|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
อุทยานเมืองเก่าพิจิตร
วันนี้พามาชมอุทยานเมืองเก่าในจังหวัดพิจิตรกันครับ ที่นี่นับเป็นอีกเมืองหนึ่งที่อยู่ในยุคสุโขทัยเช่นเดียวกับเมืองแพรกที่ชัยนาท หรือสองแควพิษณุโลก ถึงจะไม่เก่าแก่เท่ากลุ่มเมืองทวารวดี แต่ก็นับเป็นอีกหนึ่งแหล่งกำเนิดอารยธรรมไทยสายตรง ก่อนจะเข้าไปรวมเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรพระนครศรีอยุธยาและสืบแผ่นดินต่อเนื่องมาจนถึงประเทศไทยในปัจจุบัน
พูดถึงพิจิตรหลายคนคงนึกถึงแต่จระเข้ ซึ่งถ้าเป็นผมๆก็นึกถึงแต่จระเข้เหมือนกันครับ (อ้าว!)
จังหวัดพิจิตรอยู่ภาคเหนือตอนล่างที่มีความอุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งปลูกข้าวและประมงน้ำจืดที่สำคัญ และเป็นแหล่งกำเนิดของตำนานชาละวัน จระเข้ยักษ์ที่จับคนแถวพิจิตรกิน เรื่องเล่าที่สืบทอดมาหลายชั่วอายุคนเล่ากันว่าจระเข้ตัวนี้มีขนาดใหญ่ขนาดนอนขวางลำน้ำได้ มันจับผู้คนแถบลำน้ำน่านสายเก่ากินไม่เว้นแต่ละวันจนได้ชื่อว่า "ตาละวัน" ก่อนเพี้ยนมาเป็นชาละวันในยุคต่อมา จนกระทั่งมีหมอปราบจระเข้ชื่อไกรทองมาปราบได้ เรื่องราวของไกรทองและชาละวันพัฒนาจากนิทานพื้นบ้านจนโด่งดังไปทั่วเมื่อ ร.2 นำไปนิพนธ์เป็นบทละครนอก แล้วจระเข้ก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดพิจิตรไป ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็เป็นตุ๊กตาจระเข้ ป้ายจระเข้ ปูนปั้นจระเข้ จระเข้อยู่ทุกหนแห่ง เมืองสิงห์บุรีมีปลา ชัยนาทมีนก ส่วนพิจิตรมีแต่เข้นะครับแหม่ ผมว่ามันเป็นมาสคอตที่น่าเกลียดโคตรๆ
...เรื่องไกรทองโด่งดังมากๆจนเป็นจุดขายสำหรับจังหวัดพิจิตร แต่ตามท้องเรื่องไกรทองเป็นคนนนทบุรีนะเออ
| | ตามพงศาวดารเหนือ พระยาโคตรบองได้สร้างเมืองพิจิตรขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1601 ริมฝั่งแม่น้ำน่านเก่า (ปัจจุบันคือแม่น้ำพิจิตร) จากนั้นได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของสุโขทัยและอยุธยาตามลำดับ และมีฐานะเป็นหนึ่งในหัวเมือง ในบันทึกสมัยกรุงสุโขทัยจะพบชื่อเมืองสระหลวง ซึ่งจะเป็นเมืองเดียวกับพิจิตรหรือไม่ยังอยู่ในขั้นตอนของการถกเถียง
หลังสิ้นกรุงศรีอยุธยา ยังคงมีชุมชนเล็กๆรวมตัวกันอยู่ในเมืองพิจิตรเก่าและมีเจ้าเมืองปกครอง จนกระทั่งเมื่อร้อยกว่าปีก่อนแม่น้ำน่านเปลี่ยนเส้นทางเดินจากผลของการทดน้ำทำการเกษตร ทำให้เส้นทางเดินเก่ากลายเป็นลำน้ำเล็กๆ ปัจจุบันเรียกแม่น้ำน่านสายเก่าว่าแม่น้ำพิจิตร และเจ้าเมืองพิจิตรขณะนั่้นได้ย้ายเมืองไปอยู่บริเวณบ้านปากทาง ตำบลปากทาง ในปี พ.ศ. 2425 ก่อนจะย้ายอีกรอบมาอยู่ติดแม่น้ำน่านสายใหม่ที่บ้านท่าหลวง ตำบลในเมือง อันเป็นตำแหน่งเมืองพิจิตรในปัจจุบันในปี พ.ศ. 2427
ทริปนี้จะพาชมเมืองเก่าของพิจิตร และพาชมแหล่งท่องเที่ยวรอบๆเมืองพิจิตรปัจจุบันด้วยครับ อุทยานเมืองเก่าพิจิตรตั้งอยู่ริมถนน 1068 วิธีมาก็ขึ้นเหนือตามเส้นทางที่พวกเราคุ้นเคยกันดีครับ แล่นสายเอเชียต่อสาย 1 ตรงขึ้นมาจนถึงนครสวรรค์ก็แยกออก 117 ก่อนถึงแยกเข้าตัวเมืองพิจิตรจะมีป้ายออกไปอุทยานเมืองเก่าพิจิตรก็ออกขวามาเส้น 1276 จะต่อกับ 1068 ที่แล่นเลียบแหล่งโบราณสถานของจังหวัดพิจิตรเลย
ใกล้กับอุทยานเมืองเก่าขอพามาชมวัดโรงช้างก่อนครับ ทีแรกไม่ตั้งใจแวะเข้ามาเพราะไม่เหลืออะไรโบราณให้ชม แต่ไหนๆก็ขับผ่านแล้ว เลยขอมาส่องเอาเจดีย์เก็บพระไตรปิฎกองค์นี้ซะหน่อย ด้านในเจดีย์นี้เก็บแผ่นจารึกพระไตรปิฎกทั้ง 84,000 พระธรรมขันธ์ สาเหตุที่ชื่อวัดโรงช้างเพราะวัดนี้เดิมเป็นที่ตั้งกองช้างในสมัยเมืองพิจิตรเก่า
ขับต่อมาสักพักจะเห็นป้ายทางเข้าอุทยานเมืองเก่าพิจิตร ไม่เก็บค่าเข้า และไม่มีคนเฝ้าด้วย เมื่อเข้ามาเป็นถนนที่ร่มเย็นไปด้วยต้นไม้ตลอดทางครับ นับเป็นแหล่งประวัติศาสตร์ที่จัดสภาพภูมิทัศน์ไว้ดี เสียแต่ว่าโบราณสถานในนี้มีอันเดียวคือวัดมหาธาตุ
ก่อนไปถึงวัดมหาธาตุมาไหว้ศาลหลักเมืองพิจิตรกันสักหน่อยครับ ศาลนี้สร้างพร้อมเมืองพิจิตรเก่าตั้งแต่สมัยพระยาโคตรบอง มีการขุดพบเสาหลักเมืองเก่าที่ทำจากไม้ชัยพฤกษ์ และโครงกระดูกมนุษย์ที่ถูกฝังลงมาพร้อมหลักเมืองทั้งสี่มุมด้วย แต่ที่เห็นนี้เป็นศาลที่สร้างขึ้นในบนพื้นที่ศาลเดิมครับ ด้านบนคือเสาหลักเมืองเดิม ด้านใต้ทำเป็นโพรงมีรูปปั้นพระยาโคตรบองมีคนมากราบไหว้สักการะไม่ขาดสาย มีหลักการสร้างว่าหลักเมืองจะคุ้มครองเมืองแห่งนี้โดยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามได้แก่เทพที่สถิตอยู่ใต้ดิน (พ่อปู่หลักเมือง หรือพระยาโคตรบอง) เทพที่สถิตอยู่ระหว่างดินและอากาศ (เสาหลักเมือง) และเทพที่สถิตอยู่ในอากาศ (พระอาทิตย์บนท้องฟ้า)
จากนั้นก็มาถึงคิวโบราณสถานหนึ่งเดียวในเมืองพิจิตรเก่า วัดมหาธาตุ ฟังชื่อแล้วก็รู้ทันทีว่าเป็นวัดศูนย์กลางเมืองนะครับ มีเจดีย์ทรงลังกาเป็นประธาน
ด้านข้างวัดมหาธาตุเป็นหลุมที่เดิมน่าจะต่อกับด้านในวัด คาดว่าใช้สำหรับลี้ภัย แต่ปัจจุบันดินพังทลายลงมาอุดโพรงหมดแล้ว คนแถวนี้เรียกว่า "ถ้ำชาละวัน" พร้อมปั้นรูปจระเข้ยักษ์มีคนเอาหอกมาทิ่มๆ มาอยู่ในพิจิตรก็ต้องทำใจครับ อะไรๆก็เป็นชาละวันไปหมด แต่ถ้าไม่ทำเป็นแลนด์มาร์คไว้หลายๆคนคงพลาดที่จะมาดูว่ามันมีโพรงซ่อนอยู่ตรงนี้จริงๆ
ขับขึ้นไปด้านบนของอุทยานมาชมแนวกำแพงและคูเมืองเดิม ตอนนี้เขียวขจีไปด้วยผักตบชวา
ด้านนอกเกาะเมืองเป็นมูลดินขนาดเล็กกลางคูเมือง มีเศษอิฐกระจัดกระจาย คาดว่าเป็นที่ตั้งป้อมในสมัยก่อน เลยเรียกกันว่าป้อมศรีมาลา โดยผูกกับเรื่องขุนช้างขุนแผน หน้าป้อมมีรูปปั้นม้าสีหมอกด้วย (ถ้าไม่เอานิทานมาโยงคนจะไม่เที่ยวรึไง?)
ขับรถในนี้ไม่ต้องกลัวพลาดอะไรไปนะครับ เพราะเมืองพิจิตรเก่ามีพื้นที่แค่ 400 ไร่ไม่ใหญ่โตอะไรมาก ขับวนไปวนมาได้หลายรอบแบบเพลินๆ ขับเลยออกจากอุทยานมาทางตะวันออกหน่อยนึงจะออกมาที่วัดนครชุมหรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่าวัดใหญ่ วัดนี้เดิมเป็นที่ถือน้ำพิพัฒน์สัตยาตั้งแต่สมัยเมืองพิจิตรเก่า ถึงส่วนใหญ่จะถูกสร้างขึ้นใหม่แทนของเก่าไปแล้ว แต่ตัวโบสถ์ถูกอนุรักษ์ให้อยู่ในสภาพเดิม มีรูปแบบศิลปะสุโขทัยผสมอยุธยา
ส่วนพระประธานของวัดนี้เดิมทีมีสององค์คู่กันคือหลวงพ่อเพชรและหลวงพ่อพัน ต่อมาย้ายหลวงพ่อเพชรไปที่วัดท่าหลวง เหลือไว้แต่หลวงพ่อพันอยู่ในวิหารครับ
แต่วัดของพิจิตรที่โด่งดังที่สุดในฐานะโบราณสถานไม่ใช่วัดในอุทยานเมืองเก่า แต่คือวัดนี้ครับ "วัดโพธิ์ประทับช้าง" สร้างขึ้นในสมัยอยุธยา จากประวัติศาสตร์สมัยพระนารายณ์เสด็จไปไหว้พระพุทธชินราชที่พิษณุโลก ภรรยา(น้อย)ของพระนารายณ์ที่ตามเสด็จมาได้คลอดลูกที่นี่ และฝังรกไว้ระหว่างใต้ต้นโพธิ์และต้นมะเดื่อ จากนั้นพระเพทราชาได้รับอุปถัมภ์เด็กคนนี้ เด็กคนดังกล่าวได้เติบโตขึ้นและร่วมมือกับพระเพทราชาโค่นล้มพ่อตัวเอง ก่อตั้งราชวงศ์บ้านพลูหลวง และขึ้นเป็นกษัตริย์ของพระนครศรีอยุธยาในรัชกาลต่อจากพระเพทราชา มีพระนามว่าพระศรีสรรเพชญ์ที่ 8 หรือ "พระเจ้าเสือ" เมื่อได้ครองแผ่นดินแล้ว พระเจ้าเสือได้สร้างวัดขึ้นบริเวณนี้ที่เป็นที่เกิดของตนในปี พ.ศ. 2242-2244
วัดนี้มีโบสถ์เป็นประธาน ด้านในมีพระประธานที่ถูกโจรลอบตัดหัวไป ชาวบ้านได้พยายามช่วยปั้นขึ้นมาใหม่ แต่ก็ผิดรูปไปเยอะจนดูประหลาด รอบๆโบสถ์ยังมีวิหาร เจดีย์ และสิ่งก่อสร้างอื่นๆอีกเป็นจำนวนมาก วัดนี้มีพื้นที่ถึง 69 ไร่ นับว่าเป็นโบราณสถานที่ใหญ่โตมากๆแห่งหนึ่ง
ด้านหน้าวัดมีศาลพระเจ้าเสือที่สร้างบนตำแหน่งที่เชื่อว่าเป็นที่ๆพระเจ้าเสือประสูติ นับเป็นพระมหากษัตริย์ของอยุธยาที่มีคนกราบไหว้เยอะนะครับ ทั้งที่นิสัยใจคอพระเจ้าเสือนั้นชั่วร้ายมาก
หลังดูของโบราณๆไปแล้วคราวนี้มาเที่ยวที่ๆคนอื่นเขาเที่ยวกันบ้างครับ สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของพิจิตรก็ต้องที่นี่เลย...บึงสีไฟ! ที่นี่เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่อันดับ 5 ของประเทศรองจากบึงบอระเพ็ด หนองหาน บึงละหาน และกว๊านพะเยา ถึงจะใหญ่แต่ช่วงน้ำแล้งดูไม่จืดเลยครับ เดิมทีบึงสีไฟมีขนาดถึง 12,000 ไร่ แต่หลังสร้างเขื่อนสิริกิต์ บึงก็ตื้นเขินจนลดขนาดเหลือเพียง 5,390 ไร่เท่านั้นเอง จุดที่คนเข้าไปชมกันคือสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ทางตอนเหนือของบึงครับ เอารถเข้าไปจอดเดินเที่ยวได้ตามสบายเลย หน้าบึงมีรูปปั้นพญาชาละวันเป็นแลนด์มาร์คด้วย มีความยาวถึง 38 เมตร ด้านในทำเป็นห้องประชุมเล็กๆด้วยนะ
ขับรถบนถนนเลียบบึงไปจะพบอาคารแสดงพันธุ์ปลาน้ำจืดตั้งอยู่กลางบึง มีทั้งปลาช่อน ปลาม้า ปลากราย ปลาดุก ปลาหมอ และอีกสารพัดปลาที่เราคุ้นตอนมันอยู่บนโต๊ะกับข้าวมากกว่าในพิพิธภัณฑ์ เข้าชมฟรีนะครับ ตั้งแต่มาเหยียบพิจิตรผมยังไม่เสียตังค์สักบาท ว่าแล้วก็ไปกินมื้อเที่ยงที่ร้านส้มตำริมบึงสีไฟนำงบเข้าจังหวัดเขาซะหน่อย
สุดท้ายก็แวะวัดดังของพิจิตรในเขตตัวเมืองติดแม่น้ำน่านปัจจุบันครับ ที่นี่คือวัดท่าหลวงที่ประดิษฐานหลวงพ่อเพชร พระศิลปะเชียงแสนซึ่งตามตำนานเล่าว่ากษัตริย์อยุธยาอัญเชิญจากจอมทอง (เชียงใหม่) มาประดิษฐานที่วัดนครชุมในเมืองพิจิตรเก่า ก่อนจะย้ายมาวัดท่าหลวงในเมืองพิจิตรปัจจุบัน หลวงพ่อเพชรเป็นพระคู่เมืองพิจิตรที่ชาวบ้านนับถือกันมาก ช่วงวันที่ 20-30 มกราคมทุกปีจะมีงานนมัสการหลวงพ่อเพชรและสมโภชเมืองพิจิตร
ส่วนตัววัดเองไม่ได้เก่าแก่อะไรครับ เพิ่งสร้างในสมัย ร.3 เป็นวัดเล็กๆ ก่อนจะย้ายเมืองพิจิตรมาบริเวณนี้ในสมัย ร.5 และย้ายหลวงพ่อเพชรมาวัดท่าหลวงก็ยกระดับขึ้นเป็นพระอารามหลวง รอบอุโบสถของวัดที่ประดิษฐานหลวงพ่อเพชรมีรูปปั้นยักษ์และลิงจากรามเกียรติ์ถือไฟส่องรอบโบสถ์ เป็นการประดับไฟที่ครีเอตมาก ปั้นสวยด้วยนะ
ลำน้ำน่านบริเวณหน้าวัดเป็นที่แข่งเรือยาวพระราชทาน ที่จัดขึ้นในเดือน 10 ของทุกปีด้วย ใครอยากชมปีนี้อย่าพลาดไปพิจิตรวันที่ 6-7 กันยายน 2557 นะครับ
สำหรับคอโบราณสถาน จังหวัดทางภาคเหนือตอนล่างนับว่าเป็นแหล่งโบราณคดีอันอุดมสมบูรณ์จริงๆครับ บล็อกนี้เคยพาเที่ยวสุโขทัย กำแพงเพชร และพิจิตรไปแล้ว คราวหน้าจะพาขึ้นไปทางเหนือต่อกันที่พิษณุโลก ซึ่งนับว่าเป็นจังหวัดที่มีประวัติศาสตร์มากมายให้ค้นหาเช่นกัน
Create Date : 04 สิงหาคม 2557 |
|
53 comments |
Last Update : 4 สิงหาคม 2557 20:54:57 น. |
Counter : 9128 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: schnuggy 4 สิงหาคม 2557 21:28:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: schnuggy 4 สิงหาคม 2557 21:31:14 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 4 สิงหาคม 2557 22:06:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 4 สิงหาคม 2557 23:04:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: tifun 5 สิงหาคม 2557 17:27:56 น. |
|
|
|
| |
โดย: NENE77 5 สิงหาคม 2557 21:38:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: toor36 (toor36 ) 5 สิงหาคม 2557 23:44:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: มี๊เก๋+ป๊าโอ๋=ซีทะเล (kae+aoe ) 6 สิงหาคม 2557 14:16:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: กิ่งฟ้า 6 สิงหาคม 2557 23:23:05 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณต่อ (toor36 ) 6 สิงหาคม 2557 23:59:38 น. |
|
|
|
| |
โดย: anigia 7 สิงหาคม 2557 21:53:08 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 7 สิงหาคม 2557 23:00:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณต่อ (toor36 ) 7 สิงหาคม 2557 23:24:52 น. |
|
|
|
| |
โดย: anigia 8 สิงหาคม 2557 22:01:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: มี๊เก๋+ป๊าโอ๋=ซีทะเล (kae+aoe ) 11 สิงหาคม 2557 8:54:28 น. |
|
|
|
| |
โดย: NENE77 11 สิงหาคม 2557 21:38:44 น. |
|
|
|
| |
โดย: อุ้มสี 11 สิงหาคม 2557 22:25:02 น. |
|
|
|
| |
โดย: mambymam 11 สิงหาคม 2557 23:02:36 น. |
|
|
|
| |
โดย: tifun 12 สิงหาคม 2557 16:10:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณต่อ (toor36 ) 12 สิงหาคม 2557 21:09:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: haiku 12 สิงหาคม 2557 22:53:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 13 สิงหาคม 2557 6:17:02 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 14 สิงหาคม 2557 22:58:52 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณต่อ (toor36 ) 14 สิงหาคม 2557 23:40:15 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 15 สิงหาคม 2557 6:04:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: anigia 15 สิงหาคม 2557 20:05:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: mambymam 15 สิงหาคม 2557 22:14:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: puzzle man (เตยจ๋า ) 16 สิงหาคม 2557 22:44:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: mastana 17 สิงหาคม 2557 20:34:52 น. |
|
|
|
| |
โดย: คนเหนือ😁 IP: 49.228.244.139 20 พฤษภาคม 2565 21:15:50 น. |
|
|
|
|
|
|
|