--[2 วัน 1 คืน ที่ กาญจนบุรี... ]--
เมื่อวันเสาร์ อาทิตย์ ที่ผ่านมา เกิดความฟุ้งซ่าน ไม่อยากอยู่กับที่เลยหาวิธีออกไปแรด
โดยส่วนตัวแล้ว สถานที่ ๆ ผมจะออกไปแรดเป็นประจำก็จะเป็นห้างฟิวเจอร์รังสิต หรือไม่ ก็โรงหนัง
แต่คราวนี้ ทั้ง 2 ที่ ไม่มีเสน่ห์ดึงดูดผมเลยแม้แต่น้อย!!!
หลังจากเดินเป็นหนูติดจั่นอยู่บนห้องตัวเองตั้งแต่เช้า ตัดสินใจได้ว่า "ฉันจะไปเที่ยวต่างจังหวัด!!!"
ปัญหาอยู่ที่ว่า แล้วจะไปที่ไหนดี เพราะชีวิตนี้ได้ออกไปเที่ยวต่างจังหวัดน้อยมาก ๆ และส่วนมากก็จะไปกับเพื่อน ๆ หรือไม่ก็บริษัท ที่เค้าจะมีรถส่วนตัวพาเที่ยวกัน
ไอ้ตัวกระผมเอง ไม่มีรถ!!!
การที่จะให้ไปเสี่ยงตายโบกรถเอาข้างหน้าอย่างไม่มีแผนการณ์นั้น มันก็ไม่ใช่เรื่อง เพราะไม่ได้มีเวลามากมายขนาดนั้น
คิดไปคิดมาก็คิดถึง จังหวัด กาญจนบุรี!!!
จังหวัดที่เป็นอดีตสำหรับผม เนื่องจาก แม่ผมเป็นคนเมืองกาญจน์ เอ่อ... จริง ๆ แล้วไม่เกี่ยวอะไรหรอกครับ ผมก็พูดไปงั้นแหล่ะ
แต่มันเป็นที่ ๆ ผมเคยออกท่องเที่ยวไปด้วยลำแข้งของตัวเอง เมื่อสมัยยังวัยรุ่น และพอจะคุ้นเคยกับสถานที่อยู่พอสมควร ประกอบทั้ง ตัวเมืองกาญจนบุรีเอง เอื้อเฟื้อต่อการท่องเที่ยว เพราะมีลักษณะเป็น 4 เหลี่ยม ไม่ว่าจะออกไปทางไหน ผมก็สามารถหาทางกลับได้ถูก
นั่น ทำให้ผมแพ็คของใส่กระเป๋า และ สิ่งที่จะลืมไม่ได้เลยก็คือ กล้อง!!! เพราะผมตั้งใจจะไปถ่ายรูปด้วย
ออกจากบ้านตั้งแต่ 8 โมงเช้า กว่าจะมาถึง สายใต้ ก็ปาเข้าไปเกือบ ๆ 11 โมง
พระเจ้า !!!! ระยะทางแค่นี้ ใช้เวลาเดินทางเกือบ ๆ 3 ชั่วโมงเต็ม ๆ
ด้วยความที่ไม่ค่อยได้ไปเท่าไหร่ กับสถานีขนส่งสายใต้ใหม่ ทำให้ผมเดินเป็นกระเหรี่ยง หาช่องขายตั๋ว รถไปเมืองกาญจน์
เดินหาอยู่ตั้งนานกว่าจะเจอ!!!!!
ได้ตั๋วมาในราคา 99 บาท เป็นรถ ปอ.1 ปรับอากาศ
ออกจากสายใต้ เวลา 11.00 น. มาถึง สถานีขนส่งกาญจนบุรี เวลา 13.00 น.
ใช้เวลา 2 ชั่วโมงในการเดินทาง!!!!!
น่าแปลกใจที่ การเดินทางไปต่างจังหวัด ใช้เวลาน้อยกว่าการเดินทางในกรุงเทพ ทั้ง ๆ ที่ระยะทางมากกว่ากันตั้งหลายเท่า
และ ในที่สุดผมก็มาถึงจนได้ สวัสดี "กาญจนบุรี"
ลงรถมาก็ตรงไปที่เค้าจอดรถ 2 แถวสีส้ม ๆ ด้วยจำได้ว่าคราวที่แล้ว ผมก็ให้รถพวกนี้ พาไปส่งบังกะโลต่าง ๆ และ บังกะโล ที่ผมเลือกคราวนี้ ก็เป็นที่เดียวกับ คราวที่แล้ว นั่นก็คือ บังกะโล SAM's HOUSE
ทางเข้าบังกะโล ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ และนี่เป็นสิ่งหนึ่งที่ผมชอบ และเลือกพักที่นี่
ริมทางเข้า มีต้นไม้กำลังออกดอกอยู่ต้นหนึ่ง ก็แวะชักภาพซะหน่อย
เข้ามาถึงก็จะพบกับพนักงานต้อนรับขนปุยอยู่ 1 ฝูงใหญ่ ตัวเล็ก ๆ น่ารักจริง ๆ ท่าทางรู้ภาษา แต่ผมไม่กล้าจับ เพราะกลัวมันกัด T_T
พนักงานต้อนรับสาวสวย ชื่อ มุกดา ตาแป๋วแหววมาก!!!
ถัดจากพนักงานต้อนรับฝูงนั้นมา ก็พบกับความร่มรื่นยกกำลังสอง ก่อนถึงเค้าท์เตอร์
หน้าเค้าเตอร์รับแขก ก็เจอเข้ากับพนักงานต้อนรับที่นอนรอแขกอยู่อีก 2 ตัว
เมื่อเช็คอินเรียบร้อยแล้ว ผมก็เริ่มต้นถ่ายรูปก่อนเลย ก่อนเข้าห้องพัก เพราะแหม มันสวยจริง ๆ ภาพนี้ผมถ่ายจากมุมบนตรงเค้าเต้อร์ประชาสัมพันธ์ ส่วนห้องพักผม อยู่ทางขวาครับ
นี่ไง หน้าตาของห้องพัก ราคา 450 บาท / คืน มีแต่ห้อง พร้อมเตียงคู่ + แอร์ 1 ตัว แค่นั้นครับ ถ้าใครสนใจจะไปพัก ก็ต้องเตรียมอย่างอื่น ๆ ไปเอง เช่น สบู่ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ผ้าเช็ดตัว กระติกน้ำ
เมื่อเอาของเข้าไปเก็บในห้องเรียบร้อยแล้วเดินออกมาภายนอก ก็พบเข้ากับเพื่อน ๆ ฝูงหนึ่งที่กำลังเล็มหญ้าอยู่
นี่เป็นโมบายที่ติดอยู่บนชั้นลอย สำหรับชมวิว!!
มองจากมุมนั้น จะเห็นภูเขาอยู่ลิบ ๆ
เรือหางยาวนำเที่ยว น่านั่งจริง ๆ บรรยากาศแบบนี้นะ
หลังจากถ่ายสภาพแวดล้อมในบังกะโลเรียบร้อย ก็ถึงเวลาออกไปแรดข้างนอกแล้วล่ะ และแน่นอน ผมคงไม่เดินไปแน่ ๆ ต้องหาพาหนะทุ่นแรง ในราคา คันละ 50 บาท / วัน
"จักรยานเสือภูเขา"
คันนี้แหล่ะครับ เหมาะกับคนขายาว ๆ อย่างผมดี
มีพาหนะแล้ว กล้องพร้อม คนพร้อม ก็ไปกันเลย กับที่แรกประตูเมืองเก่าครับ
เมื่อกี๊ผมถ่ายข้างหลัง นี่เป็นด้านหน้าครับ
สถานที่ต่อไปจากการสุ่มปั่นจักรยานไปเรื่อย ๆ ก็คือ สุสานทหารพันธมิตร!!!
อีกมุมนึง แสดงถึงบรรยากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนได้เป็นอย่างดี ก็ดีไปอย่าง ไม่ร้อน แต่ข้อเสียก็คือ ภาพไม่ชัดเพราะใช้กล้องปัญญาอ่อน ที่อ่อน พอ ๆ กับคนถ่าย T_T
สภาพภายใน กับ ภาพที่พวกเราคงเคยเห็นกันบ่อย ๆ เพราะใครไปใครมา ก็ต้องถ่ายรูปตรงนี้ไว้
ต้นไม้ที่ให้ร่มเงาแก่ร่างผู้เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 2
อีกมุมหนึ่งของสุสาน
ออกจากสุสานทหารพันธมิตรแล้ว เป้าหมายต่อไปก็คือ "สะพานข้ามแม่น้ำแคว"
คนเยอะมาก ๆ เดินกันแทบตกสะพานตาย
เดินมาถ่ายอีกด้านหนึ่ง
ไม่รู้ว่าแค่น๊อตตรงนี้ ต้องแลกกับชีวิตของทหารไปเท่าไหร่ T_T
เหล็ก ต้นไม้ และ ภูเขา....... ความแตกต่างที่ลงตัว
แม่น้ำแคว ฝั่งซ้าย!!!
แม่น้ำแควฝั่งขวา!!!!
นี่เป็นอีกอาชีพหนึ่งที่หาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องคนบริเวณนั้น "เรือหางยาวนำเที่ยว"
เดินไป ๆ ก็พบกับความมักง่ายของคน ทิ้งขยะเรี่ยราด
ก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรงอะไรนักที่จะหยิบใส่กระเป๋าเอาไปทิ้ง
มุมนี้ผมต้องยื่นมือออกไปนอกตัวสะพานด้วยความเสียวกล้องจะหล่นจริง ๆ แต่ผมชอบรูปนี้ที่สุด!!
เดินลงมาถ่ายจากมุมด้านล่างดูความยิ่งใหญ่ฝีมือมนุษย์
อีกมุมหนึ่ง
ถ่าย ๆ ไป เจอเข้ากับรถไฟขบวนเล็ก บรึ๋ยยยยย
เอามาเทียบกับ หัวรถจักรไอน้ำขบวนใหญ่ที่จอดไว้ให้ชมกัน
อีกคันหนึ่ง จอดอยู่ใกล้ ๆ กัน
เอามาเทียบกับ จักรยานคู่ชีพของผม โอย คนละเรื่อง
และเมื่อเอา จักรยาน กับ รถไฟมาชนกัน อะไรจะเกิดขึ้น!!!
ออกจากสะพานข้ามแม่น้ำแควมา ก็ตั้งใจว่าจะไปหาที่เล่นบาสในเมืองกาญจน์ซะหน่อย อุตส่าห์เตรียมชุดมาด้วย ได้ข่าวแว่ว ๆ มาว่า เค้ามีศูนย์เยาวชนอยู่ สอบถามได้ ก็มาตามทางที่เค้าชี้ ๆ จนมาเจอกับเจ้านี่!!! อยู่หน้าที่ลงแพ
เจอแล้ว ศูนย์เยาวชนเทศบาลเมือง กาญจนบุรี!!!
มีโรงยิม สนามบาส ตะกร้อ แบดมินตั้น ปิงปอง อยู่ภายในเป้าหมายของผมคือ สนามบาส!!!
น้อง ๆ ที่นี่ใจดีทุกคน ไม่มีเจ้าถิ่น เล่นกันสนุกเดินมาเรียกให้ผมเล่นด้วย เพราะเห็นผมยืนเอ๋อ ๆ อยู่
เอ้า ออกกำลังกายกันนะ
คนแก่อย่างผมก็ต้องออกแรงกันมั่ง
เล่นเสร็จแล้ว ฝนก็พรำลงมา (อีกแล้ว) ด้วยความหิวทำให้ออกหาเหยื่อ เอ้ย หาอะไรกิน ตั้งใจว่าจะหาข้าวเมืองกาญจน์กินซะหน่อย แต่ไหง ได้ข้าว 7-11 มาหว่า T_T
กินข้าวเสร็จ โทรศัพท์ แล้วก็นอน แต่ว่า นอนไม่หลับ มีเสียงกุกกัก ๆ อยู่หน้าห้องตลอด ไอ้เราก็นึกว่าปี๋หลอก ตัดสินใจเปิดประตูออกมาดู ที่ไหนได้ โมบายผีสิง!!
กระท่อมน้อย กลอยใจ เบอร์ 4 ของสมันน้อย เบอร์ 14
ตื่นเช้ามา ก็ที่เดิมแหล่ะครับ 7-11 เข้าจนพนักงานเค้าจำหน้าผมได้แล้ว
สภาพแวดล้อมตอนเช้า ๆ ที่ฝนยังพรำ ๆ ต่อเนื่องตั้งแต่เมื่อคืน
มาได้แค่วันเดียว ก็ต้องจากลากันอีกแล้ว เฮ้ออออ
ต้องกลับไปผจญความวุ่นวาย แก่งแย่ง ชิงดีกันในเมืองใหญ่อีกแล้ว
แหงนมองฟ้า โอว ฝนกำลังจะตกอีกแล้วสินะ
กลับถึงบ้าน ก็เกือบ ๆ 5 โมงเย็นได้ รถติดอยู่ในกรุงเทพเป็นชั่วโมง
เอาน่า เอาไว้เดี๋ยวไปใหม่ จะไปให้ปรุเลยคราวนี้ กาญจนบุรี
เตรียมตัวเตรียมใจไว้ได้เลย !!!!!!