Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2549
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
16 ตุลาคม 2549
 
All Blogs
 

Hedwig and the Angry Inch , บทบรรเลงดวงใจแตกสลายในท่วงทำนอง Glam Rock



Title - Origin Of Love
Artist - Hedwig and the Angry Inchfont>




When the earth was still flat,
And the clouds made of fire,
And mountains stretched up to the sky,
Sometimes higher,
Folks roamed the earth
Like big rolling kegs.
They had two sets of arms.
They had two sets of legs.
They had two faces peering
Out of one giant head
So they could watch all around them
As they talked; while they read.
And they never knew nothing of love.
It was before the origin of love.

The origin of love

And there were three sexes then,
One that looked like two men
Glued up back to back,
Called the children of the sun.
And similar in shape and girth
Were the children of the earth.
They looked like two girls
Rolled up in one.
And the children of the moon
Were like a fork shoved on a spoon.
They were part sun, part earth
Part daughter, part son.

The origin of love

Now the gods grew quite scared
Of our strength and defiance
And Thor said,
"I'm gonna kill them all
With my hammer,
Like I killed the giants."
And Zeus said, "No,
You better let me
Use my lightening, like scissors,
Like I cut the legs off the whales
And dinosaurs into lizards."
Then he grabbed up some bolts
And he let out a laugh,
Said, "I'll split them right down the middle.
Gonna cut them right up in half."
And then storm clouds gathered above
Into great balls of fire

And then fire shot down
From the sky in bolts
Like shining blades
Of a knife.
And it ripped
Right through the flesh
Of the children of the sun
And the moon
And the earth.
And some Indian god
Sewed the wound up into a hole,
Pulled it round to our belly
To remind us of the price we pay.
And Osiris and the gods of the Nile
Gathered up a big storm
To blow a hurricane,
To scatter us away,
In a flood of wind and rain,
And a sea of tidal waves,
To wash us all away,
And if we don't behave
They'll cut us down again
And we'll be hopping round on one foot
And looking through one eye.

Last time I saw you
We had just split in two.
You were looking at me.
I was looking at you.
You had a way so familiar,
But I could not recognize,
Cause you had blood on your face;
I had blood in my eyes.
But I could swear by your expression
That the pain down in your soul
Was the same as the one down in mine.
That's the pain,
Cuts a straight line
Down through the heart;
We called it love.
So we wrapped our arms around each other,
Trying to shove ourselves back together.
We were making love,
Making love.
It was a cold dark evening,
Such a long time ago,
When by the mighty hand of Jove,
It was the sad story
How we became
Lonely two-legged creatures,
It's the story of
The origin of love.
That's the origin of love.







นานมาแล้วเมื่อมนุษย์ยังเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสองหัว ตัวติดกัน ไปไหนมาไหนด้วยกัน มีเพศสามเพศ หนึ่งคือบุตรแห่งตะวัน เป็นชายและชายติดกัน สองคือธิดาแห่งโลก เป็นหญิงสองคนที่รวมเป็นหนึ่ง และดวงจันทร์เอง ก็ให้กำเนิดร่างของชายและหญิงไม่แยกจาก จนกระทั่งซูส จอมเผด็จการแห่งสรวงสวรรค์ กลัวว่าเจ้าพวกนี้จะมาแย่งความยิ่งใหญ่ไป เลยใช้สายฟ้าตัดแบ่ง ออกเป็นสองชาย สองหญิง และ ชาย-หญิง บาดแผลจากการถูกตัดแบ่ง ทำให้มนุษย์ทุกผู้ทุกนามล้วนรู้สึกเจ็บปวด ตามหาส่วนที่ขาดหายไป ความเจ็บปวดจากการโหยหานี่เอง เรียกว่า "ความรัก"

ตำนานนี้หลายคนคงเคยได้ยินมาบ้างแล้ว ซึ่งในหนังเรื่อง Hedwig and The Angry Inch เอง ก็นำมาใช้ในเพลง Origin Of Love แถมยังมี ภาพ animation มาฉายเป็นรูปเป็นร่างแบบนี้ แสดงว่ากำลังจงใจสื่ออะไรสักอย่างจากเพลงนี้แน่ ๆ ซึ่งเรื่องที่น่าจะต้องการสื่อ อย่างแรกก็คือ การพูดถึง Heterosexual กับ Homosexual จากตำนาน(ที่เพลงนี้เล่า) บุตรแห่งตะวัน จะกลายเป็นเพศชายตามหาเพศชายด้วยกัน และ ธิดาแห่งโลก จะกลายเป็นเพศหญิงที่ตามหาเพศหญิงด้วยกัน มีความหมายพูดถึง Homosexual หรือ การรักเพศเดียวกัน (จะร่วมเพศ หรือ ไม่ร่วมเพศ ก็อีกเรื่อง) เหลือเพียง ลูกหลานของดวงจันทร์เท่านั้น ที่เป็น หญิง-ชาย ตามหากัน เป้น Heterosexual ในแบบที่สังคมเคร่ง(และคลั่ง)ศีลธรรมต้องการ

Hedwig and the Angry Inch เป็นมี John Cameron Mitchell เป็นทั้งผู้กำกับและนักแสดงนำเป้น Hedwig ในด้านดนตรีและเนื้อร้องเป็นผลงานของ Stephen Trask หนึ่งในนักแสดงเพื่อนร่วมวงของ Hedwig ผู้มีบทอันน้อยนิด

Hedwig and The Angry Inch เป็นเรื่องราวของ Hedwig หรือแต่เดิมชื่อ Hansel เกิดและเติบโตที่เยอรมันตะวันออก และได้มาเป็นนักร้องนำวงดนตรี Glam Rock ในเวลาต่อมา ในหนังเล่าเรื่องช่วงที่เธอกำลังออกทัวร์ที่อเมริกา โดยระหว่างที่ตัวหนังฉายภาพความวูบวาบ ทั้งแสงสีและการแต่งตัวของวงดนตรี Glam Rock นี้ ภาพชีวิตของ Hedwig ก็ค่อย ๆ ถูกเปิดเผยออกมาเรื่อย ๆ รวมไปถึงด้านลึกของเขาด้วย ซึ่งท่ามกลางแสงสีที่ดูสนุกสนานไปกับเพื่อนร่วมวงนั้นเอง ความเจ็บปวด หมองหม่น กับชะตากรรม ที่ Hedwig ได้พบพานมา ก็ได้ซุกซ่อนอยู่ภายใต้วิกผมฟูฟ่องของเขานั่นเอง

When I wake up , I turn back to myself.








Title - Wig in a Box
Artist - Hedwig and the Angry Inch





On nights like this
when the world's a bit amiss
and the lights go down
across the trailer park
I get down
I feel had
I feel on the verge of going mad
and then it's time to punch the clock

I put on some make-up
and turn up the tape deck
and pull the wig down on my head
suddenly I'm Miss Midwest
Midnight Checkout Queen
until I head home
and put myself to bed

I look back on where I'm from
look at the woman I've become
and the strangest things
seem suddenly routine
I look up from my Vermouth on the rocks
a gift-wrapped wig still in the box
of towering velveteen.

I put on some make-up
and some LaVern Baker
and pull the wig down from the shelf
Suddenly I'm Miss Beehive 1963
Until I wake up
And turn back to myself

Some girls they have natural ease
they wear it any way they please
with their French flip curls
and perfumed magazines
Wear it up
Let it down
This is the best way that I've found
to be the best you've ever seen

I put on some make-up
and turn up the eight-track
I'm pulling the wig down from the shelf
Suddenly I'm Miss Farrah Fawcett
from TV
until I wake up
and turn back to myself

Shag, bi-level, bob
Dorothy Hammil do,
Sausage curls, chicken wings
It's all because of you
With your blow dried, feather back,
Toni home wave, too
flip, fro, frizz, flop,
It's all because of you
It's all because of you
It's all because of you

I put on some make-up
turn up the eight-track
I'm pulling the wig down from the shelf
Suddenly I'm this punk rock star
of stage and screen
and I ain't never
I'm never turning back





(Spoiled)

เมื่อตอนเด็ก แม่ของ Hansel (Hedwig) หย่ากับพ่อ เนื่องจากพ่อได้นอน (ในแบบนั้น) กับลูกตัวเอง ฝ่ายแม่รับไม่ได้ หลังจากขอหย่าแล้วจึงหอบผ้าผ่อนจูงลูกหนีจากฝั่งตะวันตก ไปอยู่ฝั่งตะวันออก อมรม Hansel เด็กหนุ่มอย่างเคร่งครัด ไม่ให้สิ่งยั่วยวนใด ๆ เข้าใกล้เขาได้ แม้แต่เพลง Rock and Roll ที่เขาเปิดฟังจากวิทยุยังถูกสั่งให้ปิด Hansel จึงเติบโตมาในบ้านที่อึมครึม เงียบเหงา เพลง Rock ก็ต้องแอบเปิดฟัง จนทำให้เขารู้จักกับ นักร้องอย่าง Lou Reed , Iggy Pop และ David Bowie (แอบฮาตอนที่ Hansel ร้องท่อน Take a wolk on wild side ตาม Lou Reed แล้วโดนแม่ขว้างของใส่)

จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาเติบโตเป็นหนุ่มเต็มตัว ก็ไปตกหลุกรักทหารอเมริกันคนหนึ่งเข้า จนแทบเห็นโลกทั้งใบเป็นเยลลี่รสผลไม้หลากสีสัน สีสันที่เขาปรารถนามาตลอด Hansel จึงตัดสินใจแต่งงานกับทหารอเมริกันคนนั้น

(Spoiled Level 2 ) : เขาตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดอวัยวะเพศชายของเขา แต่สวรรค์สาป เกิดความผิดพลาดกับการผ่าตัด ทำให้อวัยวะเพศของเขายังเหลืออยู่
แต่เพียง...นิ้วเดียว (One Inch) เป็นที่มาของชื่อ Angry Inch หรือ หนึ่งนิ้วแห่งความโกรธเกรี้ยว
(End of Spoiled Level 2)
แต่ชีวิตรักของเขาก็ไม่สมหวัง ต่อมาเขาก็เลิกกับทหารอเมริกันผู้นี้ ทิ้งเขาไว้กับความเดียวดายอีกครั้ง

ต่อมาเขาจึงเริ่มต้นชีวิต Rock ด้วยการแต่งหน้า ใส่วิคผม ใส่ชุดแพรวพราว เปลี่ยนชื่อเป็น Hedwig มากับเพื่อนร่วมวง เป็น Hedwig and The Angry Inch ระหว่างนั้นเขาได้พบกับเด็กหนุ่มที่ชื่อ Tommy คอยสอนให้เขารู้จักวิถีแห่งดนตรี จนความใกล้ชิดได้นำพาให้ความรักบังเกิดกับทั้งสองคนนี้ในที่สุด ในระหว่างความรักที่หวามไหว ร้อนแรงนั้น อุปสรรค์ที่ทำให้เด็กหนุ่ม Tommy หนีเขาไปคือ (ย้อนกลับไปดูตรง Spoiled Level 2) ... ถ้าไม่อยาก Spoiled มากกว่านี้ ก็รู้แค่ว่าอะไรบางอย่างมาทำให้ เด็กหนุ่ม Tommy หนีเขาไปก็พอ

วง Hedwig and The angry Inch ได้ออกทัวร์ไปในอเมริกา เล่าเรื่องราวชีวิตของเขาผ่านบทเพลงอยู่นั่นเอง อดีตรักของเขาก็ปรากฏตัวขึ้นในฐานะ นักร้องยอดนิยมนาม Tommy Gnosis ... Hedwig จำได้ดีว่า แม้แต่ชื่อ Gnosis ก็เป็นชื่อเท่ ๆ ที่ Hedwig ตั้งให้เขาเอง ที่สำคัญกว่านั้นคือ เพลงที่ Tommy ร้อง ยังเป็นเพลงที่ Hedwig บอกว่า ได้ขโมยจากเขาไป

(จบ Spoiled)

ผมสังเกตได้ว่า ชีวิตส่วนใหญ่ของ Hedwig นั้น มักจะเกี่ยวพันธ์กับการพรากจาก ไม่ว่าจะเป็นกำแพงเบอร์ลินในยุคนั้น การหย่าของแม่ทำให้พรากจากพ่อ ชีวิตรักล้มเหลวกับทหารอเมริกัน รวมถึงความสัมพันธ์ที่หลุดลอยกับหนุ่มน้อย Tommy Gnosis เขาเหมือนคนที่ถูกสายฟ้าของซูสตัดแบ่งออกจากคนอื่น ๆ อยู่เรื่อยไป (เช่นเดียวกับประเทศเยอรมันที่ถูกตัดแบ่งออกจากกันโดยกำแพง) หรือจริง ๆ แล้ว ด้านที่หายไปที่แท้จริงของเขายังไม่ใช่ผู้คนเหล่านี้กันแน่ แต่ที่รู้กันคือ บุคลิกของ Hedwig ดูเหมือนจะโหยหาชิ้นส่วนอีกด้านหนึ่งของเขาอยู่ตลอดเวลา

ความสับสนทางเพศสภาพ (Gender) ยังเป็นสิ่งที่แฝงมากับเรื่องนี้อีกด้วย (เรื่อง Homo Sexual นั้นถือเป็นเรื่องที่เห็นตรงไปตรงมาในเรื่องนี้ครับ) ความสับสนที่ว่าในที่นี้ขอให้ทำความเข้าใจไว้ก่อนว่า ไม่ได้หมายถึงการรักเพศเดียวกันหรือแสดงบทบาททางเพศ (ที่สังคมสร้างขึ้นมากำกับ หน่วงเหนี่ยวไว้) ไปคนละอย่างกับความคาดหมายของสังคม แต่หมายถึงการไม่รู้ตัวเองต่างหาก ว่าตนควรแสดงออกบทบาททางเพศอย่างไร ความสับสนนี้ เริ่มต้นจาก เพื่อนร่วมวงของเขาคนหนึ่งแอบเอาวิกผมของ Hedwig มาใส่ แล้วประเด็นเรื่องนี้เองก็กลับมายังตัวของ Hedwig เอง จนกระทั่งถึงบทสรุปในฉากสุดท้าย

(Spoiled)

ฉากสุดท้าย Hedwig ขึ้นร้องเพลง Midnight Radio ด้วยการแต่งตัวเลียนแบบ Tommy Gnosis !! มีการทาหน้าผากและเปลือยท่อนบนเหมือนกัน ฉากนี้ถ้าไม่คิดอะไรมาก อาจนึกไปว่า Hedwig อาจแค่ล้อเลียนแก้เผ็ด แต่บรรยากาศของเพลงมันไม่ชวนให้ล้อเลียนเท่าไหร่เลยชวนให้ตีความได้สองนัย คือ หนึ่งจริง ๆ แล้ว ตัวตนของ Tommy Gnosis คือสิ่งที่ลึก ๆ แล้ว Hedwig ต้องการจะเป็น แต่เมื่อเป็นไม่ได้ จึงทำการ ปลูกถ่ายความฝันของตนให้ Tommy ได้เป็นแทน (เช่นเดียวกับที่พ่อแม่เด็กบางคนอยากเป็นหมอ แต่เป็นไม่ได้ จึงปลูกถ่ายความฝันเป่าหูลูกของตัวเองให้เป็นแทน) อีกนัยหนึ่งคือ จริง ๆ แล้ว Hedwig เริ่มคลายความสับสนทางเพศสภาพของตนลงได้แล้ว รู้ว่าตนควรจะทำยังไงต่อไป ว่าแล้วก็ถอดมอบวิกผมของตนแล้วมอบให้เพื่อนร่วมวงผู้ปรารถนามันไป

(end of spoiled)

วิกผมในเรื่องนี้ ผมเชื่อว่า เป็นสัญลักษณ์ แสดงถึง อำนาจในการแสดงออกเรื่องบทบาททางเพศครับ จะเห็นได้ว่า เจ้าของ วิก คือ Hedwig (ในชื่อเขายังมีคำว่า Wig เลย) จะสามารถแสดงออกได้มากที่สุด โดยเฉพาะในยามที่เขามีวิกนี้อยู่








Title - Midnight Radio
Artist - Hedwig and the Angry Inch





Rain falls hard
Burns dry
A dream
Or a song
That hits you so hard
Filling you up
And suddenly gone

Breath Feel Love
Give Free
Know in you soul
Like your blood knows the way
From you heart to your brain
Know that you're whole

And you're shining
Like the brightest star
A transmission
On the midnight radio
And you're spinning
Like a 45
Ballerina
Dancing to your rock and roll

Here's to Patti
And Tina
And Yoko
Aretha
And Nona
And Nico
And me

And all the strange rock and rollers
You know you're doing all right
So hold on to each other
You gotta hold on tonight

And you're shining
Like the brightest stars
A transmission
On the midnight radio

And you're spinning
Your new 45's
All the misfits and the losers
Yeah, you know you're rock and rollers
Spinning to your rock and roll

Lift up your hands




เรื่อง Hedwig and the angry inch จัดได้ว่าเป็นหนัง Musical Drama ที่มีเนื้อเรื่องเกี่ยวพันกับกลุ่มคนรักเพศเดียวกัน จึงทำให้หนังเรื่องนี้กวาดรางวัลในเทศกาลที่เกี่ยวกับคนรักเพศเดียวกันมาได้แทบทุกเทศกาล ในขณะที่รางวัลออสก้าร์ในปี 2001 นั้น ดันมีหนัง Musical Drama อีกเรื่องที่ใหญ่กว่า ทุกหนากว่า ฟู่ฟ่ากว่า อย่าง Moulin Rouge จึงทำให้เรื่องนี้พลาดท่าไปอย่างน่าเสียดาย แต่กระนั้นก็ยังได้ ถึง 5 รางวัลจาก Independent Spirit Awards อีก 2 รางวัลจาก Sundance Film Festival และ รางวัลลูกโลกทองคำสาขาแสดงนำชายยอดเยี่ยมในหมวด Musical/Comedy

จริง ๆ แล้วหนัง Rock ทั้งหลายก็มีมากอยู่ (โดยเฉพาะหนังชีวประวัติ) อย่าง Rock Star , School of Rock แต่มีหนังเรื่องนี้ที่จัดว่าเป็น Rock Musical Drama หรือหนังเพลงร็อค ได้ เนื่องจากการจะจัดว่าหนังเรื่องไหนเป็น Musical หรือไม่เป็น Musical นั้น มาจากการที่ตัวหนังใช้เพลงเป็นส่วนใหญ่ของการเล่าเรื่องและดำเนินเรื่องหรือเปล่า หรือเพียงแค่ใช้เพลงเป็นฉากหลัง มาจากจุดหนึ่งของเนื้อเรื่องนั้น ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่น การประกวดดนตรีในเรื่อง School of Rock เป็นส่วนหนึ่งของเนื้อเรื่องที่อาจทำให้เกิดแปลว่า จะแพ้หรือชนะ แต่ตัวเพลงไม่ได้ช่วยในการเล่าเรื่องเลย ขณะที่เรื่องอย่าง Hedwig and The Angry Inch กับ Moulin Rouge ใช้เพลงเป็นส่วนใหญ่ ในการเล่าเรื่องหรือแสดงอารมณ์ของตัวละคร

ดนตรี Rock ในเรื่องจัดได้ว่าเป็น Glam-Rock , Neo-Glam และมีบ้างที่เป็น Post-Punk ดนตรีประเภท Glam Rock เริ่มเฟิ่องฟูในช่วงยุค 70's พอดี ลักษณะการแต่งตัวออกไปในทางฉูดฉาดแพรวพราว ตัวดนตรีมีความเป็นป็อบฟังง่ายแฝงอยู่ในความเป็น Hard Rock บางทีก็แอบเจือ Soul บ้าง บางคน(วง) ก็แอบผสมแนวอื่น ๆ ลงไปจนออกไปในทาง Art Rock หน่อย อย่าง Roxy Music กับ David Bowie (ยุค Ziggy Stardust) แต่ดนตรีแนวนี้ถ้าไม่ชอบ บางคนก็เกลียดไปเลย บางก็เรียกว่า "ร็อคเกย์" จริง ๆ แล้วดนตรีแนวนี้มีอิทธิพลกับกลุ่มคนรักเพศเดียวกัน รวมไปถึง Bisexual ไม่น้อย แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่ฟังแล้วจะหันไปรักเพศเดียวกัน (อย่างน้อยก็ผมคนหนึ่งล่ะ) เพียงแค่ความชอบส่วนตัวเท่านั้นเอง ผมจึงไม่ชอบการเรียกเหมารวมว่า "ร็อคเกย์" เท่าไหร่ ยิ่งเรียกด้วยท่าทีน้ำเสียงเหยียดหยามด้วยแล้วล่ะก็ ยิ่งไม่สนับสนุนเลยล่ะครับ

เพราะผมคิดว่า สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าเราจะออกตามหาชิ้นส่วนของหายไปที่เป็นเพศเดียวกัน หรือเป็นเพศตรงข้ามก็ตาม

เราก็ล้วนมีแหล่งกำเนิดความเจ็บปวดจากที่เดียวกันทั้งสิ้น




ขอบคุณพี่ทิว ร้านอวดดี 2 สำหรับข้อมูลเรื่อง หนัง Musical และข้อมูลอื่น ๆ ครับ




 

Create Date : 16 ตุลาคม 2549
14 comments
Last Update : 16 ตุลาคม 2549 1:05:22 น.
Counter : 1309 Pageviews.

 

เข้ามาแปะว่าชอบหนังเรื่องนี้เหมือนกัน ตอนที่ origin of love ขึ้นในหนังนี่จี๊ดสุดๆ

 

โดย: strawberry machine gun 16 ตุลาคม 2549 9:02:20 น.  

 

ชอบหนังเรื่องนี้อย่างสุดบรรยายเหมือนกันครับ ร่วมสมัยมากๆ หนังจี๊ดทีเดียว...ก็ว่าได้ ตอนเพลง Oringin of Love ดังขึ้น แทบบ้าไปเหมือนกัน เว่อร์ไปนิดส์

 

โดย: ตี๋หล่อมีเสน่ห์ 16 ตุลาคม 2549 10:26:24 น.  

 

แหะๆ หนังนี่ขอผ่านนะไม่ใช่ขาหนัง แต่อ่านแล้วก็พาลอยากดูเหมือนกัน แต่เพลงประกอบนี่สิ น่าสนใจ ชอบทั้งสองเพลง เรื่องการชอบเหมารวมแนวเพลงว่าเป็นเพลงของชาวเกย์นี่ไม่ชอบเหมือนกันอะ น่าจะเว้นไว้สักอย่างเนอะ ให้เพลงมันเป็นของที่ไม่มีการแบ่งแยกทางเพศมาเกี่ยวคงจะดีไม่น้อย

 

โดย: Together In 80s Dream 16 ตุลาคม 2549 12:37:04 น.  

 

ชอบเรื่องนี้ด้วย
อาการตอนเพลง Oringin of Love ขึ้น เป็นแบบเดียวกับ 2 ท่านด้านบน

 

โดย: เจ้าชายไร้เงา 16 ตุลาคม 2549 13:33:44 น.  

 

ชอบหนังเรื่องนี้มากๆ ครับ
เพลง Origin of Love กับฉากนั้นในหนังเป็นที่น่าจดจำจริงๆ นั่นล่ะ animation ที่ทำประกอบก็เจ๋งดี

ดูหนังเรื่องนี้นานแล้ว
จำรายละเอียดหลายๆ อย่างในหนังไม่ค่อยได้แล้วล่ะ
น่าจะดูอีกสักรอบ

 

โดย: King Of Pain 17 ตุลาคม 2549 0:29:43 น.  

 

ไม่เคยดูหนังเรื่องนี้ค่ะ แต่อ่านแล้วน่าสนใจดีนะ (ไม่ได้อ่านตรงสปอยล์หรอก)
แต่เพลงหน่ะเคยฟังมาก่อนบ้าง

ร๊อคเกย์ไม่เกย์จริงๆคงไม่สำคัญอะไร เพราะรักร่วมเพศไม่ใช่สิ่งที่น่ารังเกียจ แต่ก็นะ เรียกอย่างอื่นที่มันดูไม่แบ่งแยกหน่อยก็คงดีกว่า

 

โดย: DropAtearInMyWineGlass 17 ตุลาคม 2549 2:21:43 น.  

 

ช่วงนั้นพี่ไม่อยู่กทม. แฮะ จะล่องใต้พอดี
ไม่งั้นจะชวนไปกินข้าวกับตะกละแก๊งค์ซะหน่อย

ทำไมเปิดเทอมเร็วจัง

 

โดย: rebel 17 ตุลาคม 2549 22:12:30 น.  

 

หมายเหตุ ช่วงนี้ แม้จะปิดเทอมแล้ว
แต่ ข้าพเจ้า ก็ว่างเข้ามา log น้อยลง เนื่องจากต้องทำงานจุลสารเล่มใหม่ (เล่มนี้ตั้งใจโคตร ๆ) บวกกับวันที่ 20-21 นี้ว่าจะหนีลง กทม. ไปงานหนังสือ (ถ้ามีโอกาส อาจแว็บไป World Social Forum ที่ธรรมศาสตร์)

เลยอาจไม่ค่อยได้แวะเข้ามาเท่าไหร่นะขอรับ

จึงเรียนมาให้ซึมทราบล่วงหน้า

 

โดย: ShadowServant 18 ตุลาคม 2549 3:54:10 น.  

 

ยังไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้แบบนั่งดูจริงๆจังๆทั้งเรื่องเลยค่ะ

เห็นเพื่อนดู เลยนั่งดูด้วยแค่แป๊ปๆ

ยิ่งตอนนี้ ถ้าพอจะมีเวลาว่าง ก็ขอนอนนนนนอย่างเดียว

 

โดย: เจ้าหญิงวีนัส (ohvenus) IP: 202.183.233.11 18 ตุลาคม 2549 3:55:35 น.  

 

แวะมาหานะ

มารายงานตัวด้วยว่ากลับมาแล้ว

 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 18 ตุลาคม 2549 14:00:01 น.  

 

เพลง ลั่นทม เจ๋งมากเลยนะครับ พี่ว่าเป็นความงามที่วุ่นวายดี

 

โดย: I will see U in the next life. 19 ตุลาคม 2549 14:25:24 น.  

 

หนังก็จี๊ดดดดดดดดดด
เพลงก็แจ่มมมมมมมม

ชอบทั้งหนังทั้งเพลงค่ะ

 

โดย: renton_renton 20 ตุลาคม 2549 0:23:12 น.  

 

แวะมาทักทายคุณสาวกแห่งเงาครับ

 

โดย: Johann sebastian Bach 23 ตุลาคม 2549 18:29:16 น.  

 

เพลงในหนังเรื่องนี้มันส์สุดยอด เสียดายค่ายหนังเขาเล็กๆ โปรโมตไม่ดี เลยไม่ทำเงิน

 

โดย: yuttipung IP: 202.44.8.100 20 กุมภาพันธ์ 2550 20:10:23 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ShadowServant
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




Friends' blogs
[Add ShadowServant's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.