ทฤษฎีสองสูง ของ เจ้าสัวซีพี ธนินท์ เจียรวนนท์
เพิ่งจะมีโอกาสได้ดูตั้งแต่ต้นจนจบ เรื่อง ทฤษฎีสองสูง ของ เจ้าสัวซีพี ธนินท์ เจียรวนนท์ ที่ได้สัมภาษณ์ในรายการ จับเข่าคุย เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2551 และ 8 เมษายน 2551
ที่จริงแนวคิดนี้ผมเคยนั่งคิดเล่นๆ เหมือนกัน แต่ไม่ลึกซึ้ง และไม่สามารถหาทางออก จนความคิดจบลูปได้แบบที่ คุณธนินท์ ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ ยอมรับครับ สุดยอดจริงๆ
เลยขอสรุปออกมาเป็นหัวข้อๆ ถ้าผิดลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะครับ
- ทฤษฎีสองสูง สรุปง่ายๆ คือ ให้ราคาสินค้าขึ้นสูง โดยเฉพาะเกษตร ที่เป็นคนส่วนใหญ่ในประเทศมีรายได้สูง แต่ก็ต้อง ปรับเงินเดือนขึ้นสูงตาม ให้มีความสมดุลกัน
- บ่อน้ำมันบนดินของไทยคือสินค้าเกษตร
- ยางเป็นสินค้าที่ควรจะต้องมีราคาสูง เพราะมีไม่กี่ประเทศในโลกที่ปลูกได้ และความต้องการยางสูงมาก ซึ่ง 80% ของโลกมาจาก ไทย อินโดฯ มาเลฯ และควรจับมือกันขึ้นราคา อาจจะได้ 150 หรือแพงตามราคาน้ำมัน หรือสูงกว่าก็ยังได้
- ตอนนี้จีนและอินเดียกำลังบูม ยาง ข้าว ปาล์มจะขายได้ มีสูง
- สินค้าเกษตรตอนนี้ส่วนหนึ่งที่แพง เพราะคนบริโภคสูง และมีเครื่องจักรก็มาแย่งเราบริโภคด้วย เช่น ข้าวโพด อ้อย ปาล์ม นำไปเป็นเชื้อเพลิง
- ถ้าจีนต้องการซื้ออะไีร ทั้งโลกปั่นป่วน 1200 ล้านคนนั้นใช้ พลังมหาศาล สินค้านั้นแทบจะผลิตไม่ทันทันทีดังนั้น ประเทศไทยควรศึกษาว่า อนาคต จีนต้องการอะไร และเค้าจะขาดอะไร (อินเดียก็เช่นกัน ควรศึกษาให้ลึกๆ ว่าแต่ละปี ถ้ารวยขึ้นมา เขาจะซื้ออะไร)
- บลาซิล เครื่องจักนตัวที่ 5 ของโลก, ญี่ปุ่น+เอเซียน, อินโดฯ ซึ่ง มีทุกอย่างที่เรามี ยาง ข้าง ป่าไม้ น้ำมัน ปาล์ม แก๊ส , พม่า ทรัพยากรใต้ดินยังไม่ได้ใช้, เวียดนาม มีทั้งทรัพยากรธรรมชาติ แก๊ส น้ำมัน ถ่านหิน คนขยัน อดุมสมบูรณ์, ไทย กำลังจะรวยแซงหน้าเค้า ถ้ารัฐบาลเข้าใจว่าเราก็มีน้ำมัน น้ำมันบนดินใช้ไม่หมด แพงด้วย
- ในโลกนี้ประเทศที่รวยแล้ว เขาจะไม่ยอมให้สินค้าเกษตรถูกลง ถึงแม้เกษตรกรจะมีเพียงแค่ 1% ในประเทศ เขาถือว่าเป็นทรัพย์สมบัติของเขา ถึงแม้เราจะขายให้เขาถูก เขาก็ไม่ซื้อเกษตรกรเขาจะเจ๊ง อะไรปลูกได้ก็สนับสนุนปลูกหมด และ ขายแพง เพราะมองว่ามีค่าเหมือนน้ำมันเช่นกัน
- คุณธนินท์ เทียบให้ฟังว่า เขาขายอาหารสัตว์ เป็นเบอร์ 1 แล้วมีคู่แข่ง ถ้าเบอร์1 ขาย 1 บาทเบอร์อื่นๆจะไปขาย 1 บาทตามได้อย่างไรลูกค้าก็คิดว่าควรจะซื้อเบอร์ 1 มากกว่า เหมือนกับข้าว ให้เราคุยกับเวียดนาม (เบอร์สองของโลก, อินเดียเป็นเบอร์สาม) ให้ขายไปก่อน ไปเลย 15 บาท ให้เขาเอากำไรไปก่อน เป็นใครใครก็เอาโดยไม่ต้องกลัวว่าเขาจะแย่งตลาด พอถึงทีเราขาย เราก็ขาย 18 บาทไปเลย เมื่อเวียดนามขายหมดแล้ว และเราไม่จำเป็นต้องขายหมด และที่เหลือยังถือว่าได้ฟรี (1) แถมเวียดนามพอใจมากที่เบอร์หนึ่งอย่างไทยใจกว้างปล่อยตลาดให้ก่อน เพราะขายอย่างไร เราก็ยังขายได้มากกว่าเขา เพราะ % การปลูกของเวียดนามมีเท่าเดิม ไม่ว่าจะขายก่อนขายหลังไทย แต่ข้าวเราต้องเตรียมพร้อม
- (1) ขายน้อยแต่เอาราคาดี เราเอาข้าวที่เหลือ(เกรดดี)ไปสร้างตลาดใหม่ ให้ฟรีๆ เช่น เกาหลีเหนือ ให้ข้าวหอมมะลิไปลอง ให้ลื่นคอ ติดใจ จนในชีวิตจำได้ว่าข้าวไทยอร่อย เมื่อใดเกาหลีเหนือรวย วันนั้นจะซื้อข้าวไทย เมหือนกับที่จีนทุกวันนี้เป็นอยู่ ถามคนจีนที่ไหนใคกร็รู้จักว่าข้าวไทยอร่อยที่สุด และติดใจที่สุด และคุณธนินท์เชื่อว่า ยังไงเกาหลีเหนือก็ต้องรวย ถ้าไม่ไปเซ็นเซอร์เขา
- ปัจจุบัน 130 ล้านไร่พื้นที่เกษตร มี 67 ล้านไร่(2)ปลูกข้าว คุณธนินท์ เลยเสนอโมเดล ปฏิวัติการเกษตรใหม่ โดย เอา 25 ล้านไร่ที่ปลูกข้าว ที่ชลประทาน จัดรูปที่ดิน เอาน้ำตรงนี้ไปทำไส้ไก่ ทำถนนเข้าไร่นา ซึ่งคุณธนินท์เรียกว่าเป็นถนนเศรษฐกิจที่แท้จริง เพราะปัจจุบัน กว่าชาวนาจะขนสินค้าจากไร่นาสุดลูกหูลูกตามาถนนได้ เสียทั้งแรงงาน และเวลาอย่างมาก หากจัดรูปที่ดินเป็นรูปแบบให้เหมือนมาตรฐานอุตสาหกรรม โดยเริ่มจากพื้นที่มีน้ำชลประทานพร้อม จำนวน 25 ล้านไร่ และทำให้สมบูรณ์แบบ ต้องการน้ำเข้าหรือออก ทำได้ตลอด ลงทุนประมาณ 3 แสนล้านบาท แต่ถ้าเอา 25ล้านไร่ สมมุติว่าขาย 15 บาท จะได้เงิน 9 แสนล้านบาท ราคานี้ได้แน่นอน ถ้าทำดีๆ ผลผลิตดีๆ จะได้ราคาแพงเท่าๆ กับน้ำมัน ไม่เช่นนั้นลงทุนไปไม่คุ้ม และปริมาณของผลผลิตที่ผลิตจาก 25 ล้านไร่ จะได้มากกว่า 67 ล้านไร่ในปัจจุบัน ซึ่งได้ตัวอย่างมาจากใต้หวัน (3)
- (3) ใน ใต้หวัน เขาจะขุดดินเป็นคลองสองคลอง ขึ้นมาตรงกลางทำถนนให้รถปิ๊กอัพ หกล้อ เข้าไปได้ แล้วมีขาสองข้างติดรถ ข้างละ 500 เมตรสมมุติปล่อย 3 คันพร้อมกันมี ได้ทั้ง ยาฆ่าหญ้า ฆ่าศัตรูพืช ให้ปุ๋ยทีเดียว 1000 เมตร และขุดคลองระบายน้ำขนาดรถตุ๊กๆ วิ่งได้ ถ้าต้องการน้ำก็ให้ใช้คลองสองคลองที่ขุดทำถนนมาดูดน้ำใช้
- (3) เกิดอาชีพ อย่งาน้อย 2 อาชีพ 1. อุตสารกรรมเพาะกล้าขาย ทำให้ลดเวลาการเติบโต เพราะกล้าแข็งแรง ใก้ผลผลิตได้สามรอบ ไม่มีโรค แต่ดินต้องไม่มีโรคด้วย 2. รับเหมาส่งขาย ดำนา ขุดอะไรให้เสร็จสรรพ 3. รับดูแลเรื่องน้ำ เรื่องเก็บเกี่ยว เรื่องศัตรูพืช
- ต่อไปประเทศไทย 70-8% ต้องเป็นบริการ ส่วนคนงาน ต้องเป็นคนงานไฮเทค ส่วนชาวนา เหลือ 1.5% (ญี่ปุ่นตอนนี้เหลือ 4%) สมมุติว่า มีสวนผลไม้ ปีหนึ่งสุกครั้งเดียว แต่ตอนที่ยังไม่สุกถึงมีแรงงานก็ไม่รู้จะไปใช้อะไร แต่เวลาสุกแล้วเราคนเดียวก็เก็บไม่ทัน ดังนั้นต้องวางแผนว่า เก็บมะท่วงเสร็จ ต่อไปเก็บทุเรียน เก็บทุเรียนแล้วต่อไปจะเก็บอะไร ต้องมีบริษัทจัดการ คุณธนินท์ เลยยกตัวอย่าง ตอนจับไก่ ตอนแรกก็ให้ชาวบ้านลงแขก พอมีงานอะไรทีก็ไม่มาช่วยจับ นานๆมาจับครั้งหนึ่ง ทำให้ไก่เสียหาย ปีกหัก ขาหัก บางทีไม่มาจับ ทำให้โรงงานรอไก่ ไม่มีไก่ไปถึง ผู้ซื้อก็รอซื้อไก่ มาพักหลังคุณธนินท์เลยต้องสร้างมืออาชีพจับไก่ ได้ตรงเวลา ไม่เสียหาย หรือมีทีมวัคซีน ก็ลงไปทำให้เกษตรกร กลายเป็นยกเกษตรกรให้กลายเป็นเถ้าแก่ไปในตัว ความเสี่ยงไม่มี ชีวิตดีขึ้น
- (3) ข้าว 25 ล้านไร่, 30 ปลูกยาง ตรงที่น้ำน้อยกว่า อีก 12 ล้านไร่ ปลูกปาล์มในที่ลุ่มที่เหมาะสม ถ้าแบ่งตามนี้ แค่ข้าว 25 ล้านไร่ จะได้กว่า 9 แสนล้านบาท (ซึ่งมากกว่าปลูก 67 ล้านไร่แบบเก่า ที่ได้ 2แสนกว่าล้านบาท มากกว่าเดิม 3.5 เท่า) ยาง 30 ล้านไร่ (ที่แบ่งมาจากพื้นที่ปลุกข้าว ไม่รวมพื้นที่ที่ปลูกยางอยู่แล้ว) จะได้ 1.2 ล้านล้านบาท ถ้ารวมปาล์มด้วยจะได้ 2.3 ล้านล้านบาท รายได้มากขึ้นกว่า 10 เท่า (ยิ่งถ้าราคาขึ้นตามน้ำมัน จะมากกว่านี้) ซึ่งจะได้ตามนี้ต้องแปลงพื้นที่ดิน ต้องลงทุนให้เป็นระบบ
ขอบคุณมากนะคะ