จงใจทำเป็นแพ้ เขาพูดอย่างไม่พอใจว่า
"วันนี้พอแค่นี้ก่อน คุณโยธินคงเหนื่อยแล้ว เอาไว้ให้ คุณโยธินพร้อมกว่านี้เมื่อไหร่ค่อยแข่งกันใหม่" พูดแล้วมองโยธินอย่างรู้ทัน ก่อนหันไปชวนอานนท์กลับ แต่ขณะผ่านโยธินอติศักดิ์พูดเบาๆว่า "วันหลังอย่าดูถูกผมอย่างนี้อีก"
ooooooo
ส่วนที่เชียงรัฐ หลังจากเจ้าพ่อตัดสินให้สีโบกับอินทร์วิไลแบ่งวันรับใช้เจ้าขวัญฟ้ากันแล้ว ทั้งคู่ยังมีเรื่องตบตีแย่งชิงเวลากันอีกจนได้
เรื่องถึงเจ้าแม่ ทั้งคู่ไปเถียงกันต่อหน้าเจ้าแม่ ต่างอ้างว่าวันนี้เป็นเวรของตน สีโบท้าว่าถ้าอย่างนั้นไปถามเจ้าขวัญฟ้าดู แล้วลุกพรวดไป เจ้าแม่บอกให้อินทร์วิไลรีบตามไป
ปรากฏว่าทั้งสองไปเถียงกันต่อหน้าเจ้าขวัญฟ้าอีก เลยถูกเจ้าไล่ตะเพิดให้ออกไปทั้งสองคน แล้วหยิบรูปถ่ายของอลิสามาดูด้วยความรักห่วงหาอย่างที่สุด ไม่มีหญิงใดจะทำให้ เจ้ารักได้มากเท่าอีกแล้ว...
ooooooo
และแล้วเวลาที่อติศักดิ์ต้องเดินทางกลับกรุงเทพฯก็มาถึง เขาบอกกับโยธินว่า เห็นขยันทำงานอย่างนี้ก็เบาใจว่าคงฝากให้ดูแลม่อนผาหลวงขณะตนไม่อยู่ได้
"ผมอาจจะช่วยดูแลม่อนผาหลวงให้ได้ แต่ถ้าดูแลคนในม่อนผาหลวง ผมคงรับปากไม่ได้ คนที่เป็นศัตรูกันแค่อยู่ใกล้กันนาทีเดียวก็รู้สึกว่าเวลามันช่างยาวนานเหลือจะทน จะให้มาปกป้องดูแลคงเป็นไปไม่ได้"
"ถ้าคุณหมายถึงน้องหญิง เธอไม่ต้องให้ใครดูแล เธอดูแลตัวเองได้ ผมขอฝากเจ้าอานนท์ไว้ก็แล้วกัน ผมจะกลับกรุงเทพฯวันสองวันนี้ ระหว่างที่ผมไม่อยู่ คุณก็ช่วยดูแลมันแทนผมหน่อย มีอะไรก็ปรามๆมันได้...แล้วนี่คุณมีอะไรจะฝากถึงคุณพ่อคุณหรือคุณภิรมยาคู่รักของคุณหรือเปล่า"
"ผมขอคิดดูก่อน" โยธินไม่แสดงความกระตือรือร้นอะไรให้อติศักดิ์ดูแคลนได้
จนวันรุ่งขึ้นอติศักดิ์จะออกเดินทาง โยธินจึงฝากจดหมายถึงพ่อฉบับหนึ่ง อติศักดิ์ถามว่าไม่มีถึงคนรักหรือ โยธินไม่ตอบ
ส่งอติศักดิ์ขึ้นรถแล้ว อลิสาแยกเดินเข้าตึกไปเงียบๆส่วนโยธินแยกไปทำงานตามหน้าที่ของตน
ในยามที่พี่ชายไม่อยู่เช่นนี้ อลิสาเงียบเหงาทำให้คิดถึงเจ้าขวัญฟ้า ลงมือปักผ้าเช็ดหน้าอักษรย่อเคซี หมายถึงเจ้าขวัญฟ้า และเชียงรัฐ จนอานนท์ทักว่า
"คุณพี่ต้องคิดถึงเจ้าขวัญฟ้ามากแน่ๆ ไม่งั้นคงไม่ปักผ้าไปตาลอยไป คนที่มีคู่รักนี่เขาเป็นเหมือนคุณพี่ทุกคนหรือเปล่าครับ"
อลิสามองหน้าอานนท์ดุๆแล้วก้มหน้าปักผ้าเช็ดหน้าต่อ
ส่วนโยธินใช้เวลาว่างแกะสลักตุ๊กตาทหารไว้มากมายจนเฒ่าเหมยถามว่าแกะไว้ให้คนรักหรือ เสนอให้แกะอย่างอื่นบ้างก็ได้ เดี๋ยวจะหากล่องมาให้ โยธินบอกว่าไม่ต้องเพราะอยากให้ด้วยมือของตัวเอง เฒ่าเหมยเลยอาสาจะไปหาไม้มาให้อีก
พอเฒ่าเหมยออกไป โยธินนั่งดูตุ๊กตาไม้ที่วางเรียงรายเกือบร้อยตัว พึมพำ...
"แล้วคุณจะได้เห็นว่า ผมคิดถึงคุณมากขนาดไหน
ภิรมยา..."
ooooooo

จบตอนที่ 9
เครดิต ไทยรัฐ




 

Create Date : 29 มกราคม 2553
0 comments
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2553 15:31:32 น.
Counter : 371 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 

Heavenworth
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมค่ะ
[Add Heavenworth's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com