|
ความรัก ณ วันที่ 9 ส.ค. 53
วันนี้ตื่นค่อนข้างสาย ตื่นมาก็จัดที่นอน พับผ้าห่ม หุงข้าว อาบน้ำ แต่งตัวเสร็จตาตี่ก็มารับพอดี ตลอดทางก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีกเช่นเคย ตาตี่ก็เงียบ เราถามอะไรก็ไม่ตอบ เอาแต่เงียบ ตาตี่ก็คงรอวันที่เราออกไปจากบ้านนั่นแหละ เค้าจะได้มีความสุขกับ ต. กันยังไงล่ะ
เราบอกตาตี่ไปตั้งแต่สิ้นเดือนที่แล้วๆ นะว่าจะยกทุกอย่างที่หามาด้วยกันให้ตาตี่ไปสร้างครอบครัวกับ ต. แต่จริงๆ ว่าอยากได้อะไรก็เอาไป เอาไปให้หมด บ้าน รถ แต่ตอนนี้ขอเวลาตาโตหน่อยช่วงนี้รบกวนรับส่งตาโตไปทำงานก่อน นั่นแหละตาตี่ถึงยอมรับส่งเราไปทำงานอยู่ทุกวันนี้
วันนี้ไม่เป็นอันทำงานนั่งคิดตลอดเวลา จริงๆ ก็ไม่ใช่เพิ่งจะคิดวันนี้หรอกนะ คิดมาตลอดล่ะว่าเราทำถูกหรือเปล่า บ้านกับรถก็หามาด้วยกัน ชีวิตเราก็มาครึ่งคนแล้ว เลิกกันมาก็ไม่ได้อะไรกลับคืนมาเลยสักอย่าง
แต่ถ้ามองย้อนไปตั้งแต่ตาตี่มีเรา ในช่วงตอนก่อนที่เราจะมีบ้านด้วยกัน เค้าต้องลำบากโดยการออกมาเช่าหอพักอยู่กับเราๆ เองก็ยังไม่มีงานทำ ช่วงนั้นก็ใช้เงินตาตี่ หลังจากนั้นก็ช่วยตาตี่ทำงานช่วยกันเก็บเงินเพื่อที่เราจะได้ไปลงเรียนอีกวิชานึงที่พักการเรียนไว้ให้จบ ป.ตรี เพราะเมื่อ 2 วันก่อนตาตี่ยังบอกกับเราเลยว่าถ้าตาตี่หาคนเดียวตาตี่ก็หาได้นะ อาจจะหาได้เยอะกว่านี้อีก ไม่ใช่ว่าหาไม่ได้ เหมือนกับว่าเราเป็นตัวถ่วงความเจริญของตาตี่นะจากที่ฟัง เหมือน 7 ปีที่ผ่านมาถ้าตาตี่ไม่มีเราตาตี่เค้าก็คงจะไปได้ไกลกว่านี้ ให้ตาตี่เค้าไปเถอะเน๊าะบ้านกับรถ แลกกับสิ่งที่เค้าต้องสูญเสียไปในระหว่างที่มีเราระหว่างที่ตาตี่อยู่กับเรามา 7 ปี ถือว่าเป็นการไถ่โทษ......
รับรู้มาว่า ตาตี่บอกกับเพื่อนๆ ว่า ถ้าไม่มีตาตี่เราก็คงไม่มาถึงวันนี้ เพราะวันที่ตาตี่เจอเราๆ ติดลบมา แล้วก็มาเริ่มนับจากศูนย์ด้วยกันกับตาตี่ ทำไมพูดแบบนี้ล่ะที่รัก .........
นี่น่ะหรือคนที่เคยใช้ชีวิตคู่มาด้วยกัน เค้าพูดกันแบบนี้หรือ นี่หรือคนที่เคยอดด้วยกัน นี่หรือคนที่เคยหิวด้วยกัน นี่หรือคนที่เคยทุกข์ด้วยกัน ทำไมมองเราแบบนี้
หรือ 7 ปีที่ผ่านมา เราเห็นแก่ตัวโดยการต้องส่งน้องสาวเรียน เป็นระยะเวลา 3 ปีเต็ม จ่ายค่าขนมน้องสาวต้องจ่ายค่าเทอมน้องสาว นานๆ กลับบ้านไปหาแม่เราทีนึงก็ให้เงินแม่ไว้ใช้ แต่เราก็ถามตาตี่ก่อนแล้วนะตอนที่เราจะรับน้องสาวมาอยู่ด้วย ตาตี่ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่เราไม่รู้ว่าตาตี่ให้เงินแม่ตาตี่ใช้บ้างหรือเปล่า เพราะเราเองก็ไม่เคยรู้ว่าจริงๆ แล้ววันๆ นึงตาตี่หาเงินได้เท่าไหร่ ไม่เคยไปก้าวก่าย เพราะเราให้ตาตี่เป็นคนเก็บเงิน เงินเดือนเราน่ะตายตัวอยู่แล้ว เงินเดือนเราไว้ใช้จ่ายอะไรที่เป็นค่าใช้จ่ายตายตัวที่ต้องจ่ายทุกๆ เดือน เช่น ค่าบัตรเครดิต ค่าหอพัก เงินที่ตาตี่หามาได้ก็ไว้ใช้จ่ายเติมน้ำมันรถและไว้ซื้อกับข้าว ซื้ออาหารในแต่ละวัน ถ้าตาตี่ไม่เคยให้เงินแม่ตาตี่ใช้เลย งั้นเราก็คงเป็นคนที่เห็นแก่ตัวมาตลอดระยะเวลาที่ใช้ชีวิตร่วมกัน
ตลอดเวลาที่ใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน เรา 2 คนใช้จ่ายประหยัดมากๆ เพื่อหวังว่าสักวันนึงเราจะมีรถและบ้านเป็นของเราเอง เมื่อเรามีรถแล้ว วันนึงเราก็มีบ้านด้วยเงินเก็บของเรา 2 คน และหยิบลืมพี่ๆ ของตาตี่ด้วย เรา 2 คนย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่ได้ประมาณ 4 เดือน และวันนึงหัวสมองหัวแสนโง่งี่เง่าของเราก็คิดถึงแม่(พ่อเราเสียไปนานแล้ว) ส่วนน้องสาวเราเรียนจบแล้วล่ะก็ย้ายออกไปอยู่ข้างนอกหางานทำเอง เราคิดว่า เรามาทำอะไรอยู่ตรงนี้ ทำไมไม่กลับไปดูแลแม่ เราทิ้งแม่ให้อยู่บ้านคนเดียวมาเป็นสิบๆ ปีแล้วนะ แล้วเราก็มาใช้ชีวิตกับแฟนน่ะหรือ แม่เราอายุ 50 ปีแล้ว แกจะอยู่กับเราได้อีกกี่ปี เราจะมีโอกาสได้ดูแลท่านอีกกี่ปี บวกกับช่วงนั้นเราก็เห็นตาตี่เค้าไม่ค่อยจะสนใจอะไรเราเลย วันๆ เอาแต่เงียบและนิ่ง เราก็เลยคิดไปว่าหรือว่าตาตี่เค้าจะเบื่อที่ไม่ค่อยจะได้ใช้เงินที่เค้าหามาได้ ตาตี่ทำแต่งาน แถมยังชอบดุเราบ่อยๆ ทั้งๆ ที่มันไม่ควรจะเป็นเรื่องมันก็เป็นเรื่องขึ้นมาและสามารถขึ้นเสียงกับเราได้ เราลาพักร้อนไปต่างจังหวัด ส่งข้อความบอกตาตี่ว่าขอไปคิดอะไรคนเดียวสักพักเด๋วจะกลับมาเอง พอเรากลับมาเราก็บอกเลิกตาตี่ เราจำได้นะตาตี่ในวันนั้นร้องไห้อ้อนวอนให้เราให้โอกาสตาตี่ แต่เราก็ทำเป็นใจแข็ง พูดออกไปต่างๆ นานา แถมบอกตาตี่ไปอีกว่าจะทำใจได้เหรอว่าที่เราหายไปเราไปนอนกับคนอื่นมา ทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้ไปนอนกับใครหรอก พูดไปงั้นหวังจะให้เค้าปล่อยเราไป ตาตี่ก็บอกว่าไม่เป็นไรตาตี่รับได้ กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้มั้ย เราก็ใจแข็งบอกว่าไม่ ตาตี่ร้องไห้มากมาย เราเองก็ร้องเช่นเดียวกัน ไม่อยากจะจากไปนะ แต่วินาทีนั้นนึกถึงแม่มากกว่าสิ่งอื่นใด อีกวันเราก็เก็บเสื้อผ้าและหนีออกมาจากบ้านไปอยู่กับน้องสาว ตาตี่ตามมาง้อเราก็ไม่กลับ ไม่รู้ว่าทำไมเราใจแข็งขนาดนั้น ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วเราไม่ใจคนใจแข็งอะไรเลยนะ ตาตี่มาง้อเราก็ไล่ตาตี่ให้กลับไป ไม่มองแม้แต่หน้า แต่พอกลับขึ้นมาบนหอแล้วเราก็แอบร้องไห้ ร้องๆๆๆๆๆ สงสารตาตี่ เราบล็อคเอ็มของตาตี่ โทรศัพท์เราก็ไม่รับสาย จนวันนึงตาตี่โทรมาหาเราๆ แข็งใจบอกกับตาตี่ไปว่า ลองเปิดใจดูสิครับ เด๋วตาตี่ก็เจอคนที่ดีๆ กว่าตาโต ทั้งๆ ที่ในใจนั่นเจ็บมากๆ เลยนะ ที่เราหนีตาตี่ออกมามันคงเป็นบาปติดตัวเรามาจนถึงวันนี้ และวันนี้กรรมก็คงตามเราทันแล้วล่ะ ในระหว่างที่เราไม่ได้อยู่กับตาตี่ๆ เค้าก็กลับไปจีบ ต. และเค้า 2 คนก็คบกัน จนวันนึงตาตี่มารับมากลับไปอยู่บ้าน เราจับได้ครั้งแล้วครั้งเล่าว่า 2 คนนี้ไม่ได้เลิกติดต่อกัน ยังคงโทรคุยกัน ผู้หญิงโทรหาผู้ชายและผู้ชายเองก็โทรหาผู้หญิง หนักๆ เข้า เราไม่ไหวก็เลยต้องคุยกับตาตี่ให้รู้เรื่อง นั่นแหละวันนั้นที่เราถามตาตี่ไปว่าถ้ารัก ต. อยากอยู่ด้วยกัน ก็เก็บเสื้อผ้าไปอยู่ด้วยกันเลย ตาตี่ก็เลยบอกกับเราว่า ตาตี่ลืม ต. เค้าไม่ได้จริงๆ งั้นตาตี่กับตาโตก็เลิกกันก็แล้วกัน ถ้าตาโตอยากจะอยู่ในบ้านก็อยู่ได้ แต่แยกกันอยู่ .........สถานการณ์ก็เลยเป็นแบบนิ่งๆ เงียบๆ มาจนถึงทุกวันนี้ เพราะตาตี่กับ ต. โทรหากัน โทรคุยกันไม่ได้แคร์ความรู้สึกเราเลย คงคิดว่าก็ตาตี่บอกเลิกเราไปแล้วนี่นากระมัง ต. ก็ยังคงโทรหาตาตี่ กลางวันก็ซื้อกับข้าวมาให้ตาตี่แล้วโทรมาบอกให้ตาตี่ออกไปเอาที่หน้าปากซอยเข้าบ้าน ต. ก็ส่งข้อความมาบอกรักตาตี่ ส่วนตาตี่เองก็ส่งข้อความไปบอกรัก ต. ทุกวัน ทุกข้อความต้องลงท้ายด้วยรัก เจ็บจนไม่รู้ว่าจะเจ็บยังไงแล้ว ทำไม 2 คนนี่ถึงทำกับเราได้ถึงเพียงนี้ จิตใจเธอ 2 คนทำด้วยอะไร
วันนี้กลับออกมาจากออฟฟิศเกือบๆ 2 ทุ่ม โทรบอกตาตี่ให้มารับเรียบร้อยแล้วล่ะ บอกตาตี่ว่าไม่ต้องรอกินข้าว กินก่อนเลย ตาตี่ถามว่าแล้วไม่กินหรือไง เราบอกว่าไม่กิน พอเจอตาตี่เราถามไปว่ากินข้าวไปหรือยัง ตาตี่บอกว่าไม่กิน แล้วก็ขับรถกลับบ้านกัน ระหว่างทางก็ไม่ได้พูดหรือคุยอะไรเช่นเคย มาถึงบ้านจอดรถเสร็จก็ยื่นกุญแจบ้านให้เราแล้วตาตี่ก็เดินไปบ้านเพื่อนฝั่งตรงข้ามไปกินเหล้ากันนั่นแหละ ได้กลิ่นละมุดคลุ้งรถไปหมด
เหนื่อยจัง เจ็บด้วย แต่อย่างน้อยเราก็ยังได้เห็นตาตี่นะ ได้อยู่ใกล้ๆ ได้ดูแลถึงแม้ตาตี่จะยอมให้ดูแลบางอย่างแต่ก็ยังดีที่ได้ดูแล รักตาตี่ครับ
ตาตี่กลับมาจากบ้านเพื่อนตอน 5 ทุ่มกว่าๆ เรายังไม่หลับนะ ก็รอตาตี่นั่นแหละ ตาตี่ก็ดุว่าทำไมไม่นอนจะรอทำไม พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าไปทำงาน นอนพักผ่อนเยอะๆ ตาตี่ถามว่า รอหรือนอนไม่หลับ เราบอกว่า รอ ตาตี่บอกว่า รอ...แล้วถ้าตาตี่ไม่กลับ ก็ไม่ต้องหลับไม่ต้องนอนเลยเหรอ ก็ไม่ได้ไปไหนซะหน่อย ก็อยู่แค่หน้าบ้านเรานี่เอง เราก็ไม่ได้ตอบอะไร ก็เป็นห่วงตาตี่นี่นา
ตาตี่ก็นอนกอดเรานะ เราสองคนผลัดกันหอมกู๊ดไนท์ รักตาตี่ครับ
Create Date : 09 สิงหาคม 2553 |
|
12 comments |
Last Update : 10 สิงหาคม 2553 16:41:57 น. |
Counter : 467 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ดาวริมทะเล (ดาวริมทะเล ) 9 สิงหาคม 2553 12:55:40 น. |
|
|
|
| |
โดย: พริกขี้หนูกับหมูแฮม (pimsararn ) 9 สิงหาคม 2553 23:21:34 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
เราเองก็รู้นะว่าการที่การกำก้อนหินไว้ในกำมือของเราเอง มันจะเจ็บมือเรา แต่ทำบางครั้งมันยากที่จะแบมือ
หากคุณรักใครสักคนด้วยชีวิตที่คุณมีคุณนั้นจะยินดีอภัยให้เขา จะเลวร้ายสักเท่าใดก็จะเห็นว่ามันเบาเพราะรักที่คุณมีให้เขามันมากมาย ให้ไปแล้วหมดหัวใจเท่าชีวิตที่คุณมี...
|
|
|
|
|
|
|
อวยพรให้เค้ามีความสุข
ชีวิตไม่นานเลย สุดท้ายแล้วมันก้นั้นเองนิ