| | | | - ความสื่อมของกล้ามเนื้อในลูกตา
| | | - ป้องกันอันตรายจากรังสียูวี
| |
ผํกผลไม้ที่มีสารเบต้าแคโรทีน สูง
เบต้า-แคโรทีน มีในพืชสีเหลืองและสีส้ม และ ผักที่มีสีเขียว เช่น
แครอต
ฟักทอง
หน่อไม้ฝรั่ง
ข้าวโพดอ่อน
แตงโม
แคนตาลูป
มะละกอสุก
บร็อกโคลี่
มะระ
ผักบุ้ง
ต้นหอม
ผักคะน้า
ผักตำลึง
ส่วนเหตุที่อาหารบางชนิดมีสีเขียว เป็นเพราะสีของเบต้า-แคโรทีนถูกสีเขียวของคลอโรฟิลล์บดบัง
10 สุดยอดผลไม้ไทยที่มีเบต้าแคโรทีนสูงสุด | ไมโครกรัมต่อ 100 กรัม |
1. มะม่วงน้ำดอกไม้สุก | 873 |
2. มะเขือเทศราชินี | 639 |
3. มะละกอสุก | 532 |
4. แคนตาลูปเหลือง | 217 |
5. มะปรางหวาน | 230 |
6. มะยงชิด | 207 |
7. สับปะรดภูเก็ต | 150 |
8. แตงโม | 122 |
9. ส้มสายน้ำผึ้ง | 101 |
10. ลูกพลับ | 93 |
เบต้าแคโรทีนในแต่ละวัน
ในแต่ละวันเราได้รับเบต้าแครอทีนน้อยมาก เพราะเบต้าแครอทีนถูกทำลายได้ง่ายมาก บางส่วนจะถูกทำลายด้วยความร้อน มิหนำซ้ำร่างกายยังดูดซึมเบต้าแคโรทีนได้เพียง 25 -27% เท่านั้นเอง ดังนั้น จึงควรที่จะรับประทาน ให้ได้อย่างเหมาะสม จะดีที่สุด
1.หากต้องการรับประทานเพื่อบำรุงสุขภาพ ป้องกันความเสื่อม โดยทั่วไปสามารถทานได้ วันละ 4,000-5,000 Ius (International Unit)
2.หากต้องการรับประทาน เพื่อการรักษาภาวะความเสื่อมที่เป็นอยู่ สามารถทานได้ถึง 10,000-20,000 IUs ต่อวัน
โดยให้อยู่ภายใต้ คำแนะนำของแพทย์ หรือเภสัชกร จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
ผลข้างเคียง
สำหรับผลข้างเคียงที่อาจเป็นผลเสียต่อร่างกาย ขณะนี้ยังไม่พบ จากการวิจัยพบว่าวิตามินเออาจเป็นพิษได้ ถ้ารับประทานในปริมาณที่สูงกว่า 25,000 หน่วยสากล (IU) ต่อวัน แต่ไม่พบว่าเบต้า-แคโรทีนมีความเป็นพิษ เมื่อรับประทานในปริมาณสูง ส่วนการมีปฏิกิริยากับสารอื่นไม่พบรายงานว่ามีปฏิกิริยาของเบต้า-แคโรทีนกับยาสมุนไพร รวมทั้งผลิตภัณฑ์อาหารเสริมใดๆ
ผู้ที่ควรรับประทานเบต้าแคโรทีน
1. ผู้ที่ต้องการดูแลผิวพรรณ เราพบว่าผิวพรรณของเราจะเป็นส่วนของร่างกายที่ดีที่สุด ที่จะทำให้เราทราบว่าอนุมูลอิสระมีผลต่อเราแล้วหรือยัง ? ผิวพรรณที่เริ่มเหี่ยวย่น ไม่ผ่องใส ขาดความชุ่มชื่น หรือไม่มีน้ำมีนวล สิ่งเหล่านี้บอกได้แล้วว่าความเสื่อมได้เริ่มมาเยือนแล้ว ถ้าปล่อยปละละเลย จะทำให้ยากต่อการเยียวยารักษา และอาจจะแสดงผลต่อเนื่องกับอวัยวะที่เกี่ยวข้อง คือ เส้นผม และ เล็บ ตามมาด้วยเช่นกัน
2. ผู้ที่ต้องการลดความเสี่ยงต่อภาวะมะเร็ง
อนุมูลอิสระมีผลเกี่ยวข้องกับมะเร็งเนื้อร้าย ( Cancers ) การลดปริมาณอนุมูลอิสระ ก็จะเป็นการลดความเสี่ยงของมะเร็งนั่นเอง
นอกจากนี้เรายังพบว่า เบต้าแคโรทีน สามารถให้ผลกระตุ้นเซลล์ภูมิต้านทานในร่างกาย ให้มีประสิทธิภาพการทำงานต้านสิ่งแปลกปลอมได้ดีขึ้น จึงให้ผลดีกับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อมะเร็ง
3. ผู้ที่ต้องการบำรุงสุขภาพของดวงตา
เบต้าแคโรทีน เมื่อโดนย่อยสลายที่ตับแล้ว จะได้วิตามิน เอ ซึ่งร่างกายนำไปใช้สร้างสารโรดอฟซิน ( Rhodopsin ) ในดวงตา ส่วนเรตินา ( Retina ) ทำให้เรามีความสามารถในการมองเห็นในตอนกลางคืนได้ นอกจากนั้น เบต้าแคโรทีน ยังลดความเสื่อมของเซลล์ของลูกตา และลดความเสี่ยงต่อการเป็นต้อกระจก
4. ผู้ที่ต้องการชลอความแก่ ( Anti-aging )
เบต้าแคโรทีน จะให้ผลในการลดความเสื่อมของเซลล์ จากอนุมุลอิสระ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดขบวนการแก่ ดังนั้นหากเราลดสาเหตุดังกล่าวเสีย ความแก่ก็จะมาเยี่ยมเยือนเราได้ช้าลง
ผักและผลไม้ทำให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงแล้ว
ยังช่วยกำจัดโรคร้ายได้ด้วยเช่นกัน
การทานผักสด อาจจะได้คุณค่าจากพืชผักที่ครบถ้วน
แต่ที่สำคัญ อย่างลืมล้างให้สะอาดก่อนนะคะ
บล็อคนี้อยู่ในหมวดสุขภาพค่ะ