เตือนอันตรายสังคมก้มหน้า ส่งผลต่อสุขภาพตา

รศ.นพ.นริศ กิจนรงค์ ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ผู้อำนวยการทางวิทยาศาสตร์งาน ชมรมต้อหินแห่งประเทศไทย และเลขาธิการวิทยาศาสตร์งาน ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย ได้กล่าวในงานเสวนาสุขภาพ "ภัยร้ายสังคมก้มหน้า อาจถึงขั้นตาบอดได้ข้อควรระวังการใช้คอมพิวเตอร์ แทบเล็ต สมาร์ทโฟนในเด็ก" ซึ่งจัดโดย Dr.Eyes Flim by Vox ให้แก่ผู้ร่วมชมงาน Thailand Mobile Expo 2014 ได้กระหนักถึงความสำคัญของสุขภาพตา ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิต์ ห้อง Auditorium





เตือนอันตรายสังคมก้มหน้าส่งผลต่อสุขภาพตา









© กรุงเทพธุรกิจ
เตือนอันตรายสังคมก้มหน้าส่งผลต่อสุขภาพตา


รศ.นพ. นริศกล่าวว่า เนื่องจากในปัจจุบันมีผู้ป่วยที่มีปัญหาดวงตามากกว่า 80 % สาเหตุหลักน่าจะมาจากพฤติกรรมการใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ทั้งสมาร์ทโฟนและแทปเล็ตที่เพิ่มขึ้น ซึ่งไม่ใช่แต่เพียงในวัยทำงาน แม้แต่ในวัยเด็กและผู้สูงอายุก็ยังนิยมสังคมก้มหน้า ซึ่งการจ้องเพ่งมองนาน ๆ จะทำให้ตาแห้งและกระพริบตาน้อยลง แสบตา การมองเห็นเริ่มผิดปรกติเห็นภาพซ้อน มองไม่ชัด กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง เป็นอาการเริ่มต้นของโรคคอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดม และจอประสาทตาเสื่อม จึงไม่ควรควรจ้องมอง

ในประเทศญี่ปุ่นได้มีการศึกษาพบว่า ผู้ที่ใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ในแต่วันเป็นเวลานาน ๆ หลายชั่วโมงติดต่อกัน มีความเสี่ยงในการเกิดคอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดม แล้วยังมีความสัมพันธ์กับจำนวนการเกิดต้อหินในการประชากรที่เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งหากวินิจฉัยและรักษาช้าเกินไปจะทำให้สูญเสียการมองเห็นถาวร

ประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดา จึงได้มีการประกาศเตือนผู้ปกครอง ในเด็กเล็กแรกเกิดถึง 2 ปี ให้งดใช้เพราะจะส่งผลต่อการเจริญเติบโตของสมอง ทำให้การเรียนรู้ช้าลง และในเด็กที่อายุน้อยกว่า 12 ปี ควรหลีกเลี่ยงการใช้งาน เพราะจะทำให้เด็กสมาธิสั้น การเคลื่อนไหวน้อยเด็กจะนั่งนิ่ง ๆ จนกลายเป็นโรคอ้วนและโรคอื่น ๆ ตามมา ไม่ควรจ้องมองสมาร์ทโฟนในบริเวณที่มีเสียงน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ควรปิดไฟนอนแล้วเล่นสมาร์โฟน จะทำให้ตาบอด ผู้ปกครองจึงควรระมัดระวัง

"ควรพักสายตาทุก 15 นาที หากต้องใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานเกินไป ใช้ระยะเวลาให้เหมาะสม ควรพักทุก 1-2 ชั่วโมง เปลี่ยนอิริยบทไปทำกิจกรรมอย่างอื่นบ้าง ซึ่งการพักสายตาที่ดีที่สุดคือการนอน แต่ถ้าไม่สามารถนอนได้ ให้มองไปไกลๆ  หรือพื้นที่สีเขียว เช่น ต้นไม้ เพื่อลดการเพ่งของสายตา ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ประเภทผักผลไม้ที่มีสีเหลืองส้มจะช่วยบำรุงสายตาได้ ซึ่งคนไทยมากกว่า 50 % เป็นโรคเกี่ยวดวงตา จึงอยากแนะนำให้ผู้ที่อายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไปควรตรวจสุขภาพตาทุก ๆ 1-2 ปี" รศ. นพ. นริศกล่าวไว้ในช่วงท้ายของการเสวนา




Create Date : 02 ตุลาคม 2557
Last Update : 2 ตุลาคม 2557 20:01:57 น.
Counter : 2742 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

underhil
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ตุลาคม 2557

 
 
 
1
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
18
19
20
21
22
24
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog