ของดี (ใต้น้ำ) เมืองนรา ฯ
ก่อนอื่นต้องย้อนหลังไปในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ระหว่างที่หายหน้าไปจากชุมชน Bloggang เราถ่ายรูป (ทั้งบนบกและใต้น้ำ) เยอะมาก อย่างที่เคยเล่ามาแล้วในบล็อค "กลับมายืนที่เดิม" ว่า G10 เปลี่ยนชุดเลนส์มาแล้วรอบนึง นั่นถ่ายมาเป็นหมื่น ๆ รูปแล้วนะ แฟนเราชอบบอก (จริง ๆ คือ ตอกย้ำ) ว่า เราน่ะใช้กล้องผิดประเภท "ใช้กล้องอย่างกะทาส" (ฮา)

ผลพวงจากการถ่ายรูปเยอะมาก ฝีมือมันก็ต้องพัฒนากันบ้างเนอะ (คิดเองเออเอง haha) ที่ผ่านมาก็เลยได้เข้าร่วมโครงการถ่ายภาพใต้น้ำของกรมทรัพยากรและชายฝั่งบ้าง มีชมรมที่ไปร่วมทำกิจกรรมเอารูปไปใช้ลงนิตยสารประกอบการสัมภาษณ์บ้าง (เรื่องนี้เซ็งเล็กน้อย เพราะไม่ให้เครดิตคนถ่ายรูปเลยอ่ะ แต่ก็ช่างมัน คิดซะว่าเราไปร่วมงานเขา ก็ช่วย ๆ เขาไปละกัน = =')

งานล่าสุดที่เป็นชิ้นเป็นอัน และถือเป็นโครงการยิ่งใหญ่ที่สุดตั้งแต่เกิดมา ก็คือ โครงการจัดทำหนังสือรวบรวมภาพถ่ายใต้ทะเลบริเวณแนวปะการังเทียมจังหวัดนราธิวาส เพื่อถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ของผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส (นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์) ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจากที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงมีพระราชดำรัสเกี่ยวกับการจัดทำปะการังเทียม เพื่อสร้างบ้านปลา สำหรับให้ชาวประมงพื้นบ้านทำมาหากิน เมื่อปี 2552 (แต่ทรงพระราชทานคำแนะนำแก่กรมประมงเกี่ยวกับการช่วยเหลือประมงพื้นบ้านมาตั้งแต่ปี 2544)

ซึ่งจากคำแนะนำของพระองค์ท่าน กรมประมง กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และหน่วยงานอื่น ๆ เช่น กรุงเทพมหานคร กองทัพบก กองทัพเรือ ได้สร้างปะการังเทียม หรือนำยานพาหนะที่ปลดประจำการแล้ว เช่น รถขยะกทม. รถถัง ตู้รถไฟ เรือรบหลวง เป็นต้น มาทำเป็นบ้านปลา โดยในเขตจังหวัดนราธิวาส มีการทิ้งรถขยะและตู้รถไฟตั้งแต่ปี 2547

ความรู้เบื้องต้นในการทิ้งยานพาหนะลงทะเล ไม่ใช่ว่าอยู่ ๆ เราจะเอามันไปทิ้งได้เลย ก่อนจะนำไปทิ้งก็ต้องมั่นใจว่าไม่มีวัสดุที่จะก่อให้เกิดมลพิษเหลืออยู่ โดยต้องถอดเครื่องยนต์และอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น กระจก ออกให้หมด (กระจกนี่ถอดออกเพื่อให้ปลาเข้าไปอาศัยอยู่ด้านในได้) ให้เหลือแต่โครงเหล็กเปล่า ๆ ล้อรถยนต์ก็ไม่ควรนำไปทิ้งลงทะเล เพราะปัจจุบันมีการใช้สารเคมีในการผลิต ซึ่งเมื่อถึงระยะเวลาหนึ่ง สารเหล่านี้ก็จะระเหยออกมา ทำให้น้ำทะเลบริเวณนั้นมีพิษ และไม่มีสัตว์น้ำอาศัยอยู่

และเมื่อเหลือแต่โครงเหล็กแล้ว ก็ต้องล้างทำความสะอาดคราบน้ำมันออกให้หมดด้วย ซึ่งขั้นตอนนี้ยากมาก (แต่คุ้มที่จะทำเพื่อสิ่งแวดล้อม) จากนั้น ถึงพร้อมที่นำไปลงทะเล

ย้อนกลับมาที่เรื่องของโครงการถ่ายภาพ ฯ ประชาสัมพันธ์จังหวัดนราธิวาสประสานงานกับช่างภาพจากเครือเนชั่น เพื่อจัดทำหนังสือ ในขณะเดียวกัน ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสก็เห็นว่าควรนำภาพชุดเดียวกันนี้มาเผยแพร่ให้ชาวจังหวัดนราธิวาสได้ชมด้วย ...มาถึงจุดนี้ หลาย ๆ คนอาจสงสัยว่าแล้วเราไปเกี่ยวกับเขาได้ยังไง (ฮา) ก็อย่างที่บอกว่าเราเองก็มีผลงานถ่ายภาพใต้น้ำมาบ้าง แล้วก็สนิทกับช่างภาพที่ถ่ายภาพใต้น้ำจากเนชั่น เพราะอยู่ชมรมนักดำน้ำเพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลด้วยกัน พี่ประชาสัมพันธ์จังหวัด ฯ ก็เลยติดต่อให้ช่วยงานนี้ นอกจากเราก็มีพี่น้องในชมรม ฯ อีก 2 คนมาร่วมด้วย สรุปว่า งานนี้ใช้นักดำน้ำ 6 คน ถ่ายภาพใต้น้ำ 4 คน นายแบบ 1 คน และเป็น safety guard 1 คน (จำเป็นมาก เพราะพวกถ่ายภาพใต้น้ำมักจะไม่สนใจดูเวลา ต่อให้มี dive computer เป็นของตัวเองก็ตาม haha)

แผนการทำงาน ก็คือ ลงไปเก็บภาพใต้น้ำ 2-3 วัน แล้วแต่สภาพอากาศ และความพอใจของช่างภาพแต่ละคนว่ารูปที่ถ่ายจะใช้ได้หรือยัง ในเบื้องต้นวางแผนดำน้ำ 2 วัน แต่ถ้ายังไม่ได้รูป ก็ดำต่ออีก 1 วัน (ที่กำหนดระยะเวลาแค่นี้ เพราะมีเวลาแค่ 1 เดือนในการจัดทำหนังสือเพื่อถวายสมเด็จพระราชินี ก่อนวันเฉลิมพระชนมพรรษาอ่ะ)

แล้วก็เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ ก่อนเดินทางลงไปทำงาน นราธิวาสฝนตกหนักมาก ตกทั้งวันทั้งคืน พี่ประชาสัมพันธ์จังหวัดโทรมาบอกว่า "ฝนตกหนักมาหลายวันแล้ว ไม่รู้จะทำงานได้หรือเปล่า" แต่พอพวกเราเดินทางลงไปถึง ลงเรือทำงานกันวันแรก ฟ้าใส แดดเปรี้ยง (มาก) แม้จะมีฝนตกตอนกลางคืน (บ้าง) แต่ 3 วันที่ทำงาน (ดำน้ำ 3 วัน เพราะวันแรก เรือประมงพื้นบ้านที่พาไปหาหมายสำคัญไม่เจอ) กลางวันไม่มีฝนเลย ...ประเด็นอยู่ที่ พอพวกเราทำงานเสร็จ กลับกรุงเทพ ฯ ฝนก็กลับมาตกหนักทั้งวันทั้งคืนเหมือนเดิม ทำให้กลุ่มช่างภาพ 3 จังหวัดชายแดนใต้ที่เก็บภาพวิถีชีวิตบนบกทำงานลำบาก (ฮา)


โครงการรักษ์น้ำ รักษ์ดิน รักษ์ป่า รักมหาราชินี ของผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส

การทำงานวันแรก: ตั้งเป้าว่าจะลงไปเก็บภาพรถถัง ซึ่งกองทัพบกได้นำมาทิ้งไว้ตั้งแต่ปี 2553 (ประมาณ 20 กว่าลำ ขออภัยจำจำนวนที่แน่นอนไม่ได้) ลุงชาวประมงพื้นบ้านที่พาไป (ทำงานโดยใช้เรือประมงนะคะ ไม่ใช่เรือสำหรับดำน้ำโดยเฉพาะ ^^) ยืนยันว่าพาไปถูกแน่ แต่พอพวกเราดำลงไปใต้น้ำ กลับพบว่ามันคือรถขยะกทม. ซะนี่


ซากรถขยะ


เนื่องจากถูกทิ้งมาหลายปีแล้ว ก็เลยเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา กลายเป็นซากปรักหักพังไป แต่ก็เห็นได้ชัดว่ามีปะการังจริงขึ้นอยู่ด้วย และมีปลาเล็กปลาน้อย รวมถึงปลาใหญ่เข้ามาอาศัยเป็นจำนวนมาก ^^

ไดฟ์สอง บอกลุงว่าจะไปรถถัง ลุงก็บอกกลับมาว่าเดี๋ยวพาไป ลุงรู้แล้วว่าอยู่ตรงไหน จากนั้นก็ขยับเรือออกจากจุดที่ลงไดฟ์แรกไปประมาณ 100-200 เมตร แล้วลุงก็บอกว่า "เจอแล้ว อยู่ตรงนี้แหละ" หลังจากพักน้ำ 2 ชั่วโมง (พักน้ำนานหน่อย เพราะระดับน้ำ 20 กว่าเมตร แล้วก็อยากใช้เวลาเก็บภาพใต้น้ำได้นานขึ้นด้วย) ทีมงานก็พร้อมสำหรับการดำน้ำ แต่พอมุดน้ำลงไป เอ๊ยยยยยย รถถังของลุงกลับเป็นรถขยะที่ถูกทิ้งไว้เดี่ยว ๆ ซะงั้น -*-

พอขึ้นมาบอกลุงว่าไม่ใช่ แล้วก็คิดว่าวันนี้คงไม่ได้ฤกษ์ถ่ายรถถังแล้วล่ะ ทุกคนก็เลยบอกลุงให้พากลับไปที่จุดที่ลงไดฟ์แรก แต่ ...แต่พอลงไปกลับหากองรถขยะไม่เจอ (ผ่าง!) Safety (พ่วงตำแหน่ง Dive leader) ก็เลยรับหน้าที่ในการหากองรถขยะไปโดยปริยาย ในขณะที่อีพวกถ่ายภาพไม่ได้สนใจ อารมณ์ประมาณ กรูเจออะไรในทรายกรูก็ถ่าย (ฮา) สุดท้าย กลายเป็นทิ้ง Safety ซะงั้น (ขึ้นมา Safety น้อยใจมาก หาใครก็ไม่เจอ haha)


ปูตัวจิ๋วซ่อนตัวอยู่หลังดอกไม้ทะเลกลางพื้นทรายใต้ทะเล กำลังจับหอยกินเป็นอาหาร

การทำงานวันที่สอง วันนี้ลุงบอกว่าลุงพร้อมจะพาไปรถถังแล้ว เพราะลุงไปถามเพื่อนมาเรียบร้อย (ฮา) เลยสรุปกันง่าย ๆ ว่างั้นวันนี้ก็อยู่รถถังมันทั้งวันนี่แหละ ดำมัน 3 ไดฟ์เลย เก็บภาพให้ได้มากที่สุด


ในที่สุดก็หาเจอซะที


ปลาน้อยกว่ารถขยะ เพราะมีที่ให้หลบซ่อนน้อยกว่า แต่ก็มีสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เยอะเหมือนกัน

ด้วยความที่ใช้กล้อง compact กะ strobe 1 ดวง ไฟเลยไม่พอจะถ่ายภาพกว้าง ๆ (ไอ้ที่ถ่ายมาก็ใช้ white balance) ประกอบกับวันนี้น้ำขุ่นกว่าเมื่อวาน เลยถ่ายแต่ตัวจิ๋ว ๆ ละกัน (ของถนัด haha)


ปูม้าตัวจิ๋วนี้ออกจากขวดลิโพไม่ได้ ต้องรอลอกคราบ (ให้ตัวนิ่ม) ก่อน
ผลพวงจากการทิ้งขยะลงทะเล

วันที่สาม ขอไปลงรถถังก่อน 1 ไดฟ์ จากนั้นก็ย้ายเรือไปหาตู้รถไฟแถว ๆ ชายแดนจังหวัดนราธิวาส (ติดกับสายบุรี) เรายังคงมุ่งมั่นกับของจิ๋วต่อไป


Nudibranch: เป็นภาพที่ถกเถียงเวลาจัดนิทรรศการมาก เพราะหลาย ๆ คนพยายามทำให้มันคว่ำลง แต่เรายืนยันว่าเราถ่ายมาอย่างนี้เฟ้ย (- -')


ปลาสิงโตหลบอยู่ข้าง ๆ รถถัง

หลังจากย้ายเรือไปตู้รถไฟ ปัญหา คือ ลุงไม่แน่ใจว่ามันอยู่ตรงไหน (ขนาดรถถังลุงบอกว่าแน่ใจยังหาไม่เจอ แล้วตู้รถไฟจะเหลือเหรอเนี่ย (- -')) งานนี้ก็เลยเป็นหน้าที่ของ Safety ในการลงไปหาหมาย (ต้องหาให้เจอด้วยนะเออ haha) โดยทีมงานคนอื่น ๆ จะรออยู่บนเรือก่อน พอ Safety ยิงทุ่นขึ้นมาค่อยลง (ม่ายงั้นเดี๋ยว Safety โดนทิ้งอีก hahaha)


สภาพน้ำขุ่นมากกกกกกกกกกกกก ...ถ่ายจากในตู้รถไฟออกไป ทำได้แค่ปรับเป็นใช้สีซีเปีย (- -')

เห็นสภาพน้ำแล้ว เราก็เลยกลับไปมุ่งมั่นกับของจิ๋วต่อ (ดีกว่า)


ฝูงกุ้งตัวจิ๋วในไฮดรอยด์ ...ฉลาดเลือกที่อยู่ เพราะไฮดรอยด์มีพิษ ใครโดนจะแสบ ๆ คัน ๆ 
และเพราะรูปนี้ทำให้เรายังมีแผลเป็นจนทุกวันนี้ (ฮา)


หอยสังข์จุกพราหมณ์ คลานหาอาหารตามพื้นทะเล (เบื่อตู้รถไฟเลยลองออกไปหาสัตว์ตามพื้นทรายถ่าย haha)


Nudibranch: Aplysia Kurodai

(รูปที่นำมาโชว์ส่วนใหญ่เป็นรูปที่เราส่งไปทำหนังสือและจัดนิทรรศการค่ะ)

หลังจากนั้นก็กลับกรุงเทพ ฯ มารอทำหนังสือและ print out รูป เพื่อนำไปจัดนิทรรศการ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ให้ประชาสัมพันธ์จังหวัดนำภาพทั้งหมดไปจัดแสดงในงาน "เยี่ยมบ้านพ่อ แซเราะฮ์รูเมาะฮ์ รายอกีตอ" ที่จัดขึ้นในพระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2555


นักเรียนและประชาชนเข้าแถวเพื่อผ่านจุดตรวจก่อนเข้าพระตำหนัก


เด็ก ๆ ให้ความสนใจ ^^


ช่วงบ่ายนายดิสธร วัชโรทัย รองราชเลขาธิการพระราชวังมาเปิดงาน พร้อมเดินชมนิทรรศการ

วันนั้นทีมงานลงไป 3 คน (อีก 3 คนติดธุระ) กะว่าเอาอยู่ แต่เอาเข้าจริง เหนื่อยมากกกกก เพราะนักเรียนและประชาชนให้ความสนใจเยอะมาก พวกเราก็เลยถือโอกาสให้ความรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์ไปด้วย เพื่อให้พวกเขาสามารถทำมาหากินได้จนถึงลูก-หลาน ^^

หลังจากงานนี้ ก็ยังต้องไปจัดนิทรรศการในงานของดีเมืองนรา ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารีเสด็จมาเปิดงานด้วย


เปลี่ยนรูปแบบการจัดมาเป็นกองปะการังเทียมสมมติ ^^


เด็ก ๆ ยังคงให้ความสนใจเหมือนเดิม


ไม่เฉพาะเด็กนักเรียน ประชาชนก็สนใจด้วย

ทั้งนี้ ประชาสัมพันธ์จังหวัดนราธิวาสยังมีโครงการจะนำภาพชุดนี้ไปแสดงตามโรงเรียน และงานต่าง ๆ ในนราธิวาส เพื่อเผยแพร่ให้นักเรียนและประชาชนได้เห็นภาพใต้น้ำในจังหวัดของตัวเอง ซึ่งหาดูได้ยาก (ถ้าไม่ใช่นักดำน้ำอะนะ)

และจาก 2 งานที่ผ่านมา ซึ่งเราได้มีโอกาสลงไปช่วยทั้ง 2 งาน พอพวกเขารู้ว่าภาพใต้น้ำทั้งหมดถูกถ่ายในทะเลนรา พวกเขาตื่นเต้นกันอ่ะ ไม่คิดว่าบ้านตัวเองจะมีของดี สวย ๆ เหมือนอันดามัน แล้วเวลาเราเห็นพวกเขาดีใจที่ได้เห็น ก็ชื่นใจและภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในงานนี้อ่ะ ^^



Create Date : 02 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 2 พฤศจิกายน 2555 11:23:44 น.
Counter : 1867 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ชาบุ
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



เป็นสาวแกร่งแรงเกินร้อย ประเภทพึ่งพาตัวเองได้ ดื้อเงียบ (แต่มีเหตุผลพอสมควรนะ) อ่อนไหว ช่างฝัน แต่ก็อยู่ในโลกของความเป็นจริง ชอบมองอะไรกว้าง ๆ และทำใจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น (ปลงแล้ว! hahaha) ชอบอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ ชีวิตนี้ยอมไม่มีแฟนดีกว่าไม่มีหนังสืออ่านอะ >_<

สิ่งที่จำขึ้นใจคือ คำคมภาษาอังกฤษที่ว่า "I will take my life into my hands and I will use it" และ คำคมจากหนัง My Best Friend's Wedding "When you love someone,you say it right then, out loud or the moment just passed you by"
พฤศจิกายน 2555

 
 
 
 
1
4
5
6
7
9
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog