ทุกวันนี้รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นศาลพระภูมิยังไงพิกล T_T
ไปไหนมาไหนก็มีแต่คนยกมือไหว้
"พี่ตุ้มสวัสดีคร๊าบบบบ" น้องผู้ชายเจอก็ยกมือไหว้ ผมก็ไหว้ตอบ "หวัดดีคร๊าบบบ"
"พี่ตุ้มสวัสดีค่า....." น้องผู้หญิงอีกคนเจอก็ยกมือไหว้ ผมก็ไหว้ตอบ "หวัดดีค่า...."
"น้าหมันสวัสดีค๊าบบบ" น้องผู้ชายอีกคนเจอก็ยกมือไหว้ ผมก็ไหว้ตอบ "หวัดดีคร๊าบบบ"
"น้าหมันสวัสดีค่า....." น้องผู้หญิงอีกคนเจอก็ยกมือไหว้ ผมก็ไหว้ตอบ "หวัดดีค่า....."
เดินไป ๆ เจอน้องของเพื่อน ยังเด็กน้อย เพื่อนก็บอกให้น้องมันไหว้
"เอ้า ไหว้พี่หมันเค้าสิ"
ไอ้เด็กน้อยคนนั้น ก็ยกมือไหว้
"ลุงหมัน หวัดดีครับ"
ผมสะดุ้งเฮือก แสรดดดดด เรียกกุลุง แต่ก็ต้องยกมือไหว้ตอบทำหน้าประมาณว่า
กุเอ็นดูเมิงโคตร ๆ กุนี้โคตรรักเด็ก พี่หมันรักทุกคนเลย อะไรประมาณนี้
"หวัดดีค๊าบบบบ"
แต่ในใจคิด
"เดี๋ยวรอพี่เมิงเผลอก่อน โดนกุแน่ ไอ้เด็กเวร!!!"
ก็อะไรประมาณนั้นแหล่ะครับ
คิดในแง่ดี คือ มีคนนับหน้าถือตา เป็นที่เคารพของทุกคน แต่ถ้ามองในแง่ร้าย
ก็คิดง่าย ๆ ว่า
"เมิงน่ะ แก่แล้วนะไอ้หมัน!!"
คิดแล้วก็เศร้าครับ T_T
..........................................................
เมื่อวานนี้ ผมหนีงานจากออฟฟิตที่ช่วงนี้งานโคตรยุ่ง ยุ่งโคตร ๆ เพราะใกล้ช่วงสงกรานต์
และมีการเปลี่ยนผังรายการใหม่ทั้งหมด ทำให้หน้าที่ผมเพิ่มขึ้นมาอีก 10 เท่า
นี่ไม่ได้เว่อร์นะครับ เอาง่าย ๆ
Lude หรือ ที่เค้าเรียกว่า Interlude เข้ารายการใหม่ทั้งหมด จะถูกส่งตรงมาที่ผม
โดยมีคนที่มีหน้าที ที่เค้าเรียกกันว่า ครีเอทีฟ คอยให้แนวทางว่าต้องการอย่างไหน
ซึ่งแน่นอนครับ ว่า ทำออกมาไม่เคยถูกใจมันเลย แก้ตลอด ทั้งที่ก็ทำตามที่มันบอกนั่นแหล่ะ!!
จากการทำงานอย่างนี้ทำให้ผมซึ้งถึงคำที่คนมีประสบการณ์ทางด้านวงการนี้เขาบอกกันไว้ว่า
ตำแหน่งครีเอทีฟ เป็นตำแหน่ง ที่น่า ถีบ ที่สุดในสายการทำงานนี้แล้ว!!
ไม่ใช่ว่ามันกวนตีนหรืออะไรหรอกนะครับ แต่ที่น่าโดนถีบก็คือ
มันพูดไม่ค่อยจะรู้เรื่อง อยากได้อะไรก็บอกแบบผ่าน ๆ อยากได้งี้ ๆ ๆ ๆ ๆ
แล้วมันก็ไป ปล่อยให้เรานั่งคิดตามมันพูดอยู่คนเดียว
ก่อนจะไปเราก็ย้ำมันไปแล้วว่า อย่างงี้ ๆ ๆ ๆ ๆ ใช่ไหม ?
มันบอก ใช่!!!
เราก็ทำ ........... ทำ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ไป
Lude ตัวหนึ่ง ใช้เวลาในการคิด และ ทำประมาณ 3 - 4 ชั่วโมง กว่าจะออกมาเป็นตัวเป็นตนได้
เพราะต้องใช้โปรแกรมแบบว่า โคตรจะหลากหลาย หลัก ๆ เลยก็ After Effect / Flash / และ Premier Pro
โดยนำมันมาผสมผสานกัน เพราะความสามารถของแต่ละโปรแกรม บางอันทำได้ ในขณะที่อีกโปรแกรมนึงทำไม่ได้
เลยต้องปนเปกันมั่ว และ นัวไปหมด!!
ถ้าเก่ง ๆ หน่อย ก็จะมี 3D MAX เสริมเข้ามาด้วย แต่ผมทำ 3D ไม่เป็น เลยลักไก่เอาของชาวบ้านเขามาใช้ T_T
ทำเสร็จ ก็รอครีเอทีฟมาดู ก็จะได้คำตอบที่ว่า
"ไม่ใช่อย่างนี้พี่"
อ้าว แสรดดดดดดดดดดดดดดดด
เถียงมันไป เพื่อน ๆ ในห้องตัดก็ได้แต่ปลอบใจว่า เป็นอย่างนี้แหล่ะ อย่าคิดมาก
ครีเอทีฟ คือ คนที่พูดอะไรแล้วรู้เรื่องอยู่คนเดียว ในขณะที่คนอื่นเข้าใจไปอีกอย่างนึง!!
มีคนเคยเอาหัวเป็นประกันว่า คนทำตำแหน่งนี้ พฤติกรรมเหมือนกันหมดทุกคน!!!
ก็ว่ากันไปครับ แต่สำหรับ ครีเอทีฟของฝ่ายผม ที่ผมว่ามันอยู่นี่ มันนิสัยดีนะ แม้จะพูดไม่ค่อยรู้เรื่องไปหน่อย
แต่ก็ตลกดี และช่วยบอกปัดงานที่ล้นมืออยู่แล้ว ไม่ให้ล้นไปมากกว่านี้อีกให้บ่อย ๆ ต้องขอบคุณมัน
นั่นคือส่วนหนึ่ง ยังไม่นับ เทปที่ต้องตัดไว้ล่วงหน้าในช่วงวันหยุดสงกรานต์อีก 5 วัน นับแล้วก็ 40 กว่าเทปได้
ไม่ตายวันนี้แล้วจะไปตายวันไหน T_T
เอาล่ะสิ ออกนอกเรื่องไปไหนแล้วเนี่ย ว่าจะเล่าเรื่องที่ว่าตัวเองรู้สึกแก่ซะหน่อย พาไปเรื่องที่ทำงานซะชิบ!!
เอาน่า ถือว่าอ่านขำ ๆ แล้วกัน ขอเข้าเรื่องเลยนะครับ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว
คือ เมื่อวานนี้ ผมแว่ปออกจากออฟฟิตไปเมื่อเวลาประมาณ 2 ทุ่มกว่า ๆ
เนื่องจาก มีน้องคนหนึ่ง อยากเจอผมมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
และ คลาดนัดกันหลายต่อหลายครั้งแล้ว
เมื่อวานมีโอกาสจึงแว่ปออกไปพบน้องคนนี้ประมาณ 2 ชั่วโมง
เวลาผ่าน ๆ 2 ชั่วโมง ผมกลับมาถึงที่ทำงานอีกครั้ง พร้อม พวงมาลัยดอกไม้สด 1 พวง!!!
ผมเอามันไปแขวนไว้ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ประจำตัว
แขวนไว้ได้ซักพัก ไอ้เจ้าครีเอทีฟที่ว่า มันก็เดินเข้ามา ตอนแรกมันยังไม่เห็นนะ
แต่ซักพัก มันเริ่มได้กลิ่นดอกมะลิฟุ้งห้องไปหมด รู้สึกว่า บรรยากาศภายในห้องตัดต่อตอนนั้น
เหมือนย้อนไปในยุคสุโขทัยเป็นราชธานี ได้ยินเสียงม้าวิ่งกุ่บ ๆ กั่บ ๆ ผ่านหน้าห้องตัดไปหยก ๆ
มันทำจมูกฟุดฟิด ๆ แต่ไม่พูดอะไร เวลาผ่านไปซักครู่ มันก็หันมาเห็นพวงมาลัยที่แขวนอยู่หน้าเครื่องคอมฯ
"พี่ตุ้มเป็นอะไรมากป่ะเนี่ย" มันพูดขึ้น พร้อมชี้ไปที่พวงมาลัย
"ป่าวเป็น มีคนให้มา" ผมตอบมัน
"ใครให้" มันถาม
"น้องผู้หญิงคนหนึ่ง" ผมตอบ
"น้องเค้าคิดยังไงถึงให้พวงมาลัยฟระ" มันถามอีกครั้ง
"นั่นน่ะสิ กุก็คิดอยู่ นี่ดีนะที่น้องเค้าไม่เอาธูปเอาเทียน พร้อมผ้าสามสีมาผูกรอบตัวกุด้วย ไม่งั้นล่ะก็ ศาลพระภูมิชัด ๆ"
"ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก" มันหัวเราะสะใจ
"น้องเค้าคงสื่อว่า พี่เป็นบุคคลที่น่าเคารพนับถือละมั้ง" มันหยุดหัวเราะ และพยายามปลอบใจ
แต่ถึงกระนั้น ผมก็ยังรู้สึกดีกับไอ้พวงมาลัยพวงนี้นะ เพราะใครจะคิดว่า จะได้พวงมาลัยจากผู้หญิง!!
พวงมาลัยพวงนี้คงเป็นพวงมาลัยที่ผมจะจดจำไปตลอดชีวิตจริง ๆ
ผมยังจำสายตาน้องเค้าตอนที่จะให้พวงมาลัยผมได้อยู่เลย
คือ เรื่องของเรื่อง ไอ้พวงมาลัยพวงเนี้ย มาถูกซื้อมาก่อนที่ผมจะโผล่ไป
ที่น้องเค้าซื้อก็เพราะ มีคนเอาเข้ามาขาย น้องเขาก็ซื้อไว้ จากคำบอกเล่าก็คือ
"ก็ซื้อไว้งั้นแหล่ะ เห็นมีคนเข้ามาขาย"
แต่ในใจจริง ๆ น้องเขาอาจจะเตรียมไว้ให้ผมก็ได้ใครจะรู้ อะไรมันจะประจวบจำปาทองขนาดนั้น T_T
พอคุย ๆ กันเสร็จ ก็ถึงเวลาแยกย้ายกันกลับ น้องเขาก็หยิบพวงมาลัยขึ้น แล้วมองหน้าผม!!!
ผมเห็นสายตาน้องเขาก็ได้แต่ส่งกระแสจิตถามไปว่า
"อย่านะ ไม่ อย่า ได้โปรด"
น้องเค้าเหมือนจะรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่ เลยทำท่าจะเก็บมันใส่กระเป๋า
โดยที่ทำเหมือนประมาณว่า ใช่ซี๊ มันไม่มีค่าหนิ!!!
เจอไม้นี้เข้าไป ไม่อยากได้ก็ต้องอยากได้แหล่ะครับ ผมก็ต้องง้อขอมาจนได้
"อ่ะ ๆ ๆ เอามา ๆ พี่อยากได้ โอ้ย อยากได้พวงมาลัย"
อะไรประมาณนี้
คุณ ๆ นึกภาพผู้ชายตัวโย่ง ๆ สภาพเหมือนผีดิบที่อดนอนมา 2 วัน ผมเผ้ายุ่งเหยิง
เดินไม่ตรงคนหนึ่ง ในมือภือพวงมาลัยพวงเบ่อเร่อ เดินตามถนนนะครับ คุณคิดว่ามันจะประหลาดขนาดไหน
ดีไม่ดี คนมองผ่าน ๆ จะพาลคิดว่าโดนผีหลอก มีพวงมาลัยคล้องด้วย คนบ้าที่ไหนจะมาเดินถือ
พวงมาลัยตอน 4 ทุ่ม!!! T_T
แต่เชื่อไหมครับ ว่า พอได้พวงมาลัยพวงนี้มา ผมรู้สึกดีสุด ๆ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน
จนถึงตอนนี้ ผมก็ยังแขวนมันไว้ที่เครื่องคอม เอาไว้หลอนผู้ที่เดินเข้ามาในห้องตัด
เพราะทุกคนในออฟฟิตผม จะมีความคิดฝังหัวที่ว่า ไอ้ห้อง ๆ เนี้ย มีแต่คนประหลาด ๆ ไม่เต็ม
ผู้หญิงจะไม่กล้าเปิดประตูเดินเข้ามา ผู้ใหญ่ก็จะบอกคำสั่งผ่านคนอื่นมาอีกที
ไม่มีใครกล้าเดินเข้ามาโทง ๆ แบบโผล่เข้ามาสักเท่าไหร่
หลาย ๆ คนบอกว่า มันเป็นห้องสนธยา ไม่รู้ว่าข้างในห้องมีอะไรบ้าง
วันดีคืนดี มันก็มีเสียงหัวเราะดังสนั่นออกมาจากห้อง ไม่รู้ว่าพวกมันทำบ้าอะไรกัน
วันดีคืนดี มีผู้โชคดีเปิดเข้ามาเจอศพสมันน้อย นอนตายอยู่กลางห้องในตอนเช้า เพราะมันไม่ได้กลับบ้าน
ห้องตัดต่อที่ออฟฟิต จึงขึ้นชื่อเรื่องเป็นห้องที่รวบรวมตัวประหลาด T_T
และแน่นอน เมื่อผมเอาพวงมาลัยที่ว่าไปแขวนไว้ที่หน้าเครื่องคอมฯ พร้อมกลิ่นดอกมะลิที่ฟุ้งกระจาย
มันก็ยิ่งช่วยตอกย้ำข่าวลือที่ว่า คนห้องนี้มันไม่เต็มบาท ให้ขลังยิ่งขึ้น!!!
ทุกคนเห็น แต่ไม่กล้าถามว่า เมิงเอามาแขวนไว้ทำไม
ก็ลองถามสิฟระ กุจะได้ตอบว่า
ก็กุเอาพวงมาลัยมาไหว้ แม่ยานางคอมพิวเตอร์ไง จะได้ไม่แฮงค์ ไม่โดนไวรัส
ไม่ค้าง ทำงานให้เต็มประสิทธิภาพ!!!!
สุดท้ายนี้ ขอบคุณสำหรับ เจ้าของพวงมาลัยพวงนี้มาก ๆ (คิดได้ยังไง)
ผมขอยกให้เป็น IDEA สุดยอดแห่งปี สำหรับของขวัญชิ้นนี้
ขอบคุณครับ!!!
สมันน้อย เบอร์ 14