Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
9 ตุลาคม 2554
 
All Blogs
 
จาก..ไพร่..สู่..เจ้า ของพระเพทราชา...!

.


สมเด็จพระเพทราชา แต่เดิมเป็นสามัญชนชื่อว่า "ทองคำ" เป็นชาวพลูหลวง แขวงเมืองสุพรรณบุรี ประสูติเมื่อ พ.ศ.๒๑๗๕(บางแห่งว่า พ.ศ.๒๑๗๐) จุลศักราช ๙๙๔ จัตวาศก ปีเดียวกับ สมเด็จพระนารายณ์ และทรงเป็นพระสหายกับสมเด็จพระนารายณ์มาตั้งแต่เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ เนื่องจากพระมารดาของพระองค์เป็นพระนมโทในสมเด็จพระนารายณ์

ในตอนต้นรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์ สมเด็จพระเพทราชามีตำแหน่งเป็นจางวางกรมช้างมีความชำนาญในศิลปศาสตร์การบังคับช้างและมีฝีมือในการสงคราม เคยได้รับความชอบจากสมเด็จพระนารายณ์หลายครั้ง มีครั้งหนึ่งสมเด็จพระนารายณ์ทรงยกทัพไปตีเมืองเชียงใหม่ สมเด็จพระเพทราชาหรือจางวางกรมช้างในขณะนั้นได้ตามเสด็จไปทำศึกด้วย

การศึกในครั้งนั้นสมเด็จพระนารายณ์ตีได้เมืองเชียงใหม่และได้มีสัมพันธ์กับราชธิดาเจ้าเมืองเชียงใหม่องค์หนึ่งจนตั้งครรภ์ แต่พระองค์ทรงคิดละอายที่จะรับราชธิดาเจ้าเมืองเชียงใหม่ไว้เป็นพระสนม เนื่องจากในเวลานั้นยังถือว่าเมืองเชียงใหม่เป็นพวกเดียวกับเมืองลาวและยังเป็นที่ดูถูกว่าต่ำต้อยจึงทรงยกนางนั้นให้กับจางวางกรมช้าง เมื่อเดินทัพกลับจากเมืองเชียงใหม่มาถึงเมืองพิษณุโลก ตำบลโพธิ์ประทับช้างจังหวัดพิจิตรในปัจจุบัน ราชธิดาองค์นั้นได้คลอดบุตรออกมาเป็นเพศชายตั้งชื่อให้ว่า “เดื่อ” ซึ่งก็คือหลวงสรศักดิ์(ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์) สมเด็จลูกยาเธอกรมพระราชวังบวร(ในรัชสมัยสมเด็จพระเพทราชา) หรือ สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ ๘ (พระเจ้าเสือ)เมื่อทรงขึ้นครองราชต่อจากสมเด็จพระเพทราชานั่นเอง

จากการศึกษาประวัติศาสตร์จากพงศาวดารต่างๆจะเห็นได้ว่าปลายรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์ ได้มีฝรั่งต่างชาติเข้ามาติดต่อค้าขายและเข้ามาอาศัยอยู่ในกรุงศรีอยุธยาจำนวนมาก หนึ่งในชาวต่างชาติที่คนไทยรู้จักดีก็คือชาวกรีกผู้ภักดีต่อฝรั่งเศสที่ชื่อ เจ้าพระยาวิไชเยนทร์ (ฟอลคอน หรือเยการี) สามีของ ท้าวทองกีบม้า(มารี เดอ กีมาร์) ลูกผสมญี่ปุ่น - โปรตุเกส ต้นตำรับขนมหวาน ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง และขนมหม้อแกงของไทย สมเด็จพระนารายณ์ทรงโปรดเจ้าพระยาวิไชเยนทร์ เนื่องจากเป็นผู้ที่มีความสามารถและได้ทำประโยชน์ให้แก่ราชการเป็นอันมาก



ภาพสมเด็จพระนารายณ์ ฝีมือศิลปินฝรั่งเศส


แต่การกระทำหลายอย่างของเจ้าพระยาวิไชเยนทร์ สร้างความไม่พอใจให้กับเสนาบดีกลาโหม(สมเด็จพระเพทราชาได้รับตำแหน่งนี้ต่อจากโกษาเหล็ก)และหลวงสรศักดิ์เป็นอันมาก เนื่องจากเจ้าพระยาวิไชเยนทร์พยายามจะโน้มน้าวสมเด็จพระนารายณ์ให้เปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์ อีกทั้งคริสเตียนชาวกรีกผู้นี้ได้กระทำการหมิ่นน้ำใจชาวพุทธหลายครั้ง เช่น จัดการสึกภิกษุสามเณรให้ลาสิกขาออกมารับราชการโดยไม่สมัครใจ เป็นต้น สมเด็จพระนารายณ์ก็ทรงโอนอ่อนตามเจ้าพระยาวิไชเยนทร์ในหลายเรื่อง ทำให้พุทธศาสนิกชนอย่างเสนาบดีกลาโหมและหลวง สรศักดิ์รู้สึกโกรธเคืองในตัวชาวกรีกผู้นี้ยิ่งนัก

อีกทั้งมีความระแวงว่าเจ้าพระยาวิไชเยนทร์จะนำทหารฝรั่งเศสเข้ายึดกรุงศรีอยุธยา เนื่องจากในเวลานั้นสมเด็จพระนารายณ์ทรงพระประชวรอย่างหนัก

เสนาบดีกลาโหมและหลวงสรศักดิ์จึงก่อการยึดอำนาจจากสมเด็จพระนารายณ์และได้ประหารเจ้าพระยาวิไชเยนทร์รวมทั้งผู้อยู่ในข่ายที่จะได้สืบราชสมบัติต่อจากสมเด็จพระนารายณ์คือ เจ้าฟ้าอภัยทศ เจ้าฟ้าน้อย(พระอนุชาของสมเด็จพระนารายณ์) และพระปีย์(พระโอรสบุญธรรม)เสีย เมื่อสมเด็จพระนารายณ์ทรงทราบอาการประชวรก็เพียบหนักขึ้นและสวรรคตในเวลาต่อมา เมื่อสมเด็จพระนารายณ์สวรรคต เสนาบดีกลาโหมจึงปราบดาภิเษกขึ้นเป็นสมเด็จพระเพทราชา ครองราชสมบัติสืบต่อจากสมเด็จพระนารายณ์ นับเป็นกษัตริย์องค์ที่ ๒๘ แห่งกรุงศรีอยุธยา(ไม่นับรัชกาลขุนวรวงษาธิราช) ส่วนหลวงสรศักดิ์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสมเด็จลูกยาเธอกรมพระราชวังบวร

สมเด็จพระเพทราชาทรงขึ้นครองราชเมื่อปี พ.ศ.๒๒๓๑ จุลศักราช ๑๐๕๐ ขณะพระชน-มายุ ๕๖ พรรษา(บางแห่งว่า ๖๑) เมื่อขึ้นครองราชพระองค์ได้ทรงแต่งตั้งกรมหลวงโยธาทิพพระภคินีของสมเด็จพระนารายณ์ให้เป็นพระมเหสีฝ่ายขวา ซึ่งต่อมาได้ให้กำเนิดพระโอรสพระองค์หนึ่งคือ “เจ้าพระขวัญ” และแต่งตั้งกรมหลวงโยธาเทพ พระธิดาองค์เดียวของสมเด็จพระนารายณ์เป็นพระมเหสีฝ่ายซ้าย ซึ่งต่อมาได้ให้กำเนิดพระโอรสพระองค์หนึ่งคือ “ตรัสน้อย”

ในรัชสมัยของสมเด็จพระเพทราชาได้เกิดกบฎขึ้นหลายครั้ง อีกทั้งเกิดปัญหาหัวเมืองใหญ่อย่างเมืองนครราชสีมาและเมืองนครศรีธรรมราชซึ่งได้รับการสถาปนาจากสมเด็จพระนารายณ์ไม่ยอมรับพระราชอำนาจของพระองค์ เนื่องจากมองว่าพระองค์เป็นผู้แย่งชิงราชสมบัติจากสมเด็จพระนารายณ์ ในเวลานั้นชาวฝรั่งเศส นักสอนศาสนาคริสต์ และชาวต่างชาติบางกลุ่มถูกเนรเทศให้กลับประเทศ ส่วนพระพุทธศาสนาได้รับการทำนุบำรุงเป็นอันมาก

สมเด็จพระเพทราชาทรงครองราชสมบัติเป็นเวลาถึง ๑๕ ปี ก่อนที่จะทรงพระประชวรอย่างหนัก ระหว่างที่พระองค์ทรงพระประชวรอยู่นั้นได้เกิดปัญหาในการสืบราชสมบัติขึ้น ซึ่งผู้ที่มีสิทธิ์ในการสืบราชสมบัติต่อจากพระองค์คือเจ้าพระขวัญและตรัสน้อยพระราชโอรสแท้ๆของพระองค์ แต่เจ้าพระขวัญถูกกรมพระราชวังบวร(พระเจ้าเสือ)ลอบประหาร ตรัสน้อยทรงหนีไปบวชพระ เมื่อสมเด็จพระเพทราชาทรงทราบก็ทรงรีบตั้งพระราชนัดดาคือ “เจ้าพระยาพิไชยสุรินทร์” ให้สืบราชสมบัติต่อจากพระองค์ แต่เมื่อพระองค์สวรรคต(พ.ศ.๒๒๔๖)เจ้าพระยาพิไชยสุรินทร์ไม่กล้าปราบดาภิเษกขึ้นครองราชด้วยเกรงบารมีของกรมพระราชวังบวรและได้ขอให้กรมพระราชวังบวรขึ้นครองราชแทน กรมพระราชวังบวรจึงปราบดาภิเษกขึ้นเป็น สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ ๘ (พระเจ้าเสือ) ครองราชสมบัติสืบต่อจากสมเด็จพระเพทราชา เป็นกษัตริย์องค์ที่ ๒๙ แห่งกรุงศรีอยุธยา เป็นอันสิ้นสุดรัชสมัยของสมเด็จพระเพทราชา

//www.reincarnation.tk
...............................



พงศาวดารในเรื่องที่เกิดขบถขึ้นในเมืองไทย เมื่อปี ค.ศ.๑๖๘๘ (พ.ศ.๒๒๓๑) ซึ่งเป็นปีที่เกิดขบถในเมืองอังกฤษนั้น เป็นเรื่องที่ได้เล่ากันมาหลายครั้งหลายหนแล้ว จึงไม่จำเป็นจะต้องกล่าวโดยยืดยาวในที่นี้ เพราะฉะนั้น ในสมุดเล่มนี้เราจะได้กล่าวแต่เฉพาะเหตุที่สำคัญๆและข้อใดที่ผู้แต่งพงศาวดารเรื่องเมืองไทย ได้แต่งไว้โดยกล่าวความไม่ตรงกับความจริง หรือที่ผิดเพี้ยนไปนั้น เราจะได้แก้ไขเป็นบางแห่ง ให้ตรงกับความที่เป็นความจริง โดยได้ตรวจสอบกับจดหมายเหตุต่างๆ อันได้รักษาไว้ในหอสมุดของ กอลอนี

อีกประการ ๑ ถ้าจะจักเว้นไม่กล่าวถึง เรื่องที่กองทหารราบฝรั่งเศสต้องสู้รบกับไทยแล้ว การขบถในเมืองไทยคราวนี้ ก็ไม่ผิดแปลกกับการขบถทั้งหลาย ซึ่งเคยมีในฝ่ายทิศตะวันออกเลย เพราะอะไร ๆ ก็เหมือนกันทั้งสิ้น คือการชิงราชสมบัติ การลงโทษด้วยจารีตนครบาล การฆ่าฟันกันล้มตาย การเปลี่ยนผู้ปกครอง คือคนเก่าก็ดุร้ายวางอำนาจ คนใหม่ก็ดุร้ายวางอำนาจ การเหล่านี้ก็มีเหมือนกันทุกคราวที่เกิดขบถ และการขบถในเมืองไทยครั้งนี้ ก็เหมือนกันทุกคราวที่เกิดขบถ

ในเวลานั้น มีข้าราชการคน ๑ ซึ่งเป็นคนโปรดของพระนารายณ์ มียศถึงออกพระ ซึ่งบาดหลวงเบอร์บลังผู้เห็นการขบถด้วยตาของตนเอง และเป็นคนรักอันสนิทของฟอลคอนกล่าวว่า

"เป็นคนมีชาติกำเนิดสมควรที่จะแจวเรือยิ่งกว่าจะครองราชสมบัติ"

การที่ข้าราชการผู้นี้ได้รับยศและตำแหน่งสูงถึงเพียงนี้ ก็ประกอบด้วยความเคราะห์ดี และความฉลาดเฉลียวของตัว ด้วยมารดาของข้าราชการผู้นี้ ได้เคยเป็นพระนมของสมเด็จพระนารายณ์ และตัวของตัวเองก็ได้อยู่ในพระราชวัง ได้ทำการประจบประแจงหลายพันอย่าง สมเด็จพระนารายณ์จึงได้โปรดปรานนัก จนถึงกับห่างพระองค์ไปไม่ได้ ข้าราชการผู้นี้มีชื่อว่า พระเพทราชา

เวลานั้น สมเด็จพระนารายณ์มีพระราชอนุชาสองพระองค์ พระราชอนุชาสองพระองค์นี้ได้คิดมักใหญ่ใผ่สูงอยู่ ทั้งความประพฤติก็เลวทรามอย่างที่สุด แต่พระเพทราชาทราบในความคิดอันทุจริตของพระอนุชาทั้งสองนี้ จึงได้ทราบทูลยุแหย่สมเด็จพระนารายณ์ จนสมเด็จพระนารายณ์ทรงเกลียดชังพระอนุชา จึงได้มีสับสั่งให้เอาสมเด็จพระอนุชามาลงพระราชอาญา และได้จำขังเสีย

ที่สมเด็จพระนารายณ์ ได้ทรงลงพระราชอาญาอย่างร้ายแรงแก่พระอนุชาเช่นนี้ จึงทำให้พระอนุชาองค์ ๑ พระสติฟั่นเฟือน อึกองค์ ๑ ก็ประชวรเป็นอัมพาตด้วยก็จะเป็นได้ แต่จะอย่างไรก็ตาม เมื่อพระอนุชาของสมเด็จพระนารายณ์ต้องรับพระราชอาญาจำขังทั้ง ๒ องค์เช่นนี้แล้ว พระเพทราชาก็หมดที่กลัวเกรง จึงได้ดำริการที่จะสวมพระมหามงกุฏเสียเอง ในเวลาที่สมเด็จพระนารายณ์จะได้เสด็จสวรรคตไปแล้ว

พระเพทราชาเป็นคนกล้าหาญ ไม่กลัวภัย รูปร่างหน้าตาดี เป็นคนใจเร็ว เมื่ออายุได้ ๕๕ ก็ยังมีกำลัวังชาเท่ากับเมื่อยังหนุ่มอยู่ เป็นคนช่างพูด เมื่อคิดการอย่างไร ก็คิดอย่างกล้าหาญองอาจ น้ำใจไม่บริสุทธิ์ และไม่จริงใจต่อใคร แต่กระทำกิริยา และใช้วาจาให้คนลุ่มหลง เมื่อลักษณะของพระเพทราชามีดังนี้ จึงกระทำให้สมเด็จพระนารายณ์โปรดปรานนัก และส่วนคนไทยทั่วไป ก็มีความรักใคร่นับถือพระเพทราชามาก

การที่คอนสแตนติน ฟอลคอน มีอำนาจและมีคนเชื่อถือมากนั้น หาเป็นการเสียหายต่อพระเพทราชาอย่างใดไม่ ทั้งสองคนก็ดูปรองดองกันดี ถ้าดูภายนอกก็ดูเหมือนจะรู้ถึงกัน แต่ความจริง คนชาติกรีกก็คิดพยายามอยู่เสมอที่จะชิงหน้าที่ของพระเพทราชา และฝ่ายพระเพทราชาก็คอยหาโอกาสที่จะทำลายฟอลคอนให้จงได้

โอกาสนี้ได้มีขึ้นเมื่อปี ค.ศ. ๑๖๘๘ (พ.ศ.๒๒๓๑) เมื่อราชทูตฝรั่งเศส ลาลูแบร์ และเซเบเรต์ ได้ออกจากเมืองไทยไปแล้ว เพราะในเวลานั้นสมเด็จพระนารายณ์ ซึ่งได้ครองราชสมบัติมาได้ถึง ๓๑ ปีแล้ว ก็ทรงพระชราทั้งทรงพระประชวรพระโรคหืด และพระปัปผาสะก็พิการด้วย จึงเป็นอันหมดกำลังที่จะว่าราชการแผ่นดินได้ ต้องประทับอยู่แต่ในพระที่ เพราะฉะนั้น จึงโปรดให้ข้าราชการผู้ที่ทรงไว้พระทัยได้ ว่าราชการแผ่นดินแทนพระองค์ต่อไป

ครั้นเรือฝรั่งเศสได้ออกจากเมืองไทยไปแล้ว การขบถที่ได้นัดหมายกันไว้อย่างเงียบๆ จึงเป็นโอกาสอันดีที่จะทำการได้ถนัด ข้ออ้างพระเพทราชายกขึ้นมาอ้าง สำหรับคิดการขบถคราวนี้ มีอยู่หลายข้อคือ

๑. กองทหารฝรั่งเศสได้เข้ามายึดบางกอกไว้แล้ว

๒. การกดขี่ข่มเหงของพวกชาวต่างประเทศ

๓. การทะเยอทะยานอันเกินกว่าเหตุของพวกนักพรตที่คิดการของศาสนา

๔. ความเย่อหยิ่งการกดขี่ของฟอลคอน เพราะฟอลคอนได้เชื่อใจเป็นแน่ว่าการที่ตัวคิดไว้คงจะเป็นการสำเร็จ จึงมิได้ระวังตัวเลย

ข้อเหล่านี้ เป็นเรื่องที่ช่วยให้พระเพทราชาได้ทำการสะดวกขึ้นมาก วิธีที่พระเพทราชาใช้สำหรับเกลี้ยกล่อมคนนั้น ก็โดยใช้อุบายต่างๆ และใช้วธีหลอกหลวง กล่าวคำเท็จบ้าง หาความใส่คนอื่นบ้าง บนบานบ้าง กดขี่ให้คนกลัวบ้าง สิ่งเหล่านี้เป็นการกระทำให้พระเพทราชามีพรรคพวกเป็นอันมาก

ในครั้งนั้นมีข้าราชการหนุ่มอยู่คน ๑ ซึ่งสมเด็จพระนารายณ์ทรงโปรดปรานรักใคร่เป็นอันมาก ทรงเลี้ยงดูให้อยู่ใกล้ชิดพระองค์อยู่เสมอ และมีบางเสียงกล่าวข้าราชการหนุ่มผู้นี้ สมเด็จพระนารายณ์ทรงเลี้ยงเป็นราชบุตรบุญธรรม ข้าราชการหนุ่มผู้นี้มีนามว่า ออกพระปีย์ หรือหม่อมปิด

ฝ่ายพระเพทราชาก็เห็นว่าพระปีผู้นี้สมควรจะเกลี้ยกล่อมไว้ เพื่อช่วยในการประทุษร้ายที่พระเพทราชาได้คิดไว้ พระเพทราชาจึงได้เข้าหาพระปีย์ ได้ปรึกษาหารือพบปะกันหลายครั้ง แต่จะปรึกษากันว่ากระไรนั้นไม่มีใครทราบ ลงท้ายที่สุดพระเพทราชาได้สาบานต่อพระปีย์ว่า ถ้าพระปีย์ช่วยทำลายฟอลคอน และพวกชาวต่างประเทศแล้ว พระเพทราชาจะได้มอบราชสมบัติให้พระปีย์ได้ครองต่อไป

ฝ่ายพระปีย์ได้รับคำสัญญของพระเพทราชาดังนี้ ก็มีความปีติยินดี ปลื้มใจอย่างที่สุด จึงได้รับสัญญาจะช่วยพระเพทราชาเป็นขบถต่อไป และได้รับเป็นธุระจะเป็นผู้เฝ้าสมเด็จพระนารายณ์ ทั้งกลางคืนและกลางวัน มิให้ผู้หนึ่งผู้ใดได้เข้าไปเฝ้าเลยจนคนเดียว แล้วพระปีย์ได้เชิญพระราชลัญจกร มามอบไว้กับพระเพทราชา พระเพทราชาจึงได้ใช้พระราชลัญจกรนั้นสำหรับสั่งเสียการงาน และกระทำให้ข่าวอันเท็จต่าง ได้แพร่หลายออกไปทั่วพระราชอาณาจักร

ในประเทศไทย บุคคลจำพวกที่มีคนนิยมนับถือมากที่สุด ก็คือคณะพระสงฆ์ พระสงฆ์เหล่านี้ ได้รับการยกเว้นทุกอย่าง ภาษีอากรก็ไม่ต้องเสียอย่างใด การกะเกณฑ์ทั้งปวงก็ไม่ต้องถูกเกณฑ์ สิงสู่อยู่แต่ในอาราม อาหารการรับประทานก็ได้ด้วยคนให้ทาน เพราะพระสงฆ์เหล่านี้ต้องไปเที่ยวขอทานตามบ้านทุก ๆบ้าน บรรดาชาวไทยไม่ว่าคนตระกูลสูงหรือไพร่เลว มีความนิยมนับถือพระสงฆ์เหล่านี้เป็นอันมาก เพราะถือกันว่าพระสงฆ์เป็นเท่ากับล่ามอันมีศีลสำหรับมาแสดงพุทธโอวาท

พระเพทราชาก็ได้เคยครองผ้าเหลืองมาแล้ว และได้เคยบวชเป็นพระสงฆ์อยู่หลายเดือน จึงได้ไปเที่ยวเกลี้ยกล่อมหัวหน้าของสงฆ์ ซึ่งเรียกกันว่า สังฆราช โดยไปยุแหย่ให้พวกสงฆ์ มีความริษยาพวกมิชันนารี คือไปเที่ยวพูดว่า พวกมิชันนารีโรมันคาธอลิกได้ไปเที่ยวกระจายอยู่ทั่วพระราชอาณาจักรแล้ว แล้วไปสั่งสอนศาสนาคริสเตียนอย่างเปิดเผย ไม่ช้าพวกมิชันนารีคงจะได้ทำลายวัดวาอารามลงทั้งหมด และพุทธศาสนาก็คงจะต้องสาปสูญไป เพราะทนพวกมิชันนารีไม่ได้

เมื่อคณะพระสงฆ์ได้ยินได้ฟังพระเพทราชาอธิบายดังนี้ก็ตกใจจนตัวสั่น เพราะถ้าพวกมิชันนารีได้ทำลายพระพุทธศาสนาจริงอย่างว่าแล้ว พวกพระสงฆ์ก็จะขาดสิทธิที่เคยมีอยู่ ราษฎรพลเมืองก็คงจะหมดหนทางที่จะช่วยได้ ผลที่สุดพระสงฆ์เหล่านี้ ก็จะต้องไปขุดดินฟันหญ้า หรือจะต้องไปแจวเรือสำหรับเลี้ยงอาชีวะต่อไป

ฝ่ายขุนนางข้าราชการที่เป็นคนตระกูลสูง ๆ มิได้รับความเอื้อเฟื้อจากคอนสแตนซ์ และคอนสแตนซ์ก็มิได้คิดเอาใจพวกนี้ไว้เลย จึงมีความริษยาในการที่คอนสแตนซ์มีอำนาจนัก ก็เห็นชอบด้วยในการที่จะเกิดการขบถขึ้นครั้งนี้ เพราะตัวไม่มีผลเสียอะไรเลย ด้วยพระเจ้าแผ่นดินมิได้มอบหมายการงานใหญ่ ๆ ให้พวกนี้ทำจนอย่างเดียว แต่ได้พระราชทานงานใหญ่ ๆ ให้พวกชาวต่างประเทศทำเสียหมด

เพราะฉะนั้น ถ้าได้ทำลายคนชาติกรีกลงเสียได้แล้ว พวกขุนนางข้าราชการเหล่านี้กลับจะได้เปรียบ มีผลดีกว่าเก่าเสียอีก เพราะคนชาติกรีกคนนี้ คิดแต่จะหาอำนาจใส่ตัว เพื่อจะให้ขุนนางข้าราชการเหล่านี้ต้องเป็นผู้น้อยอยู่เสมอ จึงได้เอาลูกกุญแจของประเทศไทยให้แก่ศัตรูดังนี้

***หอสมุด กอลอนี (Colony) อยู่ที่ไหน หลวงวิจิตรอ่านแปล ภาษาฝรั่งเศสเก่ง จึงได้เขียนพงศาวดารนี้ไว้ ถ้ามีผู้เก่งภาษาฝรั่งเศสค้นคว้าที่หอสมุดนี้ เกี่ยวกับสมัยอยุธยา คงจะได้รู้อะไรอีกมาก (ปติ ตันขุนทด - คอมเม้นท์)
...............................


หมายเหตุ จขบ

ต้องพูดว่าการ"ปราบดาภิเษก" จะเกิดขึ้นเมื่อสามัญชนได้ตั้งตนขึ้นเป็นกษัตริย์....หากขึ้นเป็นตามลำดับของสายเลือดจะเรียกว่า "ราชาภิเษก"

แทบทุกราชวงศ์ใหม่ที่ตั้งขึ้นมาได้ต้องเข่นฆ่าราชวงศ์เก่าให้ตกตายจนแทบสูญพันธุ์ไปทุกครั้ง...เพราะไม่ต้องการให้สร้างเภทภัยขึ้นในภายหลังอีก....

เป็นการแสดงให้เห็นว่าการสืบทอดอำนาจโดยสายเลือดนั้น ไม่ชอบด้วยเหตุผลของโลกยุคใหม่ที่คนมีการศึกษากันโดยมาก...เพราะเราไม่อาจคาดหวังความดี ความเก่ง ความมีประสิทธิภาพได้ด้วยสายเลือด....แต่จะได้ด้วยการคัดเลือกของคนในสังคมเท่านั้น

จึงเป็นเรื่องปกติที่ในปัจจุบันหากประทศใดระบบกษัตริย์ถึงอันสิ้นสุดแล้วจะไม่มีการสถาปนาราชวงศ์ใหม่ขึ้นอีก แต่จะหันไปใช้ระบบสาธารณะรัฐกันทั้งสิ้น....ไม่ว่า...พม่า ลาว เวียดนาม จีน อินเดีย ฝรั่งเศส เยอรมัน


กรณีพระเพทราชานั้น.......การได้คนเลี้ยงช้างมาเป็นกษัตริย์ แล้วกราบไหว้กันไปในหมู่คนไทยนั้น...จึงถูกพวกต่างชาติดูแคลนเอามากมาย อย่างช่วยไม่ได้

..............................

ปล.

เราจะเห็นได้ว่าเรามีความสัมพันธ์กับชาติต่างๆมาตั้งแต่ยุคต้นกรุงศรีอยุธยาแล้ว....และเราสามารถร้อยเรียงประวัติศาสตร์ไทยได้อย่างน่าเชื่อถือกว่านี้แน่นอนหากว่า....

สถาบันอย่างจุฬาลงกรณ์ ที่มีสถานบันเอเชียศึกษาอยู่ในสังกัดจะลงทุนส่งนักการศึกษาของเราไปหาเค้าเงื่อนตามห้องสมุดแห่งชาติที่เคยมาสัมพันธ์กับไทยเรา ทั้ง...

ฮอลันดา (เนเธอแลนด์)
โปรตุเกส
สเปน
ฝรั่งเศส
อังกฤษ
ญี่ปุ่น

ที่ผู้คนมีนิสัยชอบจดบันทึกเรื่องราวที่ผ่านไปพบเจอ....แปล...แล้วเอามากลั่นกรองในบริบทของความเป็นคนต่างชาติที่อาจไม่เข้าใจธรรมเนียมปฏิบัติของไทยมากนักและบรรยายสิ่งที่พบเห็นไปในทางดูถูกดูแคลน....เป็นต้นว่า เห็นพระออกบิณฑบาต ก็เข้าใจว่า พระเป็นขอทาน เป็นต้น...

เนื่องจากเราผ่านการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจโดยคนหลายกลุ่มและส่วนมากมักเกิดการฆ่าฟันล้มตายกันแทบทุกกรณี....การบิดเบือนเรื่องราวของฝ่ายชนะจึงมีความเป็นไปได้สูง....ที่จำต้องปั้นแต่งเรื่องราวให้ดูดี เพื่อความชอบธรรมภายหลังที่ได้แย่งอำนาจของคนเก่ามาครอบครองแล้ว

ประวัติศาสตร์ไทยจงมีความน่าเชื่อถือต่ำ...ดังนี้แล


Create Date : 09 ตุลาคม 2554
Last Update : 16 ตุลาคม 2554 17:12:50 น. 0 comments
Counter : 8967 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.