กรรม เกิดจาก เจตนา เจตนา คือ ตัวกรรม
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2555
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
19 มีนาคม 2555
 
All Blogs
 

อรหัตตมรรค ยังมีเวทนาให้กำหนดรู้.......อรหัตตผล..ไม่มีเวทนา


( ๒๕๘ ) ปัญญาในความเป็นผู้มีความชำนาญในอินทรีย์ ๓ ประการ โดยอาการ ๖๔ เป็น อาสวักขยญาณ อย่างไร ฯ

อินทรีย์ ๓ ประการเป็นไฉน
คือ อนัญญัสสามีตินทรีย์ ๑
อัญญินทรีย์ ๑
อัญญาตาวินทรีย์ ๑ ฯ
อนัญญัสสามีตินทรีย์ ย่อมถึงฐานะเท่าไร อัญญินทรีย์ ย่อมถึงฐานะเท่าไร อัญญาตาวินทรีย์ ย่ิอมถึงฐานะเท่าไร ฯ
อนัญญัสสามีตินทรีย์ ย่อมถึงฐานะ ๑ คือ โสดาปัตติมรรค
อัญญินทรีย์ ย่อมถึงฐานะ ๖ คือ โสดาปัตติผล สกทาคามีมรรค สกทาคามีผล อนาคามีมรรค อนาคามีผล อรหัตตมรรค
อัญญาตาวินทรีย์ ย่อมถึงฐานะ ๑ คือ อรหัตตผล ฯ

( ๒๕๙ ) ในขณะโสดาปัตติมรรค อนัญญัสสามีตินทรีย์ มี
สัทธินทรีย์ ซึ่งมีความน้อมใจเชื่อเป็นบริวาร
วิริยินทรีย์ มีการประคองไว้เป็นบริวาร
สตินทรีย์ มีความตั้งมั่นเป็นบริวาร
สมาธินทรีย์ มีความไม่ฟุ้งซ่านเป็นบริวาร
ปัญญินทรีย์ มีความเห็นเป็นบริวาร
มนินทรีย์ มีความรู้แจ้งเป็นบริวาร
โสมนัสสินทรีย์ มีความยินดีเป็นบริวาร
ชีวิตินทรีย์ มีความเป็นอธิบดีในความสืบต่อที่กำลังเป็นไปเป็นบริวาร
ธรรมทั้งหลายที่เกิดในขณะโสดาปัตติมรรค นอกจากรูปซึ่งมีจิตเป็นสมุฏฐาน เป็นกุศลทั้งหมดนั้นแล ล้วนไม่มีอาสวะ เป็นธรรมเครื่องนำออก เป็นธรรมเครื่องให้ถึงความไม่สั่งสม เป็นโลกุตตระ มีนิพพานเป็นอารมณ์
ในขณะโสดาปัตติมรรค อนัญญัสสามีตินทรีย์ มีอินทรีย์ ๘ ประการนี้ ซึ่งมีสหชาติธรรมเป็นบริวาร มีธรรมอื่นๆเป็นบริวาร มีธรรมที่อาศัยกันเป็นบริวาร มีธรรมที่ประกอบกันเป็นบริวาร เป็นสหรคต เกิดร่วมกัน เกี่ยวข้องกัน ประกอบด้วยกัน ธรรมเหล่านั้นแล เป็นอาการและ เป็นบริวาร ของ อนัญญัสสามีตินทรีย์นั้นแล ฯ

( ๒๖๐ ) ในขณะโสดาปัตติผล อัญญินทรีย์ มี สัทธินทรีย์ ซึ่งมีความน้อมใจเป็นบริวาร.............ฯลฯ.........ธรรมทั้งหลายที่เกิดในขณะโสดาปัตติผล ทั้งหมดนั้นแล เป็น อัพยากฤต นอกจากรูปที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน ล้วนไม่มีอาสวะ เป็นโลกุตตระ มีนิพพานเป็นอารมณ์ในขณะโสดาปัตติผล อัญญินทรีย์ ซึ่งมีอินทรีย์ ๘ ประการนี้ซึ่งมีื สหชาตธรรมเป็นบริวาร...............ฯลฯ ธรรมเหล่านั้นแล เป็นอาการและเป็นบริวารของ อัญญินทรีย์นั้น ฯ

( ๒๖๑ ) ในขณะสกทาคามีมรรค ฯลฯ ในขณะสกทาคามีผล ฯลฯ ในขณะอนาคามีมรรค ฯลฯ ในขณะอนาคามีผล ฯลฯ
ในขณะอรหัตตมรรค อัญญินทรีย์ มี สัทธินทรีย์ซึ่งมีความน้อมใจเชื่อเป็นบริวาร ฯลฯ ชีวิตินทรีย์มีความเป็นอธิบดีในความสืบต่อที่กำลังเป็นไปเป็นบริวาร ธรรมทั้งหลายที่เกิดในขณะ อรหัตตมรรค นอกจากรูปที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน ทั้งหมดนั้นแลเป็นกุศลล้วน ไม่มีอาสวะ เป็นธรรมเครื่องนำออก เป็นธรรมเครื่องให้ถึงความไม่สั่งสม เป็นโลกุตตระ มีนิพพานเป็นอารมณ์ ในขณะอรัตตมรรค อัญญินทรีย์มีอินทรีย์ ๘ ประการนี้ซึ่งมีสหชาตธรรมเป็นบริวาร.. ธรรมเหล่านั้นแลเป็นอาการและเป็นบริวารของอัญญินทรีย์นั้น

( ๒๖๒ ) ในขณะอรหัตตผล อัญญาตาวินทรีย์ มี
สัทธินทรีย์ ซึ่งมีความน้อมใจเชื่อเป็นบริวาร
วิริยินทรีย์ มีความประคองไว้เป็นบริวาร
สตินทรีย์ มีความตั้งมั่นเป็นบริวาร
สมาธินทรีย์ มีความไม่ฟุ้งซ่านเป็นบริวาร
ปัญญินทรีย์ มีความเห็นเป็นบริวาร
มนินทรีย์ มีความรู้แจ้งเป็นบริวาร
โสมนัสสินทรีย์ มีความยินดีเป็นบริวาร
ชีวิตินทรีย์ มีความเป็นอธิบดีในความสืบต่อที่กำลังเป็นไปเป็นบริวาร
ธรรมทั้งหลายที่เกิดในขณะ อรหัตตผล ทั้งหมดนั้นแลเป็น อัพยากฤต นอกจากรูปที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน ล้วนไม่มีอาสวะ เป็นโลกุตตระ มีนิพพานเป็นอารมณ์ ในขณะอรหัตตผล อัญญาตาวินทรีย์ มีอินทรีย์ ๘ ประการนี้ซึ่งมีสหชาตธรรมเป็นบริวาร เป็นสรหคต เกิดร่วมกัน เกี่ยวข้องกัน ประกอบด้วยกัน ธรรมเหล่านั้นแล เป็นอาการและเป็นบริวารของ อัญญาตาวินทรีย์ อินทรีย์ ๘ หมวดเหล่านี้ รวมเป็นอาการ ๖๔ ด้วยประการฉะนี้ ฯ

( ๒๖๓ ) คำว่า อาสวะ ความว่า อาสวะเหล่านั้นเป็นไฉน
อาสวะเหล่านั้นคือ กามาสวะ ภวาสวะ ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ ฯ
อาสวะหล่านั้นย่อมสิ้นไป ณ ที่ไหน ทิฏฐาสวะทั้งสิ้น กามาสวะ ภวาสวะ อวิชชาสวะ อันเป็นเหตุให้ไปสู่อบาย ย่อมสิ้นไปเพราะโสดาปัตติมรรค
อาสวะเหล่านี้ย่อมสิ้นไปในขณะโสดาปัตติมรรคนี้ กามาสวะส่วนหยาบๆ ภวาสวะ อวิชชาสวะ ซึ่งตั้งอยู่ร่วมกันกับกามาสวะนั้น ย่อมสิ้นไปเพราะ สกทาคามีมรรค อาสวะเหล่านี้ย่อมสิ้นไปในขณะ สกทาคามีมรรคนี้ กามาสวะทั้งสิ้น ภวาสวะ อวิชชาสวะ ซึ่งตั้งอยู่ร่วมกันกับกามาสวะนั้น ย่อมสิ้นไปเพราะ อนาคามีมรรค อาสวะเหล่านี้ย่อมสิ้นไปในขณะ อนาคามีมรรคนี้ ภวาสวะ อวิชชาสวะทั้งสิ้น ย่อมสิ้นไปในขณะ อรหัตตมรรค อาสวะเหล่านี้ย่อมสิ้นไปในขณะ อรหัตตมรรคนี้ ฯ

ชื่อว่าญาณ เพราะอรรถว่า รู้ธรรมนั้น ชื่อว่าปัญญา เพราะอรรถว่า รู้ชัด
เพราะเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวว่า ปัญญาในความเป็นผู้ชำนาญ ในอินทรีย์ ๓ ประการโดยอาการ ๖๔ เป็น อาสวักขยญาณ ฯ

( ๓๑ / ๒๙๐๗ - ๒๙๖๙ / ๑๑๙ - ๑๒๑ )


( ๒๔๑ ) อนัญญตัญญัสสามีตินทรีย์ เป็นไฉน
ปัญญา กิริยาที่รู้ชัด ฯลฯ ความไม่หลง ความวิจัยธรรม สัมมาทิฏฐิ ธัมมวิจัยสมโพชฌงค์ อันเป็นองค์แห่งมรรค นับเนื่องในมรรค เพื่อรู้ธรรมที่ยังไม่เคยรู้ เพื่อเห็นธรรมที่ยังไม่เคยเห็น เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่เคยบรรลุ เพื่อทราบธรรมที่ยังไม่เคยทราบ เพื่อทำให้แจ้งธรรมที่ยังไม่เคยทำให้แจ้งนั้นๆ อันใด
นี้เรียกว่า อนัญญตัญญัสสามีตินทรีย์

อัญญินทรีย์ เป็นไฉน
ปัญญา กิริยาที่รู้ชัด ฯลฯ ความไม่หลง ความวิจัยธรรม สัมมาทิฏฐิ ธัมมวิจัยสมโพชฌงค์ อันเป็นองค์แห่งมรรค นับเนื่องในมรรค เพื่อรู้ธรรมที่รู้แล้ว เพื่อเห็นธรรมที่เห็นแล้ว เพื่อบรรลุธรรมที่บรรลุแล้ว เพื่อทราบธรรมที่ทราบแล้ว เพื่อทำให้แจ้งธรรมที่ทำให้แจ้งแล้วนั้นๆ อันใด
นี้เรียกว่า อัญญินทรีย์

อัญญาตาวินทรีย์ เป็นไฉน
ปัญญา กิริยาที่รู้ชัด ฯลฯ ความไม่หลง ความวิจัยธรรม สัมมาทิฏฐิ ธัมมวิจัยสมโพชฌงค์ อันเป็นองค์แห่งมรรค นับเนื่องในมรรค เพื่อรู้ธรรมที่รู้แล้ว เพื่อเห็นธรรมที่เห็นแล้ว เพื่อบรรลุธรรมที่บรรลุแล้ว เพื่อทราบธรรมที่ทราบแล้ว เพื่อทำให้แจ้งธรรมที่ทำให้แจ้งแล้วนั้นๆ อันใดดูกรภิกษุทั้งหลาย สมณพราหมณ์พวกหนึ่งบัญญัตินิพพานอันยวดยิ่งใน
ปัจจุบันมีอยู่ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความหลุดพ้นเพราะไม่ถือมั่น เพราะรู้ความเกิด
ความดับ คุณ โทษ และอุบายเครื่องสลัดออกแห่งผัสสายตนะ ๖ ประการ เลิศ
กว่าการบัญญัตินิพพานอันยอดยิ่งในปัจจุบันแห่งสมณพราหมณ์ ดูกรภิกษุทั้งหลาย
สมณพราหมณ์พวกหนึ่งย่อมกล่าวตู่เราผู้มีวาทะอย่างนี้ ผู้กล่าวอย่างนี้ด้วยคำไม่จริง
ด้วยคำเปล่า ด้วยคำเท็จ ด้วยคำไม่เป็นจริงว่า พระสมณโคดมไม่บัญญัติความ
กำหนดรู้กามทั้งหลาย ไม่บัญญัติความกำหนดรู้รูปทั้งหลาย ไม่บัญญัติความ
กำหนดรู้เวทนาทั้งหลาย ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมบัญญัติความกำหนดรู้กาม
ทั้งหลายด้วย ย่อมบัญญัติความกำหนดรู้รูปทั้งหลายด้วย ย่อมบัญญัติความกำหนด
รู้เวทนาทั้งหลายด้วย เราเป็นผู้หายหิวแล้ว ดับแล้ว เย็นแล้ว ย่อมบัญญัติ
อนุปาทาปรินิพพานในปัจจุบัน ฯ
จบสูตรที่ ๙

เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๔ บรรทัดที่ ๑๔๙๓ - ๑๕๘๙. หน้าที่ ๖๔ - ๖๘. //www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=24&A=1493&Z=1589&pagebreak=0 ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- //www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=24&i=29
ขอนอบน้อมแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
อนุโมทนาสาธุ


นี้เรียกว่า อัญญาตาวินทรีย์
( ๓๕ / ๓๓๔๘ - ๓๔๒๓ / ๑๔๔ -๑๔๗ )









 

Create Date : 19 มีนาคม 2555
6 comments
Last Update : 19 มีนาคม 2555 0:29:59 น.
Counter : 2125 Pageviews.

 

โย ทนฺธกาเล ทนฺเธติ ตรณีเย จ ตีรเย
ที่ควรช้าก็ช้า ที่ควรเร่งก็เร่ง ผลที่หมายจึงจะสำเร็จบริบูรณ์

ประสบความสำเร็จในกิจอันควร ตลอดไป...นะคะ



 

โดย: พรหมญาณี 19 มีนาคม 2555 11:44:32 น.  

 

ปญฺญาย ติตฺตีนํ เสฏฐํ
อิ่มด้วยปัญญา ประเสริฐกว่าความอิ่มทั้งหลาย

พัฒนาสติและปัญญาเพื่อความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรม ตลอดไป...นะคะ



 

โดย: พรหมญาณี 20 มีนาคม 2555 11:35:45 น.  

 

สวัสดียามดึกค่ะคุณ shadee..

ฟ้าแวะมาราตรีสวัสดิ์ค่ะ

พักผ่อนไปกับสายลมแผ่วพลิ้ว เย็นกาย..สบายใจ หลับอย่างเป็นสุขในยามค่ำคืนนี้กัน นะคะ

"มีจิตใจทรนงคงอย่างสิงห์
อยู่อย่างหยิ่งมีศักดิ์ศรีนี้อย่างเสือ
ความนุ่มนวลอ่อนไหวไว้จุนเจือ
มีไว้เผื่อลบกระด้างถางใจตน"

มีความมั่นคงในใจ...ไม่อ่อนไหวให้ใจอ่อนล้า กันนะคะ


 

โดย: พิรุณร่ำ 20 มีนาคม 2555 22:56:07 น.  

 

สาธุๆๆ
สวัสดีค่ะ
แวะมารับข้อมูลไปขัดเกราจิตใจ
ขอบคุณค่ะ

 

โดย: pantawan 21 มีนาคม 2555 18:59:25 น.  

 

สวัสดีค่ะ
ยินดีที่ได้รู้จัก แล้วจะแวะเข้ามาหาความรู้อีกนะคะ

มีก๋วยเตี๋ยวต้มยำมาฝากค่ะ

 

โดย: pantawan 22 มีนาคม 2555 13:48:25 น.  

 

สุนกฺขตฺตํ สุมงฺคลํ สุปภาตํ สุหุฏฐิตํ
ประพฤติชอบเวลาใด เวลานั้นชื่อว่าเป็นฤกษ์ดี มงคลดี เช้าดี รุ่งอรุณดี

ทำทุกวันให้เป็นวันที่ดีของชีวิต ตลอดไป...นะคะ



 

โดย: พรหมญาณี 22 มีนาคม 2555 14:09:24 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


shadee829
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add shadee829's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.