ศูนย์วิจัย กสิกรไทย เผยสถิติ ปริมาณการบริโภคน้ำอัดลมต่อคนของไทย สูงที่สุดในอาเซียน คิดเป็น 41.30 ลิตร/คน/ปี งานวิจัยในยุโรปพบว่าการดื่มน้ำอัดลมวันละ 1 กระป๋อง ทำให้มีโอกาสเป็นโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นร้อยละ 22 เมื่อเทียบกับการดื่มไม่เกินเดือนละ 1 กระป๋องหรือน้อยกว่า ผลการศึกษาดังกล่าวที่ตีพิมพ์ในวารสาร Diabetologia น้ำอัดลมในประเทศไทยนิยมดื่มกันมากในทุกเพศ ทุกวัย ซึ่งมี จำหน่ายอยู่ทั่วไปหลายยี่ห้อ แต่ท่านทราบหรือไม่ว่า น้ำอัดลมที่ท่านดื่มอยู่นี้มีโทษอย่างไรบ้าง ทางด้านคุณน้ำอัดลมไม่มีคุณค่าทางโภชนาการแต่อย่างใด (ในแง่ของวิตามิน และแร่ธาตุ) แต่จะมีส่วนผสมของน้ำตาลสูง มีกรดสูงมาก และมีสารปรุงแต่งจำพวกวัตถุกันเสีย และสีมากกว่า บางคนชอบดื่มน้ำอัดลมเย็นๆ หลังทานอาหารแต่ละมื้อ ร่างกายของคนเราขณะย่อยอาหารจะมีอุณหภูมิ 37 องศา แต่น้ำอัดลมเย็นๆ ที่ดื่มเข้าไปมีอุณหภูมิเกือบจะ 0 องศา เช่นนี้จะทำให้ประสิทธิภาพในการย่อยอาหารของร่างกายต่ำลง การย่อยอาหารทำได้ยากขึ้น และย่อยอาหารได้น้อยลง อาหารในร่างกายจะเสีย และส่งแก๊สซึ่งมีกลิ่นเหม็นออกมา อาหารจะเน่าเปื่อย และทำให้เกิดสารพิษซึ่งจะถูกดูดซึมในลำไส้ และจะไหลเวียนในระบบเลือดไปทั่วร่างกาย สารพิษซึ่งแพร่ออกไปทั่วร่างกายนี้จะส่งผลให้เชื้อโรคต่างๆ เจริญเติบโตได้ดีขึ้น คุณเคยคิดก่อนดื่มหรือไม่ว่าคุณดื่มอะไรเข้าไปคุณกำลังกลืนสารคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นสารที่ไม่มีใครในโลกจะแนะนำให้ดื่ม เรามาดูส่วนประกอบของน้ำอัดลมกันดีกว่า ว่าส่วนประกอบนั้นมีอะไรบ้าง
1. น้ำ เป็นส่วนประกอบหลักของน้ำอัดลม เป็นน้ำที่สะอาด อาจจะใช้น้ำประปา แต่ส่วนใหญ่แล้วจะมาจากน้ำบาดาลที่ผ่านการกรองและฆ่าเชื้อโรคด้วยคลอรีน 2. สารให้รสหวาน สารให้รสหวาน คือ น้ำตาลทราย นำมาผสมน้ำ แล้วต้มทำเป็นน้ำเชื่อมและกรอง ปัจจุบันมีการใช้สารให้ความหวานตัวอื่นเพิ่มมา เช่น น้ำเชื่อมข้าวโพด (Corn syrup) สารทดแทนความหวาน เช่น แอสปาเทม 3. สารปรุงแต่ง ที่เรียกกันว่า หัวน้ำเชื้อ ซึ่งจะเป็นส่วนผสมของสารที่ให้กลิ่นและสี กับกรดบางชนิดที่ใช้ในอาหาร เช่น กรดมะนาวหัวน้ำเชื้อจะนำมาผสมในน้ำเชื่อม 4. ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยจะนำมาอัดลงในน้ำหวานที่ผสมไว้ 5. คาเฟอีน ในบางยี่ห้อ 6. วัตถุกันเสีย
น้ำอัดลมบรรจุขวดหรือกระป๋องที่มีจำหน่ายกันทั่วไปนั้น แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทด้วยกัน ตามลักษณะเฉพาะของกลิ่น รส และสีของผลิตภัณฑ์ ดังนี้ ประเภทที่ 1 น้ำอัดลมรสโคล่า หรือน้ำดำ น้ำอัดลมประเภทนี้ปรุงแต่ด้วยหัวน้ำเชื้อโคล่าซึ่งมีคาเฟอีนที่สกัดจากส่วนใบของต้นโคคาอยู่ด้วย ปริมาณของคาเฟอีนในน้ำอัดลมชนิดโคล่าแต่ละยี่ห้อก็จะแตกต่างกันไปแล้วแต่สูตรลับเฉพาะของแต่ละบริษัท สำหรับสีน้ำตาลเข้มที่เป็นที่มาของสีน้ำดำนั้น ส่วนใหญ่แล้วจะมาจากสีผสมอาหารที่เป็นสีของน้ำตาลเคี่ยวไหม้ ประเภทที่ 2 น้ำอัดลมไม่ใช่โคล่า ได้แก่น้ำอัดลมสีขาวใสที่ปรุงแต่ด้วยหัวน้ำเชื้อเลมอน-ไลม์ น้ำอัดลมที่ปรุงแต่งกลุ่นรสเลียนแบบน้ำผลไม้ เช่น ส้ม องุ่น มะนาว ลิ้นจี่ น้ำหวานอัดลม พวกน้ำเขียว น้ำแดง และน้ำอัดลมที่สีเหมือนโคล่าแต่ไม่ใช่ คือ รู้ทเบียร์ เป็นต้น น้ำอัดลมเหล่านี้ส่วนใหญ่แล้วจะไม่มีคาเฟอีน เนื่องจากไม่ได้ปรุงแต่ด้วยหัวน้ำเชื้อชนิดโคล่า อย่างไรก็ตามอาจมีการเติม คาเฟอีนสกัดเล็กน้อยในส่วนผสม เพื่อให้ได้ฤทธิ์กระตุ้นของคาเฟอีน ทำให้รู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าเมื่อดื่ม ตามแต่สูตรของผู้ผลิต ซึ่งอาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศด้วย คุณค่าทางโภชนาการของน้ำอัดลมอยู่ที่น้ำตาลซึ่งร่างกายสามารถนำไปใช้เป็นพลังงานได้ แต่จุดอ่อนของน้ำอัดลมอยู่ที่ผู้ดื่มได้พลังงานเพียงอย่างเดียว โดยไม่มีสารอาหารอื่นๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอีก เรียกว่าพลังงานที่ว่างเปล่า หรือ Empty calories ดังนั้นถ้าดื่มน้ำอัดลมมาก และรับประทานอาหารอื่นน้อย ก็อาจขาดสมดุลทางโภชนาการ ที่สำคัญคือในเด็กยิ่งเด็กเล็กๆ ยิ่งน่าเป็นห่วง ถ้าปล่อยให้ดื่มแต่น้ำอัดลม ไม่ได้ดูแลให้รับประทานอาหารให้ครบตามหลักโภชนาการ อาจขาดสารอาหารได้ บางครั้งก็ให้ดื่มในเวลาที่ใกล้จะถึง หรือในระหว่างรับประทานอาหารมื้อหลัก ทำให้อิ่มและกินอาหารได้น้อยลง ข้อเสียอีกประการหนึ่ง เนื่องจากน้ำอัดลมมีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบในปริมาณมาก และมีสภาวะเป็นกรดด้วย อาจเป็นเหตุให้ฟันผุ นอกจากนี้น้ำอัดลมยังอาจทำให้ท้องอืด เพราะเกิดก๊าซในกระเพาะอาหาร และสภาวะที่เป็นกรดของน้ำอัดลมก็ไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคกระเพาะอาหารด้วย ผลเสียของน้ำอัดลมต่อสุขภาพ | 1. อ้วน ความหวานจากน้ำตาลถ้าดื่มมากและบ่อย สะสมพลังงานทำให้อ้วน การดื่มน้ำอัดลม 1 กระป๋อง จะต้องวิ่งเป็นเวลา 15-20 นาที จึงจะใช้พลังงานหมด 2. ฟันผุ เกิดจากกรดในน้ำอัดลมทำลายสารเคลือบฟัน และความหวานที่เป็นอาหารของเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้ฟันผุ 3. ปวดท้อง ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่อัดในน้ำอัดลมจะกลายเป็นกรดคาร์บอนิก ซึ่งเป็นกรด จะทำให้เกิดการอักเสบของเยื่อบุกระเพาะอาหาร เป็นโรคกระเพาะ เกิดอาการปวดท้อง แก๊สในน้ำอัดลมทำให้ท้องอืด แน่นท้อง และปวดท้อง ซึ่งพบได้บ่อยในเด็ก 4. กระตุ้นหัวใจและระบบประสาท ผลจากคาเฟอีนในน้ำอัดลม มีผลกระตุ้นหัวใจทำให้ใจสั่น มือสั่น นอนไม่หลับ 5. กระดูกพรุน คาเฟอีนมีผลต่อการขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะเพิ่มขึ้น ทำให้มีโอกาสสูญเสียแคลเซียมจากร่างกาย และผลจากฟอสเฟตสูงในน้ำอัดลม ทำให้ระดับแคลเซียมในร่างกายต่ำลง การดื่มน้ำอัดลมทำให้โอกาสของการดื่มนมและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ลดลง ส่งผลให้เป็นโรคกระดูกเปราะ กระดูกผุกร่อนได้ง่าย 6. ขาดสารอาหาร เด็กเล็กๆ ถ้าดื่มน้ำอัดลมมากๆ ในเวลาที่ใกล้จะถึงมื้ออาหารมื้อหลัก หรือในระหว่างรับประทานอาหาร จะทำให้อิ่มและรับประทานอาหารมื้อหลักได้น้อย ได้สารอาหารไม่ครบตามหลักโภชนาการ อาจขาดสารอาหารได้ พิจารณาดูแล้วนอกจากรสชาติที่หลายคนชื่นชอบ ผลกระทบทางลบต่อสุขภาพดูจะเป็นข้อควรสอนให้เด็กๆ และผู้ปกครองได้รับรู้ และเป็นตัวแบบในการไม่สนับสนุนในการเพิ่มปัจจัยเสี่ยงด้านสุขภาพต่อลูกๆของเรา Great USA ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับน้ำอัดลมไว้ว่า คุณแม่ยังสาวคนหนึ่งเสียชีวิตเนื่องจากไตวายทั้งสองข้าง เธอได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลเพอร์ทามิน่าเป็นเวลาหนึ่งเดือน โดยได้รับอนุญาตให้กินได้แค่น้ำ 1 แก้วในหนึ่งวันเท่านั้น หมอให้การรักษาเธอ แต่ดูเหมือนว่าจะสายไปเสียแล้ว เธอเล่าว่าเธอดื่มน้ำอัดลมตอนทานอาหารกลางวันทุกวัน แม้ว่าเธอจะดื่มน้ำอัดลมเพียงวันละ 1 แก้ว มันก็สามารถทำลายอวัยวะภายในของเธอได้ ท้ายที่สุดเธอเสียชีวิตลง สำหรับผู้ที่ชอบดื่มซึ่งคิดว่าคุณรู้เรื่องเกี่ยวกับน้ำอัดลมดีแล้ว น้ำอัดลมสามารถ.... - ทำความสะอาดห้องน้ำโดยการรินลงในโถชักโครก ทิ้งไว้ 1 ชั่วโมงแล้วจึงกดชักโครก กรดซิติกในน้ำอัดลม จะขจัดคราบสกปรกได้อย่างดี - ใช้กำจัดจุดสนิมบนกันชนรถโดยการขัดกันชนด้วยแผ่นอลูมิเนียมฟอยล์ ขยำเป็นชิ้นเล็กๆ และจุ่มน้ำอัดลม - ใช้ทำความสะอาดรอยกัดกร่อนบนสายแบตเตอรี่รถ โดยการรินให้ทั่วสายแบต ฟองที่เกิดขึ้นจะช่วยขจัดรอยดังกล่าวได้ - ช่วยทำให้รอยสนิมบนม้วนผ้าจางลง โดยการจุ่มผ้าในน้ำอัดลมประมาณ 2-3 นาที - ช่วยอบแฮมที่ชื้นได้ โดยการเทน้ำอัดลม 1 กระป๋องลงในกระทะ ซึ่งตั้งไฟไว้แล้วใส่แฮมที่ห่อด้วยอลูมิเนียมฟอยล์ลงไป แกะฟอยล์ออก 30 นาทีก่อนแฮมสุก และผสมแฮมกับน้ำอัดลมจะได้น้ำเกรวี่สีน้ำตาล - ช่วยขจัดรอยฝังแน่นจากผ้าโดยการเทน้ำอัดลม 1 กระป๋องลงบนผ้าสกปรก เติมน้ำยาซักผ้าและซักตามปกติ จะช่วยทำให้คราบฝังแน่นจางลง และยังช่วยทำความสะอาดรอยน้ำ ซึ่งกระเด็นจากถนนบนกระจกรถได้อีกด้วย
ถ้าจะให้เลิกดื่มน้ำอัดลมซะทีเดียวมันก็เป็นเรื่องยาก แต่ถ้าจำเป็นต้องดื่มจริง ๆ ก็ควรจะดื่มให้น้อยลง ไม่ควรดื่มมากเกินไป
แนวทางในการดื่มน้ำอัดลมที่ถูกต้อง - ไม่ดื่มในปริมาณมาก - ไม่ดื่มน้ำอัดลมระหว่างมื้ออาหารหลัก - หลังดื่มน้ำอัดลม ควรบ้วนปากหรือแปรงฟันเสมอ เพื่อป้องกันฟันผุ - ไม่ควรดื่มบ่อย โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคกระเพาะ อาจทำให้กระเพาะเกิดแผลได้ การดื่มน้ำอัดลมในปริมาณที่เหมาะสมและถูกวิธี ก็สามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับร่างกายได้
บล็อคนี้อยู่ในหมวดสุขภาพค่ะ
|