--[ด้านได้ อายอดเว้ย!!--
เป็นคุณ ๆ จะกล้าทำเหมือนผมไหม??
เมื่อประมาณต้นเดือนที่ผ่านมา ผมเพิ่งเริ่มงานใหม่กับบริษัทที่เพิ่งเปิดใหม่สด ๆ ซิง ๆ
เป็นบริษัทของคนรู้จักของเจ้านายเก่าผมน่ะครับ เค้าเห็นว่าผมน่าจะทำงานนี้ได้และเหมาะเป็นอย่างยิ่ง
(เคยถามผมซักคำไหมว่าผมอยากทำหรือเปล่า T_T)
มันเปิดใหม่ขนาดที่ว่า ต้องไปช่วยกันกวาดโรงงาน เชื่อมเหล็ก ทาสีโรงงานใหม่กันนั่นแหล่ะครับ!!
ผมรับตำแหน่ง ผู้จัดการฝ่ายบุคคล / ธุรการ ตามที่เค้าว่า
หน้าที่แรกของผู้จัดการฝ่ายบุคคล ก็คือ!!!!
แบกไม้กวาดทางมะพร้าว กวาดพื้นโรงงานเก่า ผีสิง ที่มีฝุ่น + ขี้เหล็กสูงเป็นนิ้ว!!!
หลังจากนั้นก็ขัดโรงงานด้วยน้ำฉีดพลังแรงดันควาย ฉีด ๆ ไปเพลินจัด ไปโดนเอาสีที่เค้าทาไว้เก่าแล้ว
ลอกออกมาเป็นแผ่น ๆ เลยได้หน้าที่เอาเกียงขูดสีโรงงานใหม่ทั้งหมดเข้าไปด้วย
เมื่อขูดเสร็จ ก็ต้องมาอ็อกเหล็ก เชื่อมเหล็ก ทำเป็นสโตร์เก็บของ
เมื่อทำเสร็จแล้วก้ถึงเวลาทาสีโรงงาน ผสมสี ออกแบบสีโรงงานใหม่ ไปซื้อ แบกกลับมา
แล้วก็วัดโรงงาน เพื่อทาสี T_T
โชคดีที่เผ่นออกมาก่อนที่จะได้ไปทุบส้วมโรงงานใหม่!!!
55555 ป่าวหรอกครับ ไม่ได้ไม่สู้งาน
จริง ๆ ให้ผมทำอะไรผมก็ทำทั้งนั้นแหล่ะ ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบก็ตามที
หากว่ามันเป็นงานที่รับผิดชอบ ต่อให้เกลียดขนาดไหนก็ทำอยู่ดีแหล่ะ ^_^
แต่อยู่ดี ๆ ผมก็ได้รู้ข่าวแว่ว ๆ ข่าวหนึ่งมา เรื่องงานนี่แหล่ะครับ
เป็นงานเกี่ยวกับ Editor รายการรายการหนึ่ง
ด้วยความที่อยากจะทำงานนี่มานานมากแล้ว ประมาณว่า เกิดมาเพื่อสิ่งนี้อะไรประมาณนั้น
แต่จะได้ทำงานที่ว่าได้อย่างไร ในเมื่อตัวเองไม่ได้จบทางนี้มา เรียนไม่จบด้วยซ้ำ
แถมไม่มีความรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องทีวีเลย ไม่ดูทีวีอีกต่างหาก T_T!!!
แต่ด้วยแรงยุที่เคยมีหลาย ๆ คนเคยบอกไว้ว่า เมิงน่าจะไปทำงานอย่างนี้นะ
ก็ได้แต่บอกมันไปว่า กุจะไปทำได้ยังไง เรียนก็ไม่ได้เรียนมา ที่เป็น ๆ อยู่ ก็ประมาณ ครูพักลักจำ
ซื้อหนังสือมาอ่านไปเรื่อย!!
จากความคิดดังกล่าว จึงทำให้ผมปล่อยผ่านงานนี้ไป
แต่หลังจากนั้นประมาณ 1 ชั่วโมง ผมก็เปลี่ยนใจอีกครั้ง เมื่อไปหยิบหนังสือเล่มหนึ่งมาอ่าน (เปลี่ยนใจเร็วชิบเป๋ง)
เป็นหนังสือของคุณ วงศ์ทนง ที่ทำหนังสือ A DAY นั่นแหล่ะครับ
"ไม่ลองก็ไม่รู้ ไม่ทำก็ไม่เป็น!!" นี่คือเนื้อความคร่าว ๆ ในหนังสือเล่มนั้น
ผมวางหนังสือเล่มนั้นลง ก็ตัดสินใจติดต่องานที่ปล่อยไปเมื่อกี๊นี้ทันที
ไม่รู้จะบอกเค้ายังไงว่าอยากทำงานแต่ทำไม่เป็นเลย เอาไงดีวะ
เราต้องหาประโยคสวย ๆ หรู ๆ ที่ฟังแล้วอยากรับเราเข้าทำงาน สตอเบอรี่ไว้ก่อนว่าเราเก่งขั้นเทพ!!
แค่หลับตางานก็เสร็จแล้ว อะไรประมาณนี้..
ผมจึงส่งจดหมายทาง เมล์ไปบอกเค้าว่า
"สวัสดีครับ ได้ข่าวว่าคุณ... อยากได้ Editor ตัดต่อรายการทีวี ผมอยากลองดูครับ แต่ติดปัญหาตรงที่ว่าผมทำอะไรไม่เป็นเลยนะครับ T_T สนใจจะรับคนเข้าไปสอนซักคนไหมครับ รับประกันว่า ผมจะทำงานให้คุณได้นานกว่าคนเก่าแน่นอน!! (สตอตรงไหนวะเนี่ย)"
จากประโยคด้านบน ใครจะเชื่อว่า จะมีคนสนใจ
แต่ลางเนื้อชอบลางยาฉันท์ใด ประโยคสั่ว ๆ ของผมก็มีคนสนใจฉันท์นั้น!!
หลังจากนั้นประมาณ 1 ชั่วโมงก็มีเมล์ตอบกลับมาว่า
"ถ้าสนใจจริง ๆ จะมาลองดูก่อนก็ได้ ถ้าทำได้ก็ทำเลย!!"
เหมือนฟ้าผ่าลงกลางปทุมธานีตอน 5 ทุ่มวันนั้น
อะไรวะเนี่ย ใจถึงมาก ขนาดรู้ว่าทำอะไรไม่เป็นเลยยังให้ไปลองดูก่อนอีก
นี่แหล่ะครับ ที่เค้าเรียกว่า โอกาสมาแล้ว อยู่ที่เราจะคว้ามันไว้หรือไม่!!
วันต่อมา ผมหาข้ออ้างโลกแตกในการหยุดงาน นั่นคือ "ปวดท้องครับ ท้องเสียครับ"
แล้วก็เผ่นไปดูงานที่ใหม่........ ข้ออ้างบัดซบมาก ๆ ใครจะหยุดงานทีไร อ้างท้องเสียทุกที
ฟังมาจนเบื่อ อนุมัติใบลาจนเขียนลงไปในใบลาของพนักงานว่า "คราวหลังขอข้ออ้างอื่นที่สร้างสรรค์บ้างนะ"
แต่ในที่สุดตัวเองก็ทำเหมือนกัน T_T
ก็มานั่งดูเค้าทำงานที่ว่ากัน สารภาพว่า งงเป็นไก่ตาแตก ทำอะไรกันก็ไม่รู้ ปุ๊ป ๆ ปั๊ป ๆ เทพมาก ๆ
กดแป้นกันรัว ๆ ดูไม่ทัน เอาแล้วไงล่ะเมิง ทำไงล่ะทีนี้ จะทำได้หรือเปล่าวะ
แต่ด้วยความอยากส่วนตัว ทำให้ผมหน้าด้านขอเค้าเข้าไปฝึกงานก่อนที่คนเก่าจะลาออก 5 วัน!!
นั่นก็หมายควาย เอ้ย หมายความว่า ผมจะต้องออกจากบริษัทที่เพิ่งเริ่มงานมาได้ 1 อาทิตย์เสียก่อน
คงไม่มีใครจะให้ลางานเพื่อไปทำธุระทีเดียว 1 อาทิตย์ ทั้งที่บริษัทเพิ่งจะเปิดหรอกครับ
จริง ๆ จะลาก็ลาได้แหล่ะ เพราะเจ้าของบริษัทก็คุ้นเคยกันอยู่ แต่ด้วยความเกรงใจ กลัวเค้าจะด่าแม่ผมลับหลัง
ก็เลยตัดสินใจ ออกดีกว่า เอาวะ เสี่ยงเป็นเสี่ยงกัน มันจะซวยทุกเรื่องก็ให้มันรู้ไป!!!
ก็ได้รับผลกลับมาเป็นการโดนบ่นจากผู้จัดการเก่าผม 1 ชั่วโมงเต็ม T_T
หูชาไปเลย
แต่ก็อย่างว่าครับ ความชอบมันมีอิทธิพลกับผมมากกว่าตัวเงินที่ได้
ว่าแล้ว ตั้งแต่วันนั้นมา ผมก็ เดินทางไปฝึกงานที่ทำงานใหม่ทุกวัน
เวลาผ่านไป ๆ จนตอนนี้ แม้ว่าผมจะยังไม่เก่งฉกาจเท่าคนเก่า ๆ แต่ก็ทำได้แล้ว
และเข้าใจแล้วว่า ไอ้ปุ่มที่เค้ากดกันปุ๊บ ๆ ปั๊บ ๆ นั่น จริง ๆ แล้วมันก็ไม่ใช่ของใหม่อะไร
ที่เราตกใจก็เพราะเค้าทำกันจนชิน มันเลยกดกันเร็วกว่าปกติเท่านั้นเอง T_T
มานั่ง ๆ นึกดูก็ได้แต่ขำตัวเองว่า เออ ทำไมเราใจกล้าหน้าด้านขนาดนี้วะเนี่ย
คิดดูดิ มีใครที่ไหนที่อยากทำงาน แต่ดันไปบอกเค้าว่า ทำอะไรไม่เป็นเลย
แล้วเขาก็ยังจะรับอีกนะ!!! T_T
ก็อย่างว่าแหล่ะครับ ผมมันเกิดมาเพื่อสิ่งนี้
หรือที่เค้าบอกกันว่า "บอล ทู บี" แปลได้ง่าย ๆ ว่า ลูกฟุตบอลลอยไปกระแทกหน้าน้องบี นั่นเองงงง T_T
ก๊ากกกกกกกกกกกกกกก
สมันน้อย เบอร์ 14
เสียงเค้าว่ากันพรรณนั้น จ๊ะ