Group Blog All Blog
|
ฆ่าม็อกกิ้งเบิร์ด (To kill the mockingbird ) Lee Harper ผู้แปล นาลันทา คุปต์ โปรยปกหลัง ฮาร์เปอร์ ลี มีผลงานพิมพ์เผยแพร่เพียงสองเล่มเกือบตลอดชีวิตของเธอ และหนึ่งในนั้นก็คือ ฆ่าม็อกกิ้งเบิร์ด ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างงดงามทันทีที่ออกสู่สายตาผู้อ่านในปี 1960 ตามมาด้วยการพิชิตรางวัลพูลิตเชอร์ในปีต่อมา และมีการนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์รางวัลออสการ์ในปี 1962 นอกจากนี้ยังได้รับการเลือกให้เป็นหนังสืออ่านสำหรับนักเรียนทั่วประเทศสหรัฐฯ และได้รับการดัดแปลงเป็นบทละครที่แสดงทุกปีในบ้านเกิดของฮาร์เปอร์ ลี ด้วย ฆ่าม็อกกิ้งเบิร์ด เป็นเรื่องราวของอคติ การรังเกียจคนต่างผิว การต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม และการสูญเสียความไร้เดียงสาผ่านสายตาของเด็กหญิงคนหนึ่ง บุตรสาวทนายความในเมืองเล็ก ๆ ในภาคใต้ของสหรัฐฯ ช่วงทศวรรษ 1930 ด้วยภาษาง่าย ๆ ของฮาร์เปอร์ ลี ซึ่งทั้งสร้างความอบอุ่น แฝงอารมณ์ขันและในขณะเดียวกันก็บีบคั้นหัวใจ จนต้องหลั่งน้ำตาท่วมท้นใจ ดังที่หนังสือพิมพ์ Independent กล่าวชื่นชมไว้ว่า ไม่มีใครลืมหนังสือเรื่องนี้ได้ลง หลังอ่าน ในฉากจบที่หนึบหน่วง ก็ยังมีเสี้ยวแห่งความอิ่มเอมใจ เป็นเรื่องราวของการเติบโตของเด็กหญิงสเกาท์ ในช่วงเวลา 2 ปี จาก 6 ขวบในบทที่ 1 จนถึง 8 ขวบในบทสุดท้าย ที่เธอได้เรียนรู้เรื่องราวของผู้คน และการใข้ชีวิต บทเรียนนั้นส่วนหนึ่งมาจาก แอตติคัสพ่อของเธอ และอีกส่วนจากประสบการณ์ตรงที่เธอประสบมาในช่วงเวลา 2 ปีนั้น ฉากในเรื่องอยู่ในรัฐอลาบามา อเมริกาใต้ ปี 1930 ที่ซึ่งในช่วงเวลานั้นยังคงมีการเหยียดผิว เนื้อเรื่องถูกเล่าในมุมมองของ สเกาท์ เธอกำพร้าแม่ มีพี่ชายที่โตกว่าเธอสี่ปี อาศัยอยู่กับพ่อของเธอผู้ซึ่งเป็นทนายความหัวเสรีนิยม และมีคาลเพอร์เนีย หญิงผิวสีเป็นแม่บ้านคอยดูแลเธอและพี่ชาย ในช่วงฤดูร้อน เธอจะมี ดิล มาเป็นเพื่อนเล่นด้วยอีกคน การรับรู้เรื่องราวผ่านสเกาท์ เราจะเห็นมุมมองที่ซื่อตรง ความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของเด็กน้อย ผู้อยู่ในวัยกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ ความแก่นซน และความดื้อรั้นของทโมน 3 ตัวที่ทำให้ผู้เป็นพ่อทั้งปวดหัว ทั้งภาคภูมิใจ และทำให้คนอ่านอย่างเราต้องอมยิ้ม แต่ความเป็นจริงของชีวิตก็ค่อย ๆ ลบความไร้เดียงสาเหล่านั้นออกไปจากสเกาท์ เธอและพี่ชายถูกล้อเลียน เมื่อพ่อของเธอเป็นทนายแก้ต่างให้ ทอม โรบินสัน ชายผิวดำ ในข้อหาข่มขืน หญิงสาวผิวขาว
.ผู้เขียนช่างเสียดสี และเย้นหยันได้อย่างหนึบหน่วง เมื่อให้ความรู้สึกของเด็กน้อยผู้ไร้เดียงสาขัดแย้งกับคำตัดสินของคณะลูกขุน.... ยิงนกบลูเจย์ได้ตามใจเลย ถ้ายิงมันถูกได้ แต่จำไว้ว่ามันเป็นบาป หากจะฆ่านกม็อกกิ้งเบิร์ด ม็อกกิ้งเบิร์ด ในเรื่องให้ความหมายในเชิงสัญญลักษณ์ ของผู้บริสุทธิ์ นอกจากเรื่องคดีของทอม โรบินสัน แล้ว ก็ยังมีเรื่องของ บู แรดลีย์ที่สเกาท์ได้เรียนรู้ บู แรดลีย์ เป็นเหมือนปริศนาสำหรับเด็กน้อยทั้งสามที่ทั้งน่าหวาดกลัว ลึกลับ หากก็น่าค้นหาคำตอบ ฉากสุดท้ายเป็นอะไรที่เราประทับใจค่ะ ในที่สุดสเกาท์ก็ได้เข้าใจคำสอนของพ่ออย่างชัดแจ้ง เมื่อเธอได้ยืนในมุมมองชอง บู แรดลีย์ เธอได้เรียนรู้ และเติบโตขึ้นในชั่วคืน นิยายไม่หนา ไม่บาง การเล่าเรื่องอย่างเรียบง่าย ผ่านมุมมองของเด็กน้อย จังหวะการดำเนินเรื่องทำได้ดีค่ะ ไม่ช้า ไม่เร็ว ที่สำคัญคือไม่น่าเบื่อ ใส่รายละเอียดของฉากพีเรียดได้ดี ( ส่วนนึงคงเป็นเพราะมันเหมือนกับชีวิตของผู้เชียนเองในวัยเด็ก ) ความขัดแย้งทางสังคม และการเหยียดผิวใส่มาในเรื่องแบบมีนัยยะ แต่ไม่สามารถทำให้คนอ่านมองข้ามมันไปได้ หลายฉากที่อ่านแล้วสะท้อนใจ และอดดีใจลึก ๆ ไม่ได้ที่ความขัดแย้งรุนแรงทางชาติพันธ์ ไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยเรา สำนวนภาษาของผู้แปล ทำได้ดีนะคะ มีจุดสะดุดบ้าง (แต่น้อยมาก ๆ ) จนมองข้ามไปได้ ยิ่งเนื้อเรื่องชวนประทับใจด้วยแล้ว ทำให้อ่านเพลินมากค่ะ จบได้อย่างรวดเร็ว เป็นอีกเล่มที่อยากแนะนำค่ะ
น่าสนใจจังค่ะ
โดย: kunaom วันที่: 18 เมษายน 2560 เวลา:15:57:51 น.
คุณอ้อม.......เป็นนิยายที่ควรค่าแก่การอ่านค่ะ
โดย: Serverlus วันที่: 19 เมษายน 2560 เวลา:23:33:40 น.
แนวสะท้อนชีวิตสินะคะ เหยียดสีผิว ดูจะหนัก แต่ถ้ามีโอกาสก็คิดว่าน่าลองนะคะ
โดย: ออโอ วันที่: 22 เมษายน 2560 เวลา:14:40:11 น.
คุณโอ.........ประเด็นในเรื่องหนัก แต่นำเสนอไม่หนักค่ะ อย่างที่บอกมันถูกเล่าผ่านมุมมองของเด็ก ที่จะมีเรื่องเรียน เรื่องเล่น ในชีวิตประจำวันแซมอยู่ด้วย
โดย: Serverlus วันที่: 22 เมษายน 2560 เวลา:23:53:35 น.
ได้ยินชื่อมานานมาก หนังสือเก่าถ้าไม่หายากก็แพงสู้ราคาไม่ไหว
ต้องลองไปซื้อมาอ่านบ้างล่ะครับ โดย: leehua (สมาชิกหมายเลข 755059 ) วันที่: 24 กรกฎาคม 2560 เวลา:17:00:11 น.
|
Serverlus
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 19 คน [?] |