โรค Lichen Planus เป็นโรคหนึ่งในกลุ่มอาการของ โรค autoimmune disease ที่ต้องเรียกว่ากลุ่มอาการ เพราะ โรคนี้ ไม่ได้มีแค่อาการเดียว มักจะเกิดขึ้นพร้อมกันหลาย ๆ อาการ จนบางครั้ง หมอเองก็ไม่อาจทราบว่า เราเป็นโรค autoimmune disease
ส่วนใหญ่ หมอก็จะรักษาตามอาการ เช่น มีผด ผื่น ก็คิดว่า แพ้อะไรมา ก็สั่งยาแก้แพ้ไป ทานแล้วก็หาย ต่อมา เป็นแผลในปาก ก็เอายาไปทา เป็นต้น
ส่วนตัวเราเอง มีปัญหา หลายอาการ มานาน..หมอฝรั่งก็เหมือนหมอไทย..รักษาตามอาการ จน มาเจอหมอช่างสงสัย..สั่งตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ ถึงได้รู้ว่า..ฉันนี่หนาเป็น Lichen Planus
เกริ่นมานาน..เข้าเรื่องกันเลย
สาเหตุของโรค Lichen Planus และโรคในกลุ่ม autoimmune disease ซึ่งยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่า เกิดจากอะไร..แต่ ส่วนใหญ่จะเกิดกับผู้หญิง และ ถ้าสืบต่อไปก็จะพบว่า ในครอบครัวจะมีญาติ พี่น้องเป็นโรคกลุ่มนี้อยู่แล้ว เช่น..ไทรอยด์, ลูปัส หรือ เอสแอลอี, ลูมาตอยน์ และ เบาหวาน เป็นต้น
ของเรา..แม่เลย..เป็นเอสแอลอี...พี่สาวเป็นไทรอยด์ และ เรา เป็น Lichen Planus
อธิบายง่าย ๆ คือ..ร่างกายของเรา ผลิตเม็ดเลือดขาวมากไป ที่นี้เม็ดเลือดขาวมันเลยตั้งแก๊งในร่างกาย เข้าไปทำร้ายเนื้อเยื่อที่อ่อนแอ โดยเฉพาะ เยื่ออ่อน (เยื่อเมือก mucous membrane) ในกรณีของเรา กระพุ้งแก้ม..อ้อ..ขอบอกก่อนว่า โรค Lichen Planus นี้ ไม่ใช่โรคติดต่อนะจ้ะ..ไม่ต้องกลัว
พอเม็ดเลือดขาวไปทำลายเนื้อเยื่อในปาก ก็จะเกิดแผลอักเสบ..ประมาณ ร้อนใน แต่ใหญ่กว่า และ เจ็บกว่า นอกจากนั้น ก็จะมี ลักษณะเป็นเส้นสีขาว กระจายเป็นใยแมงมุม ตามกระพุ้งแก้ม และเหงือก..เป็น ๆ หาย ๆ ใหญ่บ้าง เล็กบ้าง วีธีตรวจให้แน่ชัดก็คือ การตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ...
อาการของโรค นอกจากจะเป็นแผลในปากแล้ว จะมีอาการเหนื่อย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด(อันนี้ชอบ) เครียดง่าย หงุดหงิดง่าย บางทีก็มีซึมเศร้า เล็บมือ เล็บเท้าเป็นคลื่น ผมร่วง เป็นผด ผื่น คันแดง เป็นเชื้อราที่เท้า ที่ผิวหนัง หรือในหู (เป็นบางอันนะ ไม่ได้เป็นหมดทีเดียวเลย..)
โรค Lichen Planus นี้ นอกจาก จะเข้าทำลายเนื้อเยื่อในปากแล้ว ก็อาจจะเข้าทำลาย เนื้อเยื่อในอวัยวะเพศได้ด้วย..ซึ่งของเรา หมอก็ตัดชิ้นเนื้อไปตรวจเหมือนกัน จะได้รู้ว่า เป็นที่ไหนบ้าง....
อาการของโรคนี้ ถ้าเกิดที่อวัยวะเพศ ก็จะมีอาการเดียวกันคือ เจ็บเวลาร่วมเพศ เพราะเนื้อเยื่ออ่อนบางและอักเสบ และจะมีเส้นใยแมงมุมสีขาวให้เห็นด้วย..
อย่างที่ทราบกัน..ผู้หญิงไทย..อายหมอ..เป็นอะไร ก็ไม่กล้าไปตรวจ..ขอบอกเลยว่า อย่าอาย..ไปตรวจ ๆ ซะ ถ้าเป็นแล้ว จะได้รักษา และควบคุมโรคได้ทัน เพราะ โรคนี้ ไม่ว่าจะเป็นที่ปาก หรือ อวัยวะเพศ หรือที่ผิวหนัง แม้จะรักษาไม่หายตลอดชีวิต แต่เราสามารถควบคุมมันได้..เพราะถ้าปล่อยทิ้งไว้ มันจะกลายเป็นมะเร็งได้ค่ะ..
การรักษา....ในกรณีของเรา แผลในปาก หมอจะให้ยาประเภทสเตียรอยด์ มีทั้งเป็นครีม เป็นเจล และเป็นน้ำยาบ้วนปาก..อ่านในอินเตอร์เน็ต เขาว่า ขมิ้น ก็สามารถรักษาอาการโรคนี้ได้ เรายังไม่ได้ลอง..
หมอบอกว่า เราต้องดูแลสุขภาพในปากให้มากเป็นพิเศษ แปรงฟันให้สะอาด ใช้ไหมขัดฟันทุกวัน และบ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปากได้ด้วยก็ดี..
นอกจากนี้ หมอแนะนำ การควบคุมโรคด้วย อาหารแก้อาการอักเสบ..หรือ The Anti-Inflammatory Diet ซึ่งก็คือ
- อาหารในกลุ่มไขมันโอเมก้า 3 ได้แก่ ปลาทะเล, ผักใบเขียว ถั่ววอล์ลนัท
- กลุ่มสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ได้แก่ ผักสีเขียว เหลือง แดง หรือ แครอท พริกหยวก ส้ม ผักขม หอมใหญ่ ต้นหอม เป็นต้น
- กลุ่มอาหารเส้นใยสูง (High Fiber Foods) ได้แก่ ข้าวกล้อง ผักคะน้า ถั่วต่าง ๆ
- กลุ่มเครื่องเทศที่ช่วยอาการแก้อักเสบ เช่น ขิง ขมิ้น จันทน์เทศ (nutmeg)
และกลุ่มอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
- กลุ่มอาหารโอเมก้า 6 ได้แก่ เนื้อสีแดงทั้งหลาย อาหารประเภทนม เนย ข้าวโพด ขนมขบเคี้ยวทั้งหลาย
- กลุ่มแป้งและน้ำตาล อาหารกลุ่มนี้จะทำให้อินซูลินในร่างกายขึ้นสูงโดยเฉียบพลัน ได้แก่ ข้าวขัดขาว ขนมปังขาว อาหารเช้าที่ทำจากธัญพืช (cereal)
- กลุ่มอาหารที่กระตุ้นกลุ่มอาการ เช่น ไข่ นม แป้งสาลี สีและรสชาติสังเคราะห์ ผงชูรส อันนี้ เป็นแต่ละบุคคล..ต้องคอยสังเกตตัวเองว่า ทานอะไร แล้ว คัน ทานอะไรแล้ว แผลขึ้น
คือ เอาจริง ๆ ก็คือ ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้น พวกมีประโยชน์ ไม่ผ่านขบวนการ ไม่ขัดสี ดื่มน้ำเยอะ ๆ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ไม่เครียด ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่..นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ซึ่งมันก็คือ ความรู้พื้นฐานที่ทำให้สุขภาพดีนั่นเอง
ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐจริง ๆ นะคะ เพื่อน ๆ ร่วมบล็อก ถ้ามีอาการ ไม่สบายอะไร อย่ารักษาตามอาการอย่างเดียวเลย..โรคบางอย่างมันมีอาการหลายอย่างรวมกัน..สังเกตตัวเองดี ๆ ตัวเรา เรารู้ค่ะว่า เราผิดปกติอย่างไรบ้าง..อย่าอายหมอเลย..แล้วไปถึงหมอแล้ว ก็พูด ก็บอกอาการหมอให้หมด..มันจะเกี่ยวเหรือไม่เกี่ยวกัน เดี๋ยวให้หมอวินิจฉัยเอา อย่าเดาเองว่า ไม่น่าเกี่ยวกัน..
ของเรา บางทีเราถ่ายรูปผดผื่นเก็บไว้เอาไปให้หมอดูเลย....จดได้ก็จด..จะได้ไม่ลืม..ไปถึงหมอแล้ว จะได้ หมดข้อสงสัยไปซะที แล้วถ้า ไปหาหมอคนเดิมทีไร ไม่เห็นหมอตรวจ หรือ ถามอะไร แล้วอาการเราไม่หายซะที..เปลี่ยนหมอไปเลยค่ะ..เรา เปลี่ยนมา 5 หมอ ถึงมาเจอคนสุดท้ายนี่
ตอนนี้ อาการต่าง ๆ ที่เคยเป็น และถามหมอมาตลอด..มันเคลีย์ด้วยโรคนี้โรคเดียวเลยค่ะ..
ขอบคุณที่แวะมา
บุญรักษาค่ะ
ใช่เลยครับไปหาหมอ... ส่วนใหญ่จะแก้ตามอาการ
กว่าจะหาสาเหตได้ ก็กินยา ทายาไปเยอะมาก
บางที่นั่งรอรับยา เห็นคนอื่น รับถุงยา ยังกะไปซื้อ
เสื้อผ้ามาเยอะ จนน่ากลัวครับ