- การได้รับยาปฏิชีวนะบางตัว หรือได้รับยาปฏิชีวนะต่อเนื่องเป็นเวลานาน ๆ จนกระทั่งไปกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย
- การสัมผัสกับสารพิษบางอย่าง แล้วสะสมในร่างกายขับออกไม่หมด นานวันเข้าก็ไปกระตุ้นภูมิจนเพี้ยนไป
- การติดเชื้อบางอย่าง หลังจากที่มีการติดเชื้อนั้น ระบบภูมิต้านทานในร่างกาย ไม่สามารถกำจัดออกได้หมด เช่นการมีแบคทีเรียเจริญเรื้อรังในกระเพาะปัสสาวะ แล้วเชื้อเล็ดรอดเข้าไปในกระแสเลือด ความจริงภูมิต้านทานพยายามทำลายเชื้อ แต่ทำลายไม่หมด
การอักเสบแบบภูมิวัยเกินที่ระบบประสาท ก็พบว่าเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อไวรัสบางอย่าง ที่ระบบภูมิต้านทานไม่สามารถกำจัดออกได้หมด ทำให้เกิดการกระตุ้นระบบภูมิต้านทานตลอดเวลา แต่มีการกระตุ้นทำให้ร่างกายผลิตภูมิต้านทาน เพื่อเข้าไปพยายามทำลายเชื้อโรคที่ระบบประสาท แต่ไม่สำเร็จ นานวันร่างกายก็จะสร้างระบบภูมิต้านทานที่มีความจำเพาะน้อยลง และภูมิต้านทานที่ทำลายระบบประสาทของเราไปด้วย
การรักษาโรคภูมิเพี้ยนหรือภูมิทำร้ายตัวเอง
การรักษาที่ได้ผลและมีประสิทธิภาพในการควบคุมโรคตามแนวทางแผนปัจจุบัน คือ การกดภูมิด้วยการใช้ยากดภูมิ ใช้สเตียรอยด์ ทำให้โรคเปลี่ยนทิศ โดยในขั้นแรกจะให้ยาในขนาดที่สูง จากนั้นจะค่อยๆ ลดยาลงจนถึงระดับที่น้อยที่สุดที่เป็นไปได้ ที่จะสามารถควบคุมโรคได้ ส่วนใหญ่โรคมักจะเกิดการกำเริบเป็นระยะ ๆ เช่น ปีละครั้ง หรือ สองสามปีครั้ง หรือปีละ 1-3 ครั้ง แม้ว่าจะทานยาอยู่ตลอดก็ตาม ในระหว่างที่โรคกำเริบ ก็จะเพิ่มขนาดยาให้สูงขึ้น ในผู้ป่วยบางราย อาจไม่ตอบสนองต่อการรักษา แม้ว่าจะให้ยาในขนาดที่สูงแล้ว และผู้ป่วยมักจะเสียชีวิต จากโรคแทรกซ้อน
ผลข้างเคียงจากการรักษา มักเกี่ยวข้องกับการใช้สเตียรอยด์ หรือยากดภูมิอื่น ๆ เช่น ติดเชื้อง่าย กระดูกเปราะบาง ภูมิต้านทานต่ำ
ในเชิงบูรณาการ หากโรคกำลังกำเริบ ต้องกดภูมิไว้ก่อนด้วยแผนแรก ควบคู่ไปกับการลดการอักเสบด้วยยา และสารอาหารที่มีฤทธิ์เป็นยา เช่น โอเมก้า 3 สารสกัดจากบอสวิลเลีย ฯลฯ เป็นต้น พอโรคสงบค่อยมาหาทางขจัดสาเหตุทีละประการ เช่น
Oxidation Therapy นำ Singlet Oxigen เข้าไปในร่างกาย เพื่อผลในการกำจัดเชื้อตกค้างที่ระบบภูมิต้านทาน และยาฆ่าเชื้อไม่สามารถกำจัดออกได้ กระบวนการจะเจาะเส้นเลือดดำบริเวณแขน นำเลือดดำผู้ป่วยเข้าไปในขวดสุญญากาศจำนวน 60-200 ซีซี จากนั้นเติมออกซิเจนจนกลายเป็นเลือดแดง นำเลือดแดงผ่านท่อซึ่งมีเครื่องกำเนิดแสงยูวีชนิดรักษา ที่มีการกำหนดช่วงคลื่นไว้แล้ว แสงยูวีจะกระตุ้นโมเลกุลของออกซิเจน ซึ่งเดิมมีสองโมเลกุล ให้แตกออกเป็นหนึ่งโมเลกุล เรียกว่า Singlet Oxigen ซึ่งเป็นประจุลบ Singlet Oxigen ช่วยกระตุ้นระบบภูมิต้านทาน และช่วยขจัดเชื้อโรคตกค้าง
วิธีที่2 หยุดกระบวนการอักเสบโดยวิธีธรรมชาติ คือ แทนที่จะใช้สเตียรอยด์ไปหยุดกระบวนการอักเสบ จะใช้กระบวนการหยุดการอักเสบด้วยวิธีธรรมชาติ คือ การสกัดเอาแอนตี้บอดี้ออกมาจากตัวเรา เอาไปทำให้เป็นวัคซีน แล้วฉีดกลับเข้าไปให้ร่างกายเราสร้างเม็ดเลือดขาวขึ้นมาต่อต้าน โดยสกัดแอนตี้บอดี้ออกมาครั้งเดียวแล้วนำมาทำวัคซีนฉีดอย่างน้อย 25 เข็มเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโดยวิธีธรรมชาติ วิธีการนี้เป็นการพัฒนาของแพทย์จากประเทศเยอรมัน
วิธีที่3 คือการไปซ่อมเซลล์ต่อมไทมัส ทำให้ต่อมไทมัสทำงานดีขึ้น คือการตอบสนองทางภูมิต้านทาน มี 2 ประเภท
1. ประเภทต้านเชื้อโรค
2. ประเภทที่ทำให้เกิดภูมิต่อต้านตัวเอง เพราะฉะนั้นเราต้องค่อยๆเปลี่ยนระบบภูมิให้มันเป็นการตอบสนองในเชิงต่อต้านเชื้อโรค โดยใช้สารสกัดจากต่อมไทมัสจากสัตว์ สกัดเฉพาะโปรตีนไทมัสออกมาเป็นยาในกลุ่มเปปไทด์
โรคภูมิเพี้ยนหรือภูมิทำร้ายตัวเองหายขาดได้หรือไม่
สำหรับคนที่ยังไม่เป็นโรคนี้ ที่ดีที่สุดคือต้องเสริมสร้างภูมิต้านทานให้แข็งแรง เริ่มต้นจาก
- เลือกรับประทานอาหารที่อุดมด้วยผักผลไม้ที่ปลอดสารพิษ
- หลีกเลี่ยงอาหารขยะ ของทอด ปิ้งย่าง
- รับประทานแต่ของสด หรือถ้าจะใช้ความร้อนปรุงก็ควรเป็นนึ่งหรือตุ๋น
- งดน้ำอัดลม
- ออกกำลังกายเป็นประจำ
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- หลีกเลี่ยงการรับประทานยาปฏิชีวนะต่อเนื่องนาน ๆ
- อย่าปล่อยให้ความเครียดเข้ามาเบียดความสงบสุข ภายในใจ
- ปล่อยสัตว์ ปล่อยปลา ให้ชีวิตเป็นทาน
- ฝึกสมาธิปฏิบัติธรรม สวดมนต์แผ่เมตตา เป็นประจำ เท่านี้ก็ห่างไกลโรคแล้ว
ขอขอบคุณทุกๆกำลังใจ
บล็อคนี้อยู่ในหมวดสุขภาพค่ะ
เสริมสร้างภูมิต้านทานให้แข็งแรงไว้ก่อน
สำคัญนะจ๊ะน้องปาน
โหวตและกด like ค่ะ
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
pantawan Health Blog ดู Blog
................
นอนหลับฝันดีคืนนี้นะคะ