กองทัพบกอาจยอมรับมอบเรือเหาะ A40D Skydargon????

ไม่อยากเชื่อเลยว่าผมต้องกลับมาเขียน Blog ในซีรี่นี้อีกครับ

นับจาก

"ซื้อเรือเหาะ 350 ล้าน ปราบโจรใต้!"

//www.bloggang.com/mainblog.php?id=skyman&month=17-03-2009&group=2&gblog=127

"ซื้อเรือเหาะ 350 ล้าน ปราบโจรใต้! ภาค 2"

//www.bloggang.com/mainblog.php?id=skyman&month=17-06-2009&group=2&gblog=140

"ซื้อเรือเหาะ 350 ล้าน ปราบโจรใต้! ภาค 3"

//www.bloggang.com/mainblog.php?id=skyman&month=07-08-2009&group=2&gblog=148

และ

"ผบ.อนุพงษ์สั่งยกเลิกเรือเหาะตรวจการณ์

//www.bloggang.com/mainblog.php?id=skyman&month=28-03-2010&group=2&gblog=186

ผมว่าผมก็เป็นคนแรก ๆ ที่ออกมาพูดถึงเรื่องเรือเหาะลำนี้ ตั้งข้อสังเกตุเอาไว้หลายประการตั้งแต่ต้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเหมาะสมในการใช้งานกับพื้นที่ที่เป็นป่าทึบ การบำรุงรักษา ไปจนถึงประสิทธิภาพของเรือเหาะลำนี้

มีบางท่านตั้งข้อสังเกตุมาว่า เรือเหาะลำนี้สร้างปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เพราะมันทำให้พลเอกปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ และพลตรีขัตยะ สวัสดิผลหรือเสธ.แดงเห็นพ้องต้องกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ ทั้ง ๆ ที่ทั้งสองท่านอยู่ตรงข้ามกันอย่างสุดขั้ว?!?

ตอนแรกที่มีข่าวว่า พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดาสั่งยกเลิกก็ดีใจ เพราะส่วนตัวแล้วผมเชื่อว่า ไม่มีมนุษย์คนไหนไม่เคยทำผิด แต่การทำผิดแล้วแก้ไข เป็นที่ที่น่าชื่นชมเป็นที่สุด เพราะนอกจากจะต้องอาศัยความเป็นลูกผู้ชายแล้ว ยังต้องกล้าหาญอีกด้วย

แต่ข่าวนี้ก็ออกมาเสียก่อน

อ่านตามข่าวดู แหล่งข่าวกล่าวว่า A40D ทำการทดสอบการบินได้ที่ระยะ 3,100 ฟุต

ผมไม่แน่ใจว่าข่าวเขียนผิดหรือไม่ โดยเฉพาะหน่วยวัดพวกเมตร/ฟุต เพราะข่าวทางทหารของสื่อไทยมักจะมีข้อมูลผิดพลาดเสมอ ไม่ว่าผู้เขียนจะเป็นมีรองหรือมือหนึ่ง

แต่ถ้าบินได้เพียง 3,100 ฟุตจริง ๆ ก็เท่ากับว่าเรือเหาะยังทำไม่ได้ตามสเปค เพราะอ้างอิงจากเว็บไซต์ของผู้ผลิต เรือเหาะลำนี้ต้องบินได้สูงสุดที่ 10,000 ฟุต หรือ 3,048 เมตร ถ้าเรือเหาะบินได้เพีนง 3,100 ฟุต ก็เท่ากับว่าขาดระยะที่จะต้องบินได้ไปถึงอีก 6,900 ฟุต หรือราว 2 กิโลเมตร

ซึ่งระยะนั้นคือระยะปลอดภัยที่แท้จริงถ้าอ้างอิงตามสเปคมาตราฐานของเรือเหาะรุ่นนนี้ ข้อมูลในข่าวนั้นถูกต้องอย่างหนึ่งก็คือ ระยะเพียง 3,100 ฟุตนั้นไม่ปลอดภัยจากกระสุนของปืนไรเฟิลเช่น M16 หรือ AK-47 หรือที่เราเรียกกันว่าอาก้า เนื่องจากยกตัวอย่างเช่น แม้ว่าระยะยิงหวังผล (ระยะที่ยิงแล้วมีความแม่นยำสูงสุด) ของปืน M16 จะอยู่ที่เพียง 460 เมตร แต่กระสุนมันก็สามารถวิ่งไปต่อได้อีกไกล นั้นหมายถึงระยะยิงไกลสุดของ M16 จะไปถึง 2,653 เมตร อันนี้อ้างอิงตามตำรารด.เลยนะครับ แน่นอนว่าการยิงในแนวตั้งจะทำให้กระสุนไปได้ไม่ไกลมากนัก แต่ก็น่าจะไกลกว่า 2 กิโลเมตรแน่นอน ซึ่งแม้ว่าระยะขนาดนั้นวิถีกระสุนจะค่อนข้างมั่วและไม่ค่อยแม่นยำ แต่ถ้ายิงโดยการใช้การยิงหลาย ๆ นัดหรือยิงเป็นชุด กลุ่มกระสุนก็มีความเป็นไปได้ที่อาจจะยิงถูกเรือเหาะ

ซึ่งมันคงจะไม่ทำให้เกิดการลุกไหม้ครับเพราะฮีเลียมที่เป็นก๊าซที่ทำให้เรือเหาะลำนี้ลอยนั้นมีคุณสมบัติไม่ติดไฟง่าย แต่ก็ไม่รับรองว่ากระสุนที่เจาะเข้าไปยังตัวเรือเหาะจะทำอันตรายอะไรได้บ้าง ยิ่งที่ระยะเพียง 1 กิโลเมตรนั้น กระสุนยังมีความเร็วสูงอยู่ และใช้เวลาเพียงหนึ่งวินาทีกว่า ๆ ก็เดินทางมาถึงเรือเหาะแล้วด้วย

นอกจากนั้นข้อมูลอีกข้อมูลหนึ่งตามข่าวที่น่าตกใจก็คือเรือเหาะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเติมฮีเลียมสูงถึง 170,000 บาทถึง 2.5 ล้านบาท!

ไม่รู้ว่าจำนวนเงินนี้เป็นจำนวนเงินต่อเที่ยวหรือไม่ ถ้าต่อเที่ยวนั้นเที่ยวละกี่ชั่วโมง

แต่ตัวเลขก็สูงพอสมควรนะครับ ถ้าคิดง่าย ๆ แบบไม่มีข้อมูลมากไปกว่านี้เกี่ยวกับระยะเวลาที่ปฏิบัติการได้ของเรือเหาะลำนี้ว่า ตัวเลข 2.5 ล้านบาทจะทำให้เรือเหาะบินได้ 24 ชั่วโมงโดยนักบินไม่ต้องนอน ท่านข้าว หรือเข้าห้องน้ำ หรือใช้วิธีเปลี่ยนกะนักบินเอา (เนื่องจากเรือเหาะลำนี้เป็นระบบที่ใช้คน ดังนั้นต้องมีข้อจำกัดของคนเข้ามาเกี่ยวข้อง) จะตกชั่วโมงละ 1 แสนบาท

เทียบง่าย ๆ ครับ เครื่องบินขับไล่อย่าง F-16 1 ลำ มีค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติการต่อ 1 ชั่วโมงบินเท่ากับ 200,000 - 300,000 บาท Gripen ซึ่งเป็นเครื่องบินขับไล่เช่นกันมีค่าใช้จ่ายที่เรา 100,000 - 200,000 บาทต่อชั่วโมง แต่ถ้าเป็นเฮลิคอปเตอร์หรือเครื่องบินตรวจการณ์ใบพัดก็จะถูกกว่านี้

ความจริงชั่วโมงละ 1 แสนบาท สามารถทำให้เครื่องบินตรวจการณ์ใบพัดอย่าง AU-23A ที่กองทัพอากาศมีอยู่แล้วบินได้นานหลายชั่วโมง กล้องบน AU-23A ก็เป็นกล้องที่มีประสิทธิภาพสูงมากทีเดียว หรือใช้บินอากาศยานไร้คนขับได้หลายชั่วโมงเช่นกัน แต่ด้วยความเสี่ยงที่น้อยกว่ามาก เพราะมันไม่มีคนขับ

ซึ่งถ้าจะต้องเสียถึง 2.5 ล้านบาทจริง ๆ ซื้อ UAV แบบพวก Searcher มาใช้งานจะได้ผลมากกว่าอีกนะครับ เพราะกองทัพบกก็ประสบความสำเร็จในการใช้งาน Searcher มากพอสมควรทีเดียว

ซึ่งนี่ยังไม่นับ การบำรุงรักษาเรือเหาะที่ค่อนข้างยุ่งยากกว่าปกติอีกด้วย

ความจริงเอาเข้าจริงแล้ว มันก็ไม่ใช่ว่าจะมีแต่ข้อเสียนะครับเรือเหาะนี้

เพราะกล้องที่ติดกับเฮ Bell 212 อีกสามลำนั้น จะช่วยในการเพิ่มมุมมองในการค้นหาได้มากพอสมควร

ที่สำคัญ ข้อมูลจำพวกภาพเคลื่อนไหวที่ได้รับจากเรือเหาะและเฮลิคอปเตอร์จะส่งข้อมูลแบบ Real Time ไปยังศูนย์บัญชาการเพื่อตัดสินใจได้ ณ เวลานั้นเลย และน่าจะทำการถ่ายทอดสัญญาณได้นาน เนื่องจากเรือเหาะสามาถรลอยอยู่ได้นานพอสมควร ซึ่งน่าจะทำให้เรือเหาะเป็นตัวทวนสัญญาณลอยฟ้า ตรงนี้ก็ถือว่าเป็นอีกก้าวหนึ่งของกองทัพบกในการใช้แนวคิด Network Centric Warfare

แต่ผมก็ยังตั้งคำถามว่า ความสามารถที่ได้มานั้น คุ้มค่าหรือไม่กับเงินทุนและแรงที่ลงไป รวมถึงความเสี่ยงที่ต้องยอมรับ เพราะความสามารถแบบนี้ หาได้ตาม UAV ทั่วไป หรือไม่ก็เงิน 350 ล้านนั้น สามารถนำไปลงทุนพัฒนา UAV ดี ๆ ได้เลยทีเดียว เพราะโครงการพัฒนา UAV ของไทยนั้นมีหลายโครงการ แต่ล้วนขาดเงินทุนสนับสนุนทั้งสิ้น

ผมย้ำว่าบทความทั้งสามสี่บทความนี้ ผมทำแต่เพียง "ตั้งคำถาม" และ "ตั้งข้อสังเกตุ" เท่านั้นนะครับ

ผมรอฟังการชี้แจงจากกองทัพบกเสมอ ซึ่งก็เหมือนที่บอกไป ถ้ากองทัพบกชี้แจงแล้ว เหตุผลน่ารับฟัง ผมก็จะถอนคำพูดเสมอ กลับกันถ้าเหตุผลดี ผมยูเทิร์นมาสนับสนุนด้วยซ้ำ เหมือนบางโครงการ

แต่ถ้ากองทัพบกพยายามทำให้เรื่องมันเงียบสนิทอยู่แบบนี้ พยายามปกปิดทุกอย่าง ทั้ง ๆ ที่เอาเข้าจริงก็ไม่สามารถปกปิดได้ เพราะอย่างข่าวที่ออกมานี้ก็ออกมาจาก "แหล่งข่าว" ซึ่งก็ไม่รู้ว่าใครในกองทัพออกมาให้ข่าว นักข่าวพวกนี้เขาก็พยายามไปหาข่าว ยิงปิดยิ่งไม่มิด และยิ่งเป็นผลเสียต่อกองทัพบกเอง

เพราะถ้าเรือเหาะมันไม่ดีจริง มันก็อาจจะไม่ใช่ความผิดของกองทัพบกก็ได้ อาจจะเป็นความผิดของผู้ผลิต ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นกองทัพบกก็ควรฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากบริษัทผู้ผลิตกลับมา

กรณี GT200 น่าจะเป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า กองทัพบกดำเนินการผิดพลาดจนส่งผลถึงความน่าเชื่อถือของกองทัพบกเอง

ผมยังยืนยันเหมือนที่ยืนยันมาเสมอว่า ผมไม่มีอคติเฉพาะตัวกับกองทัพบก กลับกันหลายครั้งผมช่วยพูดแทนและออกหน้ารับแทนกองทัพบกด้วยซ้ำ ในโครงการที่เห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อประเทศ โดยผมไม่เคยเรียกร้องผลประโยชน์ใด ๆ จากกองทัพบกหรือองค์กรใดเลยแม้แต่บาทเดียว และก็ไม่มีใครให้ผลประโยชน์ด้วย

ดังนั้นเมื่อผมตั้งคำถามกลับไป ซึ่งมันก็เป็นคำถามที่ประชาชนส่วนใหญ่อยากทราบ ก็อยากจะเรียกร้องกองทัพบกให้ออกมาชี้แจงเพื่อคลายข้อสงสัยต่อประชาชนครับ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสำคัญ ความจำเป็น และความคุ้มค่าของโครงการนี้ รวมถึงกระแสข่าวในแง่ลบที่ออกมามากมาย

อย่าคิดเพียงแต่ว่า คนที่ออกมาตำหนิหรือตั้งข้อสังเกตุกองทัพ ต้องเป็นศัตรูของประเทศ เป็นผู้ที่จ้องทำลายกองทัพเท่านั้นครับ

โลกเปลี่ยนไปแล้วครับ.

อ้างอิง

SOUTH
Airship deal expected to receive go-ahead
Can't fly high enough to avoid ground fire

* Published: 28/05/2010 at 12:00 AM
* Newspaper section: News

The army's inspection panel is expected to approve the delivery of a controversial airship even though it has failed its standard flight test, an army source says.

The airship inspection committee is expected to eventually approve the 350 million baht airship's delivery, the source said, despite the fact it cannot fly high enough to avoid ground fire.

The third flight test of the US-made Aero 40D airship showed it had a maximum ceiling of 3,100 feet.

This was within the range of an M16 rifle fired from the ground, the source said.

The airship was supposed to be able to fly above 3,280 feet, or 1km above the ground, which would make it safe from ground rifle attack.

The airship is intended for aerial patrols over the lower South.

The latest flight test was carried out yesterday at the Bo Thong airstrip at the 15th Infantry Regiment in Pattani's Nong Chik district, where it has been kept during the inspection.

"The committee will in the end have to accept the airship delivery," the source said.

The airship deal was expected to be sealed before army chief Anupong Paojinda retires at the end of September.

He has defended the purchase despite criticism over its cost, and whether the airship will be of any use.

The inspection committee is made up of three lieutenant colonels from the Department of Army Transportation.

There would, however, be more tests before the committee announces its final decision on the craft's delivery, the source said. The tests will be aimed at proving if the cameras mounted on three helicopters supporting the airship would work both night and day.

Tests will also be carried out to see if the cameras can capture pictures at different angles and whether broadcasting signals to the airship and a number of ground control centres can be synchronised in real time.

The airship also needs costly helium refills, the source said.

The cost of a helium refill ranges from 170,000 baht to 2.5 million baht.

The cabinet in March last year gave the army its approval in principle to buy the airship for about 350 million baht.

The craft was to have been delivered last August.

The handover has been delayed repeatedly because of problems in fulfilling the purchase contract on the part of the supplier.

//www.bangkokpost.com/news/security/37838/airship-deal-expected-to-receive-go-ahead

"คุณลักษณะ และขีดความสามารถของอาวุธทหารราบ ความมุ่งหมายและขอบเขต"

//www.freethailand.com/indexsite.php?act=m&catid=46273&username=linkinpark

"Aeros - 40D Airship "Sky Dragon""

//www.aerosml.com/aeros-40D_spec.asp

Create Date : 28 พฤษภาคม 2553		10 comments
Last Update : 28 พฤษภาคม 2553 19:38:01 น.
Counter : 2889 Pageviews.
Share Tweet