|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | |
|
|
|
|
|
|
|
ดีท็อกซ์
" ดี ท็อกซ์ " ง่าย ๆ ด้วยผัก-ผลไม้ โดย นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผอ.สถาบันเวชศาสตร์อายุวัฒน์นานาชาติ
" ดี ท็อกซ์ " คือ การฟอกพิษออกจากตัว โดยปกติตับจะทำหน้าที่นี้อยู่แล้ว แต่พออายุมากเข้าตับเหนื่อยทำงานน้อยลง ตังนั้นการ " ดี ท็อกซ์ " ไม่จำเป็นต้องทางก้นเสมอไป เพราะทางก้นนั้นทำบ่อยเข้าอาจไปกวนลำใส้ใหญ่เกินไป แต่เราสามารถฟอกพิษทางปากได้ด้วยการกินผักและผลไม้ 1. แอปเปิ้ล มีตัวดักพิษมากคือ เส้นใยเพกติน (pectin) กินแอปเปิ้ลเขียวหรือน้ำแอปเปิ้ลที่ต้องปั้นทั้งกากวันละ 2 ผล 2. ถั่วดำและมะรุม (แกงส้มมะรุม) มีตัวดักพิษ ชื่อ กากชนิดละลายน้ำ ( Soluble fiber ) กินวันละ 2 กำมือ หรือจะเป็นถั่วแดง ถั่วเขียว หรือถั่วสีเข้มอื่นก็ได้ หรือจะเป็นแบบสำรับไทยให้กินข้าวเม่าแทนข้าวโอ๊ตก็ได้และให้กินแท่งกระยาสารทแทนธัญพืชของฝรั่ง เพราะมีตัวดักพิษพอ ๆ กันในราคาถูกกว่า 3. ข้าวโอ๊ตไม่ขัดสี มีตัวดักพิษเป็นเส้นใยเช่นกัน ชื่อ " แบต้ากลูแคน " (Beta glucan) ตัวนี้ดีสุด ๆ เพราะช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันด้วย มีงานวิจัยใช้รักษามะเร็ง เบาหวานด้วย 4. สับปะรด มีน้ำย่อย ชื่อ " โบรมีเลน " ( Bromelain ) ช่วยย่อยขยะอาหารที่เหนียวติดตามซอกกลีบลำใส้ 5. มะละกอ เด่นดีที่น้ำย่อย ชื่อ " ปาเปน " ( Papain ) ช่วยกัดเศษเนื้อที่ติดเป็นคราบดำเหนียวในลำใส่ให้หลุดออกเหมือนผงทะลวงส้วมยังไงยังงั้นเลย ผลไม้ประกอบด้วย " ธาตุล้างพิษ " หลัก คือ 1. กากชนิดละลายน้ำได้ มักเป็นส่วน " เนื้อ " นิ่ม ๆ กินอร่อย เป็นเหมือน " ฟองน้ำ " คือทั้ง " เช็ด " และ " ซับ " คราบสกปรก ดูดไขมัน ลากน้ำตาลส่วนเกินให้ออกนอกร่างกายจึงดีมากสำหรับคนเป็นความดันโลหิตสูง และโรคเบาหวาน 2. กากชนิกไม่ละลายน้ำ มักเป็นส่วน " เปลือก " เป็นเสมือน " ไม้กวาด " อุดมไปด้วยเสี้ยนที่จะไปขัดสีถึงซอกเล็กน้อยในลำใส้ ส่วนผักมี 2 แบบเช่นกัน คือ ผักที่เด่นไปด้วย " กากไม่ละลายน้ำ " และผักที่เด่นไปด้วย " กากละลายน้ำได้ " ซึ่งดีทั้ง 2 แบบ แต่ควรเลือกให้หนักที่ผักที่มีกากละลายน้ำได้มากจะดี กว่า สังเกตได้คือ เป็นผักเนื้อนิ่ม เช่น มะรุม มะเขือเทศ แตงกวา หรือเป็นผักที่มีวุ้นหรือเมือกมาก เช่น กระเจี๊ยบอ่อน บอน ต้องกินผักและผลไม้บ่อยแค่ไหนปละปริมาณเท่าใด ? นพ.กฤษดา กล่าวว่า โดยทั่วไปควรกินให้ได้ " กาก " ทั้ง 2 อย่างวันละ 30 กรีม คือ กินผักให้ได้มื้อละ 2 ทัพพี หรือจะทำ สัปดาห์ละครั้งก็พอ คนที่ควร " ดี ท็อกซ์ " เป็นใครบ้าง ? นพ.กฤษดา กล่าวว่า เป็นคนที่ตับเริ่มขี้เกียจทำงาน หรือตับป่วย เช่น ผู้สูงอายุ คนดื่มเหล้าจัด คนเป็นโรคเบาหวาน คนที่ทำงานหนัก เครียดจัีด นอนดึก เพราะตับจะล้าเหมือนกัน สัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่าต้อง " ดี ท็อกซ์ " เป็นอย่างไร ? นพ.กฤษดา กล่าวว่า 1. ท้องผูกบ่อย หรือถ่ายเหลวแบบไม่ใช่ท้องเสีย 2. ถ่ายไม่เป็นเวลา ถ่ายผิดเวลาไปจากเดิม 3. ลำไส้แปรปวน ท้องอืดง่ายจนรำคาญ 4. นอนไม่ค่อยหลับทั้งที่แต่ก่อนหลับดี 5. อารมณ์หงุดหงิดขึ้นลงง่าย ผิดกับแต่ก่อน
แหล่งข้อมูล : นสพ.เดลินิวส์
Create Date : 12 กุมภาพันธ์ 2553 |
|
2 comments |
Last Update : 2 มีนาคม 2553 15:40:45 น. |
Counter : 1313 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: **mp5** 12 กุมภาพันธ์ 2553 14:51:32 น. |
|
|
|
| |
โดย: ป้าตุ้ย (amornsri ) 12 กุมภาพันธ์ 2553 16:22:26 น. |
|
|
|
|
|
|
|