เมื่อยอม.....เป็นผู้แพ้....โดยเต็มใจ
ผมกลายเป็นผู้แพ้อีกแล้ว...แต่จะว่าไปจริงๆแล้ว ก็แพ้มาเรื่อยๆแหล่ะ ไม่ค่อยได้ชนะอะไรกับเค้าหรอกครับ แต่คราวนี้มันดันแพ้ใจ...อิอิ ไม่ใช่แพ้ใจสาวที่ไหนหรอกนะ แพ้ใจตัวเองต่างหาก
ตั้งใจมาหลายเพลา ว่าต้องเลิกการแฟให้ได้ สัญญากับตัวเอง ครั้งแล้วครั้งเล่า...เห้อ
เพื่อนบอกว่า...ขออนุญาติซาวด์แทร๊กนะครับ..... "มรึงอะ...หน้าแก่หว่ะ แก่กว่าอายุซะอีก...เลิกกาแฟเหอะ เชื่อตู กาแฟ ทำให้หน้ามรึงอะแก่"
เมื่อฟังคำเตือนที่แสนจะไพเราะเสนาะหู จากกัลยาณมิตรที่คบหากันมามากกว่า 10 ปี เชื่อมันผู้นั้นอย่างสนิทใจ ท่าจะจริงของ...หน้าแก่..จริงเหรอ (แอบถามตัวเอง) ...ก็คงจริงมั้ง
จะว่าไปไอ้หนึ่งเพื่อนผมมันก็อาจจะไม่ได้โกหก หรือหาเรื่องว่าผมหรอก เพราะว่าไม่ว่าใครต่อใคร ที่สนิทกันมักจะบอกว่า "แกหน่ะ หน้าแก่กว่าอายุซะอีก.....เท่าไหร่นะ 27 เหรอ ฮ่าๆๆๆฉันนึกว่า 33" อะนะ อะนะ เอาเข้าไป....ผิดตรงไหนที่หน้าแก่....แล้วตกลง...ตูหน้าแก่จริงๆเหรอฟ่ะ????? ถึงจะกระนั้นก็ตามที อยากจะตะโกนบอกใครๆว่า
"แม้นใบหน้าจะดูชรา แต่แววตายังทารก นะคร๊าบบ" แต่เบื้องหลังความพ่ายแพ้ครั้งนี้..ผมยังยิ้มให้กับความพยายามที่ได้พยายามอย่างเต็มที่แล้ว.....
- หลังตื่นนอน กาแฟ 1แก้วก็มา say Good Morning พร้อมกับ breakfast
- พอมาถึงที่แลป กาแฟ แก้วที่ 2 ก็ตามมา
- หลังทานข้าวกลางวัน ก็ได้เวลาของกาแฟ ด้วยเหตุผล กินข้าวอื่มแล้วเดี่ยวจะง่วง...
- บ่ายแก่ๆ ขอ Break ซะหน่อยด้วยกาแฟหอมๆ Espresso กะคุ๊กกี้อร่อยๆ
- ตอนเย็นหลังทานอาหารเย็น ก็ต้องล้างปากล้างคอ ด้วยกาแฟอีกสักแก้ว ก่อนจะบอกราตรีสวัสดิ์กับวันที่แสนเหน็ดเหนื่อย
รวมๆแล้วก็หลายแก้วอยู่เหมือนกันนะครับเนี่ย...ยิ่งไปกว่านั้น เช่นอย่างคืนนี้ นั่งเขียนเรื่อง Blog ก็ยังได้กาแฟแก้วที่ 2 หลังจากแก้วแรกหลัง Dinner
เพื่อนผมที่นี่บอกว่าที่อังกฤษเนี่ยเค้าไม่ค่อยดื่มกาแฟกันหรอกนะเค้าว่ากันว่า "ผู้ดีดื่มชา ขี้ข้าดื่มกาแฟ" ฮ่าๆๆๆๆ อึ้ง...ถึงจะอย่างงั้นก็ตาม ผมก็ยังรักภักดีต่อกาแฟ เครื่องดื่มจากสวรรค์อันแสนหอมหวล
ผมเริ่มปฏิบัติการ ลด ละ และเลิก โดยเริ่มจากลดปริมาณการดื่ม จากแก้วใหญ่ เป็นแก้วเล็กลง ก็ทนไหว
ลดลงจากวันละหลายๆแก้วเป็นดื่มกาแฟหลังอาหารมื้อหลัก สามเวลาต่อวัน....ก็ทนไหว
อาทิตย์ที่แล้วนี่เอง มาตราการหักดิบ (เหมือนตัวเองอยู่ถ้ำกระบอกไงไม่รู้) ลดได้ 2 วัน...ครับ ถามว่ามีปฏิกิริยาอะไรกับร่างกายไหม ไม่เลย รู้สึกเหมือนเดิม ผมเลยคิดว่า จะดื่มหรือไม่ดื่มคงไม่มีผลอะไรกับตัวผม
เมื่อวันพุธที่แล้ว...เจอเพื่อนครับ เพื่อนนัดที่ร้านกาแฟ Starbuck ผมก็ไปตามนัด.... พอเดินเข้าร้านกาแฟแล้วมันช่างเหมือนเดินสู้สวงสรรค์ กลิ่นมันหอมจนบอกไม่ถูก.....อดรนทนไม่ไหว เลยสั่งมา 1 แก้วแล้วจิบแบบค่อยๆจิบหลัวกาแฟจะหมดถ้วย..สงสารตัวเองจัง
แล้วขากลับถามตัวเองระหว่างนั่งบนรถเมลล์.....ความสุขเล็กๆน้อยๆ ของคนเรา ทำไมต้องบังคับจิตใตตัวเองแบบนี้หนอ...ไม่ได้ติดยา ติดการพนัน ไม่ได้ทำร้ายใครนี่นา...จะหน้าทำเพื่อให้หน้าเด็กก็ใช่ที่ สังขารเป็นสิ่งไม่เที่ยง ไม่นานก็ร่วงเลยตามกาลเวลา อย่ายึดมั่นถือมั่น (นี่..เป็นไง...เอาคำพระมาอ้างเลย) หน้าแก่แล้วผิดตรงไหน...ก็มันหน้าฉัน....สาวไหนไม่สน ผมไม่แคร์ อิอิ (แต่ก็ไม่ได้ไม่แคร์นะคร๊าบบบ)
ผมก็เลยบอกว่าในเมื่อความสุขเล็กๆน้อย อยู่แค่การได้ดื่มกาแฟ แล้วคงไม่มีเหตุผลอะไรที่ทำให้ต้องเลิกลาไม่คบหากับเครื่องดื่มคู่ใจอีก.....
มาถึงตรงนี้...ผมหันหน้าไปยักคิ้วให้ Red Cup ของผม...(แก้วโปรด แก้วประจำ...ดื่มจากแก้วสีแดง ผมว่ามันอร่อยกว่าดื่มจากแก้วอื่นอะ...คิดเอง)
แล้วก็บอกกับตัวเองว่า.....ผมได้พ่ายแพ้แก่ใจตัวเองอีกครั้ง....ถึงแม้จะยอมให้กาแฟก็ยังดีกว่าการแฟ้ใจตัวเองไปกับอบายมุขและสิ่งมัวหมอง.....และถึงอย่างน้อยแพ้ใจแต่ครั้งนี้ก็ทำให้ตัวเองมีความสุขหล่ะหน่า
รูปสุดท้าย.....ให้เข้ากับเทศกาล...ตัวผมเองไม่ชอบดูฟุตบอลเท่าไหร่หรอกครับ ผมเองคิดว่า Wimbledon น่าหลงไหลกว่าฟุตบอลตั้งเยอะ(จะมีใครมาด่าไหมเนี่ย)..
ไม่รู้จะเชียร์ใคร...ว่าจะเชียร์เยอรมัน แต่อยู่อังกฤษ ใส่หมวกเยอรมันเดินคงโดนขวดปาหัว ตามกระแสกับเค้าหน่อยครับ
Create Date : 29 มิถุนายน 2549 |
|
22 comments |
Last Update : 19 มกราคม 2551 6:59:04 น. |
Counter : 1053 Pageviews. |
|
|
|
พี่ไม่ชอบกาแฟเลย น้องบ่าว แค่ได้กลิ่นก็มึนๆแล้ว ไม่รู้ทำไมเหมือนกันนะ แปลก
อะไรที่มันไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ทำแล้วมีความสุข สุขภาพกาย สุขภาพจิตเราไม่เสียก็ทำไปเหอะ