Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2548
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
12 พฤศจิกายน 2548
 
All Blogs
 
คืนที่เซ็งและหดหู่

ชื่อหัวข้อ Blog นี้เกิดขึ้นเพราะได้ไหว้สวัสดีคน ๆ หนึ่งในงานหนังสือทำมือที่เชียงใหม่ นึกขึ้นมาได้พอดี เพราะ เคยอ่านเรื่องสั้นของเขาที่มีชื่อตรงไปตรงมาว่า "คืนที่เซ็งและหดหู่" เคยอ่านแล้วอินไปกับมัน เลยขอนำมาเป็นชื่อเรื่อง เล่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ว่า "เซ็งและหดหู่" อย่างไร




นานทีปีหนจะได้รู้สึกโมโห และยิ่งโมโหคอมโบเซ็ตเหมาจ่ายแบบตลอดวันด้วยแล้วยิ่งหายากยิ่ง
ทีแรกมันเริ่มมาจากการไปพบเห็นป้ายผ้าที่ดูเหมือน PR อะไรบางอย่างข้าง หอ ๆ หนึ่งในมหาวิทยาลัย
แต่จริง ๆ แล้วป้ายผ้านั้นเป็นป้ายประกาศห้ามนำรถมาจอดในบริเวณนั้น มิฉะนั้นจะทำการยกรถ!!

ผมอ่านแล้วกึ่งขำกึ่งหงุดหงิดกับการริดรอนเสรีภาพไม่รู้จบของผู้บริหำห่วย ๆ ที่ดีแต่ทำเอาหน้า ไม่สนใจเรื่องอื่น
ในเวลาไล่เลี่ยกันผมห็เห็นกระดาษ เอสี่ เห่ย ๆ แปะอยู่ที่บอร์ดในหอหญิงว่า "จะไม่มีการเปิดตอนเที่ยงคืนอีก"
หมายความว่ากิจกรรมใด ๆ ที่มีเวลาล่วงเลยไปถึงเที่ยงคืน ชาวหอหญิงก็ต้องหาทางกลับหอกันเอง
แถมไม่มีเวลาให้เป็นซินเดอเรลล่าอีก

จากความหงุดหงิดเรื่องส่วนรวมก็วกกลับเข้ามาถึงความหงุดหงิดในเรื่องส่วนตัว
ในตอนค่ำ ใครบางคนผิดนัดด้วยเหตุผลงี่เง่าแล้วก็ไม่ยอมคุยกันให้รู้เรื่อง โทรไปก็ตัดสาย
พูดกันก็ไม่พูด น่ารำคาญ ถ้าอธิบาย อะไร ๆ ให้มากกว่านี้ ไม่ต้องปล่อยให้สงสัย ก็จะไม่รู้สึกแย่ ๆ ด้วยเลย
ครับ...ด้วยความเซ็ง ผมก็ขับรถไปที่หอของเพื่อนยากคนหนึ่ง หวังจะชวนไปกินเบียร์ด้วยแก้เซ็ง
แต่ก็กลายเป็นว่า เธอไม่อยู่หอ หายกลับบ้านไป หรือออกไปกับเพื่อน ๆ ก็ไม่อาจทราบได้
จากความเซ้ง ก็ได้เปลี่ยนเป็นความหนาว เศร้า เหงา หดหู่ ไปในทันที

ทำให้ผมนึกถึงในเรื่องสั้น "งานเลี้ยงของเบียงก้า"
การไม่ได้เจอใครบางคนนั้นทำให้เบื่อเซ็ง หงุดหงิด
แต่การไม่ได้พบเจออีกคนทำให้รู้สึกเศร้าใจเลยทีเดียว

ผมจอดรถที่ริมฟุตบาธ เดินข้ามถนน ฮัมเพลง Life on Mars ผ่านแสงไฟเปลี่ยว ๆ เข้าไปในร้าน 24 ชั่วโมง
ยืนหยุดอยู่ที่ตู้แช่ เจอป้ายกำหนดเวลาขาย แอลกอฮอล 17.00-24.00 น.
หยิบมือถือออกมาดูนาฬิกา 0.23 น.

มาช้าไป 23 นาที และไม่สามารถต่อรองกับแคชเชียร์ได้
ผมจึงได้ Sprite แก้วโตออกมาแทนเบียร์สักกระป๋อง ที่กะจะเอามาดื่มคนเดียวแก้เซ็ง
ไม่เป็นไร ปลอบใจตัวเองว่า ไม่มีเบียร์ ก็ยังมีเจ้า Menthol Light ในกระเป๋าอยู่
นั่งขับรถผ่านไฮเวย์ว่างเปล่าก็คิดไป
นี่เราอยู่ในประเทศที่เรียกตนว่าเสรีนิยมอยู่จริงหรือเปล่า
ขณะที่พวกต่างชนชั้นเลห่านั้นภูมิใจกับเสรีทางการเงินของตน ภูมิใจกลับการพยายามผลักดันและสร้างภาพลักษณ์
แต่มันก็เป็นเพียงบ้านสวย ๆ ภายนอก ที่ภายในบ้านรกรุงรัง และเต็มไปด้วยเด็กเก็บกด เพราะถูกกักบริเวณ

ไฟถนนไฮเวย์ใกล้บ้านผมดับหมด ถนนมีแต่ความมืดมิด
ผมแทบจะหักเลี้ยวพลาดไปชนทางเท้าในตอนที่จะเข้าไปในหมู่บ้าน
ไม่เพียงแค่ไฟถนน ไฟในหมู่บ้านผมก็ดับหมดเกลี้ยง
จากที่ผมคิดว่าจะได้มาระบายทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืนในนี้
ก็กลายเป็นว่าต้องปีนไปนั่งอยู่หลังกระบะรถ ดูด Sprite แก้วโต
แล้วจุด Menthol Light สูบอย่างเหงา ๆ นึกถึงเพลงเปลี่ยว ๆ หลายเพลง
เมื่อดวงดาวประดิษฐ์เหล่านี้หายไป ผมก็กลายเป็นดาวเคราะหลงทาง
ไม่รู้จะล่องลอยไปหนใด
นึกจะร้องเพลง Nobody's home ของ Pink Floyd ปลอบใจตัวเองแต่ก็นึกได้ว่า
ในเพลงนั้นมีประโยคอย่าง I got electric light...
อย่างน้อย Pink ก็ยังมีไฟฟ้าใช้ ที่หากเป็นในยุคนี้ มันคงทำให้ดาวเคราะห์เช่นผมโคจรเข้าไปในโลกไซเบอร์กว้างใหญ่เพื่อบรรเทาความเหงาได้บ้าง
เมื่อความเหงารสเมนทอลไหม้จนหมดมวน อารมณ์หงุดหงิดก็กลับมาแทนที่อีกครั้งเมื่อคิดถึงอะไรบางอย่างได้

...ผมเห็นไฟที่ ไฮเวย์สว่างขึ้นมา แต่ทำไมไฟในหมู่บ้านผมไม่ !!!
ผมสันนิษฐานว่า งานเทศกาลอาหารบ้าบอคอแตก ที่ใช้ไฟมากมาย และเสือกขยายเวลาจัดเป็นตันเหตุ
และเหล่าผู้บริหำงี่เง่าก็ดับไฟในส่วนที่ (พวกเขาคิดว่า) ไม่สำคัญ เพื่อประหยัดงบประมาณในกระเป๋าตัวเอง
แล้วก็ค่อยอ้างว่า "นโยบายประหยัดพลังงาน"
ถ้าหากการประหยัดพลังงานนั้นหมายถึงการแบ่งสรรพลังงานใช้อย่างไม่เป็นธรรมแล้วล่ะก็ นั่นก็เป็นเพียงแค่การคอรับชั่นบัดซบอย่างหนึ่งเท่านั้นเอง
คิดดูเองแล้วกัน ขณะที่อีกมุมเมืองมีงานสังสรรค์ที่ผู้คนแห่แหนกันมาฟังเพลงเพื่อชีวิต
แล้วอีกมุมเมืองหนึ่งเด็ก ๆ ไม่ได้ทำการบ้านเพราะไม่มีไฟ แม่บ้านต้องลุกตื่นแต่เช้ามาซักผ้าในอีกวัน และ เด็กเหงา ๆ คนหนึ่งได้แต่จุดบุหรี่สูบ มองพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว (Eclipse) อย่างเบื่อเซ็ง



Create Date : 12 พฤศจิกายน 2548
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2548 3:00:41 น. 6 comments
Counter : 584 Pageviews.

 
หวัดดีครับ


โดย: ตี๋น้อย (Zantha ) วันที่: 12 พฤศจิกายน 2548 เวลา:6:26:23 น.  

 
เหมือนฉากๆ หนึ่งในหนังเลยอ้ะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 12 พฤศจิกายน 2548 เวลา:8:41:09 น.  

 
ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมนะคะ

มีคนเคยพูดกับพี่เหมือนกันว่า ความทุกข์เป็นของจริง ความสุขเป็นเพียงของแสลง

พี่เองก็หวังว่า ขอให้มีหิมะตกลงมาในมือพี่บ่อยๆ และพี่จะสามารถจำความฉ่ำเย็นที่เคยอยู่ในมือไปได้นานๆ ค่ะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 12 พฤศจิกายน 2548 เวลา:8:50:50 น.  

 
หวัดดีคะ เข้ามาเยี่ยม จะได้หายเซ็งและหดหู่นะคะ


โดย: กิ่งไม้ไทย วันที่: 12 พฤศจิกายน 2548 เวลา:10:10:20 น.  

 
แวะมาเยี่ยมครับ ยินดีที่ได้พบกับคนที่ชอบ Hesse เหมือนกันแต่ผมยังไม่ทันได้อ่าน The Glass Bead Game เลย ของเฮสสะมันค่อนข้างลุ่มลึก คนเลยไม่ค่อยอ่านกัน ไอริสเป็นเรื่องที่น่าสะเทือนใจเหมือนกัน


โดย: Johann sebastian Bach วันที่: 12 พฤศจิกายน 2548 เวลา:11:22:26 น.  

 
มี Msgbox ด้วย ทำได้ไงเนี่ย โอ้ว พระเจ้าจ๊อด มันยอดมาก


โดย: HTK (HTK ) วันที่: 13 พฤศจิกายน 2548 เวลา:16:35:50 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ShadowServant
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




Friends' blogs
[Add ShadowServant's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.