O แก้วตาพี่ .. O
Giovanni Marradi - InnocenceO แม้ไกลห่างต่างกัน .. ดวงขวัญเอ๋ยการได้เชยชิดเจ้ายังเฝ้าฝันแต่เมื่อร่วมปักปลูกความผูกพันจิตเหมือนถูกตรึงมั่น .. สุดบั่นทอนO กรรมบถ-พจนา .. คือวาระก่อพันธะคุมขังเกินรั้งถอนรูปนามแนบแววตา .. คืออาวรณ์-เริ่มช่วงตอนสำทับแนบกับใจO กรรมบถ-พจนา .. วิวาทะดุจศรผละจากคัน .. จนสั่นไหวลิ่วทะลวงเสียบปลายพร้อมสายใย-ม้วนพันไว้เกินคนอาจด้นดึงO จากบัดนั้นจนบัดนี้เท่าที่รู้ล้วนความหมายสื่อสู่ให้รู้ถึง-ความอาลัยลึกล้ำ-ห้วงคำนึง-ล้วนติดตรึงใจอยู่ .. ด้วยผู้เดียวO จากนั้นความพร้อมเพรียงย่อมเพียงแค่สายตาคอยเฝ้าแต่ชะแง้เหลียวโสตสดับเสียงขวัญ ช่วยขันเกลียวจิตย่อมเหนี่ยวเรียวร่างลงกลางทรวงO จากนั้นกัมปนาทแห่งชาติภพเริ่มตั้งตอนเมื่อพลบบรรจบช่วงความอ่อนโยนอ่อนไหวพร้อมในดวง-ใจผู้ห่วงละห้อยหา .. ด้วยอาวรณ์O กัมปนาทแห่งชาติภพตระหลบโลกเริ่มช่วงยามสุขโศกถูกโยกถอนสังขารในดวงจิตถูกลิดรอนเสียงออดอ้อนกระซิบนั้น .. ย่อมบันดาลO เสน่หาในวาทีย่อมมีอยู่ความสื่อสู่คอยกล่อม .. ล้วนหอมหวานสำเนียงถ้อยแว่วดัง .. ย่อมกังวานแนบแน่นจิตวิญญาณนับนานมาO เหมือนเฝ้าคอยพิศเพ่งจากเพรงภพพอบรรจบจึงหน่วงให้ห่วงหาเผยรูปและเผยงามขึ้นล่ามคาละห้อยเห็น, ปรารถนา-ก็คาใจO หรือทิพสบคำบวง .. แล้วหน่วงเหนี่ยว-รูปนามแทนโค้งเคียวคอยเกี่ยวให้-ตา, สัมผัส .. ลุกช่วงเป็นดวงไฟ-สุมทรวงให้ละห้อยหา เกินกว่าล้างO อัตภาพทุกช่วงย่อมหน่วงสิทธิ์นฤมิตแรงชู้ไม่รู้สร่างย้อนกลับสู่รูปนามในท่ามกลางการแนบวางอาวรณ์ .. ให้ร้อนรนO ให้บัดนี้จนบัดนั้นในวันหน้าเสน่หา .. เติมเต็มให้เข้มข้นแรงอาวรณ์อาลัยพึงไหววน-ให้จิตคนละห้อยเห็นอย่าเว้นวันO ให้บัดนี้ .. จนบัดนั้น ดวงขวัญเอ๋ยการได้เชยชิดเจ้า .. จงเฝ้าฝันเพรียกอาวรณ์แรงชู้ .. สื่อสู่กันให้นรกให้สวรรค์ ทุกชั้น-รู้O ร่วมคอยเถิด .. อัตภาพอันซาบซึ้งร่วมรั้งดึงห่วงละห้อยให้คอยอยู่แรงอาวรณ์ร้อนรุม ร่วมอุ้มชูร่วมเกี่ยวก้อยย่างสู่บ่วงชู้นั้นO อัตภาพแรงคะนึงเพียงหนึ่งช่วงจักทาบทวงดวงใจจนไหวสั่นบำบวงทิพ .. สำทับให้รับกันช่วยปกป้องใฝ่ฝัน .. ตราบวันวายO แม้ไกลห่างต่างกัน .. ดวงขวัญเอ๋ยการได้เชยชิดเจ้ายังเฝ้าหมายรู้เถิดว่าอาลัยของใจชายนี้-สุดถ่ายสุดถอน .. แม้น-ตอนเดียว !
" O ให้บัดนี้ .. จนบัดนั้น ดวงขวัญเอ๋ย
การได้เชยชิดเจ้า .. จงเฝ้าฝัน
เพรียกอาวรณ์แรงชู้ .. สื่อสู่กัน
ให้นรกให้สวรรค์ ทุกชั้น-รู้ "
ยังกะ..อังคาร.. แน่ะ !