วันนี้ครบรอบ 1 ปี ที่ถอยเจ้า Trek 4300 มาปั่นออกกำลัง
เก็บมาได้ 5,187 ก.ม. ถือว่าโอเค
เนื่องเพราะ 4 เดือนแรก ปั่นเกือบทุกวัน
8 เดือนต่อมา ปั่นวันเว้นวันสลับกับเจ้า Gary Wahoo (ตัวนี้
เก็บมา 3 พันกว่า ก.ม.แล้ว)
เนื่องจากเป็นการปั่นออกกำลังกาย
ไม่ได้คิดจะแข่งกับใคร นอกจากแข่งกับตัวเอง
จึงเน้นที่การปั่นคนเดียวเป็นสำคัญ
ปั่นบนถนนเรียบ แห้ง หลีกเลี่ยงเส้นทางวิบาก
เส้นทางที่ไม่ปกติทั้งปวง ทางน้ำก็ไม่เอา
ฝนตกก็ไม่ปั่น แต่ก็ไม่ว่า พานพบบ้างเป็นบางครั้ง
ผลที่ได้รับ
1. สุขภาพร่างกายดีขึ้น หน้าตาอิ่มเอิบ แต่น้ำหนักหายไป 3 ก.ก. ความดันโลหิตจากที่เคยเป็น 130-135/75-80 เหลือ 120-125/70-75 ไขมันในเส้นเลือดต่ำกว่า 200 จาก 200 กว่า หัวใจเต้นต่ำกว่า 60 จากที่ไม่เคยต่ำกว่านี้ ถือได้ว่าเนี้ยบ แม้ว่าจะต้องกินยาอยู่ด้วย แต่ก็ไม่นับเป็นเรื่องใหญ่ เพราะอย่างน้อยยังดื่มไฮเนเก้น อาทิตย์ละ 2 - 3 ขวด
2. ส่วนเจ้า Trek นี่ ตั้งแต่ถอยมา ไม่เคยไปอัพอะไรทั้งนั้น ใช้ของเดิมหมด
เปลี่ยนยางในไป 1 เส้น ปะยางไป 2 ครั้ง ถอดบันไดมาอัดจารบีเพราะวันหนึ่งปั่นแล้วเจอะฝนหนัก ขนาดน้ำท่วมต้องจูงลุยน้ำกลับบ้าน ไม่เคยล้างรถด้วยประการใด ๆ เช็ดอย่างเดียว
ส่วนเรื่องของโซ่ที่บรรดาเกจิแนะนำว่าให้
เปลี่ยนทุก 2 - 3 พันก.ม. หรือวัดเอาเองว่าโซ่ยืดหรือยังนั้น ลองวัดดูแล้วมันยืดมานิดนึง ปั่นไปถามร้านจักรยาน 2 ร้าน ตาช่างบอกว่า ใช้ได้ ใช้ไปเถอะ
เอาก็เอา ไม่เปลี่ยน อ้อ ไม่เคยล้างโซ่ แค่เอากระดาษหนังสือพิมพ์/กระดาษทิชชู่เช็ดเอา แล้วเอาน้ำมันจักรบ้าง น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ที่เหลือใช้มาลูบไล้ให้ทั่ว ก็โอเคแล้ว
3. การขับเคลื่อนทุกอย่างเป็นปกติ การลงเกียร์ยังเนี้ยบ ไม่สะดุด แต่ที่จริงแล้ว ใช้จานใหญ่ที่ 2 เฟืองหลังที่ 5 เป็นหลัก แทบไม่ได้เปลี่ยนเลย มันเลยโอเค (มั้ง)
4. สรุป ลบคำสบประมาทนิด ๆ ที่ใครๆเขาเชื่อว่า ไม่มีปัญญาปั่นครบปีหรอก
เดี๋ยวเบื่อก็เลิก ยัง ยังไม่เลิก ยังมันส์อยู่ อย่างน้อยดีต่อสุขภาพตัวเองอย่างมากเลย Trek ตัวนี้ถือได้ว่าคุ้มค่ามากๆ ปั่นสนุก ไม่มีปัญหาจุกจิกกวนใจ ไม่ต้องไปหาเรื่องอัพอะไรต่ออะไร ถ้าจะอัพ คิดว่า หาคันใหม่เลยดีกว่า
Free TextEditor