กุมภาพันธ์ 2553
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28 
3 กุมภาพันธ์ 2553

วาเลนไทน์

 SmileySmiley  ตำนานวันแห่งความรัก 14 ก.พ. SmileySmiley


เริ่มขึ้นเมื่อ ค.ศ.270 ชาวคริสเตียนผู้หนึ่งนามว่า “วาเลนไทน์” ถูกคุมขังเพราะไม่ยอมนับถือเทพเจ้าตามจักรพรรดิแห่งอาณาจักรโรมัน โดยวาเลนไทน์ได้นำอาหารไปวางบนประตูบ้านคนยากจน พร้อมกับเปิดตัวว่าเป็นคริสเตียน


ช่วงที่วาเลนไทน์ถูกคุมขังใน เรือนจำก็ได้หลงรักลูกสาวของผู้คุมที่ตาบอด วาเลนไทน์ได้อธิษฐานทูลขออำนาจจากพระเจ้าให้รักษาตาของเธอจนหายเป็นปกติ ทำให้ครอบครัวผู้คุมประกาศตนเป็นคริสเตียน เมื่อจักรพรรดิคลอดิอุสที่ 2 แห่งโรมทรงทราบ จึงโกรธมากและสั่งให้นำตัวเซนต์ วาเลนไทน์ไปโบยตีและตัดศีรษะ ซึ่งตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ในค่ำคืนก่อนวันที่ 14 กุมภาพันธ์ วาเลนไทน์ได้ส่งบทกวีแห่งความรักไปให้หญิงสาวในดวงใจ และลงท้ายด้วยถ้อยคำพรรณนานี้ว่า “FROM YOUR VALENTINE”


ต่อมาในสมัยจักรพรรดิคอนสแตน ติน ทรงรับศาสนาคริสต์เป็นศาสนาประจำชาติ ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ถัดจากวันที่เซนต์วาเลนไทน์ถูกประหาร 1 วัน ซึ่งถือเป็นวันพิธี “ลูเพอร์กาเลีย” ซึ่งเป็นพิธีทางศาสนาของโรมันที่เปิด โอกาสให้หนุ่มสาวเลือกคู่กัน จึงให้รวมทั้งสองวันเอาไว้ด้วยกัน เรียกว่า “วันวาเลนไทน์” นับแต่นั้นมา  เพื่อระลึกถึงนักบุญวาเลนไทน์ ที่มีความรักและศรัทธาต่อศาสนาที่ตนนับถือ


ตำนานวาเลนไทน์จึงเริ่มต้น ตั้งแต่นั้นมา เชื่อกันว่าในวันวาเลนไทน์ มวลหมู่นกจะพากันจับคู่ บรรดาหนุ่มสาวจะเปิดเผยความในใจซึ่งกันและกัน และแลกเปลี่ยนของที่ระลึกสื่อความรัก ในยามค่ำคืนแห่งการฉลองเทศกาลโดยช่วงสมัยพระนางเจ้าวิกตอเรีย สาวๆมักนิยมสวมสร้อยข้อมือ ซึ่งถือเป็นเครื่องหมายแห่งความโชคดีในความรัก
โดยเฉพาะถ้าสร้อยข้อมือเหล่านี้ทำเป็นรูป หมู ตะเกียง เกือกม้า และหัวใจ ตราบจนทุกวันนี้ เครื่องรางรูปหัวใจก็ยังเป็นที่นิยมในหมู่สาวๆ


การให้ของขวัญวันวาเลนไทน์ ก็พัฒนามาเรื่อยๆ แต่ส่วนใหญ่จะยืนด้วยรูปหัวใจ หรือดอกกุหลาบ ช็อกโกแลตที่สื่อถึงความหวานทั้งสิ้น สำหรับคำหวานที่จะบอกรักใครสักคนนั้น กลับไปดูต้นฉบับของนักบุญวาเลนไทน์แล้ว ท่านเขียนไว้ว่า “รักคือการยินดีที่ได้เห็นบุคคลที่รักมีความสุข แม้ว่าตนเองจะทุกข์ หรือเจ็บปวดเพียงใดก็ตาม”


Smiley GIFT TO GIVE Smiley
.
เทศกาลวันวาเลนไทน์เวียนมาอีกครั้ง กลิ่นอายแห่งความรักและความสุขจึงดูคล้ายอบอวลตลอดเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งแน่นอนมาก เมื่อคุณรักใคร รู้สึกดีกับคนนั้น คุณก็อยากมอบของขวัญที่มีค่า มีความหมายให้แก่เขา
.
.
จะพาคุณมารู้จักของขวัญฮิตๆ ติดอันดับท็อปไฟว์ที่คนทั่วโลกนิยมมอบให้แก่กัน
.
.
Top Five Gifts
จะให้ของขวัญแก่คนรักทั้งที ลองมาดูสิว่า โอกาสพิเศษอย่างนี้ คนทั่วโลกเขานิยมให้อะไรกัน


กุหลาบ : ราชินีดอกไม้
1 ดอกกุหลาบถูกยกย่องให้เป็นราชินีของดอกไม้ เป็นความงามที่สื่อถึงความสงบและสงครามความรักและการให้อภัย จากตำนานเล่าว่าตั้งแต่สมัยกรีก ‘คลอรีส’
เทพธิดาแห่งดอกไม้ได้บันดาลให้ร่างของนางไม้กลายเป็นกุหลาบและยกให้เป็น ราชินีของดอกไม้ จากนั้นก็ได้มีการมอบดอก-กุหลาบแก่ ‘อีรอส’ บุตรชาย ซึ่งเป็นเทพแห่งความรัก ส่วนในศาสนาคริสต์เชื่อกันว่า ในสมัยที่พระเยซูถูกตรึงไม้กางเขน พระโลหิตได้ไหลหยดลงบนต้นหญ้ามอส เกิดเป็นต้นกุหลาบที่มีดอกสีแดงสด จึงมีการเรียกขานกุหลาบชนิดนี้ว่า ‘กุหลาบมอส’


นอกจากนี้ยังมีการสู้รบกัน ระหว่าง 2 ตระกูลใหญ่ คือราชวงศ์ยอร์ค ซึ่งใช้สัญลักษณ์เป็นดอกกุหลาบขาวและราชวงศ์แลงแคสเตอร์ ใช้กุหลาบแดงเป็นสัญลักษณ์
เรียกสงครามนี้ว่าสงครามกุหลาบ ในสมัยต่อมาพวกกุหลาบแดงได้มาแต่งงานกับพวกกุหลาบขาว  ปัจจุบัน ดอกกุหลาบได้กลายมาเป็นสิ่งที่นิยมแสดงออกถึงความรัก โดยเฉพาะดอกกุหลาบสีแดง ได้รับ ความนิยมสูงสุด อาจเป็นเพราะว่ามันคือดอกไม้ที่โปรดปราน ของเทพีวีนัส เทพีแห่งความรัก อีกทั้งสีแดงเข้มก็แสดงออก
ถึงพลังของความรักที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเสน่หาและความหลงใหล ส่วนดอกกุหลาบสีอื่นๆ ก็มีให้กันบ้าง อย่างสีขาวหมายถึงรักแท้และรักบริสุทธิ์ สีเหลืองแสดงถึงมิตรภาพและความปรารถนาดี สีดำหมายถึงการจากลา และสีชมพูหมายถึงมิตรภาพหรือยอดรัก


FYI ธรรมเนียม การมอบดอกกุหลาบ เกิดขึ้นครั้งแรกที่ประเทศ อังกฤษ ในสมัยของพระราชินีวิคตอเรีย เมื่อ 150 ปีก่อนและปัจจุบันกุหลาบถือเป็นดอกไม้ประจำชาติของชาวอังกฤษ


ตุ๊กตาหมีในตำนาน : Teddy Bear
2 ตุ๊กตาหมีน่ารักตัวนี้ มีที่มาจากสองประเทศด้วยกันคือ เยอรมนี และสหรัฐอเมริกา สำหรับเยอรมนีเล่ากันว่า Richard Steiff นักออกแบบของเล่นได้แรงบันดาลใจมาจากหมีในคณะละครสัตว์ ตุ๊กตาหมีที่เขาออกแบบจะมีข้อต่อตามจุดต่างๆ จากนั้นเขาได้นำ ตุ๊กตาไปโชว์ในงานแสดงสินค้าแต่กลับไม่ได้รับความสนใจเลย ในขณะที่เขากำลังเก็บของในวันสุดท้ายของงานแสดงสินค้า ก็มีชาวอเมริกันคนหนึ่งเข้ามาหยิบดูตุ๊กตาหมีของเขาและสั่งซื้อในปริมาณมาก และนี่คือต้นกำเนิดที่ทำให้ตุ๊กตาหมีที่เขาออกแบบแพร่หลายไปยังประเทศอื่นๆ


ส่วนเรื่องของอเมริกาบอกเล่า ว่า ขณะที่ประธานาธิบดี Theodore ‘Teddy’ Roosevelt ออกล่าสัตว์ ราชองครักษ์ได้จับลูกหมีตัวหนึ่งผูกไว้กับต้นไม้เพื่อมอบให้เขา แต่ประธานาธิบดีกลับปล่อย ลูกหมีตัวนั้นไป ข่าวนี้ดังไปทั่ว Clifford Berryman นักเขียนการ์ตูนการเมือง ได้นำเรื่องนี้ไปเขียน และการ์ตูนนี้ก็ไป จุดประกายความคิดของ Morris Michtom ให้ออกแบบผลิตตุ๊กตาหมีที่มีข้อต่อ เขาจำหน่ายพร้อมโชว์ภาพการ์ตูนที่เขียนโดย Clifford Berryman และป้ายแสดงข้อความว่า ‘Teddy’ s Bear’ ปรากฏว่า ตุ๊กตาหมีขายดีมาก จากนั้นเพียงปีเดียว Morris Michtom ได้ปิดร้านของเขาและจัดตั้งบริษัท Ideal Novelty and Toy ขึ้น เพื่อรองรับธุรกิจนี้ ซึ่งเป็นบริษัทหนึ่งที่ติดอันดับยักษ์ใหญ่ทางด้านของเล่นของโลกในปัจจุบัน


FYI ปี พ.ศ. 2447 เท็ดดี้แบร์ กลายเป็นสัญลักษณ์ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งของประธานา-ธิบดีรูสเวลต์ และในปี พ.ศ. 2450 นอกจากคำว่า ‘เท็ดดี แบร์’ จะได้รับการบัญญัติไว้ในพจนา- นุกรมเป็นครั้งแรกแล้ว มันยังถูกขายได้ถึง 974,000 ตัว


หวานถูกใจเคลือบช็อกโกแลต
3 ต้นตำนานความหวานนี้ เริ่มเมื่อประมาณ 3000 ปีมาแล้ว โดยคนพื้นเมืองของเผ่ามายาในอเมริกากลางเป็นกลุ่มแรกที่นำเอาเมล็ดโกโก้มาทำ เป็นเครื่องดื่ม
ต่อมาเมล็ดโกโก้จึงแพร่ไปยังเม็กซิโก โดยทำเป็นเครื่องดื่มเรียกว่าช็อกโกลาตส์ ปี ค.ศ. 1519 จักรพรรดิ Montezuma II และชาว Aztecs ในเม็กซิโก คิดว่า Hernando Cortez นักสำรวจชาวสเปนที่เข้าไปในเม็กซิโก เป็นพระเจ้าจากทะเลจึงต้อนรับด้วยเครื่องดื่มคาคาฮอดทัลหรือช็อกโกลาตส์นี้ แก่เขา หลังจากที่ได้ชิมเครื่องดื่มที่ทำจากเมล็ดโกโก้ Cortez ได้จดจำวิธีการที่นำเอาเมล็ดโกโก้มาทำเป็นเครื่องดื่มของชาวแอซเทค เมื่อเขากลับไปยังสเปนได้นำเอาเมล็ดโกโก้ไปปลูกด้วย ต่อมาคนสเปนได้นำเมล็ดโกโก้มาทำเป็นเครื่องดื่ม เติมน้ำตาล วานิลลา และอบเชยลงไปทำให้มีกลิ่นและรสดีเรียกว่า ช็อกโกลาตส์ ต่อมาเครื่องดื่มรสประหลาดก็ได้แพร่หลายเข้าไปใน ประเทศอื่นๆ ในยุโรป และเมื่อไปถึงอังกฤษชื่อของ ช็อกโกลาตส์ก็เพี้ยนไปเป็น ช็อกโกแลตที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน


FYI คน เรามักจะให้ช็อกโก- แลตเป็นของขวัญ เพราะนอกจากรสชาติหวานอร่อยแล้ว ในช็อกโกแลตยังมีสารกาเฟอีน Theobro- mine และ Phenethyla- mine ซึ่งส่งผลต่อสมองทำให้เกิดความสุขขึ้น ดังนั้นการให้ช็อกโกแลตจึงเปรียบเสมือนการให้ ‘ความสุข’ นั่นเอง


DIY สไตล์โครเชต์
4 การถักโครเชต์นับว่าเป็นศาสตร์และศิลป์อย่างหนึ่งที่เกิดจากความประณีตพิถี พิถัน เรียงร้อยเส้นด้ายจนเป็นผลงานที่สวยงามน่าใช้ การมอบของชิ้นนี้ให้ใคร ถ้าคนให้ทำเอง คนรับยิ่งรู้สึกดี ตอนนี้มารู้จักโครเชต์กัน Crochet เป็นภาษาฝรั่งเศส หมายถึง ‘ตะขอ’ ซึ่งคาดกันว่าการถักไหมพรมน่าจะมีมา ตั้งแต่โบราณในเมืองจีน อาระเบียหรืออเมริกาใต้ ด้วยการนำด้าย ไหม ขนสัตว์มาถักเป็นห่วงโซ่ร้อยต่อกันจนเป็นผืนผ้า ลวดลายงดงาม และได้รับความนิยมในยุโรปราว ค.ศ. 1800 สมัยแรกมนุษย์ใช้เพียงนิ้วชี้งอเป็นรูปตะขอถักเส้นไหม จึงไม่มีหลักฐานเป็นเครื่องมือมาให้คนรุ่นหลังได้เห็น ภายหลังมีการพัฒนาเครื่องมือโครเชต์แทนนิ้วจากงาช้าง ทองเหลืองหรือไม้เนื้อแข็ง โครเชต์ในยุคแรกเริ่มเป็นงานกลุ่มแม่บ้าน ต่อมาเมื่อพระราชินีวิคตอเรียทรงโปรดไอริชโครเชต์ ถึงขนาดลงมือถักด้วยพระองค์เอง ชนชั้นกลางในสมัยนั้นจึงเริ่มหันมาซื้อผลิตภัณฑ์โครเชต์จากกลุ่มแม่บ้านด้วย เช่นกัน


FYI DIY (Do it yourself) หรือสิ่งที่ทำด้วยตัวเอง เริ่มขึ้นในช่วงศตวรรษ ที่ 19 มีผลมาจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมที่โรงงานสามารถผลิตสินค้าโรงงานได้ทีละมากๆ ส่งผลต่องานหัตถกรรมของชาวบ้าน William Morris นักออกแบบชาวอังกฤษผู้ต่อต้าน การปฏิวัติอุตสาหกรรม จึงได้ก่อตั้งบริษัท Arts & Crafts Movement
ผลิตงาน Decorative Arts เช่น ลายผ้า วอลเปเปอร์ หลังจากพบว่าคนนิยมงานหัตถกรรมน้อยลง


ตุ๊กตาไบลท์ Blythe is Bright
5 ยอดฮิตสำหรับยุคนี้ เห็นทีจะหนีไม่พ้น ตุ๊กตา Blythe ตุ๊กตาวินเทจสัญชาติอเมริกัน ที่ถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1972 มีจุดเด่นตรงที่เมื่อดึงห่วงหลังศีรษะตุ๊กตาแล้วตาของเขาจะเปลี่ยนสีได้ แต่ตอนนั้นยังไม่ได้รับความนิยมเท่าไหร่ เพราะน่ากลัวเกินไป จนต้อง ปิดตัวลงหลังจากออกวางขายในตลาดได้แค่เพียง  1 ปี แต่อีก 30 ปีต่อมา หลังจากที่บริษัท Takara ประเทศญี่ปุ่นได้รับลิขสิทธิ์ผลิตตุ๊กตาต่อ และ Blythe ได้กลายเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับห้างสรรพสินค้า เพียงชั่วข้ามคืน Blythe ก็เป็นตุ๊กตายอดนิยมบนเว็บ eBAY ราคาประมูล พุ่งขึ้นสูงจากเดิม 35$ เป็น 350$ รวมถึงเว็บประมูลของ Yahoo ขายหมดสต็อกถึง 4 ครั้ง  ในแวดวงแฟชั่น ยังมีการรวมดีไซเนอร์ของ ห้องเสื้อแบรนด์เนมจากทุกมุมโลกอย่าง John Galliano, Prada, Gucci, Vivienne Westwood, Issey Miyake, Versace, ฯลฯ มาร่วมกันออกแบบเสื้อผ้าตัวจิ๋วให้กับเหล่านางแบบ Blythe ได้สวมเดินบนแคตวอล์กกลางกรุงโตเกียว ทำให้กระแสฮิตตุ๊กตาตัวนี้ฉุดไม่อยู่จริงๆ


FYI หลัง จากที่ Gina Garan ได้รับตุ๊กตา Blythe เป็นของขวัญ เธอก็ถ่ายภาพ Blythe เก็บไว้กว่า 100 รูป รวมเล่มเป็นหนังสือชื่อ ‘This is Blythe’ รวมถึงหนังสือ Firecracker Alternative Book ที่ขายได้กว่า 100,000 เล่ม และจัดนิทรรศการแสดงภาพถ่าย ที่ทำให้ชื่อของ Gina’s Gallery โด่งดังและเป็นที่นิยมไปทั่วโลก


ขอขอบคุณบทความจาก :  //scoop.mthai.com/specialdays/1535.html 






Free TextEditor




 

Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2553
1 comments
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2553 15:04:41 น.
Counter : 483 Pageviews.

 

เคยได้แต่กุกลาบ อยากได้ตุ๊กตาไบลท์ หง่ะ




 

โดย: นาฬิกาสีชมพู 13 กุมภาพันธ์ 2553 12:50:28 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


ralgrad
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add ralgrad's blog to your web]