"การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน" ประโยคนี้เป็นวลีเด็ดคลาสิกที่ใครๆก็ย่อมเคยได้ยิน และผมเชื่อว่าเป็นประโยคที่ทำให้ใครหลายคนลังเล ก่อนที่จะเริ่มเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น แต่แล้วพอเริ่มออกบินก็ยังเจ๊งกันอยู่ดี
สาเหตุหลักของการขาดทุน แล้วต้องมานึกถึงคำว่าการลงทุนมีความเสี่ยง เพราะว่าในตอนแรกสมองเรามักจะแปลวลีคำเตือนนี้เป็นความกลัว แต่เมื่อเราคุ้นเคยกับตลาด ได้กำไรนิดหน่อยจากเงินทดลองลงทุน เทรดหุ้นบ่อยเข้า รู้จักหุ้นตัวนั้น ตัวนี้ ความกลัวก็ค่อยๆลดลงแล้วก็หมดไป ความกลัวที่หมดไปไม่ใช่ความกลัวขาดทุนตัวที่ทำให้เราขายหมูนะครับ แต่คือความกลัวที่จะเสี่ยง นักลงทุนส่วนใหญ่พอได้ลงทุนในตลาดหุ้นวิญญาณนักเสี่ยงโชคก็เข้าสิงทำให้ความกล้า บ้าบิ่นที่จะผจญภัยมีมากขึ้น สังเกตได้จากความนิยมในการลงทุนในหุ้นขนาดเล็ก ราคาเล้าใจ หรือหุ้น IPO จอมเสียว หรือแม้แต่ DW หวยออนไลน์ที่หลายคนชอบ ด้วยความที่ผลตอบแทนถึงอกถึงใจทำให้ใครหลายคนชอบจะลิ้มลอง สุดท้ายก็ต้องจุกอกเจ็บใจกันไปตามระเบียบ
นอกจากนี้เรายังต้องประเมินถึงผลความเสียหายจากการขาดทุน ให้ออก มิใช้ติดกับดักความเสี่ยงที่แมงเม่าส่วนมากคิดว่า ลงทุนในหุ้นแต่ละครั้งแต่ละให้น้อยจะได้ไม่เสี่ยง(ไม่เกิน 20% ) รวมถึงกระจายการลงทุนในหุ้นให้หลากหลาย (มีซะ 20 ตัวในพอร์ต โอ้แม่เจ้าได้กำไรตัวละ 2-3 พัน)
ยิ่งทำแบบนี้ความเสี่ยงลดลง แต่อัตราการเติบโตของพอร์ตลงทุนก็จะลดลงตามไปด้วย เผลอช้าจนแพ้ SET หรือเงินเฟ้อไปอีก ในทางปฏิบัติเมื่อผลตอบแทนลดลง ความโลภที่อยากได้หลายเด้งแบบชาวบ้านก็มากขึ้น ท่านก็จะไปโหมลงทุน(แก้มือ)กับหุ้นสวิงกิ้งที่ท่านลืมความเสี่ยง แล้วขาดทุนอยู่ดี เป็นวัฏจักรแม่งเม่าโดยแท้ครับ
แนวคิดกับการรับมือความเสี่ยงของผมเริ่มจากการมองหาความน่าจะเป็นที่จะชนะ อันนี้คงต้องใช้เรื่องของเทคนิคในการประเมินระบบเทรดของแต่ละบุคคลเป็นตัวกำหนด ว่า buy signal ตัวนี้มีโอกาสความน่าจะเป็นที่จะชนะกี่ % โดยเทียบจากผลการทำ back testing ของ Trading system ซึ่งถ้าความน่าจะเป็นสูง การกำหนดเงินลงทุนก็จะสูงมากขึ้นเรียกว่าส่งทัพหลวงไปตีกันเลย ที่สำคัญระบบที่ดีจะทำให้ timing ในการเข้าลงทุนที่แม่นยำไปด้วยครับ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่นักลงทุนทุกแนว ถ้าจะอยู่ในตลาดระยะยาวต้องมีการพัฒนาระบบเทรดของตัวเอง
ขั้นต่อไปต้องประเมินผลขาดทุนที่สามารถรับได้เพื่อกำหนด วงเงินในการลงทุน เช่น คุณรับขาดทุนได้ ครั้งละ 10,000 บาท (คิดง่ายๆว่าเงินก้อนนี้หายไปแล้วไม่เจ๊ง เมียไม่ด่ามาก) ดังนั้น คุณมีโอกาสลงทุนถึง 500,000 โดย stoplose ที่ 2% (10000 บาท) เพราะฉนั้นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกระมิดกระเมี้ยนลงทุนทีละน้อยๆ เพราะแน่นอนว่าถ้ารับความเสี่ยงได้ โอกาสที่ จะรับผลตอบแทนสูงก็จะมีมากขึ้น
ส่วนสุดท้ายเรื่องการเลือกหุ้นนั้น คงต้องเป็นฝีมือหรือทักษะที่สะสมกันเอาจากประสบการณ์ คุณเลือกหุ้นที่ดีเหมาะกับจริตของตน จะด้วยการวิเคราะห์ทางเทคนิคหรือวิเคราะห์ทางพื้นฐานโอกาสจะเสี่ยงก็น้อยลง
ปิดท้ายขอนำเอา url ของ SET ที่เผยแพร่ vdo clip กิจกรรม opportunity day สำหรับ บริษัทต่างๆที่อยู่ในตลาดมาแสดงวิสัยทรรศและผลประกอบการกับนักลงทุนมาฝาก การรู้จักหุ้น หรือบริษัทที่เราลงทุนดีพอ จะช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนได้อีกทางครับ แวะไปชมได้ที่
Free TextEditor
จังหวะขาย
ความเสี่ยงนั้นก็รับมาตอนเล่นอยู่แล้ว
เหลือแต่จังหวะทำกำไรหรือขาดทุนแค่นั้น