ทำไมนั่งสมาธิ ถึงได้บุญมาก
ออกตัวก่อนว่าเราอ่อนด้อยมากๆในเรื่องธรรมะเพราะเพิ่งจะเริ่มต้นสนใจ อ่าน และฟัง คำสอนทางศาสนาที่เป็นภาษาบาลีเราไม่กระดิกเลย จำไม่ค่อยได้ จะจำได้และเข้าใจเฉพาะส่วนที่เป็นเรื่องเล่าหรือคำอธิบายภาษาไทยปกติ และสิ่งที่พอจะเข้าใจ ก็อยากจะถ่ายทอด รู้ว่าตัวเองไม่เก่งแต่ทำไมมาเขียนบล็อกอย่างนี้ ? เพราะเราคิดว่าถ้าเทียบกับคนที่ไม่อ่าน ไม่ฟัง เราก็อาจจะรู้มากกว่านิดหน่อย เลยอยากจะมาแชร์ หวังว่าจะเป็นประโยชน์นิดๆหน่อยๆก็ยังดี แต่หากเราอธิบายผิดและมีผู้รู้มาอ่านแล้วต้องการจะสั่งสอนเพิ่มเติมหรือแก้ไขในสิ่งที่เราเขียนผิดเราก็ยินดีน้อมรับนะคะ ด้วยความไม่เก่งในด้านหลักพุทธศาสนาและธรรมะ เราจึงเคยสงสัยอยู่อย่างหนึ่งว่า เพราะอะไรในหนังสือถึงบอกว่าบุญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดมากกว่าการบริจาคทานใดๆ คือการวิปัสสนากรรมฐานหรือที่เราเรียกกันทั่วไปว่านั่งสมาธิ ทำไมการนั่งเฉยๆและกำหนดลมหายใจ ถึงได้บุญมาก จริงๆแล้วการนั่งสมาธิมีประโยชน์แน่นอนในแง่ที่ทำให้เรามีสติมากขึ้น นิ่งขึ้น แต่บุญมาจากไหน เพราะอะไรทำสมาธิแล้วสามารถส่งบุญให้แก่ผู้มีพระคุณหรือเจ้ากรรมนายเวรต่างๆได้ ถึงแม้จะไม่เข้าใจมากนักแต่ก็พยายามจะนั่งสมาธิ(เวลาที่อ่านหนังสือแนวศาสนาเสร็จใหม่ๆและยังคึกอยู่ก็พยายามจะนั่ง) แต่ก็ห่างหายไป ไม่สม่ำเสมอ ทำไม่ค่อยได้เพราะเป็นคนคิดฟุ้งตลอดเวลา จนกระทั่งคนรู้ใจแนะนำว่าเราควรจะฟังธรรมะของอ.สุจินต์บ้าง แล้วย้อนถามเราว่า เรานั่งสมาธิทำไม เราบอกนั่งเพราะจะได้ได้บุญ จะได้ส่งบุญ นั่งเพื่อให้มีสมาธิเวลาทำงาน เค้าบอกว่าไม่ใช่แล้ว ถ้านั่งเพื่ออยากจะได้บุญ ไปฟังอ.สุจินต์ซะ หลังจากเค้าให้ซีดีมาฟัง เพิ่งจะอ๋อ...แท้ที่จริงแล้ว นั่งสมาธิแล้วได้บุญเพราะอย่างนี้นี่เอง ถ้าเราเข้าใจธรรมะก่อนแล้วจึงปฏิบัติ ก็คงจะดี เราดันพยายามปฏิบัติก่อนที่ตัวเองจะเข้าใจ การที่นั่งสมาธิแล้วได้บุญ เพราะเวลานั้นเราไม่มีความคิดอกุศลใดๆเกิดขึ้นเลย ความคิดอกุศลคืออะไร ความคิดอกุศลไม่ใช่ความคิดมุ่งร้ายกับคนอื่นเสมอไปถึงเรียกว่าอกุศล แต่ จริงๆแล้วทุกๆความอยากที่เกี่ยวข้องกับตนเอง คืออกุศล บางทีเราก็เรียกอีกอย่างว่ากิเลส เช่น ตื่นมาแล้ว คิดในใจว่าเดี๋ยวจะอาบน้ำรีบไปทำงานดีกว่า นั่นก็คืออกุศลแล้ว เพราะคุณคิดถึงสิ่งที่คุณต้องการจะทำ ถ้าหากทุกๆสิ่งที่เราทำในชีวิตประจำวันคือความคิดอกุศล แล้วความคิดแบบกุศลคืออะไร คิดแบบกุศลคือความคิดที่ไม่อยากได้ใคร่มี ไม่มีกิเลสใดๆ คิดแต่จะเป็นผู้ให้ คิดแต่จะทำเพื่อคนอื่น อย่างพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทุกๆพระองค์ ที่คิดแต่จะเผยแผ่หนทางดับทุกข์ให้แก่ทุกคน ดังนั้น การกระทำใดๆที่มีความอยากอยู่ ยังไม่ใช่กุศลกรรมแท้จริง แม้กระทั่งคิดว่า อยากไปทำบุญจัง อยากไปนั่งสมาธิในวัดเงียบๆให้ใจสงบ อันนี้ก็ไม่ใช่กุศลแท้ๆ ถามว่าทำแล้วได้บุญไหมถ้าทำไปเพื่ออยากจะได้ผลบุญ ตอบว่า ได้ แต่ว่าบุญถูกลดทอนไปมาก เพราะไม่ได้ให้จากใจที่เป็นกุศลจริงๆ ดังนั้นที่เราเคยคิดว่าเราจะนั่งสมาธิเพราะทราบมาว่าทำแล้วได้บุญมากสุดจะได้ส่งบุญอโหสิกรรมให้แก่ท่านทั้งหลายไม่ว่าเจ้ากรรมนายเวรหรือเทวดา บุญที่พวกท่านเหล่านั้นได้รับจากเรา คงจะถูกลดทอนไปมากเพราะความไม่รู้ของเรานี่เอง หลังจากได้รู้แบบนี้แล้วเราจึงปรับมุมมองตัวเองใหม่ว่า การนั่งสมาธิ คิอการทำจิตให้ว่างและไม่ยึดติดกับสิ่งใดๆทั้งสิ้น ไม่มีความอยาก ไม่มีกิเลส ไม่คาดหวังถึงผลบุญที่จะได้รับ(จริงๆเราก็ยังเป็นบ้าง คือ ไม่คิดถึงผลบุญที่จะได้รับ แต่ก็คิดอยากให้บุญนี้ส่งถึงทุกๆท่านที่เรามีโอกาสจะให้ได้ แสดงว่าจิดเรายังไม่บริสุทธิ์ 100% แต่ก็ยังดีกว่าแต่ก่อน เพราะอย่างน้อยได้รู้ถึงวัตถุประสงค์แท้จริงและประโยชน์ของการทำสมาธิว่าทำเพื่อตัดกิเลสให้ได้แม้เพียงชั่วครู่) ทุกวันนี้ยังไม่สามารถนั่งสมาธิเกิน 5-10นาทีได้ แล้วยังนั่งแค่สัปดาห์ละ 1-2 ครั้งอีก (แต่ยังกล้ามาเล่าเนอะ :D)แต่ก็จะพยายามต่อไปเพราะรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ได้รู้ถึงความหมายและประโยชน์แท้จริงของสมาธิ อ้อ เสริมอีกนิด คำว่าวิปัสสนากรรมฐานในความหมายของคนทั่วไปก็คือนั่งสมาธิ แต่ว่าจริงๆคำว่ากรรมฐาน(เฉยๆ)เคยดูหลวงพ่อจรัญ ท่านว่ากรรมฐานคือการมีสมาธิกับงานที่ทำอยู่ มีสติทุกขณะจิต เพียงแค่นั้นก็เป็นบุญแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปหาที่สงบที่วัดเพื่อจะนั่งวิปัสสนากรรมฐานก็ได้หากว่าคุณคิดว่าคุณไม่มีเวลา เพราะกรรมฐานทำได้ทุกวันในชีวิตประจำวัน วันหลังจะมาเขียนใหม่ อ่านอะไรมาจะมาแชร์ค่ะ :)มีความสุขที่ได้เขียน
Create Date : 15 กรกฎาคม 2555 |
|
25 comments |
Last Update : 17 กรกฎาคม 2555 16:12:06 น. |
Counter : 13932 Pageviews. |
|
|
|
สังคมสมัยนี้สิ่งเร้าเยอะมาก
..การทำให้จิตว่าง.
.แค่ห้านาทีก็ถือว่าได้บุญมากแล้วค่ะ..