ร้อยฝันเกี่ยวใจ... มาใส่รัก บทที่ 6 ขวัญเอย... ขวัญชีวา... ขวัญพี่... อ๊ากกกก


“แฮบปี้เบิร์ธเดย์ทูยู หญิงขวัญคนสวย แต่ไม่สนขวย” ยิ่งยศมายืนดักรอที่ลานจอดรถใช้ ข.ไข่ แทน ค.ควาย อย่างทะลึ่งตามเคย



“ขอบคุณ”


“อูย ตอบเฉยชาจริงๆ ครบ 27 เป็นแน่แท้ เมียก็ไม่มี ผัวก็ไม่มา ขวัญชีวาขึ้นคานแน่เอย บอกแล้วว่าหมอยิ่งยศที่ยอดเยี่ยมเหนือชายไหนรออยู่ สนใจมั้ยจ๊ะ”


“โอ๊ย นี่แซวกันให้ดีๆ หน่อยได้มั้ย เลิกมาชีกอได้แล้ว ยังไงก็ไม่สนผู้ชาย”


“น่าๆ... นี่ของขวัญวันเกิด”


ยิ่งยศส่งหนังสือเล่มบางๆ ให้เล่มหนึ่ง เธอดูหน้าปกหนังสือแล้วทั้งขำทั้งแปลกใจ เพราะหนังสือชื่อ “ขวัญชีวา”


“เฮ้ย นี่ชื่อขวัญได้ขึ้นปกนิยายเอาตอนไหนวะ ต๊าย... ไอ้คนนี้เขียนด้วย”


“อ๊าว รู้จักตาหิ่งห้อยกลางวัน คนเขียนด้วยเหรอ” ยิ่งยศทำหน้างงๆ “ไอ้นี่มันฮ็อทขนาดทอมยังรู้จัก ?”


“เปล่า... รู้แต่ว่าตานี่เขียนแนวอย่างว่า เมื่อคืนยังอ่านเรื่องซิลเวียเลย มีแต่ฉากดื่มด่ำ แล้วนี่ชื่อขวัญจะกลายเป็นชื่อสาวเร่าร้อนอย่างนังซิลเวียมั้ยเนี่ย”  ขวัญชีวายังอุตส่าห์ถามลุ้นๆ


“ฝันไปเถอะ เล่มนี้มันเป็นกลอนธรรมดาเอ๊ง”


“อี๊ย กลอนเหรอ แล้วซื้อให้ทำไม เคยอ่านซะที่ไหน” เธอเปิดดูแล้วหน้าแหย “ขวัญเอย... ขวัญชีวา ขวัญพี่... อ้วกกก”


“ฮ่าๆ ผมก็ซื้อเพราะชื่อปก แต่อ่านแว่บๆ แล้วคิดว่าคนเขียนเขาหมายถึงชื่อลูกหมามากกว่า อืม ที่จริงผมรู้จักตาคนเขียนนี่นะ สมัยอยู่อเมริกา เคยชกหน้ามันคว่ำ จมูกแตกด้วย”


ขวัญชีวาดูผู้ชายที่เตี้ยกว่าตัวเองแล้วส่ายหน้า “ตาหิ่งห้อยมันสูง 150 ? หรือว่าหมอ-โกหกตั้งแต่เช้า ?” ขวัญชีวาขัดคอคนช่างโม้ และขอของขวัญเพิ่มเติม “และขอของขวัญเพิ่มอีกอย่างได้มั้ย ช่วยเลิกบอกชาวบ้านเสียทีว่าชอบขวัญ อายคนตายห่า นี่ถ้าไม่เห็นว่าแก่กว่าควรค่าแก่เคารพนับถือ มีได้ฟาดปากกันบ้างแล้ว”


“แหม ทำยังกะที่ผ่านมาเคารพกันนักงั้นแหละ” ยิ่งยศพึมพำหน้าแหยๆ  “ตามมาสี่ปี ไหงไม่ยอมใจอ่อนเลยวะ ยังงี้ผมต้องไปตัดอะไรๆ ออก เพื่อเอาใจหมอขวัญผู้ไม่สนขวย ?”


“หมอยิ่งยศ ระวังปาก !!!”


ขวัญชีวาเอาหนังสือฟาดไหล่ไล่ยิ่งยศ ยัดหนังสือลงกระเป๋า แล้วแยกหนีไปทำงาน เธอคงอ่านกลอนต่อไม่ลง แต่ก็ทำใจเก็บหนังสือไว้เหมือนกับบางครั้งจำต้องเก็บกรอบรูปที่ได้ตอนวันเกิดไว้ แม้จะไม่ได้ใช้มัน พอไปถึงห้องทำงาน บนโต๊ะส่วนตัวของเธอมี “ขวัญชีวา” มาวางซ้อนกันอยู่แล้วเจ็ดเล่ม แต่ละเล่มล้วนลงชื่อคนมอบให้ไว้หน้าปก


เธอวางเล่มที่เพิ่งได้มาจากยิ่งยศลงบนเจ็ดเล่มนั้นแล้วชี้ให้เจ้าหน้าที่ดู แกล้งทำเสียงวี๊ดว้าย


“เย้... หมอขวัญได้ครบแปดเล่มแล้ว พี่เยี่ยมดูสิๆ”


เยี่ยมรัตน์เปิดกระเป๋าอายๆ “เล่มที่เก้าอยู่นี่ค่ะ คือว่า... รู้แต่ว่าหมอขวัญชอบอ่านหนังสือ ไปเดินๆ ดู เห็นชื่อนี้เลยหยิบมา อิอิ ปกสวยน่ารักด้วย”


“เฮ่อ... สมัยนี้ผู้คนเขาซื้อหนังสือเพราะชื่อหน้าปกจริงๆ แฮะ”


ขวัญชีวาพิจารณาปกเป็นรูปวาดสีไม้รูปเด็กหญิงผมยุ่งๆ มีมงกุฏใบไม้ครอบบนหัว ใส่เสื้อแขนยาวสีขาว นุ่งกระโปรงสีเข้มพลิ้วลู่ตามแรงลมไปทิศทางเดียวกับทุ่งหญ้า มือข้างหนึ่งถือตะกร้าดอกไม้ อีกมือถือกิ่งไว้วาดไปด้านข้าง เธอยืนดูหนังสือพวกนั้นด้วยความงุนงงว่าจะทำยังไงกับมันดี


ระหว่างเริ่มทำงานไป ก็ได้หนังสือเพิ่มมาอีกสองเล่ม เป็นสิบเอ็ดเล่ม


“ต้องไปขอค่าลิขสิทธิ์ชื่อจากตาหิ่งห้อย แต่มันเห็นหน้า อาจเปลี่ยนชื่อหนังสือก็ได้”


ผู้ป่วยคนสุดท้ายเดินจากห้องไป ขวัญชีวายิ้มร่าบอกเยี่ยมรัตน์ “วันนี้ช่วงบ่ายจะโยนให้หมอสมภพ ว่าจะไปหาแม่หน่อย เผื่อได้ของขวัญวันเกิดที่กินได้”
ขวัญชีวาถอดเสื้อกาวไปแขวนไว้ แล้วล้างมืออีกครั้งเดินออกจากแผนกไป แต่ระหว่างแวะดูพัสดุเอกสารไปรษณีย์ ก็ได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่หน้าห้องทันตกรรมนินทาคนไข้รอบบ่ายแล้วหัวเราะกันสนุกสนาน


“ฮะแฮ่ม ว่างกันจริงนะ” เธอเตรียมฉะเจ้าหน้าที่


“อุ๊ย หมอขวัญมาพอดี ไม่ขำได้ไงล่ะคะ ก็นายคนนั้นโทรมานัดว่าจองคิวสิบโมง แต่พอถึงเวลากลับขอเลื่อนเองเฉย นี่เลยตกไปอยู่รอบบ่าย”


“อ้าว ทำไมล่ะ”


“คงกลัวมั้ง ฟันคุดน่ะ แล้วคุณหมอดูสิ... ว่ากลัวแค่ไหน พาพ่อแม่มาไม่พอ ยังหอบน้องหอบลูกเป็นโปลิโอมาให้กำลังใจด้วย อิอิ รอบบ่ายเจอหมอสมภพมือหนัก ตานี่ตายแน่ๆ”


“ไหน ดูหน่อย” ขวัญชีวาชักอยากเห็นหน้าขึ้นมา


“นั่นไงคะ คนที่มีรอยแผลเป็นบนจมูกน่ะ นังพวกนี้แอบกรี๊ดว่าหล่อดีเหมือนกัน เสียดายมีลูกแล้ว อิอิ อีกตั้งชั่วโมงกว่าจะได้พบหมอ”


 


 



“เฮ้ย !” ขวัญชีวาอุทานเมื่อเดินเข้าไปเห็นผู้ชายที่นั่งกุมแก้มชัดๆ “คุณเดช...!”


“คุณขวัญ...!” เดชมองหน้าเธองงๆ แล้วแนะนำพ่อแม่เสียงอู้อี้ “นี่พ่อแม่ผม นี่น้องสาว นี่น้องชาย”


เธอไหว้แม่เขาแล้วเหลือบดูพ่อผมสีอ่อนๆ อย่างแปลกใจ แล้วรับไหว้หนุ่มวัยรุ่นฝาแฝดสูงใหญ่หน้าเหมือนกันเด๊ะ และเด็กสาวหนีบไม้เท้าคนนั้นที่ตัวเล็กจนคนคิดว่าเป็นลูกเขา


“ปวดฟัน ! แล้ว... แล้วทำไมคุณไม่โทรหาขวัญล่ะ ก็เคยบอกว่าจะหาหมอสวยๆ ให้นี่นา”


“ก็ไม่มีเบอร์... คุณทำงานที่นี่เหรอ บ้านผมก็อยู่แถวนี้ ตกลงเรื่องรถจี๊พคุณจ่ายไปเยอะหรือเปล่า ผมว่าผมควรช่วยคุณนะ”


“อู๊ย ช่างมีน้ำใจจริงจริ๊ง คิดถูกจริงๆ ที่มาทักคุณเนี่ย” ขวัญชีวาชมทั้งหมั่นไส้แล้วถามเรื่องอาการเจ็บฟันต่อ “พูดเรื่องฟันก่อนเถอะ จะเอาไงเนี่ย ไปยกเลิกคิวทำไม ห๊า”


“เอ่อ...  มียากินโดยไม่ต้องพบหมอมั้ย คุณสั่งยาให้ผมหน่อยสิ” ท่าทางเดชเหมือนเด็กหกขวบ “ผมไม่อยากพบหมอ คุณก็รู้นี่”


“ไม่ได้ๆ เฮ่อ... แล้วเช้านี้เวรขวัญ คุณไม่เห็นชื่อหมอบ้างเหรอ ความจริงขวัญได้ตรวจให้เอง”


เธอก้มลงดูหน้าเขา แต่เขาก้มหน้าบ่น “ไม่ดู ไม่รู้ ไม่อยากพบหมอ”


น้องชายฝาแฝดหัวเราะ เดชยกเท้าเตะหน้าแข้งจนทั้งคู่หุบปากแต่ยังกระซิบล้อกัน ขวัญชีวาดูนาฬิกาข้อมือสลับหน้าผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้า แล้วหันไปดูพ่อแม่และน้องสาวขาลีบไม่เท่ากันสองข้างที่หนีบไม่เท้ามาด้วย


“มาๆ เดี๋ยวจัดการเอง”


เดชมองไปทางห้องตรวจอย่างหวั่นใจ “เอาแม่เข้าไปด้วยได้มั้ย”


“เฮ้ย ! คุณเป็นเอามาก... ” ขวัญชีวาอยากจะหัวเราะให้ลั่นโรงพยาบาล ที่ผู้ชายตัวหนายังกะยักษ์จะพาแม่เข้าห้องตรวจฟัน แต่เห็นแม่เขาที่ทำท่าจะตามลูกชายไปด้วยจริงแล้วขำไม่ออก “คุณลุงคุณป้าพาน้องๆ กลับก่อนดีกว่า เดี๋ยวขวัญไปส่งคุณเดชเอง... ค่ะ”


พ่อแม่เขามองเธองงๆ แต่ก็ยอมจากไป เจ้าตัวยังนั่งไม่ยอมลุก จนเธอต้องทึ้งแขนเสื้อเขา เจ้าหน้าที่หน้าห้องทันตกรรมพร้อมเพรียงกันยกมือเกาศีรษะด้วยความงง


“อ้าว ไม่ไปฉลองวันเกิดแล้วเหรอคะ” เยี่ยมรัตน์ทักขึ้น


“เจอเพื่อนมาตรวจฟันพอดี คงอีกนานกว่าหมอสมภพจะมา ขวัญขอตรวจตาคนนี้แทนแล้วกัน”


เดชดูเก้าอี้ทำฟันแล้วจะเดินออก เจ้าหน้าที่ยืนมองอย่างแปลกใจที่ขวัญชีวาไปลากแขนเสื้อเขากลับมาอีก


“เฮ้ย นั่งลง กลัวอะไรนักยะ” เธอตีไหล่เขาแรงเอาการ แล้วขู่หน้าเคร่ง “บ้วนปากตรงนี้ แล้วนอนลง อย่าเกร็ง เลื่อนตัวลงหน่อย อ้าปาก !”


ไม่ทันใช้อุปกรณ์ใดๆ แค่เปิดไฟส่องปากแว่บเดียวแล้วปิดทันที “ไปเอ็กซเรย์เลย ผ่าแน่ๆ”


“ไม่นะ !” เดชลุกขึ้นนั่งหน้าตาเคร่งเครียด “ไม่ผ่า ! เดี๋ยวมันก็งอกเอง คุณแกล้งผม ผมกลับละ”


“มาๆ มีลูกโป่งแจก”


ขวัญชีวาไม่สนหน้าตาของคนไข้จำเป็น ทั้งจูงทั้งลากไปจนถึงห้องเอกซเรย์ เจ้าหน้าที่ชายตัวสูงแค่บ่าพวกเขายืนมองด้วยความงุนงงที่ทันตแพทย์สาวจัดการเอกซเรย์ให้คนไข้เองเสร็จสรรพ


แต่ไม่มีลูกโป่งให้เขาจริงๆ และยังถูกลากอย่างไม่ปราณีมานั่งที่เก้าอี้หมอฟันอันตรายนั่นอีก


  


“คุณเห็นนี่มั้ย คุณโฟร์แมน ฟันคุณไม่สามารถงอกออกมาเองได้แน่นอน เพราะมันไม่ขึ้นในแนวตรง ฟันกรามซี่ในสุดของคุณมันนอนเอียงกะเทเร่ชนฟันกรามอีกซี่... ต้องผ่าออก”


เดชนั่งฟังขวัญชีวาอธิบายภาพเอ็กซเรย์น่ากลัวพวกนั้นแล้วพูดไม่ออก เขาดูแลฟันอย่างดีมาตั้งแต่เด็ก ทำไมฟันถึงได้นอนเอียง ขวัญชีวาพล่ามต่อเรื่องทับเส้นประสาทเจ็บปวด เขาหูอื้อจนฟังไม่รู้เรื่อง แต่เธอมาทำเขาปากสั่นอีกทีเมื่อได้ยินเธอบอกเจ้าหน้าที่เตรียมเครื่องมือแล้วบอกเขาหน้าตาเฉย


“ข้างบนถอน ข้างล่างผ่าล่ะ”


“เฮ้ย ทั้งสองซี่เลยเหรอ !?”


“แน่นอน มันคู่สบกัน เอาบนออกก็ต้องล่างออกด้วย ความจริงทำครั้งล่ะซี่ได้ แต่อย่างคุณแข็งแรงบึกบึน โคตรแมนอย่างนี้ ทำไปเลย จะได้ไม่เสียเวลา เอ... น่าจะสี่ซี่เลย เอามั้ย”


“ผมกลัว” เขาสารภาพ “ทำให้ผมสลบไปเลยได้ไหม !?”


แต่ขวัญชีวากลับไม่ตอบเขา ระหว่างรอเจ้าหน้าที่เตรียมเครื่องมือ ยังเอาหนังสือมาให้เขาดู


“วันนี้วันดี วันเกิดขวัญ คุณดูสิ ขวัญได้หนังสือเล่มเดียวกันสิบเอ็ดเล่ม”


“สุขสันต์วันเกิดครับ เฮ้ย...” เขาจ้องปกหนังสือด้วยความตะลึง “ขวัญชีวา ? ปกผิด !!!”


“พูดอะไรนะ !?”


เดชรีบปฏิเสธ “ปะ... เปล่า แต่ปกเป็นสาวนุ่งกระโปรงนี่ ถ้าเป็นคุณต้องนุ่งกางเกงสิ”


“นั่นสิ ขวัญก็ว่าไม่ใช่ขวัญ อิอิ”


แต่ครู่เดียวขวัญชีวาก็เลิกสนใจหนังสือนั่น ดึงไปจากมือเขาแล้วโยนไปบนโต๊ะข้างหลัง ปรับเก้าอี้ให้ศีรษะเขาอยู่ตรงตำแหน่งที่เธอต้องการ แล้วเลื่อนไฟส่องหน้า ปากยังพูดเรื่องลูกกระเดือกเขา


“เมื่อคืนอ่านนิยายนายหิ่งห้อยอะไรนั่นนะ ยัยนางเอกชื่อซิลเวียหลงรักพระเอกตั้งแต่เห็นลูกกระเดือกแน่ะ ขำจะตาย นี่ถ้ายัยซิลเวียมาเห็นคุณเข้ามันก็คงหนีตามคุณอีกคน อ่านค้างไว้หน้าร้อย เดี๋ยวต้องรีบกลับไปอ่าน ฮ่าฮ่า เขาว่าหลังๆ ฉากโรมานซ์เพียบ”



เขามั่นใจว่าถ้าขวัญชีวาอ่านนิยายนั่นจบและรู้ว่าทำไมซิลเวียชอบลูกกระเดือกของทอมมี่เธอห้าวหาญแค่ไหนก็คงไม่กล้ามาปาวๆ พูดเรื่องลูกกระเดือกต่อหน้าเขาแน่ๆ



แล้วความคิดเขาก็ชะงักชั่วคราว ความกลัวเข้ามาแทนที่เหมือนเดิมเมื่อไฟส่องหน้าถูกปรับสว่างจ้ากว่าขึ้น เจ้าหน้าที่ยกผ้าสีเขียวคลุมทับหน้าเขาเหลือเพียงช่องปาก เธอสั่งให้อ้าค้างไว้ แล้วคนสองคนก็แหย่อะไรต่ออะไรไม่รู้ยัดลงไปในปากเขา


“เดี๋ยวจะฉีดยาชา มันเจ็บเหมือนมดกัดหน่อยนึงนะ ถ้าเจ็บมากคุณยกมือ แต่อย่าดิ้นล่ะ เข็มหักคาเหงือก แล้วจะตายทั้งคนไข้ทั้งหมอ”


มันเจ็บแปล๊บเดียวจริงๆ หลังจากนั้นก็ชาไปทั้งปาก แต่ความรู้สึกและเสียงเครื่องดูดน้ำลาย และอุปรณ์บางชิ้นส่งเสียงเหมือนเครื่องเจียหินรัวเขาหู แก้มถูกจับเอียงไปมา ทำเอาเขากำมือแน่นโดยอัตโมัติจนเกือบกระโดดลุก



ขวัญชีวาสั่งเจ้าหน้าที่ทำโน่นทำนี่ด้วยศัพท์ที่เขาฟังไม่รู้เรื่องนัก แต่สักพักก็มีเสียงบุคคลที่สี่เดินเข้ามาในห้อง


“หญิงขวัญ ผมเข้าไปได้มั้ย”
“ได้ๆ ค่ะ คุณหมอสมภพ คนนี้ญาติขวัญเอง”
“อ้าว ญาติเหรอ ไหนข้างหน้าบอกว่าเพื่อน”
“แหะๆ ก็ทั้งสองอย่าง”
เสียงขวัญชีวาแก้ตัวชวนขำ


แล้วหมอสมภพคนนั้นก็มายืนดูฟันเขา
“ฟันแข็งแรงอย่างนี้ เวลาถอนทิ้งเสียดายเนอะ”
“คนนี้อายุ 32 ไม่เคยพบหมอฟันค่ะ”
“หา ! คุณหญิงขวัญชีวามีญาติเกิดบนดอยเหรอครับ”
“ฮ่าๆ ต้องถามเจ้าตัวเอง แล้ว... คุณหมอยังไม่ออกตรวจเหรอคะ”


“ก็เข้ามาดูว่าทำไมมาแย่งคนไข้เรา แต่ตัวยาวๆ แบบนี้เอาไปเถอะ ผมยกให้ ฮ่าๆ ล้อเล่นๆ แค่จะแวะมาบอกสุขสันต์วันเกิดเท่านั้นแหละ ผมไปละ”


หมอสมภพวาง “ขวัญชีวา” เล่มที่สิบสองไว้บนโต๊ะก่อนจากไป เยี่ยมรัตน์ขำก๊าก



แต่ไม่ไม่กี่นาทีเดชก็ได้ยินเสียงหนุ่มอีกคนเข้ามาอีก


“อ้าว คุณหญิงขวัญที่รัก นึกว่ากลับแล้ว นี่ไปกินข้าวบ้านกับกระผมมั้ย อยากเลี้ยงวันเกิดให้น่ะ ไปเหวยบ้านผมนะ คุณหญิง”


“วันนี้ไปกินไหนไม่ได้ ขออยู่กับแม่ แต่ไปได้ก็ไม่ไป อีหนูเต็มบ้านไม่ใช่เรอะ !”


“อีหนูที่ไหน ผมใฝ่ปองแต่หญิงขวัญเท่านั้น”


“แหวะ !”


เสียงแหวะหมอสาวทั้งน่ารักน่าชังและ ‘น่าถีบ’ จนเดชอยากเปิดผ้าปิดหน้าดู แต่ปากที่ถูกจองจำด้วยเครื่องมือ ทำให้ทำได้แค่แอบฟังเธอไล่เพื่อนหมอคนนั้นพร้อมแตะหัวไหล่เขาเบาๆ


“หมอ-uศจ๊ะ นี่ญาติขวัญนะที่ทำฟันอยู่ เกรงใจกันมั่ง ดูรองเท้าสิ ว่าใหญ่แค่ไหน เดี๋ยวให้ฟาดก้านคอเลย”


“อุ๊ย กลัวๆ งั้นกระผมไปแล้วขอรับ คุณชาย คุณหญิง”



เดชนอนคิดว่าเสียงภาษาไทยไม่ค่อยชัดของหมอคนนี้ช่างคุ้นเคย แต่ไม่แน่ใจ และมัวแต่สนใจเรื่องที่หมอชายสองคนพร้อมใจกันเรียกเธอว่าหญิงขวัญ หรือเพื่อแกล้งล้อๆ ให้เจ้าตัวรู้ซึ้งว่าตนเป็นผู้หญิง ? หมอคนหลังคงหายไปแล้ว เจ้าหน้าที่ถึงขำก๊ากออกมา


“คุณหมอยิ่งยศ แกจีบหมอขวัญมากี่ปี่แล้วเนี่ย สงสัยชอบจริงๆ อิอิ”


“ชอบบ้าน่ะสิพี่ ตานี่ตามขวัญมาตั้งแต่จบใหม่ๆ เฮ่อ... พวกหมอจบเมืองนอกนี่บ้าบอคอแตกทุกราย เรียนมากจนเพี้ยน แกไม่จีบขวัญเลยนะ แกขอเป็นแฟนเลย ตลกตาย”


“ต๊าย ช่างกล้า แล้วหมอขวัญไม่คิดว่าตัวเองอาจชอบผู้ชายมั่งเหรอ อิอิ”
“ไม่รู้แฮะ แล้วผู้หญิงเขารู้ตัวได้ไงล่ะพี่เยี่ยม ว่าเขาชอบใครยังไง”
“ก็เหมือนเวลาหมอขวัญชอบสาวๆ นั่นแหละค่ะ”
“อ้าว เหรอ ขวัญเห็นสวยๆ ก็ชอบทั้งนั้นนี่ แต่เห็นผู้ชายหล่อๆ แล้วเฉยๆ”
“อุ๊ย แสดงว่ายังไม่เจอที่หล่อถูกใจค่ะ อิอิ”


เขาเพลิดเพลินกับการนอนฟังเจ้าหน้าที่กับหมอสาวคุยกันจุกจิกจนเกือบลืมว่าตอนนี้ปากเขากำลังถูกทึ้งถูกตัดถูกถอนส่วนเกินออกไปจนเลือดโชก ลืมเรื่องว่าเคยกลัวห้องตรวจฟันขนาดไหน และเมื่อเมื่อยปากได้ที่ ทุกอย่างก็สิ้นสุดผ้าสีเขียวนั่นถูกดึงออก แล้วเจ้าหน้าที่เอาผ้าเย็นมาเช็ดรอบๆ ปากให้


“เสร็จแล้วลูกพี่ กัดสำลีไว้อีกสัก”


เขาลุกขึ้นนั่งตัวเบาเหวง แต่หนักลิ้น หนักริมฝีปากไม่รู้สึกอะไรจนน่าขำ เขาต้องคลำๆ ดูว่าปากเขายังอยู่ที่เดิมหรือเปล่า


“ไหนๆ คุณจ่ายหรือต้องเบิกค่ารักษายังไง” ขวัญชีวาเอาแฟ้มไปดู แล้วบันทึกอะไรบางอย่างลงไป เหลือบดูนามสกุลเขาอีกทีแล้วหัวเราะ พร้อมตาเบิ่งโตด้วยความแปลกใจ


“เฮ้ย !!! ไม่ยักรู้ว่าคุณเป็นฝรั่ง ? อุว้าว... นายเดช โธมัส ปีเตอร์สัน ! โอโห ช่างหรูหรา.... มีชื่อกลางกะเค้าด้วย เขายอมให้ตั้งรึ”



เดชเหลือบดูเจ้าหน้าที่ที่คงกำลังงงหนัก เพราะหมอสาวเพิ่งบอกใครๆ ว่าคนไข้เป็นญาติ แต่กลับเพิ่งเห็นนามสกุลเขา เขาอยากอธิบายเรื่องที่มาของนามสกุล แต่ปากขยับไม่ได้ จึงปล่อยให้เธอสมมติฐานเอง


“คุณมีเชื้อฝรั่งเหรอ ?”


เขาพยักหน้า ขวัญชีวาถึงเริ่มอือออ “เออ... ถึงว่า... หน้าตาคุณมันไม่ค่อยแบนแฮะ น้องชายกะพ่อคุณก็ออกฝรั่งเชียว โอเคๆ ค่อยพูด คุณไปนั่งรอข้างนอกนะ เดี๋ยวไปจัดการเอาหลักฐานกะเอายาให้ วันนี้บริการเพื่อนจากป่าดงเป็นพิเศษ”


เดชอยากยิ้มขอบคุณ แต่หามุมปากตัวเองไม่พบ จึงเดินออกจากห้องตรวจ แต่ไม่กล้านั่งที่เดิมเพราะอายเจ้าหน้าที่ทันตกรรมกลุ่มนั้น เลยเดินไปดูป้ายชื่อบุคลากรและตารางเวลาออกตรวจของทันตแพทย์แต่ละคน เขามองหารูปถ่ายขวัญชีวา


 


เขาจ้องจนหน้าเกือบชิดถึงกระจกกั้นบอร์ด อ้าปากค้างทั้งที่ยกปากแทบไม่ได้



“ทพญ.มรว.ขวัญชีวา ภานุกุลรังษิยา !!!”


เดชคิดถึงเอนก ผู้ช่วยเขาขึ้นมามากกว่าใคร เอนกคงขำจนกรามค้างหากรู้ว่านอกจากขวัญชีวาเป็นทอม เรียนสูงกว่า และมีการงานสูงเกียรติกว่าเขาแล้ว ตอนนี้ยิ่งห่างไปอีกเพราะเธอเป็นถึงหม่อมราชวงศ์ หม่อมราชวงศ์เป็นลูกหม่อมเจ้า ! หม่อมเจ้าที่ไหนจะมีลูกเขยเป็นกรรมกร


“ดูอะไร ?”
ขวัญชีวายื่นเอกสารให้เขาแล้วจ้องป้ายนั่นด้วย เขาชี้ตรงคำว่าหม่อมราชวงศ์ใต้รูปเธอให้ดู


“อย่ามัวแต่ตะลึงสิ รู้แล้วก็... คุกเข่าลงสิยะ” ขวัญชีวาชี้นิ้วสั่ง ก่อนขำก๊าก “ ฮ่าๆ ล้อเล่นๆ คุณไม่ต้องคุกเข่าลงกราบหรอก มันไม่มีอะไรพิเศษเลย มันแค่เส้นด้ายผูกมือเราไว้ตั้งแต่เกิด แล้วผู้คนรอบตัวเราพยายามเอามันไปยึดติดกับบางสิ่งบางอย่างให้เราอึดอัด ขวัญอยากให้โรงพยาบาลเอาออกแต่ฝ่ายการเจ้าหน้าที่เขาไม่ยอมเอง หึหึ เลยเป็นที่คนรู้กันทั้งเมืองว่าขวัญเป็นลูกเมียน้อยน่ะ ฮ่าๆ”



ท่าทางเธอไม่ภูมิใจเอาเสียเลย เขาพยายามพูดเรื่องอื่นทั้งที่ขยับปากได้ข้างเดียว คนแบบเขาไม่ควรให้หม่อมราชวงศ์หญิงที่ไหนไปส่งถึงบ้าน ไม่ว่าจะทอมหรือสาวแท้ ไม่ว่าลูกเมียน้อยหรือเมียหลวง


“ผะ... ผม... กลับแท็กซี่เองได้”


และคงฟังคำว่าแท็กซี่ออก “อ้าว รังเกียจลูกเมียน้อยเรอะ ? บอกว่าไปส่งก็ไปส่งน่า นี่เลิกงานแล้ว ไหนว่าบ้านคุณอยู่แถวนี้ไง”


เขาเลยจำใจยอมให้เธอเดินนำ แล้วตัวเองเดินตาม ไม่หาญกล้าเดินเคียงคุณหญิงขวัญชีวาอีกแล้ว เธอขับรถคันสีขาวออกปี พ.ศ. เดียวกับของเขา แต่ต่างกันที่ราคารถเธอซื้อรถเขาได้สามคัน เธอคงอ่านสายตาออกและรู้ว่าเขาคิดอะไร


“พ่อให้ตอนรับปริญญาน่ะ ที่จริงไม่อยากได้ แต่ตอนนั้นจีบสาวไฮโซเลยต้องหวานอมขมกลืนรับมา ฮ่าๆ”


เสียง ‘คุณหญิง’ หัวเราะอย่างไร้จริตและท่วงทำนองไม่ต่างจากตอนอยู่ป่าเขา เลยทำให้ความประหม่าหายไปในกะพริบตา แต่เอนกมาได้ยินอีกเรื่องมันก็ต้องขำกลิ้งอีกรอบเมื่อเธอชี้คอนโดฯ หรูหรา ผลงานบลูเอิร์ธ


“นั่นไง ขวัญอยู่นั่น ชั้นสิบแปด”


ปากเขาเริ่มขยับได้บ้าง ก็อยากอวดผลงาน “ผม... คุมงานก่อสร้างที่นั่นด้วย”


พูดไปสองครั้งกว่าเธอจะเข้าใจ “เหรอ เจ๋งๆ บลูเอิร์ธออกแบบมาเยี่ยม ข้างในมีทุกอย่าง แต่ขวัญอยู่มาสามปี ยังไม่เคยเดินทั่วเลย พอว่างก็ออกต่างจังหวัดทันที ถ้าไม่ติดแม่ป่านนี้ย้ายไปอยู่โรงพยาบาลต่างจังหวัดแล้ว”


แล้วเธอก็ชี้ให้ดูร้านอาหารเช้าระดับคนมีอันจะกินหน่อยให้ดู
 
“แล้วนี่ก็ร้านอาหารเช้าเรา ปากท้องมื้อเช้าอยู่ที่นี่ ตั้งแต่เรียนจบ”


ถ้าเขาบอกว่าเขาเดินเข้าออกร้านนี้มาตั้งแต่เด็ก เพราะแม่เขาทำขนมเค้กส่งร้านนี้ด้วย เธอคงได้หัวเราะอีกแน่ๆ แต่เป็นเรื่องน่าแปลกใจจริงๆ ที่เขากับเธออยู่ใกล้กันนิดเดียว กลับไปเจอกันที่ความสูงเหนือระดับน้ำทะเลเกือบพันกิโลเมตร บนเกาะที่ต้องนั่งเครื่องบินข้ามน้ำข้ามทะเลไป


เขาได้แต่แอบยิ้ม แล้วชี้ให้เธอเลี้ยวรถไปออกถนนแล้วเข้าซอยบ้านเขา


“โอ้โห บ้านกรรมกรไหงหลังใหญ่เชียว คำนวณอิฐก่อสร้างผิดบ่อยจนเหลือบานเบอะแล้วเอามาต่อบ้านเองหรือเปล่า ฮ่าๆ”


เธอเดาถูกไม่น้อย แต่เขาไม่ยอมรับ “ขอบคุณครับ ถึงแล้วครับ”


“อึ๋งแอ้วเอ๋อ มิสเตอร์ปีเตอร์สัน”


เธอทำเสียงล้อเขา ก่อนเขาจะลงเธอแนะนำเรื่องยาและการรักษาแผลผ่าและถอนฟันให้ฟังยาวเหยียด แล้วจบที่สั่งว่าให้ไปตามนัดอีกครั้งภายในสองอาทิตย์ และมีอะไรโทรไปปรึกษาได้ เขาก็รอว่าเธอจะยื่นนามบัตรให้ แต่เธอกลับมองงงๆ


“เฮ้ย ทำไมไม่ลงล่ะ จะไปฉลองวันเกิดกันเรอะ ไว้วันอื่นเถอะ วันนี้คุณยังดื่มกินไม่สะดวก”


เขาส่ายหน้า พยายามพูด “ขอ... นามบัตร”


“อะไร อาม-หมัด ?”


เขาเลยต้องทำท่าโทรศัพท์ เธอถึงเข้าใจ


“เออ โทษที ฮ่าๆ ก็ไม่เคยแจกเบอร์ผู้ชายนี่หว่า คุณน่ะผิดเองที่ไม่ขอนามบัตรขวัญก่อน”


เมื่อเธอหยิบกล่องนามบัตรออกจากลิ้นชัก เขาเลยเอากล่องนามบัตรมาถือเอง หยิบขึ้นมาทีเดียวสามอัน


ส่วนเธอเอื้อมหยิบ ‘ขวัญชีวา’ ให้เขาเล่มหนึ่ง


“เอานี่ไปอ่านสิ ได้มาตั้งโหล ขวัญไม่อ่านกลอน เดาว่าคุณก็ไม่น่าจะอ่านเป็น ฮ่าๆ ฝากให้น้องสาวคุณแล้วกัน พวกวัยรุ่นน่าจะชอบ”


“คุณไม่อ่านจริงเหรอ... ครับ”


เธอส่ายหน้าจริงจัง เขาเซ็งไปเล็กน้อยเมื่อรับหนังสือมา “ขอบคุณครับ สุขสันต์วันเกิดครับ”


แล้วหิ้วถุงยาและหนีบหนังสือกับเอกสารลง แต่ดูเธอยังคาใจเรื่องนามสกุลเขา


“เดี๋ยวๆ แบบว่าอยากรู้เรื่องชาวบ้านน่ะ ตกลงคุณมีเชื้อฝรั่งจริงเหรอ”


“ปู่ผมเป็นอเมริกัน ชื่อ โธมัส ปีเตอร์สัน”


ขวัญชีวาพยักหน้าขึ้นลงจริงจัง “โอ๊ว ไอซี คุณเป็นลูกเสี้ยวนี่เอง ถึงว่า... สำเนียงภาษาอังกฤษคุณมันเจ๋งกว่าเราหลายเท่านัก”


“ผมสนิทกับปู่น่ะ แต่น้องๆ ผมเนี่ยนามสกุลฝรั่งเหมือนกันแต่ตกภาษาอังกฤษทั้งนั้น”


ขวัญชีวาขำก๊ากออกมา จนเขาต้องหัวเราะตามอีกที


เขาปิดประตูรถยืนดูจนรถเธอลับหายไป เดินเข้าบ้านตัวลอย น้องสาวเขาหนีบไม้เท้าก๊อกแก๊กเข้ามาดูหน้าเขาอย่างตื่นเต้น


“พี่เดชผ่าฟันคุดแล้วเหรอ เก่งจัง”


เขาพยักหน้าภูมิใจเหมือนฮีโร่เดนตายกลับจากสงคราม “ใช่แล้ว ดารา นี่ยังชาๆ อยู่เลย”


ดาราคงฟังไม่รู้เรื่องเท่าไหร่ได้แต่หัวเราะ เขาไม่ยกหนังสือให้น้องสาว วิ่งไปคายผ้ากอซห่อสำลีออกแล้วอ้าปากดูแผล เลือดคงหยุดไหลแล้ว แผลดูไม่น่าสยองอย่างที่คิด ยาชาอาจเริ่มหมดฤทธิ์เขาเริ่มหนึบๆ แต่ดีกว่าการไร้ความรู้สึกบริเวณลิ้นกับริมฝีปาก เพราะช่างน่ากลัว น้องยื่นยาม็ดให้ แล้วเริ่มชวนคุย


“พี่หมอคนนั้นสวยจังค่ะพี่ หน้าตาผู้ดีผู้ดี๊ แต่ท่าทางออกห้าวโหดๆ แฮะ แม่บอกว่ามือแข็งแรงแต่รูปทรงสวย หมอแกมือหนักมั้ยคะ พี่เดชไปรู้จักเอาตอนไหน พี่ไปทำห้องน้ำบ้านเขามาเหรอคะ อิอิ”


คำถามยืดยาวน่าฟังถ้าไม่ติดตรงคำทักหลังสุดทำเอาพี่ชายท้อแท้ แต่ตื่นเต้นเมื่อดาราชมว่าขวัญชีวาสวย เขาก็ว่าสวยจนแทบผิดเป็นคนละคนกับตอนอยู่บนป่าเขา อยากให้พวกคนงานมาเห็นว่าจะพากันตาค้างแค่ไหน


น้องสาวเขาเริ่มลุ้น “พี่เดชจีบสิ”


“ดาราเอ๊ย... คุณหมอเป็นทอม เขาชอบผู้หญิง”


แต่ดารากลับคิดอีกแบบ “ทอมนั่นแหละยิ่งดี พี่ไม่มีคู่แข่ง ผู้ชายอื่นๆ คงไม่มองทอม พี่ก็จีบทอมแข่งกะผู้หญิง พี่น่าจะเป็นต่อนี่”


ปากเขาเริ่มทำงานได้คล่องขึ้น แต่อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมขวัญชีวาแต่งตัวเหมือนผู้หญิง ถ้าไม่เพราะสำนวนห้วนๆ ห้าวๆ ไร้หางเสียง เขาต้องคิดว่าเธออาจเป็นหญิงแท้ก็ได้


“ขอบใจๆ” เขาขยี้ผมน้องสาว ถามถึงน้องชายฝาแฝด “เมฆกับหมอกไปไหน ?”


“ตามไปช่วยพ่อทำงาน”
“งั้นพี่ไปนอนนะ หมอขวัญบอกให้นอนเยอะๆ อิอิ”


แต่เขาหยิบหนังสือมาดูแล้วลุกไปโทรหาใครบางคนก่อน


“พี่ครับผมเห็นหนังสือแล้ว ทำไมปกเป็นเด็กผู้หญิงหวานแหววล่ะ”


“ก็กลอนเราหวาน ลองทำปกตามแนวคิดเดชแล้ว มันออกมาเหมือนหนังสือชายบอกรักชายยังไม่รู้ พี่เลยให้เปลี่ยนเป็นนุ่งกระโปรง โทษทีนะจ๊ะ ไม่ชอบเหรอ”


“ก็น่ารักดีครับ แล้วทำไมพิมพ์ออกเร็วจัง ปกติเล่มอื่นตั้งห้าหกเดือน อันนี้สามเดือนเอง”


“ก็มันเล็กๆ บางๆ ว่าน่าจะโดนใจขายได้ก็ลุยเลย ออ นังซิลเวียจะโดนตีพิมพ์ครั้งที่สี่นะ เขียนอีกสิ เอาแนวหื่นๆ นี่แหละ ฮ่าๆ”



โปรดติดตามตอนต่อไป อาทิตย์หน้าค่ะ




 

Create Date : 14 กันยายน 2553
2 comments
Last Update : 14 กันยายน 2553 16:04:36 น.
Counter : 507 Pageviews.

 

พระเอกเป็นนักเขียน*0*

นางเอกเป็นทอม


55555

 

โดย: Dewii IP: 58.8.238.193 14 กันยายน 2553 19:45:26 น.  

 

love it, love it...
come again soon naka

 

โดย: Olathe IP: 71.199.69.216 15 กันยายน 2553 8:24:32 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ปลายเดือน กันยา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




นามปากกา ปลายเดือน กันยา
นิเทศศาสตร์ มสธ.

เขียนไปเรื่อยๆ เรื่องจริง เรื่องโกหก เขียนได้หมด
อ่านไปเรื่อยๆ เรื่องชาวบ้าน เรื่องจริง เรื่องโกหก ชอบหมด

อยู่ไปเรื่อยๆ ด้วย
Group Blog
 
<<
กันยายน 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
14 กันยายน 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ปลายเดือน กันยา's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.