Genre: Drama, Mystery, Sci-fi
Executive producer/Writer/Director: Jonathan Nolan, Lisa Joy
Executive producers: J.J. Abrams, Jerry Weintraub, Bryan Burk.
Stars: Anthony Hopkins, Evan Rachel Wood, Thandie Newton, Jeffrey Wright, James Marsden, Ben Barnes, Ingrid Bols Berdal, Clifton Collins Jr., Luke Hemsworth, Sidse Babett Knudsen, Simon Quarterman, Rodrigo Santoro, Angela Sarafyan, Jimmi Simpson, Tessa Thompson, Shannon Woodward, Ed Harris,...
No. of episodes: 10
Original network: HBO

ซีรี่ส์ฝรั่งเขียนถึงยากซักหน่อย เพราะมันมีหลาย season ซึ่งส่วนใหญ่เราตามดูอยู่หลายเรื่อง แต่นั่นแหละมันหลายเรื่อง ค้างๆคาๆ ไม่จบซักเรื่องเลยค้างเติ่งอยู่อย่างนั้น แถมไม่ได้ดูนานๆก็ลืมๆไปบ้าง นอกจากนั้นคนเขียนบทก็จินตนาการสูงส่งบทยังพลิกไปพลิกมา เซอร์ไพร์คนดูไม่จบไม่สิ้น แต่วันนี้ฤกษ์งามยามดี มีเรื่องใหม่มาพอดีก็จับมาเขียนไว้ก่อนเลยแล้วกันกันลืม

ขอออกตัวก่อนว่าไม่ใช่เซียนดูหนัง เซียนซีรี่ส์ ที่จะเก็บ detail หรือมีข้อมูลเชิงลึกที่จะมาวิเคราะห์ วิจารณ์อะไรทั้งนั้น ส่วนตัวแค่อยากจะบันทึกความรู้สึก ความคิด ความประทับใจ เก็บไว้หรือแบ่งปัน แลกเปลี่ยนกันเล็กๆน้อยๆ ข้อมูลอาจจะถูกบ้าง ผิดบ้าง อย่างไร รบกวนชี้แนะด้วยนะคร้าบบบ

ว่ากันว่า westworld ฉบับนี้จะเป็นตัวตายตัวแทนของ Game of Thrones ที่ใกล้จะจบแล้ว กระแสพุ่งแรงตั้งแต่ยังไม่เริ่มออนแอร์ เราก็ทนพวกกระแสแบบนี้ไม่ค่อยได้ ไหนๆก็ไหนๆหามาดูหน่อยซิ(แบบเสียไม่ได้ แหมๆจริงๆก็อยากดูอยู่แล้วเหอะ ทำเป็นลีลา น่าหมั่นไส้ 5555) เริ่มดู Episode แรกตั้งแต่เริ่มออนแอร์ใหม่ๆ เชื่อมั้ยว่าเราใช้เวลาดู EP.1-6  4 เดือน คือดูๆ หยุดๆ มันเฉื่อยๆ จะหลับแหล่มิหลับแหล่ ดูไปครึ่ง Season ก็เริ่มสงสัย ตรงไหน climax ตรงไหนสนุก ก็แอบแง้มๆหา review คนที่ดูจบแล้ว ว่ากันว่าเริ่มสนุกหยุดไม่อยู่ตั้งแต่ EP.7 เราก็เอาว่ะ ลองอีกซักตั้งซิ สรุปว่า อื้อหือออ ตั้งแต่ EP.7 เป็นต้นไปดูไม่หยุดฉุดไม่อยู่ 55555555

เราประทับใจการแสดงของลุง Anthony Hopkins มากมาย คือดีงามมมมม เนื้อเรื่องก็ประณีตดีเหลือเกิน เขียนบทดี ตัดต่อเยี่ยม โปรดักชันเริ่ด (แน่สิ ทุนสร้างมหาศาล) สนุก ตื่นเต้น เร้าใจ มีการหักมุมไปมา เราชอบการเล่นเรื่องนามธรรมที่จับต้องไม่ได้ แนวปรัชญา แนวทฤษฎี มีการพูดถึงจิตวิทยา conscious, subconscious, mind ความซับซ้อนของจิตใจคน (จริงๆชอบพวกวิชาแนวจิตวิทยานี่อยู่แล้ว ฟังไปก็คิดตามไป ชอบบบ) ไม่รู้ว่าบทพูดมันดูน่าเบื่อรึเปล่านะแต่เรากลับชอบ อย่างตอนที่ Bernard คุยกะ Dr.Ford ว่าทำไมต้องใส่ความทรงจำเจ็บปวด(ปลอมๆ)นี่มาให้เค้าด้วย Dr.ก็บอกทำนองว่าเพื่อให้ชีวิตของตัวละครตัวนั่นมี purpose มี passion เป็นตัวตน เป็นบุคลิกของตัวละครตัวนั้นเหมือนกับคน แล้วพี่ Bernard แกก็ถาม Dr. กลับว่างั้นความเจ็บปวดของผมมันต่างกับคุณยังไง? อื้อหืออออ ต้องกด pause แพ๊ปปป จุก ฟังจบคิดตาม (เออนั่นสิ นังมานุดดดดดตัวร้าย... จริงอย่างเค้าว่าจิตใจมนุษย์ยากแท้หยั่งถึง) อันนี้เป็นบทตัวอย่าง จริงๆชอบหลายบทหลายตอน หยิบมาไม่หวาดไม่ไหว 

จริงๆเป็นติ่ง Christopher Nolan ชอบการเขียนบทของตระกูลโนแลน พี่น้องคู่นี้ ชอบเล่นกะใจคน ศีลธรรม ความดีงามอะไรหรือก็แล้วแต่ที่มันจับต้องไม่ได้ ล้วนแล้วเป็นสิ่งที่เรากำหนดขึ้นมาเองในสังคม ใช้คำต่างต่างๆในการนิยาม จำกัดความมองไม่เห็น จับต้องไม่ได้และก็ไม่รู้ว่ามันมีอยู่จริงรึเปล่า  เราคิดว่าพวกเค้าประสบความสำเร็จ มันประณีตที่เหลือเกินที่กลั่นกรองบทพวกนั้นจัดแจงให้เหมาะสม ทั้งจังหวะ ภาพ เสียง ถ่ายทอดออกมาแล้วทำให้เรารู้สึกตามได้ สัมผัสได้ 

อ้าวเฮ้ยยย ไปไหนไกลแระ สรุปว่าชอบๆ ถึงแม้ตอนแรกๆจะปูเรื่องนานไปซักนิด เข้าใจว่าเป็น SS แรกต้องเล่าเรื่องนานนิดนึง แต่ตอนหลังหยุดไม่ได้เลย รักกกกก (ถึงแม้ว่าจะยังรัก production และความ epic ของ GOTS มากกว่าอยู่ดี) แต่จริงๆเราไม่ค่อยชอบ theme พวก westworld แนวๆ cowboy แฮะ คือ location ทะเลทรายมันดูแห้งแล้ง มีแต่หิน ดิน ทราย รู้สึกได้ถึงไอความร้อน ความเหนียวเหน๊อะหน๊ะตัว กลิ่นเหงื่อ หรือลมที่พัดเม็ดทราย ดินทรายมาโดนตัว (เว่อร์มากกก) ไม่มีสีเขียวๆให้ชื่นใจเลย 55555 แต่นี่ก็รอคอย SS2 อย่างใจจดใจจ่อ

------These violent delights have violent ends.------