Group Blog
 
 
มีนาคม 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
18 มีนาคม 2554
 
All Blogs
 
Anthropogenic Global Warming Theory โลกร้อนขึ้นเพราะกิจกรรมของมนุษย์?!!?



หนนี้ขอมาแนวสาระนิดนึงครับ กำลังหาเรื่องอัพบล็อกแต่งานวุ่นๆทั้งงานในงานนอก ว่าแล้วเจอเรื่อง Climate Change ที่น่าจะเอามาเผยแพร่ให้คนอื่นอ่านด้วย ก็ขอจับมาลงบล็อกดีกว่า

หนึ่งในหลายๆงานจับฉ่ายที่ทำอยู่คือผมเป็นคณะทำงานประเมินทิศทางเทคโนโลยี ของสถาบันวิจัยฯ ปตท. ซึ่งเรื่องที่รับผิดชอบก็มี climate change, energy storage และ power sector หนนี้ขอลง climate change จากส่วนหนึ่งของไฟล์ presentation ที่ทำไว้ต้นปีที่แล้วดูก่อน ในอนาคตอาจเอาเรื่องอื่นๆมาเล่าสู่กันฟังต่อครับ

หนนี้ได้ความรู้มากมายจากเว็บไซต์และเอกสารทางวิชาการต่างๆ ซึ่งจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมคิดว่าเรื่องนี้น่าสนใจก็คือการถกเถียงเรื่องโลกร้อนในพันทิปห้องหว้ากอนี่แหละ โดยเฉพาะต้องขอขอบคุณคุณกาลามะชนและคุณ Trebovir Road จากหว้ากอ สำหรับข้อมูลอันเป็นประโยชน์ และการแลกเปลี่ยนความเห็นทางวิทยาศาสตร์อย่างมีเหตุผลและหลักฐาน


สืบเนื่องจากประเด็นโลกร้อนที่กำลังร้อนแรงอยู่ในเวทีระดับโลก ปลายปี 2009 ได้มีการประชุม Copenhagen Summit ของ UNFCCC หรือการประชุมคณะกรรมการสหประชาชาติสำหรับหารือเรื่องการรับมือโลกร้อน ซึ่งเป็นการประชุมครั้งที่ 15 ว่าด้วยการหารือเรื่องข้อกำหนดการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Green House Gas, GHG) ทดแทนสนธิสัญญาเกียวโตที่กำลังจะสิ้นสุดลงในปี 2012 นี้ ซึ่งการประชุมก็เป็นไปด้วยความวุ่นวายทั้งประเทศสมาชิกที่ไม่ยอมลดการปลดปล่อยคาร์บอนเพราะกลัวกระทบต่อเศรษฐกิจ, ประเทศที่ต้องการกดดันบางประเทศให้ลดการปลดปล่อยคาร์บอน, การปฏิบัติที่ไม่เท่าเทียมของกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา, ข้อตกลง Copenhagen Accord ที่ร่างโดยสมาชิกเพียง 5 ประเทศและรั่วออกมาก่อนการประชุม, หมู่มวลชนที่ตั้งป้อมประท้วงอยู่หน้าที่ประชุม โดยมีธีมหลัก "ถ้าโลกมันอยู่ไม่ได้ก็ไม่ต้องสนใจเศรษฐกิจแล้วว้อย!!" Smiley

ก่อนเราจะไปถึงวิธีการหารือการลดการปลดปล่อย GHG ซึ่งหลายประเทศก็ออกนโยบายมามากมายแล้ว นักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งรู้สึกแปลกๆกับโลจิคการลดโลกร้อนครั้งนี้ จึงได้ตั้งคำถามขึ้นมา 2 คำถาม:
1. โลกกำลังร้อนขึ้นจริงหรือ?
2. หากโลกร้อนขึ้น มันเกิดจากการกระทำของมนุษย์จริงหรือ?

ซึ่งมีเพียงกรณีเดียวนั่นคือคำตอบของทั้งสองคำถามจะต้องเป็น "YES!" การลดการปลดปล่อย GHG จึงจะตอบโจทย์การแก้ปัญหาโลกร้อนได้

ความเชื่อที่ว่าโลกร้อนขึ้นเพราะการกระทำของมนุษย์ถูกเรียกว่า Anthropogenic Global Warming Theory (จากนี้ไปขอเรียกย่อๆว่า AGW) และความตระหนักดังกล่าวก็เริ่มแพร่สะพัดอย่างกว้างขวาง หลังจากอัลกอร์ได้เผยแพร่สารคดี "An Inconvenient Truth" ในปี 2006 ว่าด้วยสภาพแวดล้อมของโลกที่กำลังเลวร้ายลงทุกขณะ รวมถึงผลลัพธ์สุดสยดสยองที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปหากมนุษย์ยังคงปลดปล่อยมลภาวะเช่นนี้ อีกด้านหนึ่งที่ไม่เชื่อเรื่อง AGW ก็กล่าวว่าโลกร้อนเป็นเพียง propaganda ของนักอนุรักษ์ ที่ใช้เป็นข้อต่อรองผลประโยชน์ต่างๆมากกว่าความต้องการแก้ปัญหาโลกร้อนจริงๆ




ตอนนี้จะขอแบ่งกลุ่มคนที่ถกเถียงเรื่องโลกร้อนเป็นสองกลุ่ม คือกลุ่มหนุนโลกร้อน ซึ่งเชื่อ AGW และกลุ่ม skeptic ซึ่งไม่เชื่อ AGW ซึ่งทั้งสองกลุ่มต่างก็มี issue ที่ใช้กล่าวหาฝั่งตรงข้ามได้ กลุ่มโลกร้อนก็กล่าวหาว่า "พวกไม่เชื่อโลกร้อนมันเป็นนายทุนที่กลัวเสียประโยชน์ เลยไม่อยากลดการปล่อยคาร์บอน!" กลุ่ม skeptic ก็กล่าวหาว่า "พวกโลกร้อนมันใช้ AGW เป็นเครื่องมือทางการเมือง (เช่นอัลกอร์กระพือเรื่องโลกร้อน เพื่อโจมตีนโยบายทุนนิยมของบุช คู่แข่งทางการเมืองของเขา)" หรือ "พวกขายเทคโนโลยีป้องกันโลกร้อนมันอ้าง AGW เพื่อโกยเงิน!" ไปจนถึง "กลุ่มประเทศบางกลุ่มกำลังจะใช้ Carbon Footprint เป็นเงื่อนไขในการกีดกันทางการค้า (เช่นจะไม่รับซื้อสินค้าจากประเทศที่กระบวนการผลิตมีการปลดปล่อยคาร์บอนเกินกำหนด อันนี้น่าสนใจครับ ถ้า AnexI ดันเรื่องนี้ขึ้นมาจริงๆ กลุ่มประเทศยากจนตายครับ ตาย!)"

ซึ่งข้อกล่าวหาทั้งหลายก็ฟังดูมีน้ำหนักกันทั้งสองฝ่าย นั่นทำให้ Climate Change เป็นวิทยาศาสตร์ที่มีเรื่องของการเมืองและสังคมเข้ามายุ่งเกี่ยวอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

จะให้พูดตรงๆใครๆก็คงมองว่าการลดการปลดปล่อยคาร์บอนมันก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่รึ?

คำพูดดังกล่าวฟังเหมือนจะถูก หากเราไม่ต้องทิ้งเงินมหาศาลไปกับการลดการปลดปล่อยคาร์บอน ทั้งที่สุดท้ายก็แก้ปัญหาโลกร้อนไม่ได้อยู่ดี

จนถึงตอนนั้น คงสายเกินไปที่จะเลือกเดินทางไปในแนวทางอื่นที่สามารถรับมือโลกร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า

พูดเรื่องการเมืองไปก็เท่านั้น เรามาดูหลักฐานทางวิทยาศาสตร์กันบ้างดีกว่า ว่าฝ่ายไหนจะมีน้ำหนักมากกว่ากัน Smiley


คำถามที่ 1 : โลกกำลังร้อนขึ้นจริงหรือ?

Issue 1 - สภาวะเกาะร้อนส่งผลต่ออุณหภูมิที่ตรวจวัดได้




สภาวะเกาะร้อน (Urban Heat Island) คือการที่อุณหภูมิบริเวณเขตเมือง สูงกว่าพื้นที่ธรรมชาติ เนื่องจากวัสดุก่อสร้างประเภท หิน ปูน ทราย เหล้ก ฯลฯ สามารถดูดซับและปลดปล่อยความร้อนได้มากกว่าพื้นดิน พื้นหญ้า แม่น้ำ ทะเล ต้นไม้ ฯลฯ ตามธรรมชาติ กลุ่ม skeptic จึงคิดว่า heat island เป็นสาเหตุให้อุณหภูมิที่วัดได้สูงขึ้นจากเมื่อก่อน โดยเฉพาะบริเวณที่ชุมชนหนาแน่นจะเก็บความร้อนไว้มาก แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าอุณหภูมิของโลกกำลังสูงขึ้น

ฝั่งโลกร้อนให้เหตุผลว่าในการศึกษาอุณหภูมิพื้นผิวโลกนั้น ทางคณะศึกษาได้ตัดผลจาก urban warming ออกแล้ว อีกทั้งบริเวณเมืองและชนบท ต่างก็มีแนวโน้มอุณหภูมิสูงขึ้นเช่นเดียวกัน เพราะงั้นไม่เกี่ยวว่าเมืองหรืออะไรหรอก ที่ไหนมันก็ร้อนขึ้นทั้งนั้นแหละ!!

สามารถศึกษารายละเอียดการศึกษา global surface temperature ของ NASA ได้จาก //pubs.giss.nasa.gov/docs/2001/2001_Hansen_etal.pdf

ยกนี้ผมให้ฝั่งโลกร้อนชนะครับ


Issue 2 - สถานีตรวจวัดอุณหภูมิผิดพลาด




จากผลการตรวจวัดอุณหภูมิโดยสถานีตรวจวัดภาคพื้นดินและดาวเทียมของพบว่าสถานีภาคพื้นดินได้อุณหภูมิสูงกว่าการตรวจวัดจากอวกาศ ฝั่ง skeptic เชื่อว่าการตรวจวัดจากอวกาศมีความแม่นยำสูงกว่าภาคพื้นดินที่มีปัจจัยรบกวนมาก และอุณหภูมิที่วัดได้จริงๆไม่ควรสูงเท่าเท่าภาคพื้นดินแสดง แต่เกิดจากสภาวะเกาะร้อนมากกว่า

issue นี้เป็นความผิดพลาดของฝั่ง skeptic ที่ไม่เข้าใจการรายงานผลของสถานีตรวจวัดดีพอ เส้นกราฟที่แสดงคือ anomaly (ผลต่างของอุณหภูมิเทียบกับ base line) ไม่ใช่อุณหภูมิ!! สถานีภาคพื้นดินมีการตรวจวัดโดยใช้ข้อมูล 30 ปีเป็น base line นั่นทำให้รวมข้อมูลในช่วงที่โลกยังเย็นอยู่เข้ามาด้วย และ base line ต่ำ ทำให้ anomaly สูงกว่าภาคอวกาศที่ใช้ข้อมูลในช่วง 20 ปีเป็น base line (ซึ่งปีหลังๆอากาศร้อนขึ้น base line ก็สูงขึ้น) และเมื่อทำการปรับ base line ให้เป็นฐานเดียวกันแล้วพบว่ากราฟทั้งภาคพื้นดินและอวกาศมีแนวโน้มที่ใกล้เคียงกัน (จะยังคงแตกต่างกันเล็กน้อยเพราะสถานีดาวเทียมวัดอุณหภูมิบรรยากาศชั้นล่าง ในขณะที่สถานีภาคพื้นดินวัดอุณหภูมิผิวดิน)

ยกนี้ฝั่งโลกร้อนชนะครับ

จากข้อมูลอุณหภูมิที่ตรวจวัดจากหลายแหล่งและการตอบคำถามของฝ่ายค้านได้อย่างมีเหตุผลแล้วทำให้เชื่อได้ว่า โลกกำลังร้อนขึ้นจริงๆ


คำถามที่ 2 : หากโลกร้อนขึ้น มันเกิดจากการกระทำของมนุษย์จริงหรือ?

Issue 3 - โลกเองก็ผ่านช่วงโลกร้อนมาหลายครั้งแล้ว




ทีนี้มาดูหมัดเด็ดของฝั่ง skeptic กันบ้าง เรารู้ข้อมูลการตรวจวัดอุณหภูมิในช่วงเวลา 100 กว่าปีที่ผ่านมานี้เอง เพราะเทอร์โมมิเตอร์อันแรกถูกคิดค้นขึ้นในปี 1750 แต่หากเราต้องการรู้สึกแนวโน้มอุณหภูมิของโลกที่เปลี่ยนแปลงไปตามช่วงเวลาอย่างแท้จริง เราจะต้องมีการศึกษาย้อนอดีตไปมากกว่านั้น (แหม โลกอายุตั้ง 4 พันกว่าล้านปี จะเอาข้อมูลช่วง 150 ปีมาตัดสินว่าโลกมันร้อนขึ้นเรื่อยๆก็เกินไปละ) เพราะงั้นศาสตร์ที่เรียกว่า Peleoclimatology (แปลเป็นไทยว่าอุตุนิยมวิทยาดึกดำบรรพ์) จึงมีความจำเป็น

จากการศึกษาสภาพอากาศย้อนไปกว่าแสนปีก็พบว่าโลกเราเคยผ่านช่วงเวลาที่ร้อนกว่านี้มาหลายครั้งแล้ว (ชาวไวกิ้งเคยไปตั้งถิ่นฐานในกรีนแลนด์ที่ปัจจุบันหนาวเย็นจนแทบไม่มีคนอยู่ได้) โดยมีช่วงที่อุณหภูมิของโลกสูงอยู่สามช่วง ได้แก่
1. Medieval Warm Period (ปี 800 - 1300AD)
2. Holocene Optimum Period (8000 - 5000 ปีก่อน)
3. The Penultimate Interglacial Period (125000 ปีก่อน)
การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศในยุคปัจจุบันนี้ถูกเรียกว่า Late Holocene Neoglacial Fluctuation ซึ่งอากาศมีการเปลี่ยนแปลงมาตลอดในช่วงเวลา 5000 ปีที่ผ่านมา และตรงตามหลักฐานทางโบราณคดีต่างๆ ตามไทม์ไลน์ Roman Cool Period --> Roman Warm period --> Dark Age Cool Period --> Medieval Warm Period --> Little Ice Age --> Recent Warm Period เห็นได้ว่าในยุคปัจจุบันโลกกำลังอยู่ในช่วงอุณหภูมิขาขึ้น และเทอร์โมมิเตอร์ก็ตรวจวัดได้แค่ช่วงท้ายของ Recent Warm Period นั่นเป็นเหตุผลให้ข้อมูลอุณหภูมิที่ถูกบันทึกไว้ดูเหมือนจะสูงขึ้นเรื่อยๆนั่นเอง

และการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิทั้งหลายที่เกิดขึ้นในช่วงแสนกว่าปีที่ผ่านมานี้ มนุษย์ไม่ได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยแน่ๆ แต่อุณหภูมิของโลกมันก็ยังเปลี่ยนแปลงอยู่เช่นนั้น

คำอธิบายของ skeptic ในเรื่องนี้มีน้ำหนักดีทีเดียว


Issue 4 - โลกร้อนเป็นผลของคลื่นรังสีจากดวงอาทิตย์




จาก issue 3 เราได้เรียนรู้ว่าโลกเองก็มีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอยู่ตลอดเวลาแบบที่มนุษย์ไม่ต้องไปทำอะไร แล้วสาเหตุที่ทำให้อุณหภูมิมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดนั้นล่ะ? นักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาผลของปริมาณรังสีจากดวงอาทิตย์ที่ตกกระทบโลก กับอุณหภูมิของโลกที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละปี พบว่ามีความสอดคล้องกันอย่างมีนัยสำคัญยิ่งกว่าผลของ CO2 ที่มีต่ออุณหภูมิของโลกเสียอีก ซึ่งความร้อนจากดวงอาทิตย์ก็เป็นพลังงานปริมาณมหาศาลที่โลกได้รับอยู่ตลอดเวลา ว่ากันว่ารังสีจากดวงอาทิตย์ที่ตกกระทบโลก มีพลังงานถึง 1368 w/m2 ปริมาณรังสีทั้งโลกคิดเป็นพลังงานเท่ากับพลังงานที่ได้จากโรงไฟฟ้า 1700 ล้านโรง!!! โดยพลังงานเหล่านี้จะถูกดูดซับ 70% และสะท้อนกลับ 30%

ที่สำคัญ!!! พลังงานที่ดวงอาทิตย์ปล่อยมาถึงโลกนี้ไม่คงที่ แต่เปลี่ยนแปลงเป็นคาบ และความไม่สม่ำเสมอของแหล่งพลังงานใหญ่ที่สุดที่โลกได้รับนี่เองเป็นสาเหตุที่ทำให้อุณหภูมิของโลกมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา


Issue 5 - ปริมาณของ CO2 ไม่ใช่สาเหตุของการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิโลก แต่เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิโลกต่างหาก




(อ่านหัวข้อแล้วงงไหม) พูดให้ฟังง่ายๆคือสมมุติว่า A เป็นปริมาณ CO2 และ B เป็นการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของโลก
ชาวโลกร้อนเชื่อว่า A ทำให้เกิด B
แต่ชาว skeptic แย้งว่า B ทำให้เกิด A ต่างหาก

จากการศึกษาอุตุนิยมวิทยาดึกดำบรรพ์ทำให้เราพบอีกว่านอกจากอุณหภูมิแล้ว ปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ก็เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆตามช่วงเวลาต่างๆ และมีความสัมพันธ์สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างมีนัยสำคัญซะด้วย ดังนั้นสรุปได้ว่าคาร์บอนไดออกไซด์มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของโลก เราควรลดการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เพื่อป้องกัน global warming ....เหรอ? สรุปเร็วเกินไปมั้งเพ่

ฝั่ง skeptic แย้งว่าเพราะการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิโลกต่างหากที่ทำให้ CO2 เปลี่ยนแปลง (ซึ่งการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิโลกก็เกิดจากปริมาณรังสีตกกระทบตาม issue 4 ไม่ใช่คาร์บอน!! ต่อให้ตามทฤษฎี CO2 มันมีผล แต่ปริมาณ CO2 ที่น้อยนิดของโลกมันไม่ทำให้เกิดเรือนกระจกถึงขนาดเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิหรอก ไม่ใช่ดาวอังคารนะครับ)

แล้วทำไม CO2 จึงเปลี่ยนแปลงตามอุณหภูมิล่ะ? สาเหตุมันคือมหาสมุทรครับ

มหาสมุทรเป็นคาร์บอน source และ sink ที่ใหญ่ที่สุดของโลก
ปริมาณ CO2 ในบรรยากาศก่อนยุคอุตสาหกรรมมี 550 พันล้านตัน, เพิ่มเป็น 730 พันล้านตัน หลังยุคอุตสาหกรรม
ในขณะที่มหาสมุทรมีปริมาณ CO2 ถึง 39000 พันล้านตัน
มากกว่าถึง 50 เท่า!!!
เมื่อ CO2 ละลายลงน้ำทะเล pH ของทะเลจะไม่เปลี่ยนแปลงมากเนื่องจากมีสมดุลเกลือคาร์บอเนตเป็นบัฟเฟอร์อยู่
หาก CO2 มีปริมาณมากขึ้น จะจับตัวเป็นหินปูน (CaCO3) ตกลงสู่ก้นมหาสมุทร

ซึ่งกลไกทางเคมีของมหาสมุทรนี้ช่วยรักษาสมดุลคาร์บอนให้แก่โลกได้เป็นอย่างดี

เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น CO2 ละลายน้ำได้น้อยลง เป็นเหตุให้มหาสมุทรปลดปล่อยคาร์บอนออกมาสู่บรรยากาศ
ด้วยเหตุนี้ B --> A :Prooved!! - -b

ทั้งนี้หากน้ำทะเลมีการเปลี่ยนแปลง pH จนสัตว์ทะเลหลายประเภทไม่สามารถรักษาโครงสร้างแคลเซียมได้และตายไป เมื่อสัตว์เล็กตาย ปะการังเสียหาย ปลาก็ลดลง กระทบต่ออุตสาหกรรมประมงไปด้วย แต่ก็ยังไม่มีรายงานการพบอุบัติการณ์ดังกล่าวแต่อย่างใด




จากด้านบนนี้คงพอสรุปได้ว่าโลกกำลังร้อนขึ้นจริง แต่ไม่มีใครรู้ว่ามันเกิดจากการกระทำของมนุษย์จริงหรือไม่

แต่จากกระแสสังคมส่วนใหญ่ทั่วโลกที่ต้องการให้มีการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง (เห็นคนยืนประท้วงหน้าการประชุม COP ทุกครั้งที่ผ่านมานั่นไหม?) ...จากการให้ความร่วมมือลดการปลดปล่อยคาร์บอนในประเทศสมาชิก UNFCCC ...จากนโยบายภาครัฐที่ส่งเสริมแกมบังคับให้หน่วยงานต่างๆ (โดยเฉพาะ กฟผ. และ ปตท. ที่อยู่ใกล้มือรัฐบาลและเป็นแชมป์การปล่อยคาร์บอนของประเทศไทย) ลดการปล่อยคาร์บอน ...รวมทั้งจากทิศทางของบริษัทชั้นนำต่างๆที่ต้องการมุ่งสู่ Sustainability ซึ่งต้องมีการทำ GHG Roadmap ขององค์กรเข้ามาร่วมอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้แล้ว... คงไม่มีประโยชน์ที่จะมองหาทางเลือกอื่นในการรับมือกับ climate change นอกจากลดการปล่อย GHG ตามที่ชาวโลกส่วนใหญ่เขาต้องการ

เนื้อหาสำคัญที่สุดของบล็อกนี้จึงเป็น
>> สิ่งที่ผลักดันการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกคือกระแสสังคมและนโยบายจากภาครัฐ ไม่ใช่วิทยาศาสตร์

ข้อตกลงการต่อสนธิสัญญาเกียวโตในปี 2012 จะเป็นเช่นไร?
โลกจะกลับมามีอากาศบริสุทธิ์ (อย่างน้อยก็ดีกว่าปี 1990 ที่ใช้เป็น base line ในการลด GHG) หรือไม่?
เมื่อลด GHG ได้แล้ว อุณหภูมิของโลกจะร้อนน้อยลงจริงหรือ?
(ที่แน่ๆ มี.ค. ปีนี้หนาวฉิบหาย) Smiley

ทั้งหมดนี้เราคงต้องติดตามชมกันต่อไป

แต่อย่างน้อยจากการศึกษาเรื่องโลกร้อนครั้งนี้ ก็ช่วยให้เราเตรียมใจได้ว่า ต่อให้ลดการปล่อย GHG ได้ตามเป้าหมายจริง อากาศโลกก็อาจจะวิปริตแบบนี้อยู่ดีนะจ๊ะ เฮ~




Create Date : 18 มีนาคม 2554
Last Update : 27 สิงหาคม 2560 21:10:08 น. 21 comments
Counter : 3678 Pageviews.

 
แวะมาทักทายครับ

วิตามินวิตามินวิตามินวิตามินวิตามินวิตามินวิตามินวิตามินวิตามินวิตามินวิตามินวิตามินวิตามินวิตามินวิตามินวิตามินวิตามิน


โดย: MaFiaVza วันที่: 18 มีนาคม 2554 เวลา:13:10:19 น.  

 
วันนี้มาแนวเครียดนะครับ เพิ่งเปิดตัวหัวข้อนี้ด้วย เรื่องอากาศผมกลับชอบนะ คุนหมิงก็อากาศแบบนี้แหละเย็นสบายดี

ผมว่าพวกประเทศมหาอำนาจนี่แหละตัวดีเลย ตัวทำให้โลกร้อน ตัวผลิตขยะ ผมเคยเขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องสิ่งแวดล้อม ตอนนั้นเป็นกิจกรรมของ บล็อกเกอร์ชื่อ "มัชชาร" ประเทศมหาอำนาจ 2 ประเทศพูดเรื่องนี้ได้สนุกมาก ประเทศอเมริการพยายามกล่าวหาว่าจีนทำให้โลกร้อน จีนโต้กลับว่า ถ้าเทียบจำนวนเฉลี่ยต่อคนของจีนปล่อยน้อยกว่าอเมริกาหลายเท่าตัวนัก อีกอย่างที่หาว่าประเทศข้าทำให้โลกร้อนก็เพราะรับออเดอร์ผลิตของให้พวกเจ้านี่แหละ ... ... ก็ว่ากัน

จะว่าไปนโยบายรัฐของจีนที่ผมเห็นเขาก็พยายามในแบบของเขานะ ที่แน่ๆ ตอนนี้ถ้าจะเอาถุงพลาสติกที่จีนต้องเสียเงินแล้ว ในขณะที่ไทยยังไม่มีมาตรการในจุดนี้

เรื่องการตื่นตัวผมว่าของไทยทำน้อยมาก ไปดูตามข้าวสารสิครับ จะเห็นตัวอย่างได้ชัดเจนในรื่องการผลิตขยะ ประเภทของใช้แล้วทิ้ง ฝรังด่าเราเรื่องนี้มาก ผมเกลียดฝรั่งมาก โดยเฉพาะประเทศอเมริกาที่อาจตัวว่าเป็นมิตรแท้ของประเทศไทย (แต่ดันขโมยพันธุ์ข้าวหอมมะลิ) แต่เรื่องนี้ผมกลับเห็นด้วยกับพวกมัน


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 19 มีนาคม 2554 เวลา:0:46:46 น.  

 
***แก้คำผิด ที่อ้างตัวเป็นมิตรแท้ของประเทศไทย


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 19 มีนาคม 2554 เวลา:0:48:13 น.  

 
สนธิสัญญาเกียวโตอเมริกายังไม่ยอมลงนามเลยครับ
ทั้งที่ประเทศพัฒนาทั้งหลายเข้าร่วม AnexI เป็นผู้นำการลดการปลดปล่อยมลพิษ แล้วต้องตั้งกองทุนขึ้นมาสนับสนุนเทคโนโลยีลดโลกร้อนให้ประเทศกำลังพัฒนาด้วย แต่บางประเทศก็มองว่าประเทศกำลังพัฒนาก็ควรมีส่วนช่วยลดมลพิษเหมือนกัน
อเมริกามองว่าจีนเป็นคนปล่อนคาร์บอนรายใหญ่ ถ้าจะให้อเมริกาลดจีนกับอินเดียที่กำลังเติบโตก็ต้องลดเช่นกัน
ถึงจะพัฒนาแล้วแต่เรียกร้องสิทธิ์ให้ตัวเองไว้บ้างก็ดี หลายๆครั้งผมรู้สึกว่ามติที่ออกมาทำให้ประเทศพัฒนาเสียเปรียบมากเกินไป

มติประชุม COP ล่าสุดยังไม่มีนโยบายชัดเจนเกี่ยวกับการลดการปล่อยคาร์บอนของประเทศกำลังพัฒนาครับ มีแต่อาสากำหนดเป้า และรายงานผลการปล่อยคาร์บอนเข้าที่ประชุมทุกปี

ส่วนประเทศไทย แม้แต่แผนแม่บทการลดโลกร้อนยังไม่เกิด คลอด 2553-2562 มาฉบับนึง แต่ชาวบ้านประท้วงฉีกทิ้งไปแล้ว เพราะเน้น mitigation มากกว่า prevention (คือภาคเกษตรต้องรับผิดชอบทดแทนพื้นที่ป่า แทนที่จะเน้นบังคับภาคอุตสาหกรรม)

การปล่อยมลพิษของไทยเองใช่ย่อย ปล่อยคาร์บอนอันดับที่ 22 ของโลก แต่ถ้ารวมเฉพาะภาคการผลิตกระแสไฟฟ้าเราปล่อยมากที่สุด


โดย: ชีริว วันที่: 19 มีนาคม 2554 เวลา:2:21:58 น.  

 
บล้อกวันนี้สาระ แน่นเอี๊ยดเลยค่ะคุณชีริว โหวตด้วยนะคะวันนี้

........

สำหรับแหม่มเองแล้ว โลกจะร้อนขึ้นจริงหรือไม่ ยังไงซะมนุษย์เราก็ควร "ใส่ใจ" กับสิ่งแวดล้อมอยู่ดีค่ะ ไม่ต้องถึงขนาดอ้างโลกร้อนหรอก อันไหนที่ควรทำ ทำแล้วดีต่อคน ดีต่อโลก จะต้องรอให้เกิดผลกระทบก่อนทำไมอ่ะคะ


โดย: i'm not superman วันที่: 19 มีนาคม 2554 เวลา:8:40:01 น.  

 
เห็นด้วยครับที่ว่าเรื่องโลกร้อนจะจริงหรือไม่จริงแต่อย่างน้อยก็เป็นกุศโลบายให้คนห่วงใยรักษาสิ่งแวดล้อม
แต่ทางเทคนิคผมก็เห็นด้วยกับคนส่วนใหญ่ในหว้ากอที่คิดว่าควรชี้แจงให้ตรงจุดว่าปัญหาคืออะไร และควรเตรียมการรับมืออย่างไร

ตอนนี้ทั้งโลกคิดไปในแนวทางเดียวกันหมดแล้ว คือต้องหาทางลดการปลดปล่อยมลพิษให้ได้ แต่อย่าอ้างว่าวิทยาศาตร์แสดงให้เห็นว่าโลกกำลังร้อนขึ้นเพราะการปล่อยมลพิษของมนุษย์ (เหมือนที่เห็นใน presentation ช่วง intro ของหลายๆที่ที่พูดเรื่องเทคโนโลยีสะอาด) เพราะนักวิทยาศาตร์เองก็ไม่แน่ใจ สิ่งที่ผลักดันการลดการปลดปล่อยคาร์บอนตัวจริงคือความตระหนักของประชาชนและนโยบายภาครัฐต่างหาก (ตามที่เน้นไว้ท้ายบล็อก)

ที่ยังเป็นประเด็นคาอยู่คือเรื่องของข้อตกลงการลดการปลดปล่อย GHG ครับ
เราอาจเสียเวลาไปกับการหาข้อตกลงเป็นสิบปี แต่ตอนนี้ก็ยังหาจุดลงตัวไม่ได้
อย่าง base line การปลดปล่อยมลพิษใช้ปี 1990 ซึ่งช่วงนั้นเศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังขาขึ้น มีการปลดปล่อยคาร์บอนมาก ในขณะที่เศรษฐกิจยุโรปซบเซา มีการปล่อยคาร์บอนน้อย ถ้าใช้ 1990 เป็นเกณฑ์ นั่นคือยุโรปที่ต้องลดคาร์บอนไปจากเดิมที่น้อยอยู่แล้วก็จะเสียเปรียบเข้าไปอีก
หรือการตั้งเกณฑ์เปรียบเทียบกับเทคโนโลยีที่เป็น conventional ที่ประเทศนั้นใช้อยู่ เช่นบอกว่าเทคโนโลยีถ่านหินจะต้องลดการปลดปล่อยคาร์บอนลง 50% ประเทศอย่างญี่ปุ่นที่ใช้ clean coal technology อยู่แล้วก็จะเสียเปรียบประเทศอย่างรัสเซีย
จะใจกว้างอาสาลดคาร์บอนเอาหล่อก็ไม่ได้อีก เพราะคนที่เข้าที่ประชุมสหประชาชาติเป็นแค่ตัวแทนของประเทศ ไม่ใช่คนลงมือลดคาร์บอนจริงๆ ที่ Copenhagen Summit กระทรวงพลังงานของไทยอาสาลด CO2 77 ล้านตัน แล้วภาครัฐก็ผลักดันเรื่องการลด CO2 เป็น KPI ของรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเราก็รู้กันดีว่าถ้าให้ลดแบบ absolute นั่นเท่ากับขยายธุรกิจไม่ได้ อย่าง กฟผ. จะต้องผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นตามแผน PDP แล้วจะให้ลดคาร์บอนได้อย่างไร ในเมื่อเทคโนโลยีที่จะมาแทนการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติก็ยังไม่เข้ามาใช้งานจริงในประเทศในช่วง 1-2 ปีนี้แน่ๆ (ต่อให้ฟลุ๊คขึ้นโรงนิวเคลียร์ได้ก็ต้องก่อสร้างกันอีก 15 ปี)

คนถึงต้องประท้วงหน้าที่ประชุม COP ทุกปีครับ จะคุยอะไรกันนักกันหนา รีบๆลดคาร์บอนซะทีสิว้อย!!!
กลืนไม่เข้าคายไม่ออกกันไปตามๆกัน OTL


โดย: ชีริว วันที่: 19 มีนาคม 2554 เวลา:11:56:34 น.  

 
ผมว่าพยายามลดการปล่อยก๊าซที่คาดว่าจะทำให้โลกร้อนก่อนก็ไม่สายหรอก อเมริกานี่ตัวดีเลย ชอบว่าคนอื่นตัวเองไม่เคยทำ ผมโยงเรื่องพวกนี้ได้กับทุกเรื่อง ล่าสุดลิเบีย ตอนนี้ UN ไฟเขียวให้พวกฝรั่งเข้าโจมตีได้แล้ว ยิงกันเข้าไป ไฟไหม้ ระเบิดกันตูมตาม คนตายอีกมากมาย ต้องเผาศพอีกมากมาย แค่มองในมุมโลกร้อนอย่างเดียว การที่พวกฝรั่งอยากบุกเข้าลิเบีย ก็สมควรประณามแล้วครับ เชื่อเถอะถ้าพวกฝรั่งบุกเข้าไปเมื่อไหร่ ได้มีการเผาบ่อน้ำมันอีกแน่นอน

มาโดกะยังไม่ได้ดูเลยครับ อ่านแต่สปอย ความจริงรูปในกล่องคอมเมนต์ ผมเคยใช้รูปเสี่ยคิวเบย์ด้วย เป็นเสี่ยแกขอคะแนน แลกกับพร 1 ข้อ แต่ดูท่าทางจะเป็นการไล่คนอ่านมากกว่า ก็เลยเปลี่ยนรูป


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 19 มีนาคม 2554 เวลา:16:22:53 น.  

 
แก้ไขหน่อยพึ่งนึกได้ อิสลามเขาไม่เผาศพนี่ แต่ยิงกันฆ่ากัน ไฟไหม้ ก็ส่งผลให้โลกร้อนเพิ่มขึ้นได้เหมือนกัน


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 19 มีนาคม 2554 เวลา:16:25:10 น.  

 
งั้นคราวหน้าเวลาแหม่มเขียนหนังสือ...จะเขียนให้พระเอกเป็นคนที่ไปช่วยรุ่นพี่เช็ดอ้..วก..ถูที่นางเอกทำเรี่ยราดไว้ดีมั้ยคะ

เอ๊ะ..ยังไง เง้อออ...


โดย: i'm not superman วันที่: 20 มีนาคม 2554 เวลา:9:46:33 น.  

 
เป็นครั้งแรกในชีวิต ที่เดือนมีนาคมต้องใส่เสื้อกันหนาวในกรุงเทพครับ


โดย: คนเคยผ่านมหาสมุทร วันที่: 21 มีนาคม 2554 เวลา:9:48:29 น.  

 
ขำไม่ออกเลยงานนี้ เข้าใจอารมณ์ครับ


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 21 มีนาคม 2554 เวลา:17:29:43 น.  

 
ลุคนางเอกต้องไม่อ๊อกอ่ะเนอะ แฮ้~~~

อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณชีริว


โดย: i'm not superman วันที่: 22 มีนาคม 2554 เวลา:7:59:15 น.  

 
สาระเน้นๆเลยครับ แต่คงใช้ชีวิตแบบเดิม


โดย: OceanSage วันที่: 23 มีนาคม 2554 เวลา:19:01:53 น.  

 
บัตรเยอะดีนะครับ ถ้าประเทศไทยมีระบบบัตรรถโดยสารประจำทางกับ บังคับใช้บัตรอินเทอร์เน็ตละก็ กระเป๋าคุณชีริวน่าจะตุงมากกว่านี้

นอกเรื่องหน่อยแผ่นดินไหวอีกแล้ว 6.7 ที่พม่า เข้าใกล้เราเข้ามาทุกที


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 25 มีนาคม 2554 เวลา:14:56:16 น.  

 
สัปดาห์หนังสือเริ่มแล้วสินะคะ

อิจฉาคนกรุงเต๊บอ่ะ..อย่าลืมละลายทรัพย์ในหนังสือเผื่อด้วย 555+

..........

แว่บไปไหว้พระ+เที่ยวมานิดหน่อยค่ะ เอาบุญจากการไหว้พระมาฝากคุณชีริวด้วย

สวัสดียามค่ำ ๆ ของคืนวันอาทิตย์นะคะ


โดย: i'm not superman วันที่: 27 มีนาคม 2554 เวลา:18:27:02 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณชีริว..ไปกับครอบครัว เอากล้องใหญ่ไปไม่คุ้มหรอกค่ะ แบกหนักเปล่า ๆ อ่ะ เพราะคงไม่มีโอกาสเล็งภาพ แต่ภาพจากกล้องตัวเล็ก ก็ทำเอาเราหงุดหงิดได้พอแรงเลย แหม่มรู้ค่ะ ว่าไม่ควรหวังอะไรมาก มันก็ทำหน้าที่ของมันได้เท่านั้นล่ะ แต่แหม..นะ..อยากเก็บความสวยงามของสองฝั่งเจ้าพระยามาฝาก แต่ไหงรูปมันออกมาแบบเละ ๆ ได้ขนาดนั้นก็ไม่รู้ ไว้โอกาสหน้าค่อยแก้ตัวใหม่เนอะ

งานยุ่งมั้ยคะช่วงนี้...ดูแลสุขภาพเน้อ หนาว ๆ ร้อน ๆ จนเดาฤดูไม่ถูกแล้วบ้านเราตอนนี้


โดย: i'm not superman วันที่: 29 มีนาคม 2554 เวลา:10:03:48 น.  

 
แวะมาทักทายครับ คุณชีริว ห้องก้นครัวไม่น่าเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นได้เลยว่ามั้ยครับ


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 31 มีนาคม 2554 เวลา:11:21:48 น.  

 
You should not present inaccurat information and mislead people. If you do not really know about it. All topics mentioned above have clearly been answered. Check it out!//www.skepticalscience.com/


โดย: UNFCCC IP: 86.145.74.62 วันที่: 23 เมษายน 2554 เวลา:2:00:54 น.  

 
Thank you of another good reference for global warming study.
It's AGW's site; however, rather than the affirmation from IPCC or other governmental organization. In other words, it's just a fansite of climate change fanclub.
The site uses words "Skeptic say" vs "science say" ....Scince? what have your opponent stated couldn't be science either?
Not to mention some ridiculous information from the site; for instance, the site uses two references for solar irradiance's trend (1880 - 1978 from one source, and 1979 - 2009 from another source) while it's shown that from 80s on, the solar irradiance significantly drop. Wouldn't it because of the different models the two sources used? Wouldn't it be a poor conclusion to say that "In the last 35 years of global warming, sun and climate have been going in opposite directions."? Neglecting what paleoclimatology told us with climate info for over a hundred thousand year.

It's obvious that there 're many arguments in the site, thus you cannot say that "All topics mentioned above have clearly been answered."

To make it more clear (in case that you cannot read Thai that I used in this entry), this entry focused on the point that no science can confirm the AGW theory yet, what drive climate acts are public awareness and politics, not science. All industries aware that GHG reduction is a must, no matter what science said.


โดย: ชีริว วันที่: 24 เมษายน 2554 เวลา:10:48:57 น.  

 
ขอบคุณที่ดีของการอ้างอิงสำหรับการศึกษาการควบคุมภาวะโลกร้อน
ก็เว็บไซต์ของ AGW แต่แทนที่จะยืนยันจาก IPCC หรือองค์กรภาครัฐอื่น ๆ ในคำอื่น ๆ ก็เพียง fansite ของแฟนคลับเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
เว็บไซต์จะใช้คำว่า"Skeptic พูดว่า""วิทยาศาสตร์กล่าวว่า"VS .... Scince? สิ่งที่ได้ระบุไว้ของฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถด้านวิทยาศาสตร์อย่างใดอย่างหนึ่ง?
ไม่พูดถึงข้อมูลบางอย่างที่ไร้สาระจากเว็บไซต์ที่ยกตัวอย่างเช่นเว็บไซต์ที่ใช้สองการอ้างอิงสำหรับแนวโน้ม irradiance แสงอาทิตย์ของ (1880 -- 1978 จากแหล่งหนึ่งและ 1979 -- 2009 จากแหล่งอื่น) ในขณะที่มันแสดงให้เห็นว่าจาก 80 บน, irradiance พลังงานแสงอาทิตย์อย่างมีนัยสำคัญ หล่น จะไม่ได้เพราะของแบบจำลองที่แตกต่างกันสองแหล่งที่มาใช้? มันจะไม่เป็นข้อสรุปที่ดีที่จะกล่าวว่า"ในช่วง 35 ปีของภาวะโลกร้อนและสภาพภูมิอากาศดวงอาทิตย์ได้รับไปในทิศทางตรงกันข้าม."? ละเลยสิ่งที่บอกกับเราว่าวิชาที่ว่าด้วยอากาศดึกดำบรรพ์ที่มีข้อมูลสภาพภูมิอากาศมานานกว่าแสนปี

มันชัดเจนว่ามีอีกหลายข้อโต้แย้งในเว็บไซต์ที่ทำให้คุณไม่สามารถพูดว่า"หัวข้อทั้งหมดดังกล่าวข้างต้นได้รับการตอบอย่างชัดเจน."

ที่จะทำให้มันชัดเจนมากขึ้น (ในกรณีที่คุณไม่สามารถอ่านภาษาไทยที่ผมใช้ในรายการนี้) รายการที่มุ่งเน้นในจุดที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถยืนยันทฤษฎี AGW ยังสิ่งที่ไดรฟ์ที่การกระทำของภูมิอากาศนี้มีความตระหนักของประชาชนและการเมืองไม่วิทยาศาสตร์ ทุกอุตสาหกรรมทราบว่าการลดก๊าซเรือนกระจกคือต้องไม่ว่าสิ่งที่วิทยาศาสตร์กล่าวว่ายกเลิกการแก้ไข


โดย: ด.ญ. จิรพรรณ ตั้งจิตต์ IP: 110.77.251.60 วันที่: 31 มกราคม 2555 เวลา:18:59:00 น.  

 
^ จะมากูเกิ้ลทรานสเลตอะไรแถวนี้ -___-"


โดย: ชีริว วันที่: 3 เมษายน 2555 เวลา:21:21:40 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ชีริว
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 89 คน [?]





**5 Latest Entries**
RedLife
เบตง
โดราเอม่อน ตอน ปืนหยั่งรู้ความคิด
ปัว-บ่อเกลือ
โดราเอมอน ตอน ฝาแฝดของโนบิตะ


Friends' blogs
[Add ชีริว's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.