อยากหน้าใส อยากผิวขาว อยากผมสวย มาที่นี่เลย ข้อมูลล้วนๆไม่มีการโฆษณาใดๆทั้งสิ้น เคล็ดลับด้านการดูแลตัวเอง อ่านข้อมูลที่อัพเดตเขียนเรื่อยๆได้ที่นี่เลย
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2556
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
29 พฤษภาคม 2556
 
All Blogs
 
การรักษาหลุมสิวหลากหลายวิธี

การรักษารอยหลุมสิวตั้งอดีตจนถึงปัจจุบันมีวิวัฒนาการการรักษารอยหลุมสิวด้วยวิธีที่หลากหลาย เช่น

1. Chemical Peeling เป็นที่นิยมในสมัยก่อนโดยการใช้น้ำยาที่เป็นกรดเข้มข้นเช่น Glycolic acid 30-50% เพื่อช่วยให้เซลล์ผิวชั้นนอกบริเวณรอยหลุมหลุดลอกออกไปอย่างช้าๆซึ่งจะช่วยให้เกิดเซลล์ผิวใหม่ที่แบ่งตัวดันขึ้นมา แต่ต้องทำหลายครั้งซึ่งแต่ละครั้งจะมีความเสี่ยงเรื่องโอกาสเกิดรอยดำค่อนข้างสูงเพราะเป็นการใช้น้ำยาแต้มลงไปที่รอยหลุมสิว

2. Microdermabrasion การกรอผิวด้วยผงคริสตอลซึ่งทำด้วยผลึกอลูมิเนียมออกไซด์ที่มีขนาดเล็กเท่าทรายละเอียด เป็นการกรอเพื่อผลัดผิวหนังกำพร้าด้านบนให้ผลัดผิวทิ้งไป และในขณะเดียวกันก็จะมีกลไกไปกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนแต่ต้องทำซ้ำหลายครั้ง ประมาณ 8-10 ครั้งไม่มีรอยและไม่มีแผลเป็นให้เห็น ต้องทำซ้ำทุกๆ 7-14 วันความเสี่ยงก็คือ ถ้ากรอลึกเกินไปอาจเกิดรอยถลอกและรอยแดง จากนั้นจะพัฒนาเป็นรอยดำ

3. Laserbrasion สมัยก่อนใช้วิธีนี้ในการปราบหลุมสิวซึ่งเป็นวิธีกรอผิวหนังด้านบนที่เป็นผิวหนังกำพร้าออกไป หนังกำพร้าจะหลุดลอกเป็นแผลถลอกแดง มีน้ำเหลืองออก ต้องดูแลรักษาแผลซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ7 วันกว่าแผลจะหาย การดูแลค่อนข้างยุ่งยากในคนไทยเมื่อแผลหายแล้วจะดำง่าย อาจเกิดรอยดำเป็นปื้น บางคนเกิดรอยดำเหมือนฝ้า คือเป็นรอยดำหลังทำเลเซอร์ซึ่งไม่ใช่ฝ้ารอยดำที่ว่านี้ค่อนข้างรักษายาก อาจรักษาง่ายกว่าฝ้า แต่ต้องใช้เวลานานบางคนอาจต้องใช้เวลา 4-6 เดือน

4. Nonablative Laser Rejuvenation คือการใช้แสงเลเซอร์ยิงลงไปโดยมีกลไกที่ปกป้องผิวหนังกำพร้าด้านบนให้แสงลงไปที่หนังแท้เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนขึ้นโดยกลไกที่ปก ป้องด้านบนต้องทำซ้ำหลายครั้ง ประมาณ 3-5 ครั้ง และอาจทำร่วมกับวิธีsubcision โดยการใช้เข็มสอดเข้าไปตัดพังผืดข้างใต้เพื่อให้มี freespace จะทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจนได้ง่ายขึ้น อาจมีรอยช้ำและมีความเจ็บปวดระหว่างที่ทำจึงมีพัฒนาการมาเป็นกลุ่มสุดท้ายคือ

5. Fractional Laser เช่น Q-Ray ลักษณะการทำงานคือเครื่องจะปล่อยลำแสงเล็กๆ ออกมาเป็น CO2 Laser โดยลำแสงจะลงไปตรงผิวหนังซึ่งเป็นจุดเล็กๆไม่ก่อให้เกิดรอยแผลถลอกหรือแผลเป็น มีผิวหนังบางส่วนเท่านั้นที่ได้รับแสง จะมีอาการบวมแดงและแสบบ้างเล็กน้อย อาการดังกล่าวเกิดขึ้นประมาณ 2-3 วัน จากนั้นจะตกเป็นสะเก็ดดำๆแต่ไม่ต้องดูแลแผลให้ยุ่งยาก สมมุติว่าทำตอนเช้า ตกเย็นก็สามารถล้างหน้าได้ตามปกติรุ่งขึ้นก็ทาครีมบำรุงผิวและทาครีมกันแดดได้ ไม่ต้องดูแลแบบแผลถลอกเหมือนสมัยก่อนที่เป็นlaserbrasion แต่ในขณะเดียวกันก็ได้ประโยชน์ในแง่ของการผลัดผิวด้านบนและมีกลไกไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ด้วย การสมานแผลเร็ว คือประมาณหนึ่งอาทิตย์สะเก็ดดำๆ จะหลุดออกหมด
ระยะเวลาในการรักษาด้วย Q-Ray Laser 3-5 ครั้งแต่ละครั้งห่างกัน 1 เดือน ขั้นแรกต้องทายาชาก่อนและทิ้งไว้ประมาณ45 นาที ระหว่างทำจะเป่าลมเย็นไปด้วยซึ่งจะช่วยลดความเจ็บและลดอาการแสบของผิวหนังผิวอาจไม่เรียบสนิทถึงร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้นเพราะมีการผลัดผิวหนังกำพร้าด้านบนออกไปตัวแผลเป็นจะเรียบและตื้นขึ้น

ข้อดีสามารถรักษาแผลสุกใสได้ ใช้ยาทาเฉพาะที่ ไม่จำเป็นต้องวางยาสลบหรือฉีดยาชามีอาการแสบแดงในระยะเวลาสั้นๆ แผลดูแลง่าย ไม่ยุ่งยาก

ข้อเสีย ช่วงที่มีอาการบวมแดงและแสบ ประมาณ 1-3 วัน อาจรู้สึกว่าแสบใบหน้า และมีตกสะเก็ดประมาณ 1 วัน

ผลข้างเคียง อาจเกิดรอยดำได้บ้าง แต่ก็น้อยมากที่จะเกิดรอยดำ ข้อแนะนำคือระหว่างที่ผิวแดงและมีสะเก็ด ควรทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ (SPF30ขึ้นไป)

ผลพลอยได้จาก Q-Ray Laser ช่วยกระชับรูขุมขนและลดริ้วรอยตื้นๆ ซึ่งอาจทำในลักษณะRejuvenation ทั้งใบหน้าก่อนในสองพาร์ท แรก แล้วจึงเน้นเฉพาะรอยหลุมสิว

ข้อควรรู้ การกินยาคุมกำเนิดอาจช่วยลดสิวได้ แต่ว่าส่วนใหญ่จะต้องใช้ระยะเวลาค่อนข้างนานการกินยาคุมกำเนิดอาจมีผลข้างเคียงในเรื่องอื่นๆ ตามมา เช่น การเกิดฝ้า




Create Date : 29 พฤษภาคม 2556
Last Update : 29 พฤษภาคม 2556 10:12:44 น. 0 comments
Counter : 666 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 827009
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 827009's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.